แผงวงจรหลักและส่วนประกอบ

( ATX ) ( Chipset ) ( ศัพท์เทคนิค ) ( Socket ) ( Port ) ( Bus )

ATX Form Factor เป็นรูปแบบการจัดวางวงจรบน แผงวงจรหลัก ให้มีความกระชับขึ้นกว่า แผงวงจรหลัก แบบเก่า คือ AT เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของ แผงวงจรหลัก ดีขึ้น เช่น การย้ายตำแหน่งของ CPU Socket ให้อยู่ไกลจาก Slot เพื่อให้การติดตั้ง Card สามารถทำได้สะดวกโดยไม่ติดขัดกับ CPU , การย้ายตำแหน่ง หน่วยความจำ Socket ให้อยู่ใกล้กับ CPU และ Slot เพื่อให้การรับส่งข้อมูลระหว่าง CPU , หน่วยความจำ และ Card สามารถทำได้รวดเร็วขึ้นกว่าแบบ AT Form
ATX มีพอร์ต ขนาน คอม1, คอม2, ขั้วต่อแป้นพิมพ์และเมาส์ แบบ PS/2 อยู่บนบอร์ด
ขณะที่ AT ต้องต่อสายจากบอร์ดไปยังด้านหลังเคสและ ATX สามารถใช้คุณสมบัติเปิดเครื่องโดยเคาะ Space bar ได้โดยไม่ต้องกดปุ่มเปิดสวิทช์ และเปิดเครื่องได้ด้วยสัญญาณแฟกซ์ที่เข้ามาจากโมเดม ปิดเครื่องโดยไม่ต้องกดปุ่มปิดสวิทช์เพาเวอร์ (soft power off) และมีสัญญาณ EMI ต่ำ ทำให้มีสัญญาณรบกวนน้อย
ATX มีประสิทธิภาพ และการระบายความร้อนดีกว่า AT นิดนึง ,Connector ที่จะต่อลงM/B ใช้แทนกันไม่ได้
และ ATX ไม่มีปลั้กให้สำหรับ จอภาพ เสียบเหมือนแบบ AT
ATX FormAT Form

Chipset 430 TX

แผงวงจรหลักที่ถูกออกแบบเพื่อทำงานร่วมกับซีพียูเพนเทียม MMX มีชื่อว่า 430 TX ซึ่งเป็่นแผงวงจรหลักที่ทางอินเทลพัฒนาขึ้น โดยอนุกรมของ 430 นี้จะเป็นแผงวงจรหลักที่ถูกใช้กับซีพียูเพนเทียมเป็นหลักและในอนุกรม 440 จะใช้กับเพนเทียมโปร

ตารางรายละเอียดแผงวงจรหลัก 430 TX
Package	1PQFP, 1MBGA
Dual / Multi CPU Support	No
Max.L2 Cache Size	512 KB-Pipelined Burst
DRAM Support	256 MB-6 RAS lines
MAX.Cacseable DRAM	64 MB
DRAM ECC Support	No
DRAM Refresh	CAS before RAS
No.off CPU Write Buffers	Don't know
PCI Spectification	2.1
USB Support	Yes
ATA-33 Extenstion	Yes
PIO Master/Slave Independent Drive Timing	Yes
DMA Bus Master Support	Yes

430 TX เป็นแผงวงจรหลักรุ่นสุดท้ายที่จะรองรับการทำงานของซีพียูในอนุกรมเพนเทียมที่พัฒนาโดยอินเทลซึ่งอินเทล คาดหวังที่จะพลักดันให้ผู้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง ๆ วิ่งเข้าสู่เพนเทียมสองของตนเองซึ่งเป็นอีกรุ่นหนึ่งของเพน เทียมโปร โดยได้มีการพ่วงเอาเทคโนโลยีของ MMX ไว้ด้วย หรือเป็นซีพียูที่รู้จักกันในชื่อของ Klamath นั่นเอง การออกแบบ 430 TX ยึดรูปฟอร์มของ ATM เอาไว้อย่างสมบรูณ์ นั่นคือการติดตั้งซีพียูและ หน่วยความจำเอาไว้ใกล้ๆ กันซึ่ง จะทำให้การรับส่งข้อมูลระหว่างซีพียูและหน่วยความจำเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากกว่าในแผงวงจรหลักรุ่นเก่า นอกจากนี้แล้วยังมีระบบ อินเทอร์เฟซของ IDE ติดตั้งอยู่ในบริเวณนั้นด้วยและ ด้วยฟอร์มของ ATX จะทำให้การระบายความร้อนภายในเครื่องเป็นไปได้ ด้วยดี โดยมีพัดลมติดตั้งเอาไว้ใกล้ซีพียูเพื่อดูดความร้อนออกไป 430 TX เป็นพัฒนาการต่อเนื่องจาก 430 VX ถึงกระนั้นมัน ก็ยังคงไม่มีการสนับสนุน ECC และระบบหลายซีพียูอยู่ดีอีกทั้งจำนวนหน่วยความจำสูงสุดที่ติดตั้งได้ก็มีเพียง 256 เมกะไบต์ เทคโนโลยีที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใดในบอร์ดรุ่นนี้คือ DMA/33EIDE protocol ซึ่งสามารถเพิ่มอัตราการทำงานของอินเทอรเฟซ EIDE ให้สูงขึ้นถึง 33 เมกะไบต์ต่อวินาที สิ่งที่ TX ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมขึ้นมาจาก VX มีดังต่อไปนี้ 1. SDRAM Timing เป็น 5-1-1-1 จาก VX ที่เป็น 7-1-1-1 ซึ่งทำให้ TX มีความเร็วสูงกว่า 2. สนับสนุน ATA-33 หรือ DMA/33 3. มี 6 CAS lines ในขณะที่ VX มี 4 CAS ซึ่งทำให้บอร์ด TX สามารถติดตั้งหน่วยความจำแบบ SIMM ได้ 6 ชุด หรือ ติดตั้ง DIMM ได้ 3 ชุด โดยบอร์ด VX จะติดตั้ง SIMM ได้ 4 ชุด หรือ DIMM ได้ 2 ชุดเท่านั้น 4. มี PCI Bus มากกว่า 1 ช่อง

กลับไปที่สารบัญ

Chipset 440 BX

ขณะนี้บริษัทอินเทลได้พัฒนาชิปเซ็ตที่ทำงานร่วมกับซีพียูควบคู่กันไปโดยได้เปิดตัวชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า 440 BX ที่สามารถสนับสนุนระบบบัสความเร็ว 100 เมกะเฮิรตซ์ (ชิปเซ็ตรุ่นเดิมจะสนับสนุนแค่ 66 เมกะเฮิรตซ์) และทำงานร่วมกับสล็อต แบบ AGP (Accelerated Graphics Port) ที่มีความเร็วสูงขึ้นได้ ชิปเซ็ตสำหรับ Deshutes ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า 440 BX นี้จะสนับสนุนระบบบัสความเร็ว 100 เมกะเฮิรตซ์ อีกทั้งสามารถรองรับหน่วยความจำของระบบได้มากขึ้นจนถึง 1 กิกะไบต์ได้ (เมื่อใช้ SDRAMs ขนาด 64 บิต) ซึ่งชิปเซ็ต 440 BX นั้นนอกจากจะมีระบบการจัดการหน่วยความจำที่ทำงานได้แม่นยำและ ยืดหยุ่นมากขึ้นได้แล้วนั้นมันยังช่วยสนับสนุนให้ AGP ทำงานได้เร็วขึ้นและ มีการจัดการพลังงานที่ดีขึ้นสำหรับเครื่องโน้ตบุ๊กอีกด้วย

เทคโนโลยี Open Page

ชิปเซ็ต 440 BX ได้ปฎิวัติวิธีการจัดการหน่วยความจำของเพนเทียมทูขึ้นเสียใหม่ โดยเปลี่ยนไปใช้สถาปัตยกรรมแบบ Open Page แทนซึ่งจะช่วยให้ซีพียูสามารถมองเห็นที่ขั้นข้อมูลหรือ Vitual Finger ภายในหน่วยความจำได้มากที่สุดถึง 32 หน้า ในคราวเดียวกัน ซึ่งวิธีดังกล่าวก็คล้ายกับเวลาค้นหาตัวอักษร A - Z ในเอ็นไซโคบีเดียนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ซีพียูจึงสามารถพบและ ดึงข้อมูลจากหน่วยความจำนำไปประมวลผลได้เร็วขึ้น ในขณะที่เพนเทียมรุ่นเก่าจะสามารถมองเห็น Virtual Fingerได้มากที่สุด เพียง 1 หน้าในคราวเดียวเท่านั้น ซึ่งเมื่อไรก็ตามที่ซีพียูต้องการจะดึงข้อมูลไปใช้แต่ละครั้งก็จะต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูลทีละหน้าไป เรื่อยๆ ซึ่งจะสู้โพรเซสเซอร์เพนเทียมทูรุ่นใหม่ไม่ได้ ซึ่งทางอินเทลได้อ่างว่าวิธีการแบบใหม่นี้จะช่วยให้ความเร็วในการทำงานเกี่ยว กับกราฟิกเพิ่มขึ้นอีก 5% โดยประมาณ ข้อดีอีกอย่างของชิปเซ็ตรุ่นนี้ก็คือในขณะที่ชิปเซ็ตกำลังแสกนหน่วยความจำอยู่นั้นมันจะสามารถตรวจพบบิตที่ผิดพลาด ในข้อมูล 1 ไบต์ ได้ในทันทีก่อนที่ข้อมูลจะถูกส่งต่อไปยังซีพียูข้อมูลที่ผิดพลาดนี้ก็จะได้รับการแก้ไขและส่งกลับไปยังหน่วยความจำพร้อมๆ กัน (ในขณะที่เพนเทียมทูรุ่นเก่าไม่สามารถจะทำอย่างนี้ได้) วิธีดังกล่าวทำให้โอกาสที่ซีพียูได้รับข้อมูลผิดพลาดลดลง นอกจากนี้ ชิปเซ็ต 440 BX ก็ยังได้มีการพัฒนาอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด นั่นคือ มันสามารถทำงานร่วมกับระบบบัสที่มีความเร็วสูงขึ้นได้ ซึ่งมีผลทำให้ระบบโดยรวมส่วนใหญ่มีความเร็วเพิ่มขึ้นอีกมากและ ชิปเซ็ตรุ่นนี้เป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของอินเทลที่ ออกแบบมาสำหรับเครื่องโน้ตบุ๊กและ เครื่องเดสก์ทอปและ เราจะได้รับประโยชน์จาก Deshutes อย่างเต็มที่จริงๆ ก็ต่อเมื่อ อินเทลได้เปิดตัวโพรเซสเซอร์ความเร็ว 450 เมกะเฮิรตซ์สำหรับเครื่องเดสก์ทอปและ 300 เมกะเฮิรตซ์ สำหรับเครื่องโน้ตบุ๊กซึ่ง นอกจากความเร็วในการประมวลผลจะเพิ่มขึ้นแล้ว ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลผ่านหน่วยความจำรวมไปจนถึงความสามารถ ในการใช้คุณสมบัติ AGP สำหรับการ์ดแสดงผลความเร็วสูง และระบบบัส 100 เมกะเฮิรตซ์ก็จะใช้ได้ดีตามไปด้วย ผลที่ตามมาก็คือ เราจะได้พบกับเครื่องเพนเทียมทูความเร็ว 450 เมกะเฮิรตซ์ ที่ใช้สล๊อต AGP รุ่น 2X และระบบบัส 100 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งสามารถทำงานได้เร็วกว่าเครื่องเพนเทียมทู 333 เมกะเฮิรตซ์ ประมาณ 40%ในทางปฏิบัติสิ่งนี้นับว่าเป็นการปฎิวัติความเร็ว ครั้งใหญ่เลยทีเดียว แต่สำหรับโน้ตบุ๊กนั้นยังต้องรอระบบบัส 100 เมกะเฮิรตซ์ ไปจนปลายปีนี้และ ยังต้องรอคุณสมบัติของ AGP รุ่นที่สองไปจนกระทั่งปี 2542 และ Chipset 440GX สำหรับเวิร์คสเตชั่นและเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ 1 - 2 ตัว สนับสนุนหน่วยความจำ 2 GB, การ์ด AGP, Slot 2 และ Chipset 450NX สำหรับเวิร์คสเตชั่นและเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ 4 ตัวขึ้นไป สนับสนุนหน่วยความจำ 8 GB,บัส 32 บิต,Slot 2 และการ์ด AGP ซึ่งจะ Support CPU Pentium II XEON

กลับไปที่สารบัญ

Chipset 440 ZX

เป็นรุ่นราคาถูกของ BX
ใช้กับ Pentium II และ III สนับสนุน CPU เพียงตัวเดียว
สนับสนุน SDRAM เพียง 256 MB ไม่สนับสนุน Parity Check

กลับไปที่สารบัญ

Chipset 810(Whitney)

ใช้ระบบบัส 100/133 เมกะเฮิรตซ์ ใช้กับ PC100 SDRAM 100 MHz
ใช้กับ Harddisk แบบ ATA-33/66 MB/s
เพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดที่ 266 ล้านไบท์ต่อวินาที โดยใช้เทคโนโลยี Accelerated Hub Architecture ซึ่งช่วยลดปัญหาคอขวดของ PCI และเพิ่ม bandwidth ในการส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นเท่าตัว และ เพิ่มขีดความสามารถในการโต้ตอบข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น(Real Time Response) และ มี RNG(Random Number Generator)ช่วยในการแปลงรหัสเพิ่มความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลผ่าน Internet

ส่วนในรุ่น 810e จะมีการผนวกความสามารถทางด้าน 3D Graphics(Direct AGP) ทำให้ไม่ต้องซื้อ AGP Graphic Card เพิ่มเติม และยังสามารถรองรับ FSB(Font Side Bus) ที่ความเร็วสูงสุด 133 MHz ได้ด้วย

กลับไปที่สารบัญ

Chipset i820(Camino)

ใช้ระบบบัส 100/133 เมกะเฮิรตซ์ ใช้กับ RDRAM และPC100 SDRAM 100 MHz
ใช้กับ Harddisk แบบ ATA-33/66 MB/s
สนับสนุน AGP 4X เพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผล 3 มิติให้สมจริงยิ่งขึ้น
มีคุณสมบัติ Error Correction Code(ECC)บนบัสของแคช L2
สนับสนุนซีพียู 2 ตัว
เพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดที่ 266 ล้านไบท์ต่อวินาที โดยใช้เทคโนโลยี Accelerated Hub Architecture ซึ่งช่วยลดปัญหาคอขวดของ PCI และเพิ่ม bandwidth ในการส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นเท่าตัว และ เพิ่มขีดความสามารถในการโต้ตอบข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น(Real Time Response) และ มี RNG(Random Number Generator)ช่วยในการแปลงรหัสเพิ่มความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลผ่าน Internet
มีจำหน่ายทั้งแบบ Slot 1และ FC-PGA 370 pin

กลับไปที่สารบัญ

Chipset i840 (Carmel)

เป็นชิพเซตสำหรับ Workstation และ Server
สนับสนุน AGP 4X และ RDRAM
สนับสนุนFSB 133 MHz
สนับสนุนซีพียู 4 ตัว
สนับสนุนการส่งข้อมูลแบบ Dual Channel RDRAM ให้อัตราการส่งข้อมูลสูงสุด 3.2 GB/s
สนับสนุน64 bits PCI(ปกติแค่ 32 bits)
เมมโมรีสูงสุด 8 GB
มีจำหน่ายทั้งแบบ Slot 1และ Slot 2

กลับไปที่สารบัญ

Chipset i850(Tehama)

เป็นชิพเซ็ตสำหรับ Pentium 4 มีความแตกต่างจากชิพเซ็ต i840 ไม่มากนัก โดย
สนับสนุน AGP 4X และมีสล็อตเสียบ RDRAM 4 ช่อง
อินเตอร์เฟสด้วยชิพ ICH2 ซี่งจะให้การรองรับ Ultra ATA/100
สนับสนุนบัส AGTL+ ของ Pentium 4
สนับสนุนการส่งข้อมูลแบบ Dual Channel RDRAM ให้อัตราการส่งข้อมูลสูงสุด 3.2 GB/s แต่ต้องใช้โมดูล RDRAM เป็นคู่
ไม่สนับสนุนการทำงานแบบหลายโปรเซสเซอร์

ความแตกต่างระหว่างบัส AGTL+ ของ Pentium 4 และบัส AGTL+ ที่ใช้ใน Pentium III ก็คือบัสของ Pentium 4 จะใช้ quad pumped 100MHz ซี่งจะให้ผลเสมือนทำงานที่ความเร็ว 400MHz แต่เมื่อมีพื้นฐานมาจากบัสชนิดเดียวกัน ดังนั้น มันยังใช้โปรโตคอลร่วมกันอยู่ ซี่งจะหมายความว่า เมื่อมีการทำงานแบบมัลติโปรเซสเซอร์ของ Pentium 4 ซีพียูแต่ละตัวก็จะใช้แบนด์วิดธ์ที่มีอยู่ 3.2GB/s ร่วมกันที่ได้รับจากบัส 400MHz FSB ทำให้ประสิทธิภาพที่ได้ก็จะลดลงตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามข้อจำกัดนี้ไม่ส่งผลกระทบกับ Pentium 4 ที่ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานเดี่ยวๆ อยู่แล้ว แต่จะมีผลอย่างมากกับซีพียูที่เป็นคู่กัน อย่าง Foster ซี่งจะเป็นเวอร์ชันของ Pentium 4 ที่ใช้กับ Server และสนับสนุน SMP

กลับไปที่สารบัญ

ศัพท์เทคนิคเกี่ยวกับ แผงวงจรหลัก

Chipsets คือ ชุดวงจรไฟฟ้าขนาดจิ๋ว ที่ทำหน้าที่บริหารการส่งผ่านข้อมูลระหว่าง CPU, หน่วยความจำ, Cache, Harddisk และอุปกรณ์ประกอบระบบที่ติดตั้งบนบัส ISA และ PCI รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ช่องสัญญาณ IDE channel

Triton คือ ชุดชิปสำเร็จรูปจากอินเทล ที่ออกแบบเพื่อรองรับการทำงานของ Pentium โดยเฉพาะมีหลายรุ่น เช่น FX, HX, VX, TX, BX, EX,ZX

Bus Master IDE คือ คุณสมบัติที่จัดการเกี่ยวกับการส่งผ่านข้อมูลจาก Harddisk ไปยังหน่วยความจำ โดยขัดจังหวะการทำงานของ CPU น้อยที่สุด เกิดจากการทำงานของ PIIX element ของชุดชิป Triton

PIO Mode (Programmed Input Output Mode) คือ กระบวนการส่งผ่านสัญญาณข้อมูลจากหน่วยความจำสำรอง(harddisk, CD) ไปยังวงจรควบคุม หรือ หน่วยความจำ โดยที่ CPU ทำหน้าที่ควบคุมจัดสรรข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

Concurrent PCI คือ โครงสร้างทางสถาปัตย์ของระบบ PCI พัฒนาจาก INTEL ทำให้สมรรถนะการทำงานและการส่งผ่านสัญญาณในระบบ PCI หรือ ISA ทำงานได้เต็มที่

ESCD คือพื้นที่หน่วยความจำที่คงตัวสูง(Nonvolatile memory) ซึ่ง ระบบ Plug and Paly โดย BIOS และ ICU(Intel Configuration Utility) ใช้บันทึกข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสภาพองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ในขณะนั้น โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ Plug 'n Play

RAS(Row Assign Signal) line คือ ช่องทางทางกายภาพที่ แผงวงจรหลัก ใช้เลือกว่า การส่งผ่านข้อมูลจากหน่วยความจำหลัก SIMMS จะใช้ 2 ด้าน หรือด้านเดียว เนื่องจาก chipsets มักจะจำกัดจำนวน RAS line ไว้ตายตัว ทำให้เป็นเงื่อนไขว่าจะเสียบหน่วยความจำ SIMMS ได้กี่ตัว

COAST (Cache On A Stick) คือ ชุดโมดูลสำเร็จรูปที่ใช้เพื่อเพิ่มหน่วยความจำแคชพิเศษให้กับคอมพิวเตอร์ หรือเรียกว่า L2 Cache

DPMA (Dynamic Power Management Architecture) คือระบบการบริหารการใช้พลังงานของคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการพักงาน(standby) บางอย่างไว้ระหว่างที่คอมพิวเตอร์ไม่ได้รับคำสั่งจากผู้ใช้ ซึ่งจะถูกโปรแกรมไว้ในระดับฮาร์ดแวร์

I2O คือ Controller สำหรับจัดการ I/O แบบใหม่

UART ( Universal Asynchronous Receiver Transmitter ) เป็น Chip ที่ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารทาง Serial Port โดยข้อมูลแต่ละ byte จะถูกส่งไปตามช่องทางเดินข้อมูลที่แยกกันแต่ละ bit แล้ว UART Chip จะแปลงข้อมูลเหล่านี้ เป็นแรงดันไฟฟ้าที่อยู่ในรูป 0 และ 1 แล้วส่งออกไปยัง Modem ที่ต่ออยู่ Modem จะทำการแปลงแรงดันไฟฟ้าเป็นสัญญาณเสียง แล้วส่งออกไปภายนอก ในทำนองกลับกัน หลังจากที่ Modem รับสัญญาณเสียงเข้ามาแล้ว Modem จะทำการแปลงเป็นแรงดันไฟฟ้า แล้ว จะแปลงแรงดันไฟฟ้ากลับเป็น bit ข้อมูลที่ประกอบขึ้นเป็น byte นำไปใช้ใน Computer

กลับไปที่สารบัญ

Socket 7(ZIF-Zero Insertion Force) เป็น Socket สำหรับ CPU Pentium ของ Intel และ ของยี่ห้ออื่นเช่น Pentium 166 - 233 MHz, MMX, AMD K5, K6, IDT C6, Cyrix 6x86 ใช้สำหรับ CPU แบบ PGA 321 ขา

Socket 8 เป็น Socket สำหรับ Pentium Pro ใช้สำหรับ CPU แบบ PGA 387 ขา

Slot 1(SECC-Single Edge Cartridge Connect) มี 242 Contact เป็นเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องของ Intel โดยได้เปลี่ยนไปใช้การอินเตอร์เฟซ Pentium II แทนการใช้ Socket 7 ด้วยเหตุผลดังนี้
1. Slot1 มีความซับซ้อนและรายละเอียดของการทำงานของมันยังไม่เป็นที่เปิดเผย ในตอนที่การออกแบบ โพรเซสเซอร์ของคู่แข่งเริ่มต้น
2. Intel ได้ทำให้เชื่อว่าตนมีสิทธิบัตรระดับที่สามารถพิทักษ์สิทธิ์ของตนจากผู้สร้างระบบที่ใช้โพรเซสเซอร์ที่ ไม่ใช่ Intel

Slot 1 ใช้ระบบบัสที่แตกต่างจาก Socket 7 ทั้งหมด บัส Slot 1 ทำหน้าที่เป็นบัสของ Pentium Pro โดย เฉพาะเป็นแบบที่เน้นไปป์ไลน์สูง ซึ่งอนุญาตให้ทรานสแอกชันเกิดขึ้นขนานกันได้ มันยังอนุญาตให้โอเปอรเรชันของบัส เสร็จสิ้นในลำดับที่แตกต่างจากบัสตอนเริ่มต้นได้ การออกแบบนี้ทำให้มันมีประสิทธิภาพสำหรับมัลติโพรเซสเซอร์มากกว่า บัส Socket 7 มาก ในทางตรงกันข้ามในระบบโพรเซสเซอร์เดี่ยวในระบบตั้งโต๊ะหลักเกือบทั้งหมดข้อได้เปรียบของเรื่องบัส Slot 1 กลายเป็นเรื่องรองข้อได้เปรียบที่มากที่สุดของดีไซน Slot 1 ในระบบดังกล่าวคือบัสที่สองที่ซ่อนอยู่ภายในคาร์ ทริดที่เชื่อมโยงโพรเซสเซอร์เข้ากับแคช SRAM วิธีนี้ Intel เรียกว่า สถาปัตยกรรม Dual Independent Bus ให้ อินเทอร์เฟสของแคชรันได้เร็วกว่าบัสระบบมันยังทำให้ Intel สามารถใช้ความเร็วอินเตอร์เฟซของแคชที่แตกต่างกัน ขณะที่ยังคงรักษาอินเตอร์เฟซของระบบให้คงที่ที่ 266 เมกะเฮิรตซ์ บัสแคช L2 ของ Pentium II รันที่ 133 เมกะเฮิรตซ์ เป็นสองเท่าของความเร็วบัสระบบ 66 เมกะเฮิรตซ์ ในระบบ Pentium นอกจากนี้แบนด์วิดธ์ทั้งหมดของระบบจะเป็น ของหน่วยความจำหลัก และ ทราฟิกอินพุตและเอาพุตขณะที่ระบบ Socket 7 จะต้องรับทราน สแอกชันของแคช L2 ไว้ บนบัสระบบทั้งหมด

Slot 2 เป็น Slot สำหรับ Pentium XEON

Slot A เป็น Slot สำหรับ AMD-K7 Athlon มีลักษณะต่างๆเหมือน Slot 1 แต่ใช้ความถี่บัส 200 MHz และพัฒนาจาก Alpha EV6 bus protocol

Socket 370 pin(FC-PGA=Flip Chip-Pin Grid Array หรือ PPGA=PlasticPGA) เป็นการหวลกลับมาใช้เทคโนโลยีเดิมของ Intel แตกต่างจาก Socket 7 ที่มีรูสำหรับ Pin มากกว่า และการตัดมุมที่แตกต่างกัน โดยมีคุณสมบัติทำให้เกิดความร้อนน้อย และประหยัดเนื้อที่มากกว่า Slot 1 และ CPU ที่ใช้ socket จะมี latency (เวลาที่ cpu ต้องรอก่อนที่จะสามารถส่งสัญญาณออกไปได้) น้อยกว่าแบบที่ใช้ slot
ชนิดของ Socket CPU หลัก CPU ที่upgradeได้ จำนวนรูเสียบขา ใช้กับไฟฟ้า รูป

Old 486 486DX DX2, DX4 75, DX4 100 168 5v

Socket 1 486SX,
486DX DX2, DX4 75, DX4 100 169 5v

Socket 2 DX2,
486SX,
486DX DX2, DX4 75, DX4 100,
Pentium Overdrive 63,
Pentium Overdrive 83 238 5v

Socket 3 DX2, 486SX,
486DX, 486DX4 DX2, DX4 75, DX4 100,
Pentium Overdrive 63,
Pentium Overdrive 83 237 3v/5v

Socket 4 Pentium 60,
Pentium 66 Pentium Overdrive 120, Pentium Overdrive 133 273 5v

Socket 296 Pin Pentium 75,
Pentium 90 Pentium 100 *Rattler systems require MLB
P/N 202654-133 to accept Overdrive 296 3v

Socket 5 Pentium 75-120 Pentium Overdrive
125, 150, 166 320 3v

Socket 6 DX4 Pentium Overdrive 235 3v

Socket 7 Pentium 75-133,
MMX Pentium Overdrive
125, 150, 180, 166, 200,
AMD K5,K6, Cyrix, IDT 321 3v

Socket 8 Pentium Pro
150-200 Pentium Pro Overdrive 387 3.1v/3.3v

Socket 370 pin Celeron 400,
433, 466, 500 Pentium!!! 500, 550 370 1.6/2 v

Socket 423 pin Pentium 4 1.4,1.5 GHz 423 1.6v

Socket A Athlon,Duron
Athlon 700-1.3 GHz Duron 700-900MHz 462 1.6v

Slot 1 Celeron 300-433
PentiumII 333-450 Pentium!!! 450-733 242 2v

Slot 2 Xeon 400, 450 Pentium!!! Xeon 500, 550 330 2v

Slot A AMD K7(Athlon)
500-700 242 1.6v

กลับไปที่สารบัญ

Parallel Port หรือ พอร์ตขนาน( LTP Port หรือ Printer Port ) เป็นมาตรฐานในการรับส่งข้อมูลแบบขนาน พัฒนาขึ้นมาในปี 1976 ใช้ Interface แบบ Centronics มีจำนวนขา 25 Pin ที่มาของคำว่า parallel มาจากการรับส่งข้อมูลในลักษณะขนาน 8 bit(1 byte)ใน 1 ครั้ง ในระยะแรกเราใช้พอร์ตขนานในการส่งข้อมูลในการพิมพ์โดยใช้กับเครื่องพิมพ์เท่านั้น(Unidirectional Port) สามารถรับข้อมูลได้เพียง 4 bit มีอัตราการรับข้อมูลที่ 150 Kbps ต่อมามีการนำมาใช้เป็นแบบ 2 ทิศทาง(Bidirectional Port) โดย IBM ในเครื่อง PS/2 สามารถรับส่งข้อมูลได้ทีละ 8 bit มี hand-shaking และ flow control ในระดับ OS มีอัตราการรับส่งข้อมูลที่ 500 Kbps ปัจจุบันได้มีการประกาศมาตรฐาน IEEE 1248 สำหรับพอร์ตขนาน(Enhanced Parallel Port หรือ EPP)มีอัตราการรับส่งข้อมูลที่ 1.7 - 1.9 Mbps ,ECP(Extended Capabities Port)โดยมี hand-shaking และ flow control ในระดับ Hardware มีอัตราการรับส่งข้อมูลที่ 1 - 2.4 Mbps และสนับสนุนการต่อแบบ Daisy-Chain คือต่ออุปกรณ์ ต่างๆ พ่วงติดกันไปเรื่อยๆ โดยสายพอร์ตขนานมีความยาวได้ถึง 3 - 4.5 เมตร แต่เพื่อประสิทธิภาพและความเร็วที่ดี ไม่ควรยาวเกิน 2 เมตร โดยมากใช้กับเครื่องพิมพ์, Zip Drive, Removable Harddisks, Tape Drive, Scanner

Serial Port หรือ พอร์ตอนุกรม( COM Port หรือ RS-232C Port ) เป็นมาตรฐานในการรับส่งข้อมูล มีจำนวนขา 9 Pin อัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่ 115-400 Kbps สามารถสื่อสารได้ไกลกว่า และปรับเปลี่ยนได้มากกว่าพอร์ตขนาน โดยสายพอร์ตอนุกรมมีความยาวได้ถึง 15 เมตร ที่มาของคำว่า serial มาจากการส่งผ่าน bit เป็นแบบอนุกรม 1 bit ใน 1 ครั้ง โดยใช้กับอุปกรณ์สื่อสารเช่น Mouse , Modem , Serial Printer ,Digital Camara

PS/2 Port( Personal System 2 Port) เป็นพอร์ตสำหรับใช้สื่อสารกับ Mouse และแป้นพิมพ์ โดยเฉพาะ พัฒนาขึ้นมาเพื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ PS/2 ของ IBM โดยอิงสถาปัตยกรรมแบบ Micro Channel(MCA) ซึ่งรับส่งข้อมูลผ่านบัสแบบ 16 หรือ 32 บิต เริ่มมีใช้ในระยะหลัง คือ Computer รุ่น 486 ขึ้นไป เดิมทีเดียวนั้น จะต้องถูกต่อเข้ากับ Serial Port แต่ภายหลัง กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทำให้ Computer รุ่นใหม่ๆ มี PS/2 ประกอบอยู่แทบทุกรุ่น โดยมีลักษณะกลม
ADB Port( Apple Desktop Bus Port) เป็นพอร์ตสำหรับใช้สื่อสารในเครื่อง Macintosh พัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท Apple สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้มากถึง 16 อุปกรณ์โดยอาศัยการต่อแบบ Daisy-Chain ส่วนมากใช้สำหรับต่อแป้มพิมพ์ เมาส์ มีใช้จนถึงปี 1998 ปัจจุบัน Apple MacIntosh ใช้พอร์ต USB แทน
IrDA Port( Infrared Data Association Port) เป็น พอร์ตสำหรับใช้สื่อสารไร้สายแบบดิจิตอลโดยใช้สัญญาณอินฟราเรด เกิดขึ้นในปี 1994 มีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่ 4 Mbps โดยมีระยะห่าง 1-2 เมตร ส่วนมากจะใช้สำหรับการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และเครื่องพิมพ์เลเซอร์บางรุ่น

USB ( Universal Serial Bus )48 MHz เป็นรูปแบบการต่อเชื่อมแบบอนุกรมแบบใหม่ โดยออกแบบให้มี Hub ในตัว ซึ่งได้รับการคิดค้นโดยบริษัทผู้ผลิต PC อย่าง Compaq , Digital และ IBM การต่ออุปกรณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Keyboard , Mouse , Joystick ก็สามารถใช้ USB Port เพียง Port เดียวในการต่อโดยอาศัยการต่อแบบ Daisy-Chain คือต่ออุปกรณ์ ต่างๆ พ่วงติดกันไปเรื่อยๆ ซึ่ง สามารถต่ออุปกรณ์ที่ออกแบบสำหรับใช้กับ Port ชนิดนี้ ได้ถึง 127 อุปกรณ์ โดยสายเคเบิลของ USB มีความยาวได้ถึง 5 เมตร มีคุณสมบัติของ Plug and Play(เสียบแล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องตั้งค่า) และ Hot Plugging (เสียบหรือดึงอุปกรณ์ออก โดยไม่ต้องปิดเครื่อง) และเนื่องจาก อัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่สูงถึง 1.5 และ 12 MB/s ทำให้การทำงานของอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ปัจจุบัน แผงวงจรหลัก ที่ออกมาใหม่จะมี USB Connector บน แผงวงจรหลัก สำหรับการต่อออกไปเป็น USB Port ได้ 2 ส่วนอุปกรณ์ นั้นเริ่มมีจำหน่ายบ้างแล้ว แต่ยังไม่มากนัก

เนื่องจากพบปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ USB 1.1 เช่น
ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลยังไม่เพียงพอ
บ่อยครั้งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ Hang เมื่อต่อหรือถอดอุปกรณ์ขณะเครื่องทำงาน
พบปัญหาถ้าต่ออุปกรณ์ที่ใช้พลังงานต่ำหลายตัวหรืออุปกรณ์ที่ใช้พลังงานมากเพียงตัวเดียว จะต้องใช้ AC adapter เพื่อจ่ายพลังงานแก่อุปกรณ์ USB ด้วย

ทำให้มีการพัฒนา USB 2.0 ในปี 1999 ให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้สูงถึง 360 - 480 Mbps และสนับสนุนการทำงานแบบ dual-speed คืออุปกรณ์ความเร็วต่ำทำงานร่วมกับอุปกรณ์ความเร็วสูงได้ และยังมีความเข้ากันได้กับ USB 1.1 ด้วย

FireWire( IEEE 1394 ) เป็นรูปแบบการต่อเชื่อมแบบอนุกรมแบบใหม่ ซึ่งได้รับการคิดค้นโดยบริษัท Apple การต่ออุปกรณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Scanner , Harddisk , กล้อง VDO ก็สามารถใช้ Firewire เพียง Port เดียวในการต่อโดยอาศัยการต่อแบบ Daisy-Chain คือต่ออุปกรณ์ ต่างๆ พ่วงติดกันไปเรื่อยๆ ซึ่ง สามารถต่ออุปกรณ์ที่ออกแบบสำหรับใช้กับ Port ชนิดนี้ ได้ถึง 63 อุปกรณ์ โดยราคาจะสูงกว่า USB มีคุณสมบัติของ Plug and Play(เสียบแล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องตั้งค่า) และ Hot Plugging (เสียบหรือดึงอุปกรณ์ออก โดยไม่ต้องปิดเครื่อง) และมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายข้อมูลแบบ isochronous(ข้อมูลที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายในอัตราที่คงที่ เช่น วีดีโอ) ด้วยการมีแบนด์วิดธ์รองรับตลอดเวลา และเนื่องจาก อัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่สูงถึง 100-400 Mbps ทำให้การทำงานของอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นไปด้วยความรวดเร็ว

การเปรียบเทียบอัตราความเร็วของการรับส่งข้อมูลของ Port แบบต่างๆ

พอร์ต	bandwidth	อัตราการรับส่งข้อมูล	เชื่อมต่อกับอุปกรณ์
Serial	1 bit	115 Kbps	1 ตัว
Parallel	4 bit	80-150 Kbps	1 ตัว
Bidirectional	8 bit	500 Kbps	1 ตัว
EPP	8 bit	1.7-1.9 Mbps	2 ตัว
ECP	8 bit	1-2.4 Mbps	2 ตัว
SCSI	8 bit	40 Mbps	7-15 ตัว
SCSI 2.0(Fast-wide SCSI)	16 bit	80,160 Mbps	7-15 ตัว
Ultra-3 SCSI	16 bit	160,320 Mbps	7-15 ตัว
USB 1.1		12-64 Mbps	127 ตัว
USB 2.0		360-480 Mbps	127 ตัว
FireWire(IEEE1394)		100,400,800 Mbps	63 ตัว

กลับไปที่สารบัญ

ISA Bus( Industry Standard Architecture ) หรือ AT Bus

ความเร็วบัส 8 MHz(14.318MHz) มี Data Bus 16 Bit และ Address Bus 24 Bit มี 2 ชนิดคือ
1). แบบ 8 bit ( สีดำสั้นตอนเดียว ) ..ใช้กับ card แบบ ISA แบบ 8 bit ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เท่าที่เห็นรู้สึกจะเป็น internal modem แบบ ISA 8 bit , และ antivirus card รุ่นเก่าๆบางรุ่นที่ใช้อยู่
2). แบบ 16 bit ( สีดำสองตอน ) ..ใช้กับ card แบบ ISA ได้ทั้งแบบ 16 bit และ 8 bit ..ซึ่งอาจเป็น card VGA แบบ ISA, I/O card แบบ ISA, Sound, MPEG, Tuner, internal modem แบบ ISA และอื่นๆอีกหลายอย่าง

MCA Bus( Micro Channel Architecture )

16Bit ( สีน้ำตาลสั้น )ความเร็วบัส 10 MHz มี Data Bus 16 Bit และ Address Bus 32 Bit มีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลที่สูงถึง 80 MB/s เกิดขึ้นในปี 1987 โดย IBM ..ใช้กับเครื่อง IBM PS/2 รุ่น 50, 60, 80 ต้องใช้กับ card แบบ Micro Channel เท่านั้น สนับสนุน DMA, Bus Master, การตั้งค่า Card โดยอัตโนมัติ และ รองรับข้อมูลแบบต่อเนื่อง(Data Streaming)

Nu Bus 32Bit ความเร็วบัส 10 MHz คือ บัสรุ่นที่ 2 ของเครื่องแมคอินทอช(ปัจจุบันใช้ Macใช้ PCI Bus) มีอัตราการส่งถ่ายข้อมูล 40 MB/s สามารถรับส่งข้อมูลได้ดีกว่าบัสตัวเก่า คือ S-bus และสามารถใช้หน่วยประมวลผลกลางได้หลายตัว

EISA Bus( Enhanced ISA )

32Bit ( สีเทาหรือสีน้ำตาลหรือสีดำสี่ตอน) มีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลเท่ากับ 33 MB/s ..ใช้กับ card ได้ทั้งแบบ EISA bus 32 bit ( สีดำ 4 ตอน ) , ISA bus 16 bit ( สีดำ 2 ตอน ),และ ISA bus 8 bit ( สีดำสั้นตอนเดียว ) สนับสนุน DMA, Bus Master, การตั้งค่า Card โดยอัตโนมัติ และรองรับข้อมูลแบบต่อเนื่อง(Data Streaming)

VL Bus( VESA Local Bus)

32Bit 33,50 MHz ( เหมือน ISA แต่มี Slot สีน้ำตาลสั้น ต่อท้าย ) ใช้กับ card ได้ทั้งแบบ VL bus, ISA bus 16 bit ( สีดำ 2 ตอน ), และ ISA bus 8 bit ( สีดำสั้นตอนเดียว ) ถูกสร้างบนสถาปัตยกรรมของชิป 486 ต้องติดต่อกับ CPU โดยตลอด มีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลที่สูงถึง 107 MB/s card ที่ใช้มักจะเป็น VGA แบบ VL bus, I/O card แบบ VL bus, Video หรือ Tuner card แบบ VL bus..

PCI Bus

32Bit 33,66MHz ( สีขาวสั้น ) ..ต้องใช้กับ card แบบ PCI เท่านั้น ถูกสร้างบนสถาปัตยกรรมของชิป Pentium ทำงานแยกอิสระกับ CPU มีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลที่สูงถึง 76 -133 MB/s เกิดขึ้นในปี 1992 ตอนนี้เท่าที่เห็นมี ก็คือ VGA แบบ PCI, sound card แบบ PCI, SCSI card แบบ PCI, internal modem แบบ PCI

AGP ( Accelerated Graphics Port )

( สีน้ำตาลสั้น ) เป็นระบบการส่งถ่ายข้อมูลแบบใหม่ ที่ใช้กับการแสดงผลแบบ Graphics โดยเฉพาะ ซึ่ง AGP ถูกคิดค้นโดย Intel และ ทำงานที่ความถี่ 66 MHz มีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลที่สูงถึง 528 MB/s ในขณะที่ PCI ทำงานที่ 33 MHz และมีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลเพียง 132 MB/s ซึ่งระบบแบบAGP นี้จะช่วยให้การทำงานของ Games และ Applications 3D รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยสามารถใช้หน่วยความจำหลักของระบบ ประกอบกับหน่วยความจำของ Card แสดงผลในการทำงานได้ แต่ว่าระบบปฏิบัติการต้องสนับ สนุน AGP ด้วยซึ่ง ได้แก่ Windows95 Release 2 ปลาย Slot ทุกแบบอยู่ใกล้ขอบ แผงวงจรหลัก ยกเว้นแบบ AGP

การเปรียบเทียบอัตราความเร็วของการรับส่งข้อมูลของ Bus แบบต่างๆ

BUS	bus frequency	bandwidth	data transfer rate	Data Bus	Address Bus
ISA (XT bus)	8 MHz	4.77 MHz	33 MB/s	8 bit	20 bit
ISA (AT bus)	8 MHz	6-50 MHz	33 MB/s	16 bit	24 bit
MCA	10 MHz	33 MHz	80 MB/s	16 bit	32 bit
EISA	33 MHz	33 MHz	33 MB/s	32 bit	32 bit
VL	16-66 MHz	33 MHz	107-152 MB/s	32 bit	32 bit
PCI	33 MHz	33 MHz	133-266 MB/s	32 bit	32 bit
AGP 1X	66 MHz	66 MHz	266 MB/s
AGP 2X	66 MHz	133 MHz	512 MB/s
AGP 4X	66 MHz	266 MHz	1024 MB/s

กลับไปที่สารบัญ

ชนิดของ Socket	CPU หลัก	CPU ที่upgradeได้	จำนวนรูเสียบขา	ใช้กับไฟฟ้า	รูป
Old 486	486DX	DX2, DX4 75, DX4 100	168	5v
Socket 1	486SX, 486DX	DX2, DX4 75, DX4 100	169	5v
Socket 2	DX2, 486SX, 486DX	DX2, DX4 75, DX4 100, Pentium Overdrive 63, Pentium Overdrive 83	238	5v
Socket 3	DX2, 486SX, 486DX, 486DX4	DX2, DX4 75, DX4 100, Pentium Overdrive 63, Pentium Overdrive 83	237	3v/5v
Socket 4	Pentium 60, Pentium 66	Pentium Overdrive 120, Pentium Overdrive 133	273	5v
Socket 296 Pin	Pentium 75, Pentium 90	Pentium 100 *Rattler systems require MLB P/N 202654-133 to accept Overdrive	296	3v
Socket 5	Pentium 75-120	Pentium Overdrive 125, 150, 166	320	3v
Socket 6	DX4	Pentium Overdrive	235	3v
Socket 7	Pentium 75-133, MMX	Pentium Overdrive 125, 150, 180, 166, 200, AMD K5,K6, Cyrix, IDT	321	3v
Socket 8	Pentium Pro 150-200	Pentium Pro Overdrive	387	3.1v/3.3v
Socket 370 pin	Celeron 400, 433, 466, 500	Pentium!!! 500, 550	370	1.6/2 v
Socket 423 pin	Pentium 4 1.4,1.5 GHz		423	1.6v
Socket A	Athlon,Duron Athlon 700-1.3 GHz	Duron 700-900MHz	462	1.6v
Slot 1	Celeron 300-433 PentiumII 333-450	Pentium!!! 450-733	242	2v
Slot 2	Xeon 400, 450	Pentium!!! Xeon 500, 550	330	2v
Slot A	AMD K7(Athlon) 500-700		242	1.6v