บทกลอนโดนใจ (Lovely Poem)


Today  I found a friend
who knew everything I felt.
She knew my weakness
and the problems I've been dealt.
She understood my wonders
and listened to my dreams.
She listened to how I felt about life and love
and knew what it all means.
Not once did she interrupt me
or tell me I was wrong.
She understood what I was going through
and promised she'd stay long.
I reached out to this friend,
to show her that I care
to pull her close and let her know
how much I need her there.
I went to hold her hand
to pull her a bit nearer
and I realized this perfect friend I found
was nothing but a  mirror .

 Poem : Shannen Wrass      Painting : Dante Gabriel Rosseti


เพื่อนฉันน่าทึ่งมาก
เธอเข้าใจทุกความรู้สึกของฉัน
รู้จักความอ่อนแอของฉัน
เข้าใจทุกปัญหาที่ฉันเคยเผชิญ
เข้าใจความพิศวงของฉัน
รับฟังความใฝ่ฝันของฉัน
รับฟังเสมอว่าฉันรู้สีกอย่างไรต่อชีวิตและความรัก
เข้าใจฉันทุกเรื่องทุกอย่าง
ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะขัดใจ
หรือบอกฉันว่าทำผิด
เข้าใจในสิ่งที่ฉันทำเสมอ
ทั้งยังสัญญาว่าจะอยู่เป็นเพื่อนฉัน
เคียงข้างฉันตลอดไป
ฉันปรารถนาจะมีเพื่อนแสนดีแบบนี้มานาน
ฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉันปลื้มเพื่อนอย่างเธอแค่ไหน
ฉันอยากจับมือเธอ
อยากดึงเธอเข้ามาใกล้ชิดฉันกว่าอีกหน่อย
แต่ตรงหน้าฉัน
มีเพียง กระจกเงา บานหนึ่งเท่านั้น


แปลไทย : ปราย  พันแสง   คอลัมน์ "ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ ..ชีวิต"  หนังสือพิมพ์มติชน 8 ตค. 43

 

เพื่อนสนิทของฉัน
เพื่อนสนิทของฉัน  ไม่จำเป็นต้องเป็นเพศเดียวกันเสมอไป
เพียงแค่เป็นใครๆที่เปิดใจ  พร้อมที่จะดูแลต้นไม้แห่งมิตรภาพ
ขณะที่ยอมรับว่าความสนิทสนมของเพื่อนต่างเพศกันนั้น
ย่อมมีกฎบางอย่างที่เราต้องเคารพ   และมีข้อจำกัดบางอย่าง
ที่ทำให้เราไม่สามารถสนิทสนมกันได้มากเท่ากับเพื่อนเพศเดียวกัน

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนั้นเสมอยามที่ฉันต้องการ…..
เพียงแค่อยู่ในความทรงจำ   เอาไว้ให้นึกถึงมาเป็นกำลังใจในการก้าวต่อไป

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นต้องพบกันเป็นประจำ
เพียงแค่ฉันมองจากภาพถ่าย   แล้วความทรงจำต่างๆ
ระหว่างเราก็จะทำให้ฉันมีความสุข   ยิ้มหรือหัวเราะได้

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นต้องโทรคุยกันทุกวัน
เพียงแค่เมื่อเวลาผ่านไปแสนนาน   เมื่อได้มีโอกาสโทรหากันอีกครั้ง
เรายังสามารถมีเรื่องราวมาแบ่งปันแก่กันและกันได้เหมือนวันก่อน

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นต้องทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ
เพียงแค่ในวันที่เราได้กลับมาทานข้าวด้วยกันอีกครั้ง
แม้จะมีช่วงเวลาของความเงียบ   ในความเงียบงันนั้น
ก็จะเป็นเวลาที่เราซึมซับในตัวตนของกันและกัน
ตระหนักว่ากาลเวลาแม้จะทำให้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป
แต่มิตรภาพระหว่างเรายังคงอยู่

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นจะต้องหาโอกาสมาทำกิจกรรมต่างๆ
ร่วมกันทุกครั้งที่เรามีเวลาว่าง   เพียงแค่ยามที่ต่างคนต่างทำกิจกรรมกับคนอื่นอยู่นั้น
ยังนึกถึงกันและกันบางหนที่กิจกรรมนั้นๆ เป็นกิจกรรมที่รู้ว่า
เราคนใดคนหนึ่งชอบหรือมีความถนัดเป็นพิเศษ

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นต้องชอบสิ่งใดๆ
ก็ตามเหมือนกัน   เพียงแค่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
เราจะเลือกโดยใช้เหตุผลของความเป็นเพื่อน   ทำให้สามารถพอใจกันทั้งสองฝ่าย

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นต้องเป็นคนสำคัญในกลุ่มคนหมู่มาก
เพียงแค่เป็นคนสำคัญ   ในใจของฉัน

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นต้องมีฉันเป็นเพื่อนเพียงผู้เดียว
เพียงแค่อยากให้รู้ไว้ว่าฉันมั่นใจในความเป็นเพื่อนระหว่างเรามาก
มากจนไม่มีการระแวงหรือการน้อยใจใดๆ  หากเพื่อนสนิทของฉัน
จะไปใช้เวลากับคนอื่นๆ ในชีวิต   มากกว่าที่ใช้เวลากับฉัน

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ใกล้กัน
เพียงแค่เมื่ออยู่ไกลกัน   เรายังคงนึกถึงกันและกันในบางเวลา

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นจะต้องรู้เรื่องทุกอย่างของกันและกัน
เพียงแค่รู้เรื่องทุกอย่างที่เราตัดสินใจแล้วว่าจะนำมาแบ่งปันซึ่งกันและกัน
แม้ว่าเรื่องนั้น   จะเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งในเรื่องราวชีวิตอันมากมายมหาศาลของเราก็ตาม

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นต้องทนนิสัยทั้งหมดของฉัน
เพียงแค่บอกฉันให้ปรับปรุงตัว   และพร้อมที่จะรับฟังในสิ่งที่ฉันอธิบาย
หรือบอกให้ปรับปรุงตัวบ้าง

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมือนใครๆ
ด้วยหวังว่าจะทำให้ตัวเองดูดีขึ้น   เพียงแค่เป็นตัวของตัวเอง
อย่างที่เป็นเมื่อเราคบกันในตอนแรก   ก็ดีที่สุดแล้ว

เพื่อนสนิทของฉัน   ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องเป็นเพื่อนสนิทของเขา
เพราะคนเราต้องมีบ้างที่คิดไม่เหมือนกัน   เพียงแค่อยากให้พวกเขา
รับรู้ในมิตรภาพที่ฉันมีให้   แม้ไม่มากพอที่จะมีค่าสำหรับเขา
แต่มันมีค่าเหลือเกินสำหรับตัวฉันที่เต็มใจจะมอบให้ใครๆ

ฉันได้แต่หวังเพียงว่า   ฉันจะเป็นเพื่อนสนิทของเพื่อนสนิทของฉัน



มีประโยคหนึ่งในหนัง IL MARE
ที่น่าสนใจมาก ... เขาบอกทำนองว่า ...
ที่เราต้องเจ็บปวดกับความรักนะ
ไม่ใช่เพราะมันจากไปหรอก
... แต่เพราะมันยังคงอยู่ต่างหาก
ถ้าวันนี้คนสองคน ต่างหมดรักกันไป
คงไม่มีใครต้องเสียใจมากนัก
แต่กลับเป็นเพราะรักที่ยังอยู่ในใจคุณนั่นเอง
ที่ทำให้คุณปล่อยวางลงไม่ได้

ธรรมชาติของรัก มักไม่ให้โทษแก่ใคร
เพียงแต่อาจปรุงแต่งให้หัวใจพองฟูจนลืมนึกถึงความจริงที่ว่า
มีวันที่รักมา ก็อาจมีวันที่รักไปได้ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม
หลายคนจึงอดหลงไหลได้ปลื้มกับมันไม่ได้ในยามที่มันอยู่
เรามักหลอกตัวเองว่า เพราะเรารักเขามาก
เขาคงเห็นความดีความตั้งใจของเรา
และรักเราตอบบ้าง ไม่มากก็น้อย

และเมื่อเขาตอบรับรักของเรา
ความฟูของหัวใจ มักทำให้เราก้าวล่วงไปถึงการรู้สึกยึดมั่น
ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรา เป็นเหมือนทรัพย์สินส่วนตัวทางใจอย่างหนึ่ง
ที่จะต้องอยู่กับเราทุกครั้งที่เราต้องการ นานเท่าที่เราปรารถนา

ความรู้สึกอันนี้แหละ คือจุดเริ่มของความเจ็บปวดทั้งมวล
เพราะมันฝืนกฎธรรมชาติ
ไม่ได้บอกว่า ... รักต้องลงเอยด้วยความเศร้าเสมอไป
เพียงแต่ถ้าเขาจะอยู่ เขาจะไป
จะรักคุณมากขึ้น คงเดิม หรือหดน้อยถอยลง
ก็จะเป็นเพราะคนสองคน
ไม่ใช่ความต้องการของเราฝ่ายเดียว หรือเขาฝ่ายเดียว

ชีวิตเป็นเรื่องซับซ้อนเข้าใจยาก ... แต่ในความซับซ้อนนั้น
มันก็เรียบง่ายอย่างที่เรานึกไม่ถึง
เพราะไม่ว่าสิ่งไหน เรื่องอะไรสารพัดสารพัน
ทุกอย่างล้วนแต่อยู่ในกฎเดียวกัน
มันจะ เกิดขึ้น ... ตั้งอยู่ ... แปรสภาพ แล้วก็จบลง

รักที่สมหวังอยู่กันจนแก่เฒ่า ก็หนีไม่พ้นกฏข้อนี้
เพราะวันหนึ่ง ไม่เราก็เขาก็ต้องตายจากกัน
สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า ... วันนี้เขาอยู่หรือจากไป

สำคัญที่ว่า ... ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี ... ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้
ถึงวันนี้จะยังร้องไห้ ก็คงไม่กระไร เพราะชีวิตก็เป็นแบบนี้
มีวันที่เลวร้าย มีวันที่สวยงาม มีวันที่ว่างเปล่า
สุขก็อยู่กับเราไม่นาน ทุกข์ก็อยู่กับเราไม่นาน
สุขเคยแวะผ่านมาแล้วก็ไป
ทุกข์ก็เป็นเฉกเช่นกัน
ร้องไห้แล้วก็อย่าร้องเปล่า ๆ
มองให้เข้าใจสัจธรรมของชีวิตไปด้วย

ได้แต่อวยพรให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้น
เติบโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น แต่อย่าแข็งกร้าว
ขอให้อ่อนโยนแต่เข้มแข็ง
และขอให้วันใหม่ในชีวิตมาถึงในอรุณรุ่งของวันพรุ่งนี้

วันที่เราจะไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป

กลับไปข้างบน