INSIDE UNTAET
PKF
พล.ต.สมิทธ์ รอง ผบ.กกล. UNTAET
PKF
พล.ต.สมิทธ์ได้เข้าเยี่ยมคำนับหัวหน้าผู้บริหารเมืองเบาเกาของUNTAET
(district Administration) เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๔๓
ตอนหนึ่งในข้อห่วงใยในการปฏิบัติงานในติมอร์ฯ รอง ผบ.กกล.UNTAET กล่าวว่า
ขณะนี้ พล.ท.ซานโตส ผบ.กกล.ฯ ไปเยี่ยมคำนับ รมว.กห.อินโดนีเซีย
ที่ประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งน่าจะทำให้ PKF กับ
อินโดนีเซียมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น แต่เดิมนั้น INTERFET
นำมาซึ่งความปลอดภัย ซึ่ง UNTAET ก็ยังต้องคงเจตนารมย์นี้อยู่และเพิ่มเติม
ในเรื่องการทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่สูญไปกลับคืนมา ในขณะนี้มีคนมองว่า PKF
มีจำนวนคนมาก ซึ่งความจริงแล้วยังจะไม่มีผลในขณะนี้ แต่จะต้องลดกำลัง ลงในอนาคต
แต่ถ้าลดกำลังแล้ว DA.จะไม่รู้สึกปลอดภัยและเราไม่ต้องการให้คนพูดว่า PKF
ใช้งบประมาณมาก จึงต้องลดจำนวนทหารลงและสถานการณ์ในปัจจุบันไว้วางใจได้แล้ว
เนื่องจากทั้งพื้นที่มีความร่วมมือกันดีทั้ง DA., PKF., CIVPOL, UNMO
ดังนั้นจึงมีความคิดที่จะจัดตั้ง District Community Security
ขึ้นมาเพื่อให้เกิดความสงบสุขมากขึ้น สิ่งที่อยากจะให้เกิดต่อชาวติมอร์ก็คือ
คนติมอร์จะต้องมีและสนับสนุน Civil Government และ PKF ซึ่งต้องทำงานภายใต้ Civil
Government (รัฐบาลพลเรือน) DA.ควรจะจัดการประชุมกับทุกๆ ฝ่ายเป็นประจำ PKF
เป็นส่วนหนึ่งของ UNTAET เพราะฉะนั้น ต้องช่วยกันปฏิบัติงาน
การทำให้คงอยู่ซึ่งความปลอดภัย ถือว่าเป็นหัวใจหลักของภารกิจของ PKF
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน PKF จะมีงานบางอย่างเพิ่มขึ้น
เช่น การซ่อมถนน
ซึ่งเราหวังว่าเราจะทำได้และ พ.อ.นภดล ฯ ก็หวังว่าจะทำได้เช่นกัน
ซึ่งภารกิจนี้อยู่ในงานด้านกิจการพลเรือนและจะต้องเน้นหนักไปในงานของทหารช่าง ซึ่ง
พัน.ร.ไทย มีขีดจำกัด ในเรื่องนี้
แต่หน่วยทหารช่างของบังคลาเทศและปากีสถานกำลังจะเข้ามาในพื้นที่นี้
ซึ่งจะทำให้ปัญหาเบาบางลง
ข้อห่วงใยของนายทหารพระธรรมนูญ UNTAET PKF
เรื่องที่น่าห่วงคือ
ที่นี่ไม่มีระบบศาลและกระบวนการยุติธรรม ปัจจุบันคนว่างงานมีมาก ซึ่งเป็นปัญหาที่
อันตรายที่สุด ขณะนี้จึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน แต่ก็ติดขัดด้านกฎหมาย
เห็นควรที่จะต้องมีเรือนจำ เพราะเป็นการป้องปราม การเข้ามาของ UN
นั้นจะต้องมีทั้งการให้,การพัฒนา,การช่วยเหลือประชาชนและ การลงโทษด้วย