ids-thai
|
น่าจะเป็นไปได้ที่มีการติดเชื้อซ้ำเติมด้วยเชื้อเฮชไอวีที่ดื้อต่อยาต้านไวรัส J.B Angel and investigators from Ottawa Hospital: ได้รายงานผู้ป่วยหนึ่งราย ผู้ป่วยชาย ก.เป็นผู้ ติดเชื้อเฮชไอวีขณะที่รับประทานยาต้านไวรัสไม่สามารถตรวจเชื้อไวรัสโหลดได้ ต่อมาไวรัสโหลดเพิ่มขึ้นและ CD4 มีจำนวนลดลงหลังจากมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนชายรายใหม่ ( ผู้ป่วยชาย ข. ) ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อเฮชไอวีเหมือนกัน และรับการรักษาด้วยยา d4T+3TC+NFV ในเวลานั้น จากการวิเคราะห์พันธุกรรมยีนพบว่าไวรัสในผู้ป่วยทั้ง สองรายเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไวรัสสายพันธ์ที่มียีนกลายพันธ์ที่ดื้อต่อยาพบทั้งสองราย ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่พบ สายพันธ์นี้ในตัวอย่างเลือดของผู้ป่วย ก. ที่เก็บไว้เมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่ผู้ป่วย ข. ไม่ได้ตรวจเลือดไว้ก่อนที่จะมีความสัมพันธ์ทางเพศ ว่ามีไวรัสสายพันธ์ไหน ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ว่า มีการแพร่เชื้อไวรัสจากผู้ป่วย ข.ไปสู่ผู้ป่วย ก. แต่เป็นข้อชวนให้คิดว่าไวรัสสายพันธ์ที่ดื้อต่อยาสามารถแพร่เชื้อทางเพศ สัมพันธ์ระหว่างผู้ติดเชื้อเฮชไอวีด้วยกัน. ยังผลทำให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสล้มเหลวในผู้ป่วย ก.ซึ่งแต่ก่อนใช้รักษาได้ ดี. ผู้ป่วยทั้งสองรายติดเชื้อเฮชไอวียังคงมีเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อที่ดื้อต่อยาให้กัน และกันและป้องกันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ตัวอื่นได้อีกด้วย from: HIV InSite's Summary of the 7th Conference on Retroviruses and Opportunistic Infections. Feb 03, 2000 |