ชาร์ลส์(Mr. Charles) |
บรูโน ชูลซ์ เขียน |
......บ่ายอ่อนๆ ในวันเสาร์ อาชาร์ลส์ของผม พ่อหม้ายภริยาไม่อยู่ออกเดินทางไปสถานพักผ่อนวันหยุดแห่งหนึ่ง ไกลจากเมืองราวชั่วโมงด้วยการเดิน เพื่อเยี่ยมภริยากับลูกๆ ซึ่งใช้ช่วงฤดูร้อนนั้นอยู่ที่นั่น |
......นับแต่ภริยาไม่อยู่ บ้านไม่เคยทำความสะอาด เตียงนอนไม่เคยเก็บจัด ชาร์ลส์กลับถึงบ้านดึก สะบักสะบอมมาจากการตะลุยไปทุกคืนในราตรีอันเขาติดงอมด้วยแรงกดดันของวันร้อนที่ว่างเปล่า ผ้าเครื่องนอนเย็นๆ ที่ย่นเยินไร้ระเบียบนั้นเหมือนสวรรค์อันเปี่ยมสุข เหมือนเกาะปลอดภัยที่เขามาขึ้นฝั่งได้สำเร็จด้วยแรงหยาดสุดท้ายของคนถูกปล่อยทิ้งกลางทะเลที่ถูกคลื่นโยนมาหลายวันหลายคืนกลางพายุคลั่ง |
......คลำทางไปในความมืด เขาจมร่างลงระหว่างกองขาวๆ เย็นๆ ของเครื่องนอนขนนก แล้วหลับลงเมื่อทิ้งตัว ขวางหรือหันหัวไปปลายเตียง กดลึกลงในความนุ่มของหมอน ราวในการหลับนั้น เขาต้องการเจาะให้มันทะลุลงไป ต้องการสำรวจเข้าไปให้ทั่วถ้วน จนกองภูเขาทรงพลังของเครื่องนอนขนนกเหล่านั้นต้องลุกออกมาจากกลางคืน เขาต่อสู้ ในการหลับของเขา กับเตียงนอนเหมือนนักว่ายน้ำทวนสู้กระแสน้ำ เขาเค้นและขุดมันกองขึ้นด้วยร่างของเขา เหมือนกะละมังแป้งนวดใบมหึมา แล้วตื่นขึ้นตอนเช้ามืดในสภาพสิ้นแรง เหงื่อชุ่มทุ่มตัวขึ้นบนฝั่งของกองเครื่องนอนซึ่งเขาไม่อาจเอาให้อยู่ได้ในการต่อสู้ของแต่ละคืน กึ่งขึ้นมาแล้วจากหลืบลึกของการสลบไสล เขายังห้อยค้างอยู่บนขอบของรัตติกาล เฮือกหาลมหายใจ ขณะเหล่าเครื่องนอนโตขึ้นรอบๆ บวมและอืดพอง แล้ว อีกครั้ง ปิดล้อมเขาไว้ในกองภูเขาแห่งแป้งนวดขาวๆ อันหนักอึ้ง |
......เขาหลับไปในสภาพนั้นจนสายโด่ง ระหว่างนั้นเหล่าหมอนก็จัดตัวมันเองขึ้นเป็นที่ราบแบนๆ ขนาดใหญ่ซึ่งการนอนอันบัดนี้สงบลงแล้วของเขาตระเวนไปได้ บนถนนขาวๆ เหล่านี้ เขาค่อยๆ คืนสู่การรู้สึกตัว สู่ยามทิวาวาร สู่ความเป็นจริง แล้วในที่สุดก็เปิดเปลือกตา เหมือนผู้โดยสารที่หลับอยู่จะทำเมื่อรถไฟเข้าจอดที่สถานี |
......ความสลัวเติมเข้ามาในห้องด้วยเศษตกค้างของหลายวันแห่งความโดดเดี่ยวและเงียบเชียบ หน้าต่างหึ่งด้วยฝูงว่อนยามเช้าของเหล่าแมลงวัน มีเพียงม่านเท่านั้นที่โพลนแสงเจิดจ้า ชาร์ลส์หาวเอาร่างกายของเขาออกมา เอาหลืบลึกของทุกช่องกลวงของมัน สิ่งตกค้างจากวันวาน ออกมา การหาวนี้บิดคั้นเข้มข้นราวกับร่างกายของเขาต้องการปลิ้นตัวเองออกมาข้างนอก ในลักษณะนี้เองที่เขาขจัดทรายและหินอับเฉาส่วนเหลือค้างยังไม่ย่อยของวันก่อนหน้านี้ |
......หลังทำให้ตัวสบายลงเช่นนั้นแล้วเขาก็เขียนค่าใช้จ่ายทั้งหลายของเขาลงบนสมุดบันทึก คิดคำนวณอะไรสักอย่าง บวกรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วเคร่งคิด จากนั้นอีกนานที่นอนนิ่งอยู่กับการจ้องของนัยน์ตาเบิ่งๆ สีน้ำๆ และฉ่ำชื้นอยู่ในแสงสลัวๆ อันพร่ากระจายของห้องซึ่งสว่างขึ้นด้วยการแผดของวันร้อนหลังม่าน นัยน์ตาของเขา เหมือนกระจกเงาบานจิ๋ว สะท้อนทุกวัตถุวาวแสง สีขาวของแสงอาทิตย์ในช่องแตกหน้าต่าง ผืนสี่เหลี่ยมสีทองของม่าน แล้วปิดขัง เหมือนหยดน้ำ ทั้งห้องนั้นด้วยความสงัดนิ่งของบรรดาพรมกับเก้าอี้ว่างเปล่าๆ โล่งๆ ของมัน |
......ระหว่างนั้นวันข้างหลังเหล่าม่านก็อื้ออึงมากขึ้นรุนแรงขึ้นด้วยเสียงหึ่งๆ ของแมลงวันที่พล่านด้วยแสงอาทิตย์หน้าต่างไม่อาจอั้นไฟขาวนั้นไว้ได้ และเหล่าม่านก็ซีดลงด้วยละลอกของความจ้า |
......ในที่สุดชาร์ลส์ก็ลากตัวเองขึ้นจากเตียง นั่งอยู่บนนั้นพักหนึ่ง ..คราง เลยสามสิบไปแล้ว ร่างกายของเขาเริ่มออกเนื้อ ระบบ บวมขึ้นด้วยไขมัน ทรุดโทรมด้วยกิจกรรมเพศ แต่ยังเลื่อนไหลอยู่ได้ด้วยน้ำเลี้ยง ดูเหมือนค่อยๆ ก่อรูปอยู่ในความเงียบนั้น บั้นปลายอนาคตของมัน |
......ระหว่างที่ชาร์ลสนั่งปราศจากความคิดอยู่ตรงนั้น มึนตื้อยอมแพ้อย่างราบคาบให้กับระบบหมุนเวียน ระบบหายใจและการตุบๆ ขึ้นลึกๆ ของน้ำเลี้ยงธรรมชาติ ข้างในของร่างที่กำลังออกเหงื่อของเขานั้นก่อรูปขึ้นด้วยอนาคตอันยังไม่รู้ ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง เหมือนการงอกอันร้ายแรงที่ลามดันไปในทิศอันไม่อาจรู้ เขาไม่ได้กลัวมัน เพราะเขารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันกับเจ้าสิ่งมหึมาและยังไม่รู้ที่จะเข้ามา เขากำลังโตไปกับมันโดยไม่โต้แย้งกับความเป็นหนึ่งเดียวอันแปลกนั้น อึ้งกับการตกใจที่ช่างหัวมันไปแล้ว เห็นรู้อนาคตตัวเองได้แล้วในการสมบุกสมบันไปกับความสุขอันล้นหลากเหล่านั้น ในเหล่าเนื้องอกอันน่าอัศจรรย์ซึ่งกำลังบ่มตัวอยู่เบื้องสายตาที่มองเข้าไปข้างในนั้น จากนั้นนัยน์ตาข้างหนึ่งของเขาก็เหลือบแลไปนิดหนึ่ง ข้างนอก เหมือนออกไปหามิติอีกมิติหนึ่ง |
......หลังจากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นจากการนึกสนุกที่สิ้นหวังเหล่านั้น กลับมาสู่ความเป็นจริงของช่วขณะนั้น เขามองไปที่เท้าบนผืนพรม อวบอ้วนและนุ่มนิ่มอย่างเท้าผู้หญิง แล้วค่อยๆ ถอดกระดุมกลัดทองจากข้อแขนเสื้อ จากนั้นก็ออกไปที่ครัว แล้วในมุมร่มๆ มุมหนึ่งก็พบถังน้ำ กระจกเงาบานกลมๆ เงียบเชียบและจ้องมอง ซึ่งรอเขาอยู่ สิ่งมีชีวิตและรู้อย่างเดียวในห้องอาคารแบ่งอันว่างเปล่านั้น เขาเทน้ำลงในอ่างและลิ้มรสด้วยผิวของเขาในความชื้นอ่อนๆ หวานๆ ปร่าๆ ของมัน |
......เขาแต่งตัวอย่างระมัดระวังแต่ไม่เร่าร้อน หยุดพักนานระหว่างแต่ละขั้นตอนการหยิบจับ |
......เหล่าห้อง ว่างเปล่าและถูกทอดทิ้ง ไม่เห็นด้วยกับเขา เหล่าเครื่องเรือนกับผนังห้องจ้องมอง วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เงียบๆ |
......เขารู้สึก เมื่อเข้าไปในความนิ่งสงัดนั้น เหมือนเป็นผู้บุกรุกเข้าไปในอาณาจักรใต้น้ำด้วยสำนึกของกาลเวลาที่แตกต่างและเป็นคนละเวลา |
......เมื่อเปิดช่องลิ้นชักของตัวเอง เขารู้สึกเหมือนเป็นขโมย และอดไม่ได้ที่ต้องเดินไปโดยเขย่งๆ เพราะเกรงจะทำให้เกิดเสียงและการก้องที่มากเกินไป ซึ่งรออย่างรำคาญอยู่แล้วที่จะได้มีโอกาสระเบิดขึ้นด้วยการปลุกที่เบาที่สุด |
......แล้วเมื่อ หลังย่องเบาจากห้องแต่งตัวไปยังห้องเล็กส่วนตัว เขาพบทีละชิ้นทีละชิ้นของบรรดาสิ่งที่ต้องใช้ และจบการแต่งตัวลงท่ามกลางเหล่าเครื่องเรือนที่ทนดูอยู่เงียบๆ ในที่สุดเขาก็พร้อม เขายืน หมวกถืออยู่ในมือ รู้สึกค่อนข้างกระอักกระอ่วนใจอยู่ว่า แม้จนขณะท้ายสุดนี้แล้วก็ยังไม่พบเลยสักถ้อยคำที่จะไล่ความเงียบไม่เป็นมิตรนั้นออกไป จากนั้นก็เดินไปที่ประตู อย่างเชื่องช้า อย่างบอกลา อย่างคอตกๆ ขณะใครอีกคน ใครสักคนที่หันหลังตลอดกาล เดินไปด้วยฝีเท้าเดียวกันในทิศตรงข้าม เข้าไปในความลึกของกระจกเงาทะลุผ่านแถวๆ ของเหล่าห้องว่างๆ ซึ่งไม่ได้มีอยู่เลย |