การทำลายพระพุทธศาสนา ปฏิบัติการที่ไร้คนรับผิดชอบ |
|
นับเป็นสิ่งแปลกประหลาดที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย การทำลายพระพุทธศาสนา โดยการบิดเบือนพระพุทธวจนะ (การจัดทำพระไตรปิฎกเถรวาท CD-ROM ฉบับมหิดล) ตามหลักฐานที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกัน หรือแก้ไขพระไตรปิฎกฉบับ CD-ROM นี้ จากเหตุการณ์ ดังกล่าวจึงเป็นสัญญาณแห่งมหันตภัยของพระพุทธศาสนา แม้ว่าจะมีการเสนอข่าวในหนังสือพิมพ์ "พิมพ์ไทย" เกี่ยวกับความผิดพลาดนี้เมื่อ ฉบับวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๒ แล้วก็ตาม แต่กลุ่มบุคคลในรัฐบาล และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง คือ ๑. นายกรัฐมนตรี (นายชวน หลีกภัย) ซึ่งได้ให้การรับรอง และปกป้อง พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ความว่า "เป็นห่วงพระธรรมปิฎก เพราะท่านเป็นพระผู้ทรงความรู้จริงๆ เป็นหลักของพระศาสนา เนื่องจากพระธรรมปิฎกเป็นพระจึงไม่มีโอกาสที่จะมาโต้ตอบชี้แจงอะไรที่ไม่ถูกต้องข้อกล่าวหาต่างๆ เป็นเรื่องของการให้ร้าย" (สยามรัฐ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๒) โดยส่วนตัวก็รู้จักกันมานาน ทุกปีจะนำหนังสือ "พุทธธรรม" ของท่านไปแจกให้ข้าราชการที่เกษียณอายุราชการ โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม แจกมา ๒ ปีแล้ว ท่านเป็นพระที่แท้จริง เป็นพระที่ดีรูปหนึ่งของประเทศ ... ผมว่าอย่างน้อยพวกเราต้องปกป้องพระที่ดี ไม่ให้มีใครมารังแก คิดว่าเจ้าหน้าที่คงสอบได้ว่าหนังสือดังกล่าวใครเป็นคนเขียน..." (ไทยรัฐ ๑ ตุลาคม ๔๒) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล) ๓. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายวิชัย ตันศิริ) ๔. ประธานที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลป และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฏร (นายอำนวย สุวรรณคีรี) บุคคลดังกล่าวต้องออกมาดำเนินการกับพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ที่บิดเบือนพระไตรปิฎก (จัดทำพระไตรปิฎก CD-ROM ฉบับสัทธรรมปฏิรูปขึ้น) แต่กลับสนับสนุน และรับรองพฤติกรรม ความประพฤติของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ว่าเป็นพระภิกษุที่มีความดีงามน่าเคารพยกย่อง และออกคำสั่งให้กำจัดผู้ที่ไม่เห็นด้วย และเปิดเผยพฤติกรรม "ขบวนการล้มพุทธ" ทุกวิถีทาง ทั้งๆ ที่ปรากฏหลักฐานชี้ชัดความผิด ในการบ่อนทำลายสถาบันพระพุทธศาสนา โดย การทำลายพระไตรปิฎก อันจัดเป็นหลักพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งใช้เป็นหลักของพระพุทธศาสนามาตลอดปี ๒๕๔๒ ให้วิปริตผิดไป เป็นการตั้งศาสนาใหม่เช่นนี้ บุคคลเหล่านี้กลับสั่งห้ามสื่อมวลชนทุกแขนงไม่ให้เสนอข่าวดังกล่าวนี้ ให้พุทธบริษัทในประเทศไทยได้รับทราบ คำถามก็คือ การกระทำเช่นนี้หมายถึงการร่วมมือกับ "ขบวนการล้มพุทธ" เพื่อทำลายพระพุทธศาสนาตามนโยบาย VATICAN COUNCIL 2 ใช่หรือไม่ หากไม่ใช่ เหตุใดจึงไม่สั่งเก็บ พระไตรปิฎก CD - ROM (สัทธรรมปฏิรูป) และตั้งกรรมการตรวจสอบ แก้ไขให้ถูกต้องโดยทันที แต่กลับปิดข่าวการบิดเบือนพระไตรปิฎกฉบับ CD-ROM ที่ทำเช่นนี้เป็นเพราะเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกันใช่หรือไม่ ??? ๕. มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ได้มีการแอบอ้างสถาบันอุดมศึกษาอันทรงเกียรติ ออกแถลงการณ์ในนามมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย อันเป็นมหาวิทยาลัยของสงฆ์ให้การรับรองพระไตรปิฎก (ฉบับสัทธรรมปฏิรูปนี้เมื่อ ๒๙ ก.ย.๒๕๔๒ ว่า) ที่ ศธ. ๑๗๐๘/๑๙๕ "........ประเด็นต่อมามีการกล่าวหาพระธรรมปิฎกแทรก แซงเข้าไปในมหา วิทยาลัยมหิดล แล้วแก้ไขบิดเบือนพระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์ (Budsir) ก็ไม่จริง โดยมหาวิทยาลัยมหิดลจัดทำโครงการพระไตรปิฎก ตามพระราชดำริของพระดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาศพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก พ.ศ.๒๕๓๑ และได้อาราธนาพระธรรมปิฎกเป็นที่ปรึกษา โดยพระไตรปิฎกฉบับดังกล่าวใช้ข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลีสยามรัฐ พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับหลวงที่พิมพ์ในโอกาศฉลอง ๒๐๐ ปี กรุงรัตนโกสินทร์ และอรรถกถาฉบับมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย มจร. ในฐานะผู้ใช้พระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์นี้ ได้ตรวจสอบแล้วว่า คณะผู้จัดทำดำเนินการถูกตามต้นฉบับเดิมไม่มีการแก้ไขบิดเบือน ดังที่กล่าวหาแต่อย่างใด..." ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าแถลงการณ์ดังกล่าวนี้ ไม่มีการเซ็นชื่อลงนามรับผิดชอบ นี่คือการทำลายสถาบันอุดมศึกษาของสงฆ์อย่างแยบยลเป็นอย่างยิ่ง ตามหลักฐานที่นำเสนอแล้วนั้นปรากฏชัดว่าบิดเบือนทำให้คลาดเคลื่อน มากมาย การใช้อิทธิพลของ "ขบวนการล้มพุทธ" นี้ดำเนินการอย่างได้ใจ สถาบันการศึกษาของสงฆ์ ซึ่งเพิ่งได้สมโภชพระไตรปิฎกฉบับใหม่ไปเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๒ ดังนั้น ทาง มจร.จึงต้องทำการตรวจสอบ และประกาศ ให้พุทธศาสนิกชน รู้ถึงภัยในการปลอมแปลงพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระไตรปิฎกฉบับมหิดลโดยด่วน นี่คือสิ่งที่ อธิการบดีมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย จะต้องกระทำโดยทันที หากไม่กระทำก็หมายถึงเห็นด้วยกับการให้มีพระไตรปิฎกฉบับสัทธรรมปฏิรูป และศาสดาองค์ใหม่คือ "พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต)" แทนพระพุทธเจ้า ใช่หรือไม่ ? ๖. มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นแหล่งผลิตต้นแบบ ต้องตั้งกรรมการสอบพฤติกรรมของคณะผู้จัดทำ ปลอมแปลง พระไตรปิฎกร่วมกันกับ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) เพราะนอกจากจะเป็นการเรียกความเชื่อถือทางด้านวิชาการ ในฐานะสถาบันอุดมศึกษา ระดับชาติ แล้ว ยังเป็นการป้องกัน และปราบปรามไม่ให้มีผู้แอบอ้างใช้ชื่อ หรือบุคลากรของสถาบันในการทำลายความมั่นคงของสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์อีกด้วย หากทางมหาวิทยาลัยมหิดลไม่ดำเนินการ นั่นหมายถึงเป็นคำตอบว่า "มหาวิทยาลัยมหิดล คือ แหล่งกำเนิดไวรัสศาสนา ผลิตอาวุธทำลายพระธรรมวินัยอันปรากฏในพระไตรปิฎก CD-ROM ฉบับสัทธรรมปฎิรูป และประกาศว่า สถาบันมหิดล เป็นสถาบันที่ต้องการทำลายพระพุทธศาสนาทั่วโลกต่อไปตามคำสั่ง VATICAN COUNCIL 2 ใช่หรือไม่? หากไม่ใช่เหตุใดจึงไม่ดำเนินการ นับแต่ได้รับทราบรายงานทางวิชาการของ มหาวิทยาลัย HANAZONO ประเทศญี่ปุ่นนับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๖ และยิ่งไปกว่านั้น สามารถพิสูจน์ได้โดยการเรียกใช้โปรแกรมพระไตรปิฎกฉบับมหิดล (BUDSIR) เพื่อตรวจสอบ ความผิดพลาดตามที่มหาวิทยาลัย HANAZONO ระบุมานั้นได้อีกด้วย เหตุใดจึงไม่มีการดำเนินการ ๗. กรมการศาสนา ในฐานะดูแลและควบคุมบุคลากรทุกศาสนาในการเผยแพร่ เมื่อได้รับทราบข้อมูลการบิดเบือนพระไตรปิฎกนี้ เหตุใดจึงไม่มีการดำเนินการใดๆ อย่างเป็นรูปธรรม เป็นเพราะเจ้าหน้าที่กรมการศาสนารับเงินโดยผ่านทางนายจรวย หนูคง เพราะปรากฏหลักฐานว่าในเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๔๑ "ในบัญชีเงินสดส่วนตัวของนายจรวย หนูคง ได้มีการโอนเงินสดเข้ามาเป็นจำนวนเกือบ ๓๐๐ ล้านบาท" (ดูภาคผนวก) ใช่หรือไม่ ? เพื่อปกปิดการบิดเบือนพระไตรปิฎก ของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) รวมทั้งดำเนินการทำลายพระพุทธศาสนา ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๒ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพพจน์ องค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทย และพระพุทธศาสนา แทนที่จะทำการป้องกัน หรือแก้ไข กำจัด ทำลายวัสดุ หรืออุปกรณ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่พระพุทธศาสนาโดยขอความร่วมมือ เจ้าพนักงานของรัฐให้ทำลาย CD-ROM ที่สร้างขึ้น แต่เหตุใดเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาจึงดำเนินการ ในลักษณะตรงกันข้าม นี่คือคำถามที่จะต้องมีคำตอบ?? ๘. สื่อมวลชน ที่เห็นได้ชัดในประเทศไทยช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๑ - ๒๕๔๒ สื่อมวลชนแทบทุกแขนง และแทบทุกชนิด ระดมโหมโจมตีพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา บางครั้งจาบจ้วงไปถึงองค์สมเด็จพระสังฆราชฯ (โดยนายเสถียรพงษ์ วรรณปก ได้กราบบังคมทูลให้ลาออกจากตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช พร้อมกันนั้น นักการเมือง พระภิกษุที่ร่วมขบวนการล้มพุทธได้ร่างกฎหมายปกครองคณะสงฆ์ขึ้นใหม่ ถอดถอนพระราชอำนาจสมเด็จพระสังฆราช ที่ร้ายที่สุดก็คือการปลอม "พระลิขิต" รายละเอียดในหนังสือ "เปิดโปงขบวนการล้มพุทธ" พร้อมกันนั้นยังแอบอ้างอาศัยสื่อสารมวลชนประกาศข้อความอันเป็นเท็จปลอม "รับสั่ง" ในคืนวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๒ เรื่องทรงเรียกพระราชาคณะเข้าเฝ้า ซึ่งไม่มีผู้ใดทราบว่าเป็นความเท็จ ต่อเมื่อรุ่งขึ้นจึงทราบว่า สมเด็จสังฆราชฯ ไม่ได้ทรงรับทราบเรื่องใดๆ นี่คือการหมิ่นพระเกียรติองค์พระประมุขสงฆ์ไทย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่ดำเนินการสืบสวนจับกุมแต่อย่างใด??? นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทย) และพระเถรานุเถระ มหาเถรสมาคมองค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทย ในลักษณะจาบจ้วง หยาบคายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แม้กระทั่งการนำเสนอข้อความเท็จต่อสาธารณะชน พุทธศาสนิกชนซึ่งมีอยู่เกินกว่า ๙๕% ด้วยจุดประสงค์อะไรไม่ปรากฏ แต่ที่แน่นอนที่สุดไม่ปรากฏในด้านการสร้างสรร หรือสร้างประโยชน์ใดๆ กับพระพุทธศาสนาด้วยประการทั้งปวง ตรงกันข้ามกลับยกย่องพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) เปรียบประดุจดั่งศาสดา ทั้งๆ ที่ปรากฏพยานหลักฐานชัดแจ้งว่า พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) และขบวนการร่วมกันทำลายพระพุทธศาสนามาตลอด แต่การเสนอข่าวกลับตรงข้ามผู้ที่นำพฤติกรรมชั่วร้ายของขบวนการล้มพุทธมาเปิดเผย กลับถูกสร้างภาพในด้านเลวร้ายเป็นบุคคลอันตรายของสังคม และเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับทุกหน่วย องค์กร หรือบุคคล ที่นำเสนอการทำลายพระพุทธศาสนาของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) โดยไม่มีการยกเว้น สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือไม่มีสื่อมวลชนใดนำเสนอข่าวเรื่องพระไตรปิฎก CDROM ฉบับมหิดล (สัทธรรมปฏิรูป) ซึ่งเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่ปรากฏหลักฐานยืนยันชัดแจ้ง (ยกเว้นหนังสือพิมพ์ "พิมพ์ไทย" เท่านั้น) นี่คือคำตอบ และบทสรุปของยุทธการ "สร้างความเชื่อใหม่ สลายศรัทธาเดิม (M= Mental )" อันเป็นการยึดครองพื้นที่ทางสมองของ สมการกลืนชาติ นั่นเอง หากไม่ใช่ เหตุใดจึงบิดเบือน และไม่นำเสนอเรื่องการทำลายพระไตรปิฎกอันถือเป็นหลักของพระพุทธศาสนา หากไม่ใช่เป็นเครื่องมือของขบวนการล้มพุทธร่วมมือกันทำลายพระพุทธศาสนา คำตอบนั้นคืออะไร ??? |