ประวัติหลวงตา
ประวัติหลวงตา หนังสือและคำสอน


Ltb2.gif (79409 bytes)

ชาติกำเนิด                           
                       
    ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน หรือหลวงตามหาบัวถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกินแห่ง ตระกูล " โลหิตดี "
ณ. ตำบลบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี   เมื่อวันที่  12  สิงหาคม  พ.ศ. 2456   โดยนายทองดี และนางแพง  ผู้เป็นบิดา มารดาได้ให้มงคลนามว่า
" บัว "   อันเป็นดอกไม้ที่ พระอาจารย์ มั่น  ภูริทัตโต  ปรมาจารย์ฝ่ายกรรมฐานยุคปัจจุบันได้พรรณาคุณชาตไว้ว่า   เป็นดอกไม้ที่ประเสริฐ
หลวงตามีพี่น้องทั้งหมด 16 คน   ขณะนี้มีชีวิตอยู่เพียง 7 คน รวมทั้งหลวงตาด้วย
                            เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ หลวงตาได้บวชเพื่อทดแทนคุณ พ่อ แม่ ตามประเพณีไทย โดยทำพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม
พ.ศ.2477  ที่วัดโยธานิมิตร  มีท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ (จุม พนฺธุโล) เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์   อ.เมือง  อุดรธานี   เป็นพระอุปฌาย์  หลังจากที่บวช
แล้วหลวงตาเกิดความสงสัยว่า มรรคผลนิพานจะมีอยู่เหมือน   ครั้งพุทธกาลหรือไม่


ออกเดินทาง          
                           
ท่านจึงได้เดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่  เพื่อกราบนมัสการ พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต ซึ่งเป็นพระฝ่ายกรรมฐานที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น
เมื่อได้พบพระอาจารย์มั่นแล้ว หลังจากนั้น 2-3 วัน   พระอาจารย์มั่นได้เดินทางมายังอุดรธานี   ตามคำอารธนาของเจ้าคุณธรรมเจดีย์   ส่วนหลวงตา
อยู่เรียนหนังสือที่ ่วัดเจดีย์หลวง และเดินทางมาศึกษาขั้นปริยัติที่กรุงเทพกับ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร)  ณ.วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน
กรุงเทพฯ จนจบเปรียญ 3 ประโยค (รวมเวลาศึกษาธรรม 7 พรรษา) จากนั้นหลวงตามาจำพรรษาที่ อ.จักราช นครราชสีมา
                            ท่านได้ข่าวว่า พระอาจารย์มั่น มาจำพรรษาอยู่ที่วัดโนนนิเวศน์ จ.อุดรธานี   จึงได้เดินทางมาพบแต่ไม่ทัน เพราะพระอาจารย์ถูก
นิมนต์ไป จ.สกลนคร เสียก่อน หลวงตาจึงพักอยู่ที่วัดทุ่งสว่าง จ.หนองคาย  พอถึงเดินพฤษภาคม 2485 จึงออกเดินทางไป จ.สกลนคร และได้พบ
พระอาจารย์ มั่น ที่วัดบ้านโคก  ต.ตองโขน อ.เมือง  จ.สกลนคร 


ศึกษาพระกรรมฐาน
                         
   หลวงตาได้ศึกษาพระกรรมฐาน อยู่กับพระอาจารย์มั่น  เป็นเวลา 8 ปี   จนพระอาจารย์มั่นมรณภาพ หลวงตาได้ธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ
เมื่อท่านมาจำพรรษา อยู่ที่ จ.จันทบุรี   โยมบิดาได้เสียชีวิต โยมมารดาจึงไปบวชชีอยู่กับหลวงตา ต่อมา พ.ศ. 2499   โยมมารดาล้มป่วยลงด้วย
โรคอัมพาต   ท่านจึงพาโยมมารดามารักษาที่บ้านตาดอยู่ 3 ปีจึงหายขาด   ชาวบ้านตาดได้พร้อมใจกันนิมนต์ท่านให้จำพรรษาอยู่ที่นี้เป็นการถาวร
โดยได้ถวายที่ดินเพื่อสร้างวัดป่าบ้านตาด จึงเ ริ่มเป็นรูป เป็นร่างขึ้นมา  หลวงตาได้อบรมธรรมแก่ชาวบ้านและโยมมารดาอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่ง
วันที่  30 พฤษภาคม  พ.ศ. 2525 โยมมารดาจึงได้ละสังขารไป  เมื่ออายุ 93 ปี


สมณะศักดิ์
                        หลวงตามหาบัวเป็นพระภิกษุที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสุดยอดแห่งพระเถระนักปฏิบัติแห่งภาคอีสานในยุค ค.ศ 2000 และยังเป็นพระเถระฝ่ายธรรมยุตรูปเดียวที่ได้รับการพิจารณาโปรดเกล้าฯโดยตรงจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ให้เลื่อนสมณะศักดิ์ จากหลวงตาธรรมดา ขึ้นเป็น พระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชญาณวิสุทธิโสภณ เมื่อพ.ศ 2535 โดยไม่ผ่านการเป็นพระครู และ พระราชาคณะชั้นสามัญ เพราะหลวงตาได้ประกอบคุณงามความดีด้วยการอบรมธรรมะเนื้อแท้แก่พระสงฆ์และฆราวาส เขียนหนังสือเผยแพร่ธรรมะจำนวนมากจนเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนทั่วประเทศ ล่าสุดได้จัดโครงการทอดผ้าป่าช่วยชาติ รวบรวมเงินประชาชนทั่วประเทศกว่าพันล้านบาท ไปใช้หนี้ ไอ เอ็ม เอฟ จนโด่งดังไปทั่วโลก

                        ด้วยคุณความดีดังกล่าว ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 อันเป็นปีมหามงคลที่พระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงมีพระชนมายุครบ 6 รอบ ( 72 พรรษา ) จึงทรงมีพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานสมณะศักดิ์แก่หลวงตาบัวจากพระราชญาณวิสุทธิโสภณ เป็น พระธรรมวิสุทธิมงคล นับเป็นการเลื่อนสมณะศักดิ์แบบพาสชั้น 2 ขั้นจากชั้นราชเป็นชั้นธรรม โดยไม่ต้องผ่านการดำรงตำแหน่งในชั้นเทพก่อน

                        การเสนอชื่อหลวงตามหาบัวเลื่อนสมณะศักดิ์จากชั้นราช เป็นชั้นธรรม ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการคณะสงฆ์ที่พระเถระองค์เดียวได้รับการพาสชั้น 2 ขั้น ถึง 2 ครั้ง คือในปี พ.ศ 2535 จากหลวงตาธรรมดา เป็นชั้นราช และในปี พ.ศ 2542 เลื่อนจาก ชั้นราช เป็นชั้นธรรม

 


Home Up Next

 

1