ความเป็นอยู่ของคนไทยโดยภาพรวมค่อนข้างเรียบง่ายซึ่งอาศัยปัจจัยพื้นฐานทางธรรม
ชาติเป็นหลักในการดำรงชีวิต ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมักจะมีความพอดีอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว
จึง
ไม่จำเป็นต้องขวนขวายมากนัก ในการที่จะต้องทำให้ปัจจัยต่างๆ เหล่านั้นดีขึ้นประกอบ
กับคนไทยส่วนใหญ่ยึดถือแนวทางของศาสนาพุทธที่สอนให้เดินบนทางสายกลาง ไม่เอา
เปรียบกัน และสอนให้รู้จักคำว่า "ให้" ทำให้คนไทยดูเหมือนเป็นคนไม่กระตือรือร้น
มีชี
วิตอยู่ไปวันๆ แล้วแต่ดินแต่ฟ้า เนื่องจากความพร้อมแห่งปัจจัยดังกล่าว
แต่เคยมีนักเดินทางชาวยุโรปที่เข้ามาในไทยเมื่อสมัยตอนปลายอยุธยา ได้กล่าวถึงคนไทย
เอาไว้ว่า คนไทยจะดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีที่ได้อยู่ในเรือ แม้แต่เด็กซึ่งอายุเพียง
12-13 ปี
ก็ดูเหมือนมีความคล่องตัวเป็นอย่างมากในการใช้เรือ และถ้าจะกล่าวว่าคนไทยเป็น
"ชาว
น้ำ" ก็คงไม่ผิดนัก
แต่ภายใต้รูปแบบชีวิตที่ดูเหมือนเรียบง่ายและไม่ขวนขวายนั้น ก็ยังแฝงไว้ด้วยระเบียบแบบ
แผน และขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม ที่คนไทยยึดถือและปฏิบัติกัน
มาช้านานเช่น ระบบอาวุโส ซึ่งผู้น้อยต้องเคารพผู้ใหญ่ การดูแลผู้ใหญ่เมื่อยามแก่เฒ่า
และ
ที่ สำคัญคือระบบบ้านพึ่งวัดและวัดพึ่งบ้าน วัด ที่ดูจะมีความหมายมากสำหรับคนไทยตั้ง
แต่เกิดจนตาย ชีวิตของคนไทยก็ตองผูกพันอยู่กับวัดตลอดเวลา ดังจะเห็นได้ว่า
จะมีวัดตั้ง
อยู่ในทุกๆชุมชนที่นับถือพุทธศาสนา และวัดก็จะเป็นศูนย์กลางของชุมชนนั้นๆ
เพื่อประ
กอบพิธีกรรมทางศาสนา หรือเป็นที่ชุมนุมของผู้คนในชุมชนแห่งนั้นในวาระสำคัญต่างๆ
เช่นเมื่อมีการเกิด พ่อและแม่ของเด็กที่เกิดใหม่ก็จะไปที่วัดเพื่อให้พระตั้งชื่อให้
พออายุได้
2 - 3 เดือน ก็จะนิมนค์พระมาทำพิธีโกนผมไฟ โตขี้นก็มาวิ่งเล่นกันในวัด
และติดตาม
พ่อแม่ไปวัดในโอกาศต่างๆ จนเมื่อเด็กผู้ชายมีอายุถึงวัยพอสมควร ก็ส่งมาอยู่ที่วัดในฐานะ
เด็กวัดหรือบวชเป็นสามเณร เพื่อศึกษาเล่าเรียนในวิชาการเบื้องต้น และเพื่อฝึกความประ
พฤติ พออายุได้ 20 ปีก็จะบวชเป็นพระ เพื่อศึกษาวิชาการต่างๆที่สูงขึ้นและลึกซึ้งขึ้นเช่น
การอ่าน เขียน ทั้งภาษาไทยและภาษาบาลี รวมทั้งเรียนศิลปป้องกันตัว เช่นดาบ
มวย
การทำศึกและตำราพิชัยสงคราม ซึ่งถือเป็นวิชาการของลูกผู้ชายที่สมควรจะต้องเรียนรู้
เมื่อสึกจากพระออกมาก็จะแต่งงาน โดยจะนิมนต์พระมาทำพิธีและให้พรที่บ้าน
จนกระ
ทั่งเมื่อมีคนตายก็ต้องเผากันที่วัด
จะเห็นได้ว่า วัดมีความสำคัญอย่างมากในระบบของสังคมไทย โดยวัดจะเป็นที่พึ่งของ
คนในด้านกำลังใจและการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ส่วนคนก็จะเป็นที่พึ่งของวัดทาง
ด้านปัจจัยอุดหนุนเช่น บริจาคเงิน สิ่งของ อาหาร และแรงงาน เป็นต้น
สังคมไทยเป็นสังคมเกษตร ซึ่งต้องอาศัยน้ำเป็นหลักในการดำรงชีวิตและทำการเกษตร
คนไทยจึงนิยมสร้างบ้านสร้างเมืองให้อยู่ใกล้กับแหล่งน้ำ คนไทยจึงมีวัฒนธรรมและ
ประเพณีหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับน้ำเช่น ลอยกระทงสงกรานต์ ทั้งพิธีกรรมและการ
ละเล่นต่างๆที่มีเล่นกันในนาเมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจการเก็บเกี่ยว หรือในยามหน้าแล้ง
เช่น การลงแขกเกี่ยวข้าวและเล่นเต้นกำรำเคียวเป็นต้น
เรื่องของวัฒนธรรมทางเพศ สังคมไทยมีการแบ่งแยกชายกับหญิงไว้อย่างชัดเจน
ไม่มี
โอกาศได้พบกันมากนัก ยกเว้นในงานรื่นเริงหรือในงานพิธีต่าง ๆ เนื่องจากสังคมไทย
ได้ยกย่องผู้ชายให้เป็นผู้นำและผู้หญิงคือผู้ตาม หญิงต้องเรียนรู้งานบ้านและเป็นผู้ให้
บริการ รวมทั้งต้องรักษาพรหมจรรย์เอาไว้จนถึงวันแต่งงาน ส่วนผู้ชาย ไม่ได้ถูกสอน
ให้เป็นผู้ให้บริการ แต่สอนให้เป็นผู้นำและรับบริการ ชีวิตผู้ชายไทยจึงค่อนข้างอิสระ
ผิดกับฝ่ายหญิง ที่ถูกกีดกันในสังคมเกือบทุกทาง
ประเพณีไทย
ประเพณี คือสิ่งที่คนสร้างขึ้น และเกี่ยวข้องอยู่กับคนส่วนรวมในหมู่คณะหรือในสัง
คม ถ้าไม่มีคน ประเพณีก็มีขึ้นไม่ได้ หรือถ้าไม่มีประเพณีสังคมและส่วนรวมก็ดำรง
อยู่ไม่ได้ เพราะประเพณีเป็นทางให้คนในสังคมสามารถดำเนินชีวิตในหมู่ของพวก
ตนได้อย่างราบรื่น ประเพณีจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตามเวลาที่เปลี่ยนไป
มากบ้าง น้อยบ้าง ในสังคมที่ต่างกัน อาจมีการผสมผสานประเพณีเข้าด้วยกัน
หรือมีการเลียนแบบกัน ดีบ้าง เสียบ้าง จนบางครั้งก็จับเค้าเดิมไม่ได้
หรือหาเหตุ
ผลมาอ้างไม่ได้ ประเพณีบางอย่างก็เลิกกันไป บ้างก็ตัดออกไปเพียงบางส่วน
บ้าง
ก็ยังคงปฏิบัติกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ประเพณี คือสิ่งที่ทำให้ชนชาติไทยังคงดำรง
ความเป็นคนไทมาตราบจนทุกวันนี้
เสถียร โกเสฐ