วิธีอบขนมไทย

วิธีแรก   อบด้วยควันเทียน   โดยนำขนมใส่ภาชนะ   หรือขวดโหลที่มีฝาปิด   จุดเทียนอบให้ลุกเสียก่อน   แล้วรีบดับ เทียน   หาที่วางเทียนเล็ก ๆ ใส่ลงไปตรงกลางรีบปิดฝา   ขณะควันเทียนยังคลุ้งอยู่ วิธีที่สอง   อบด้วยดอกกระดังงา   ลนดอกกระดังงาด้วยเทียนอบแล้วฉีก โดยบีบกระเปาะให้กลีบร่วงเอง (ห้ามเด็ด) ฉีกกลีบละ  2-3  ชิ้น   ใส่ลงไปในขนมที่ใส่ภาชนะมิดชิดแล้วรีบปิดฝา   (ควรเลือกดอกกระดังงาดอกเหลือง)

วิธีใส่สีขนม

ถ้าเป็นขนมที่ใช้น้ำเชื่อม   ให้ใส่สีลงในน้ำเชื่อม  เช่น   ขนมฝอยทอง  ขนมสัมปันนี   ถ้าเป็นขนมที่ต้องกวน   ให้ใส่สี ก่อนที่ขนมจะได้ที่เพียงเล็กน้อย   จะทำให้สีไม่เปลี่ยน

การทำน้ำเชื่อม

น้ำเชื่อมชนิดเข้มข้น   น้ำตาลทราย  1  ส่วน  น้ำ  1   ส่วน น้ำเชื่อมชนิดกลาง   น้ำตาลทราย  1  ส่วน  น้ำ  1   1/2  ส่วน น้ำเชื่อมชนิดใส   น้ำตาลทราย  1  ส่วน  น้ำ  2   ส่วน

วิธีฟอกน้ำเชื่อม

น้ำเชื่อมที่ดีควรจะใส ไม่มีตะกอน หรือออกสีเหลือง   ให้ใช้เปลือกไข่ที่ล้างสะอาดแล้ว   ขยำกับน้ำตาลพอเปลือก ละเอียด   เติมน้ำลงไปตามส่วน   คนจนน้ำตาลละลาย   พรมไข่ขาวลงไปบ้าง   พอเดือดช้อนฟองออกให้หมด กรอง ด้วยผ้าขาวบาง

วิธีทำน้ำใบเตย

ล้างใบเตยให้สะอาด   หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตามขวาง   โขลกหรือปั่นให้ละเอียด (ถ้าปั่นใส่น้ำเล็กน้อย)   แล้วกรองด้วย ผ้าขาวบาง   ใช้เฉพาะที่เป็นน้ำข้น ๆ

วิธีคั้นใบเตยหอม

ล้างใบเตยให้สะอดา   หั่นตามขวางบาง ๆ โขลกให้ช้ำ   แล้วคั้นกับน้ำ   กรองด้วยผ้าขาวบาง

สีที่ใช้ผสมขนม

ดอกอัญชัน  ทำสีม่วง (บีบมะนาวเป็นตัวทำละลาย)   และสีน้ำเงิน ดอกดิน  ทำสีดำ  (ดอกดินเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งสีม่วงแต่ไม่มีใบ   ต้นอยู่ใต้ดิน) ขมิ้นชัน  ให้สีเหลือง   ใช้ได้ทั้งสดและแห้ง ฝาง, ครั่ง  ให้สีแดง ใบเตย  ให้สีเขียวอ่อน กาบมะพร้าวเผา   ให้สีดำ (เผาไฟให้เป็นถ่าน   ขยำกับน้ำให้เข้ากัน   กรองด้วยผ้าขาวบาง) ใบจาก,  ใบตาล  ให้สีดำ (มีกลิ่นหอมด้วย) ปูนแดง  ให้สีชมพู หญ้าฝรั่น  ให้สีแดง   หรือเหลืองเข้ม