โรคมาลาเรีย
เนื่องจากมาลาเรียยังเป็นปัญหาสำคัญทำให้กำลังพลของกองทัพบก ที่ทำการฝึกหรือปฏิบัติในภูมิประเทศที่มีเชื้อมาลาเรียแพร่กระจายสูง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมาลาเรียบางรายถึงกับเสียชีวิต หน่วยเวชกรรมป้องกัน กองทัพบกขอแนะนำให้ทราบ สาเหตุ อาการ รวมทั้งวิธีการป้องกัน
และการควบคุมโรคมาลาเรีย ดังต่อไปนี้
สาเหตุ โรคมาลาเรียเกิดจากเชื้อมาลาเรีย Plasmodium ซึ่ง
เชื้อ โปรโตซัว เชื้อมาลาเรียมีอยู่หลายชนิดแต่ที่พบมากที่สุดในประเทศไทยเรามีอยู่เพียง 2 ชนิด
1.Plasmodium Falciparum
2.Plasmodium Vivax
เชื้อมาลาเรียติดต่อกันโดย"ยุงกันปล่อง"ไปกัดผู้ที่มีเชื้อมาลาเรีย
อยู่แล้ว ซึ่งเชื้อจะเจริญในยุงจนเป็นระยะติดต่อแล้วเข้าสู่ต่อมน้ำลายยุง เมื่อยุงกัดคนก็จะปล่อยเชื้อเข้าสู่คน เชื้อจะเจริญเติบโตในเซลล์ตับ
และเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกและจะทำให้เกิดอาการต่างๆขึ้น ระยะเวลาตั้งแต่เชื้อมาลาเรียเข้าสู่ร่างกายของคนจนเกิดอาการ
(ระยะฟักตัว) ประมาณ 14 วัน อาการสั้นหรือยาวกว่าแล้วแต่ชนิดของเชื้อภูมิต้านทานของผู้ป่วยและการรับประทานยาป้องกันมาลาเรีย
พื้นที่ที่พบว่ามีเชื้อมาลาเรียระบาดสูงคือพื้นที่ที่มียุงก้นปล่องชุกชุม มักเป็นพื้นที่ป่าเขาโดยเฉพาะบริเวนชายแดนไทย - พม่า และ ไทย - กัมพูชา
ที่มีแหล่งน้ำขัง จึงพบผู้ที่ป่วยเป็นมาลาเรียมากในฤดูฝน
อาการ เริ่มด้วยอาการไม่สบาย 2 - 3 วัน ต่อมามีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ
ปวดเมื่อย คลื่นใส้ อาเจียน มักมีไข้เป็นพักๆ ถ้าเชื้อเป็นชนิด Palciparum อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง น้ำตาลในเลือดต่ำ
เหลือง ซีด ปัสสาวะต่ำ ไตวาย ปอดบวมน้ำ ทำให้เสียชีวิตได้
การป้องกัน
1. การป้องกันโดยทั่วไป
การป้องกันส่วนบุคคล
ชี้แจงให้กำลังพลเข้าใจเรื่องมาลาเรีย และยุงพาหะและป้องกันไม่ให้ยุงกัดเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยใช้วิธีการดังนี้.--
- นอนในมุ้งหากชุบมุ้งด้วยสาร Permethrin จะดียิ่งขึ้น
- ขณะอยู่ในบริเวณหรือปฏิบัติการในสนามเวลากลางคืน ให้สวมเสื้อผ้าที่รัดกุม โดยใส่เสื้อผ้าแบบยาว กางเกงขายาว เช่นชุดฝึก หากชุบด้วยสาร Permethrin
จะได้ผลดียิ่งขึ้น
- ใช้ยาทาไล่แมลง โดยทาบริเวณผิวหนัง ซึ่งอยู่นอกเสื้อผ้า เช่น มือ - คอ ทาลึกเข้าไปในเสื้อผ้าพอสมควร(ห้ามไม่ให้ถูกริมฝีปากและตา) รวมทั้งบริเวณ
เสื้อผ้าที่ยีดตึงและยุงสามารถกัดผ่านทะลุเสื้อผ้าได้ เช่น ใหล่ สะโพก การทายา ครั้งหนึ่งอาจป้องกันไม่ให้ยุงกัดได้นานประมาณ 2 - 4 ชม.
การควบคุมพาหะและสิ่งแวดล้อม
- การเลือกที่พักแรม ควรอยู่ห่างจากแหล่งน้ำที่มีเชื้อมาลาเรียแพร่กระจายสูง หรือแหล่งเพาะพันธ์ยุงไม่น้อยกว่า 2 กม.
- การใช้มุ้งลวดกันยุงตามประตู หน้าต่าง ของอาคาร ส่วนประตูควรปิดบานพับ สปิง เปิดออกข้างนอก และปิดได้เอง ถ้าใช้เต๊นท์ ทางเข้าของเต๊นท์มีมุ้งห้อย
ปิดกั้นแบบม่าน
- การทำลายยุงโดยการพ่นสารเคมีกำจัดแมลง เช่น D.D.T.,Permethrin ในที่พักและบริเวณใกล้เคียง
- การกำจัดลูกน้ำโดยใช้สารเคมี เช่น ทราย Abate หรือใช้สิ่งมีชวิต เช่น ปลาหางนกยูงกับลูกน้ำ
- การควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุง สำหรับหน่วยทหารที่ตั้งอยู่นานต้องกำจัดแหล่งเพาะพันธ์โดยการระบายน้ำขังออก การถมแหล่งน้ำ ขุดลอกลำธาร คู ให้น้ำใหลได้
สะดวก กำจัดวัชพืช สูบน้ำเข้า - ออก เพื่อเปลี่ยนระดับน้ำ รวมทั้งทำลายแหล่งภาชนะอื่นๆ
2. การใช้ยาป้องกัน
ไม่นิยมให้ใช้ เพราะจะทำให้เชื้อดื้อยา เกิดการแพ้ยา หรืออาการข้างเคียงของการใช้ยาได้ยกเว้นกรณีจำเป็นให้ปรึกษา กรมแพทย์ทหารบกก่อน
การรักษา
ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกองมาลาเรีย กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข และกรมแพทย์ทหารบก ซึ่งจะมีการแก้ไขตามระบาดวิทยาของโรคและการดื้อยา
ของเชื้อมาลาเรีย
ในกรณีที่ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อมาลาเรีย เมื่อมีอาการที่น่าสงสัยว่าจะเป็นมาลาเรีย และไม่สามารถเจาะเลือดเพื่อการตรวจการติดเชื้อได้ให้
รับประทานยา 2 วัน วันแรกรับประทานยา Artesunate 50 mg 6 เม็ด ร่วมกับ Mefloquine 250 mg 3 เม็ด วันที่ 2 รับประทานยา Artesunate 50 mg 6 เม็ด ร่วมกับ Mefloquine 250 mg 2 เม็ด โดยรับประทานวันละครั้งเดียวหลังอาหาร
เมื่อออกจากพื้นที่หรือมีโอกาสควรได้รับการเจาะเลือดตรวจวินิจฉัย การติดเชื้อมาลาเรียโดยเร็วที่สุด
กลับสู่หน้าหลัก I
การช่วยชีวิตฉุกเฉิน I
ระบบทางเดินอาหาร I
อุบัติเหตุ สารพิษ I
ระบบทางเดินหายใจ I
ดูอาการ I
อุบัติเหตุ สารพิษ I
การชุบมุ้ง I
การปฏิบัติงานในสนาม