พ่อแม่เป็นบ่อแห่งชีวิต

เทศน์อบรมคณะนักเรียนโรงเรียนประจักษ์ศิลปาคาร อุดรธานี

เมื่อ วันที่ 11 กันยายน พุทธศักราช 2532


                    นี่ก็ลูกหลานมาฟังการอบรม พากันจำให้ดีนะการอบรมนี้เป็นความชอบความธรรมเป็นความเหมาะสม ทุกสิ่งทุกอย่างต้องได้รับการดัดแปลง หากคนก็ต้องได้รับการอบรม ได้รับการแนะนำสั่งสอน ต้องมีครูมีอาจารย์ไม่ใช่ทำไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าตามความอยากความทะเยอทะยานของเรา ซึ่งมีแต่สิ่งที่เสียอยู่ภายในจิตใจเป็นส่วนมาก ถ้าเราจะปล่อยให้เป็นไปตามความอยาก ออกมาช่องไหนก็มีแต่อยาก อยากเป็นทางผิด ๆ ทางถูกต้องไม่ค่อยมี เมื่อได้รับการอบรมแล้วก็ได้ดัดแปลงได้เลือกเฟ้นกัน ว่าความอยากชนิดไหนเป็นความเสียหายมากน้อยเพียงไร หรือเป็นความถูกต้องที่ควรปฏิบัติตามเราก็ปฏิบัติตามนั้น นี่เรียกว่าเราเลือกเราเฟ้น


                    ในหลักธรรมท่านว่า นิสมฺม กรณํ เสยฺโย ให้พิจารณาใคร่ครวญก่อนกิจการทุกอย่าง ท่านไม่เว้นฟังซิ ให้ใช้ความพินิจพิจารณาให้เรียบร้อยก่อนในกิจการทุกอย่าง ไม่ให้ทำแบบพรวดพราด ถ้าแบบพรวดพราดแล้ว เคยชินต่อนิสัยจะกลายเป็นคนนิสัยพรวดพราด นิสัย สะเพรา นิสัยมักง่าย อันเป็นเรื่องเสียทั้งนั้น เพราะไม่ได้ ใช้ความพินิจพิจารณาก็ไม่มีหลักเกณฑ์ การพินิจพิจารณาแล้วทำลงไป อันนั้นนอกจากเป็นประโยชน์ในเวลาที่ทำแล้วยังมาเป็นหลักเกณฑ์ต่อเราอีก และเป็นนิสัย อันดีงามของเรา ไม่พรวดพราด ทำอะไรทำด้วยความพินิจพิจารณาแล้วก็ดี ไม่ค่อยมีเสีย


                    เรียนก็เหมือนกัน เรียนหนังสือตั้งหน้าตั้งตาเรียน ไม่เพียงสักแต่ว่าเรียน แต่ว่าท่องบ่นสังวัธยายหรือจำไปได้เฉย ๆ ไม่ได้พิจารณาถึงความหมายของหลักวิชานั้นว่า มีความหมายลึกตื้นหยาบละเอียดแค่ไหน เราต้องใช้ความพินิจพิจารณาอีกทีหนึ่งจะเป็นความละเอียดถี่ถ้วนดี เพราะฉะนั้นความรู้ของคนแม้แต้เรียนวิชาในแขนงเดียวกัน ความลึกตื้นหยาบละเอียดแห่งความรู้ของผู้ที่เรียนในวิชาเดียวกันนั้นยังต่างกันอยู่มาก เพราะคนหนึ่งใช้ความพินิจพิจารณา คนหนึ่งสุกเอาเผากิน ไม่ได้เรื่อง ได้แต่จำไปตามที่เรียนมาเฉย ๆ เวลาถามความหมายมักไม่เรื่อง ผู้ที่ใช้ความพินิจพิจารณา หลักวิชาว่ายังไงที่เราเรียนมาแล้ว พิจารณาตามหลักวิชา ซึ่งมีความหมายทุก ๆ อย่างใน วิชาแต่ละแขนง ๆ เราใช้ความพินิจพิจารณาไปตาม จะได้ความละเอียดเข้าไปโดยลำดับ ผู้นั้นละผู้ที่มีความรู้กว้างขวางและทำประโยชน์ได้ดี ก็คือผู้ที่ใช้ความพินิจพิจารณาตามหลักวิชานั่นแล


                    ทีนี้เวลาจะมาปฏิบัติต่อตนเองก็เหมือนกัน ต้องใช้ความพินิจพิจารณา ไม่ใช้ สุมสี่ สุมห้า อยากทำก็ทำ อยากไปก็ไป อยากมาก็มา อยากอยู่ก็อยู่ อยากเที่ยวก็เที่ยวอยากเล่นก็เล่น การคบค้าสมาคม ไม่คำนึงคำนวณ ถึงว่าเป็นคนดีคนชั่ว เป็นหญิงเป็นชาย เป็นประเภทใด คนประเภทใด เพราะค้าว่าคนเป็นคำกลาง ๆ แต่แยกออกไปในความได้ความเสียของคน ความดีความชั่วของคนมีมาก จึงต้องได้ใช้ความพินิจพิจารณา ถ้าไม่ใช้แล้วเสีย


                    เราคิดดูซิตั้งแต่อาหารอยูในสำรับของเราน่ะ แล้วยินเข้ามาในถ้วยเดียวนั่นแหละ จานนั้นถ้วยนั้นแหละที่ว่าอาหาร ๆ นะ มันยังมีกระดูกยังมีก้าง นั้นไม่ใช่อาหารนะนั่นนะ เราต้องได้เลือกเฟ้นเอาออก กระดูกก้างเอาออก เราจะรับประทานได้เฉพาะอาหารที่เป็นคุณแก่ร่างกาย กระดูกไม่ได้เป็นคุณ แต่เป็นโทษต่อร่างกาย ก้างก็เหมือนกัน เพียงในถ้วยเดียวเท่านี้มันยังมีสิ่งที่จะต้อง เลือกของมันอยู่ในนั้น


                    อันนี้การงานของเรามีมากขนาดไหน แล้วเราคบคนอยากจะว่าคบกันทั้งโลกจะว่าไง ประสับประสานกันทั่วจึงต้องได้ ใช้ความพินิจพิจารณาไม่อย่างนั้นเสียคนได้ การคบคนไม่เลือกคนก็เสียคน การค้าเนินกิจการหรือกิริยาความ เคลื่อนไหวทุกด้านไม่ใช้ความพินิจพิจารณา ก็จะทำให้เสีย ได้เพราะกิริยานี้มันเป็นการแสดงออก แสดงออกเพื่อการทำ ไม่ทำดีก็ต้องทำชั่ว ส่วนมากมักจะทำชั่ว ถ้าไม่ได้ใช้ความพิจารณาเสียก่อนมักจะทำชั่วเสียมากต่อมาก


                    นี่ลูกหลานทั้งหลายก็กําลังอยู่ไนวัยที่ศึกษาเล่าเรียน เพื่อความเจริญ แต่ในขณะเดียวกันถ้าเราไม่รอบคอบเพื่อ ความเสื่อมมันก็มีไปในนั้นเสร็จ ความรู้นี้มันมีไปได้ สองทาง เอาไปทางดีก็ได้เอาไปในทางเสียก็ได้แล้วแต่ ผู้เป็นเจ้าของจะนำไปใช้ ให้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเล่าเรียนประพฤติหน้าที่การงานของตน


                    ทุกคนอย่าลืมนะว่า พ่อแม่เป็นบ่อแห่งชีวิต เป็นบ่อแห่งบุญแห่งคุณของเราทุกคน ไม่มีใครที่เกิดขึ้นมาโดยไม่มีพ่อมีแม่ แล้วก็ใหญ่โตขึ้นมาเป็นเอกในเราคนเดียวนี้ไม่มี ต้องเกิดขึ้นมาจากพ่อจากแม่อุปถัมภ์บำรุง ตั้งแต่อยู่ไนท้องก็ต้องบำรุงแล้ว ยาบารุงครรภ์ แน่ะเห็นไหม อาหารชนิดใดที่จะแสลงแก่ลูกอยู่ในท้อง แม้ถึงจะอยาก แสนอยากหิวแสนหิวก็ไม่กล้าแตะ เพราะอย่างน้อยกลัวจะกระทบกระเทือนต่อลูกอยู่ในท้อง มากกว่านั้นเดี๋ยวลูกตาย ดีไม่ดีแม่ตายไปด้วย ถ้าเป็นของแสลง กินมากหรือ นักมากกว่านั้นเข้าไป นี่ละความรักลูกรักมากขนาดไหน แม้อยากแสนอยากไม่คำนึง คำนึงถึงลูกมากกว่า ตัวเอง มีมากมีน้อยเสาะแสวงหามาได้


                    คนเราย่อมมีฐานะต่างกัน เป็นคนรวยมี คนจนมี ทุกข์จนจริง ๆ มี แต่สำคัญที่ลูกมีด้วยกันทุกคน คำว่า ลูกนี่สำคัญ ความรักลูกนี้ไม่ได้ว่าคนมีคนจนนะ ไม่มี ใครบกพร่องเลย รักลูกเต็มหัวใจด้วยกันหมด คนจนก็รักลูกเต็มหัวใจ คนมีก็รักลูกเต็มหัวใจ เมื่อเป็นเช่นนั้น การเสาะแสวงหามาเพื่อลูกนี้ต้องสุดเหวี่ยงละ ยิ่งคนจนเท่าไรแล้ว พ่อแม่ได้กินอะไรก็กิน ขอแต่ ุลูกได้กินได้ใช้ได้สอยให้อิ่มพอแล้ว เป็นที่พอใจของพ่อของแม่ จะอดอยากขาดแคลนบ้างไม่เป็นไร พ่อแม่กินเกลือก็ได้ กินน้ำปลาก็ได้ถ้ามีน้ำปลานะ มันจนจริง ๆ น้ำปลาจะกินก็ไม่มี แม้เกลือก็ยังจะไม่มี เอ้า กินข้าวเปล่า ๆ ก็กิน ขอให้ลูกได้กิน


                     นั่นเป็นยังไงนี่ละความรักของพ่อแม่เป็นความรักที่บริสุทธิ์ เป็นความรักที่หาได้ยาก เราไปหาที่ไหนไม่เจอเลย จะมีเฉพาะพ่อแม่กับลูกเท่านั้นความรักอันนี้ ความสงสารอันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการสงเคราะห์มาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่อยู่ในท้อง ตกคลอดออกมาอาหารการกินทุกสิ่งทุกอย่าง เครื่องใช้ไม้สอย เครืองนุ่งห่มมาจากไหน ไม่มาจากพ่อ จากแม่จะมาจากไหน คนจนคนมีก็ตามจะต้องได้เสาะ แสวงหามาแทบเป็นแทบตายด้วยกันทั้งนั้น


                    นี่คุณของพ่อของแม่ให้ถือเป็นพื้นไว้เลยนะ ให้ฝังจิตใจอย่างลึกลับ เวลาพ่อแม่ว่าอะไรก็อย่าถก อย่าเถียง อย่าโต้ อย่าอวดรู้ อวดฉลาด ว่าตนนี้ได้เรียนรู้ความรู้วิชาใน ชั้นนั้นชั้นนี้ พ่อแม่ไม่ได้เรียนอะไร จะเรียนอะไรพ่อแม่เลี้ยงลูกมาจนเถือบตายจะให้เรียนอะไรอีก เข้าใจหรือเปล่าละ ทั้งให้ไปเรียนอีกทั้งเลี้ยงลูกอีกมันตายละพ่อแม่คน นี่เราโตขึ้นมาเราไปเรียนหนังสือ แล้วเอาความรู้นี้ไปอวดพ่อแม่ คนนั้นเป็นคนโง่คนพาลสันดานหยาบ ไม่ดี คนอกตัญญู คนนั้นไปทำอะไรไม่เจริญนะ ดีไม่ดีลูกเกิดขึ้นมา ก็มาเป็นภัยต่อพ่อแม่ มาเป็นข้าศึกต่อพอแม่ เพราะพ่อแม่คือใคร ก็คือเรา เราไม่รู้จักบุญ จักคุณของพ่อแม่ฉันใด ลูกก็จะไม่รู้จักบญจักคุณของเรา ฉันนั้น


                    เพราะคำว่าบาปว่าบุญนี้ เป็นของติดแนบอยู่กับตัวของบุคคลของสัตว์ใครจะปฏิเสธไม่ได้ เมื่อกิริยา แห่งการทำดีทำชั่วมีอยู่ ผลดีผลชั่วจะต้องติดแนบกันอยู่ อย่างนั้น เพราะฉะนั้นให้เราระมัดระวัง ให้ยกพ่อแม่ เทิดทูนไว้ที่สุดเลย ยิ่งพ่อแม่คนไหนเป็นคนจนนั้น ยิ่งจะควรเทิดทูนมากที่สุด ผู้นี้ละเป็นผู้ตะเกียกุตะกายเพิ่อ ลูก ๆ มากที่สุด ท่านผู้มีความมั่งความมีทานก็มีเรือง ความเมตตาสงสาร แต่มีผู้ช่วยให้เบาแรงลงไปเยอะ เช่น คนใช้ก็มีในบ้านเยอะ เงินทองข้าวของอะไร ๆ ก็มีเยอะก็ไม่ค่อยได้หนักใจเท่าไร แต่สำหรับพ่อแม่ที่เป็นคนจนนี้ เอะอะอะไรก็มีตั้งแต่เจ้าของวิ่ง ๆ ทั้งจะหาใส่ปากใส่ท้องเจ้าของ ทั้งจะหาใส่ปากใสท้องลูก บางทีมีลูกทุลายคนไม่ทราบจะหาใส้ปากไหนบ้าง ปากไหนก็มีแค่ปากจะกินปากจะกลืน นี่ละฟังเอานะ



  
            เพราะฉะนั้น พื้นฐานที่เป็นหลักใจของเราจริง ๆอะไรก็ตามเถอะอยาได้ลืมคุณของพ่อของแม่ อันนี้เป็นหลักเกณฑ์ที่ใหญ่โตมาก ใครประมาทพ่อแม่แล้วคนนั้นไม่เจริญเลย ไปไหนก็ไปเถอะมันหากเป็นอยู่ในนั้นแหละ เพราะพ่อแม่นี้เป็นเรื่องที่หนักมาก ถ้าว่าบุญก็บุญมากกุศลมาก ปฏิบัติดีถูกต่อพ่อแม่แล้วท่านว่ าได้บุญมาก ทักซิเณยยบุคคลของุบุตรคือพ่อกับแม่เทียบกับพระอรหันต์องค์หนึ่งไม่ใช่เล่น ๆ นะ ถ้าทำผิดก็เป็นพิษอย่างร้ายแรง ท่านจึงสอนไว้กรรมหนัก 5 ประการ ฟังนะลูกหลาน แล้วก็ไม้พ้นพ่อกับแม่นะ คำว่ากรรมหนักนี้ 5 ประการ ฆ่าบิดา 1 ฆ่ามารดา 1 ฆ่าพระอรหันต์ 1 ทำลายพระพุทธเจ้าแม้จะไม่ตายก็ตาม ให้ได้รับความทุกข์ ความทรมานก็ไม่ควรอยางยิ่งนี้ 1 สังฆเภทคือทำลายสงฆ์ ยุแหย่สงฆ์ที่มีความสามัคคีกันดีอยู่แล้วให้แตกแยก กันเป็นคนละกกละฝ่าย เหมือนกับหม้อดี ๆ เอามาทุบให้มันแตกกระจัดกระจายไป 1


                    กรรม 5 อย่างนี้ ผู้ไดก็ตามถ้ายังมีสติพอระลึก ได้อยู่ห้ามไม่ให้ทำเป็นอันขาด เพราะเป็นกรรมที่หนักมากที่สุดเลยจมลงในนรกหลุมนี้เป็นอันดับหนึ่งของนรกที่ให้ความทุกข์ความร้อนที่สุดและให้อายุยืนนาน ต้องเสวยกรรมไปอีกนานที่สุดก็คือนรกหลุมนี้เป็นหลุมที่ 1 เลย เป็นอันดับ 1 ท่านจึงห้ามในกรรม 5 ประเภทนี้ จะลงจุดนี้แน่ ๆ ไม่ไปที่อื่น สมกับศาสดาของเราเป็นศาสดาเอก เอกนี้คือว่ามีอันเดียวไม่มีคู่แข่ง คำพูดของพระพุทธเจ้าทุกคำ ๆ กลั่นกรองพินิจพิจารณารู้รอบขอบชิดหมดแล้ว จึงนำมาสอนโลก จึงไม่ผิด ท่านให้นามว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม ท่านตรัสไว้ชอบแล้ว ๆ ให้เราพยายาม ปฏิบัติตามนั้น


                    นี่พี้นฐานของเราที่เกิดมาจากพ่อจากแม่ บุญคุณอย่าลืมกับพ่อกับแม่ จากนั้นก็ให้สนองคุณของพ่อของแม่ ที่เลี้ยงลูกมาเพื่อจะให้เติบโต เพื่อจะให้มีหน้าที่การงาน เพื่อที่จะให้พึ่งพาอาศัยได้ ให้เราทำตัวของเราให้เป็น ที่พึ่งพาอาศัยของตัวได้ด้วย ให้เป็นที่พึ่งพาอาศัยของ พ่อแม่ญาติวงศ์ทั้งหลายได้ด้วย แล้วอย่าไปทำความชั่วช้า ลามกหมกไหม้เป็นของไม่ดีเลย ความชั่วนี้ติดที่ตรงไหน ไม่ดีทั้งนั้น ก็เหมือนกับของสกปรกพอติดตรงไหนนิดจะต้องรีบล้าง ไม่ล้างไม่ได้สกปรกไปหมด เหม็นคลุ้งไปหมด ดูไม่ได้เลยอันนี้ความชั่วมันติดคนก็เหมือนกัน ไม่ว่าติดหญิง ติดชายไม่น่าดูทั้งนั้น เป็นคนสกปรก หญิงสกปรก ชายสกปรก ไม่น่าดูด้วยกันทั้งสองฝาย ให้พากันระมัดระวัง ความสกปรกเกิดจากความประพฤติของเรา หลักใหญ่ก็เกิดมาจากใจของเรา ถ้าใจของเราไม่มีอรรถมีธรรมเป็นเบรกห้ามล้อ ปล่อยให้เป็นไปตามความอยากความทะเยอทะยานแล้ว คนนั้นจะเสียง่ายที่สุด ถ้าเป็นรถก็ลงคลองเร็วที่สุดเลย เหยียบแต่คันเร่งอย่างเดียวไม่ได้เหยียบเบรกก็ลงคลองตูมเลย นี่คนก็มีแต่ทะเยอทะยาน เหยียบแต่คันเร่ง เพื่อความทะเยอทะยาน อยากได้อะไรก็เป็นไปตามความอยาก ดิ้นไปตามความอยาก สุดท้ายก็ลงคลอง นั่นคนนั้นคนเสีย หาคุณค่าไม่ได้เลย จึงต้องให้พากันระมัดระวังรักษา


                    เวลานี้เรายังดีอยู่ทุกคนๆ ให้ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติตัวให้ดี ไม่มีอะไรดียิ่งกว่าามนุษย์ดี สมบัติเงินทองอะไรจะดีจะมากจะน้อยสู้คนดีมากไม่ได้นะ คนดีมีจำนวนมากเท่าไรนั้นละจะทำโลกให้เจริญรุ่งเรืองมากเท่านั้น ถ้าคนชั่วมีมากน้อยเท่าไรคือการทำลายส่วนรวมให้ฉิบหายลงไปเพียงนั้นละ ให้พากันจำเอาลูกหลานทุกคน วันนี้พูดแค่นี้ก่อนพอเข้าใจ ฝ่ายผู้ชายก็ดีฝ่ายผู้หญิงก็ดี เทศน์นี้เทศน์ให้คนฟัง ผู้ชายก็เป็นคน ผู้หญิงก็เป็นคน ให้ต่างคนต่างฟัง ทำชั่วได้ดวยกัน ทำดีได้ด้วยกัน ให้พากันไปปฏิบัติเอานะ

เอาละพอ

Home

1