ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
คัดลอกมาจากบทความของ
อาจารย์นงลักษณ์
สุขวาณิชย์ศิลป์
อาจารย์ภาควิชา Pharmacology
คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล |
Last update : 13/02/43
|
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
หรือ
ยาคุมกำเนิดภายหลังการร่วมเพศ
มีชื่อเรียกต่างๆกัน ได้แก่
Postcoital pills, morning-after pills และ Emergency Contraceptive pills
ใช้คุมกำเนิดในหญิงที่เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
เช่น
กรณีที่เกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น
(ถุงยางอนามัยเกิดขาด
หรือรั่ว ลืมกินยาเม้ดคุมกำเนิด
เป็นต้น) หรือ
มีการร่วมเพสผิดจารคตประเพณี
( เช่น พ่อกับลูก )
หรือถูกข่มขืน
โดยเริ่มรับประทานยาภายใน 72
ชั่วโมงหลังมีการร่วมเพศ
การจะเริ่มต้นรับประทานยาช่วงใดก็ตามภายใน
72 ชั่วโมงหลังการร่วมเพศ
ล้วนให้ประสิทธิผลในการคุมกำเนิดพอๆกัน
อย่างไรก็ตาม
ควรคำนึงถึงการใช้ยาครั้งต่อไปด้วย
เช่นไม่ควรเริ่มรับประทานยาตอนบ่ายสามโมง
เพราะการรับประทานครั้งต่อไปซึ่งต้องห่างกัน
12 ชั่วโมง
จะตรงกับเวลาตีสาม
จึงควรเลื่อนไปเริ่มเวลาหนึ่งหรือสองทุ่ม
เป็นต้น
สำหรับ IUD
ที่ใช้เพื่อการคุมกำเนิดฉุกเฉิน
ให้เริ่มใสห่วงภายใน 5
วันหลังการร่วมเพศ
Ethinyl Estradiol + Norgestrel |
Ethinyl Estradiol 100
mcg+ Norgestrel 1 mg 2 ครั้ง ห่างกัน 12
ชั่วโมง |
สูตรนี้มีชื่อเรียกว่า
Yuzpe Regimen
ค้นพบโดยแพทย์แคนาดา ชื่อ
Yuzpe |
Ethynyl Estradiol |
2.5 mg วันละ 2
ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง |
|
Conjugated Estrogen |
วันละ 30 mg นาน 5
วัน |
|
Estrone |
5 mg วันละ 3
ครั้ง นาน 5 วัน |
|
Diethylstilbestrol |
25 mg วันละ 2
ครั้ง นาน 5 วัน |
|
Levonorgestrel |
0.75 mg 2 ครั้ง
ห่างกัน 12 ชั่วโมง |
|
Danazol
อยู่ระหว่างศึกษาหาขนาดยาที่เหมาะสม |
400 mg 2-3 ครั้ง (หรือ
800mg 3 ครั้ง หรือ 800-1200 mg 2 ครั้ง )
ห่างกัน 12 ชั่วโมง |
เป็นแอนโดรเจนสังเคราะห์ที่เป็นอนุพันธ์
Ethisterone ( Ethinyl Testosterone ) |
Mifepristone |
600 mg
ครั้งเดียว |
เป็นสเตอรอยด์สังเคราะห์
มีฤทธิ์แรงในการต้านโปรเจสเตอโรน
นำมาใช้ร่วมกับโปรสตาแกลนดินในการทำให้แท้งบุตร
แต่ได้มีการศึกษาเพื่อนำมาใช้คุมกำเนิดฉุกเฉิน
พบว่าให้ประสิทธิผลดี |
IUDs, Intrauterine Devices |
ใส่ห่วงเพื่อคุมกำเนิดฉุกเฉิน
โดยเริ่มใส่ห่วงภายใน 5
วันหลังมีการร่วมเพศ |
ไม่ใช่ยา
แต่ขอนำมากล่าวไว้ด้วย |
โดยทั่วไปในการร่วมเพศหนึ่งครั้งมีโอกาสตั้งครรภ์
0-26%
หากมีการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินแบบ
Yurzpe Regimen อย่างถูกต้อง คือ
เริ่มรับประทานยาภายใน 72
ชั่วโมงหลังการร่วมเพศ
จะช่วยลดอัตราการตั้งครรภ์ลงได้ประมาณ
75 %
สำหรับการใช้ IUD
ในการคุมกำเนิดฉุกเฉิน
โดยเริ่มใส่ห่วงภายใน 5 วัน
หลังการร่วมเพศ
ให้ประสิทธิผลสูงกว่า Yurzpe
Regimen คือ ได้ถึง 90-99%
กลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ทราบชัดเจน
แต่คาดว่าเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่ใช้ร่วมกัน
ตลอดจนยาชนิดอื่นๆ
อาจออกฤทธิ์โดยรบกวนการทำหน้าที่ตามปกติของรังไข่
รบกวนความพร้อมของชั้นบุโพรงมดลูก
( Endometrium )
ที่จะรองรับไข่ที่ผสมแล้ว
ตลอดจนเร่งการเคลื่อนไหวของท่อนำไข่
ทำให้ไข่ที่ผสมแล้วถึงมดลูกเร็วเกินไป
ในขณะที่มดลูกยังเตรียมตัวไม่พร้อม
ไข่ที่ผสมแล้วจึงไม่อาจฝังตัวได้
สำหรับ IUD
ก็เช่นเดียวกัน
ออกฤทธิ์โดยก่อให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบบริเวณชั้นบุโพรงมดลูก
ทำให้ไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว
นอกจากนี้ยังเร่งการเดินทางของไข่ให้เคลื่อนผ่านท่อนำไข่ไปอย่างรวดเร็ว
(หาก IUD
นั้นมีทองแดงเป็นส่วนประกอบด้วย
ทองแดงยังอาจเป็นพิษต่อไข่ที่ผสมแล้ว
)
อาการที่พบบ่อย
ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน
ซึ่งอาจต้องให้ยาระงับการอาเจียนร่วมด้วย
( เช่น Dimenhydrinate 50-100mg ทุก 4-6
ชั่วโมง หรือ Promethazine 25mg ทุก 12
ชั่วโมง เป็นต้น )
อาการอื่นๆที่พบ
ได้แก่ เจ็บเต้านม
ปวดมวนในท้อง
ปวดศรีษะและวิงเวียน
อาการต่างๆเหล่านี้
มักเป็นชั่วคราว
และหายไปภายใน 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้เนื่องจากใช้ยาในระยะสั้นแม้จะใช้ในขนาดสูงก็ตาม
- การใช้ผิดวัตถุประสงค์
ยาเหล่านี้ใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
แต่มีความเข้าใจผิดคิดว่าสามารถนำมาใช้ได้เป็นประจำภายหลังที่การร่วมเพศทุกครั้ง
การใช้พร่าเพรื่อก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้หลายประการ
- ปัญหาทางเพศ
อาจมีการร่วมเพศที่ขาดการไตร่ตรองเพิ่มมากขึ้นในหมู่วัยรุ่น
- การแพร่เชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เนื่องจากวิธีคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ได้ช่วยป้องกันโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
จึงต่างจากการใช้ถุงยางอนามัย
อีกทั้งผู้ใช้บางรายเข้าใจผิดคิดว่ายาช่วงป้องกันโรคดังกล่าวได้
จึงขาดความระมัดระวัง
- การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
เนื่องจากประสิทธิผลของยาด้อยกว่าวิธีคุมกำเนิดตามปกติที่ใช้ทั่วไปอย่างมาก
หากใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยใช้เป็นประจำหลังการร่วมเพศทุกครั้ง
ทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้สูงกว่า
|