แถลงการณ์ ฉบับที่ ๑
เรื่อง พฤติกรรมการทำลายสถาบันพระพุทธศาสนา

 

สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันแห่งความมั่นคง เป็นหน้าที่ของประชาชนในชาติ จะต้องป้องกันมิให้เกิดการบ่อนทำลาย โดยบุคคล หรือกลุ่มองค์กรใดๆ มิให้เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย ในทุกวิถีทาง เพื่อความสงบสุขของประชาชาติ

จากการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องตลอดมา โดยฝ่ายยุทธการ วิชาการ และข่าวกรอง ได้วิเคราะห์ และเทียบเคียงด้วยหลักฐานข้อมูลที่เป็นจริงแล้ว สรุปผลประจักษ์ว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้น โดยขบวนการก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม อันเป็นอันตรายต่อความสงบสุข และศีลธรรมอันดีของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

๑) จากการตรวจสอบหนังสือ "กรณีธรรมกาย" ซึ่งผู้เขียนสรุปว่า "สมาธิคือยากล่อม และเป็นทางทำให้เกิดความประมาท" ทางกองทัพได้ส่งบุคคลากรเข้ารับการอบรมทางด้านสมาธิจิต ติดต่อกันมาโดยตลอด ผลพิสูจน์ทางการแพทย์กับกำลังพลที่ได้รับการอบรมทางสมาธิจิต ไม่พบผู้ใดเกิดอาการผิดปกติทางจิตแต่อย่างใด ในด้านการปฏิบัติงานนั้น กำลังพลที่ผ่านการอบรมด้านสมาธิจิต ทำงานได้ดีกว่าเดิม ทั้งทางด้านบริหาร และปฏิบัติภารกิจ ฉะนั้นข้อความอันปรากฏในหนังสือ "กรณีธรรมกาย" จึงเป็นข้อความเท็จ ทั้งทางด้านวิชาการพุทธศาสนา และทางการแพทย์

๒) จากการตรวจสอบหนังสือ "พุทธธรรม" ฉบับ ๑๑๔๕ หน้า ได้พบข้อความอันมิใช่พุทธพจน์จริง โดยเฉพาะคำว่า "อุดมธรรม" หน้า ๒๗๕ ผู้เขียนไม่มีการอธิบาย หรือขยายศัพท์ว่าคืออะไร แม้ในหนังสือพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ของผู้เขียนคนเดียวกันนี้ ไม่มีคำว่า "อุดมธรรม" ในส่วนพระสูตรที่อ้างนั้น ก็มิได้ใช้คำว่า "อุดมธรรม" แต่อย่างใด จึงสามารถระบุได้ว่า เป็นเจตนาต้องการให้ตรงกับศัพท์ที่ใช้ในการเผยแพร่ของศาสนาอื่นจริง และหนังสือ "พุทธธรรม" ไม่มีการตรวจสอบหรือรับรองความถูกต้องของข้อมูลแต่อย่างใดเลย ชื่อหนังสือ "พุทธธรรม" เป็นหนังสือที่มีการจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไป รวมทั้งผู้ไม่มีความรู้ ทางด้านพระพุทธศาสนาด้วย

๓) จากการตรวจสอบพระไตรปิฎกคอมพิวเตอร์ (CD-ROM) ซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัยมหิดล ปรากฏว่า มีการแก้ไขข้อความ และปลอมปนจริง ตรงกันกับรายงานของสถาบัน นักวิชาการพุทธศาสตร์ต่างประเทศใน "The Electronic Budhidhamma" ฉบับที่ ๓ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ โดยมหาวิทยาลัย Hanazono University ประเทศญี่ปุ่น หน้า ๙ มีข้อความว่า

"BECAUSE SUCH CORRECTIONS ARE NOT IDENTIFIED IN THE DATA SET, ONE MUST REGARD THIS CD-ROM NOT SIMPLY AS AN ELECTRONIC VERSION OF THE PRINTED TEXT BUT AS A NEW EDITION WHOSE DIFFERENCES FROM THE PRINTED VERSION ARE UNKNOWN"

แปลเป็นภาษาไทยว่า

"เนื่องจากไม่ได้มีการทำเครื่องหมายจุดที่แก้ไขในฐานข้อมูลให้ทราบ เราจึงต้องถือว่า CD-ROM ชุดนี้ ไม่ใช่พระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์ ของพระไตรปิฎกฉบับที่เป็นหนังสือ (สยามรัฐฉบับหลวง) แต่ต้องถือว่า เป็นพระไตรปิฎกที่แต่งขึ้นเองใหม่ ซึ่งมีความแตกต่างจากพระไตรปิฎกฉบับหนังสือ (สยามรัฐฉบับหลวง) และ ไม่ทราบว่านำมาจากที่ใด"

ฉะนั้น พระไตรปิฎกที่ได้ถูกสร้างขึ้นนี้ จึงจัดเป็น "สัทธรรมปฏิรูป" (ปลอมปนพระพุทธวัจนะ) การรับรองความถูกต้องโดยกลุ่มบุคคล หรือผู้จัดทำ จึงเท่ากับรับสารภาพว่า สนับสนุนให้มีการเผยแพร่พระธรรมวินัยที่ปลอมปน นับเป็นการทำลายสถาบันพระพุทธศาสนา อีกทั้งการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระไตรปิฎกฉบับสัทธรรมปฏิรูปนี้ อาจมีความผิด ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีกด้วย

๔) จากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด ในหนังสือ "เปิดโปงขบวนการล้มพุทธ" และหนังสือ "พระพุทธศาสนา ชะตาของชาติ" ซึ่งเขียนโดย ดร.เบ็ญจ์ บาระกุล ปรากฏผลว่า ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ทั้งทางด้านเอกสาร กฎหมาย หรือพฤติกรรมของตัวบุคคล ที่หนังสือดังกล่าวอ้างถึง ไม่มีการบิดเบือน หลักฐานอ้างอิงยืนยันพิสูจน์ได้ตรงกับข้อมูลของทางการจริง ทางชมรมฯ จึงได้นำออกเผยแพร่แก่ประชาชนได้ตระหนัก และรับรู้ความเป็นจริงเป็นทางป้องกันสถาบันพระพุทธศาสนา ดังนั้นการที่มีผู้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ต้องควบคุมมิให้มีการเผยแพร่หนังสือดังกล่าว ทั้ง ๒ เล่มนั้น นอกจากจะเป็นการกระทำอันขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกฎหมายแล้ว ยังเป็นการปิดบังความจริงต่อสาธารณชน เป็นการส่งเสริม และสนับสนุนการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นสถาบันความมั่นคงของชาติด้วย

๕) จากการตรวจสอบทางด้านกฎหมาย ในการใช้อำนาจของ รมว. และรมช.กระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา ไม่ปรากฏว่า มีข้อกฎหมายใดให้อำนาจ "สั่งการ" องค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทย แต่ปรากฏเพียงให้ "สนองงาน" (รับใช้) เท่านั้น ในส่วนของกรรมาธิการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม มีหน้าที่ "ทำรายงานเสนอต่อสภา" ไม่มีหน้าที่ออกคำสั่ง บังคับพระสงฆ์ทั่วประเทศ มิให้ร่วมศาสนพิธีแต่อย่างใด ทั้งนี้รวมไปถึงการใช้อำนาจ ของเจ้าพนักงานอันอาจ ละเมิดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗ ซึ่งระบุถึงประเพณีปฏิบัติ ซึ่งไม่เคยปรากฏว่า ได้มีการนำผู้ป่วย ซึ่งเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา มารับฟังข้อกล่าวหาของอัยการแต่อย่างใดในอดีต และได้ข้อพิสูจน์วา แม้ผู้ต้องหาอุกฉกรรจ์ ก็ไม่เคยมีประเพณีปฏิบัติดังกล่าว อาจชี้ถึงเจตนาสนับสนุนการทำลายพระพุทธศาสนา

ดังได้กล่าวมาแล้วนี้ ชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ อันมีภาระหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ในการรักษาความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะสถาบันพระพุทธศาสนา ที่จะต้องดำเนินการใดๆ ต่อกลุ่มบุคคล องค์กร หรืออื่นใด เพื่อหยุดยั้งการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายดังกล่าว โดยมิเห็นแก่ผู้ใด บนพื้นฐานของความสงบเรียบร้อย ความถูกต้อง และประโยชน์สุขของประชาชนไทยทั้งมวล

จึงแถลงมาเพื่อทราบทั่วกัน ๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๒
ชมรมพุทธสากลสามเหล่าทัพ

(หน้าปก - - - สารบัญ - - - อ่านต่อ)

1