( การทำงาน ) ( ประเภท ) ( การเปรียบเทียบ )

ในปัจจุบันสแกนเนอร์เป็นอุปกรณ์เสริมของคอมพิวเตอร์ที่จัดว่าได้รับความนิยมสูงสแกนเนอร์จะช่วยลดการเก็บ เอกสารที่เป็นกระดาษลงได้มากไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย สูตรการทำอาหาร หรือต้นฉบับภาพที่เป็นวัสดุโปร่งใส เช่น ฟิล์ม ฟิล์มสไลด์ เป็นต้น นอกจากนี้การทำรายงานและเวบไซต์ก็จะดูมีชีวิตชีวามากขึ้นจนอาจกล่าวได้ว่า
สแกนเนอร์จะนำทุกสิ่งที่พิมพ์ลงบนกระดาษเข้าสู่คอมพิวเตอร์ถึงแม้ว่าสแกนเนอร์จะไม่สามารถใช้งานได้ทันใจในทุกสถานการณ์และใช้งาน ได้ไม่สนุกเท่ากับกล้องถ่ายรูปดิจิตอลแต่สแกนเนอร์ก็ใช้งานได้หลากหลายกว่าและให้ภาพที่มีคุณภาพสูงกว่าในราคาที่ไม่แพงนอกจากนี้สแกนเนอร์ส่วนใหญ่ จะมีซอฟแวร์ที่ทำหน้าที่แยกแยะตัวอักษร (Optical Character Recognition)จำหน่ายควบด้วย
ซอฟแวร์นี้จะแปลงข้อความที่ได้จากการสแกนให้เป็นข้อความที่สามารถตัดต่อได้ ด้วยโปรแกรมประเภทเวิร์ดโปรเซสเซอร์ ส่วนสแกนเนอร์แบบวางราบก็มีความสามารถที่จะสแกนภาพจากวัตถุอื่น เช่น เหรียญ หรือของเล่นเล็กๆได้ด้วย

การทำงานของสแกนเนอร์

สแกนเนอร์แบบเดสท็อปจะประกอบไปด้วย  แหล่งกำเนิดแสง, เลนส์, ตัว Charged-Couple Device (CCD)  และตัวแปลงจากอนาล็อกเป็นดิจิตอล (ADC)  ชิ้นส่วนทั้งหมดของCCDจะอยู่รวมกันใน1แถวโดยชิ้นส่วนย่อย ตัวหนึ่ง ก็จะสำหรับแต่ละพิกเซลใน 1 บรรทัด  หากมี CCD 300 ตัว ในแต่ละนิ้วที่ผ่านสแกนเนอร์ก็จะมีความละเอียด  เป็น 300 พิกเซลต่อนิ้ว
ในการสแกนภาพหนึ่งจะสแกนได้ทีละบรรทัด  แสงจะสะท้อนเป้าหมายผ่านเลนส์เข้าไปสู่ CCD  องค์ประกอบใน CCD ก็จะแปลงแสงนั้นให้เป็นแรงดันในจำนวนโวลท์แบบอนาล็อกและกำหนดระดับความเข้ม  ของสีเทาใน 1 พิกเซล  หลังจากนั้นตัว แปลง ADC ก็จะแปลงจำนวนโวลท์อนาล็อกให้เป็นค่าดิจิตอลโดยใช้จำนวนบิต เป็น  8,10 และ 12 บิตต่อสี จำนวนบิตที่มากกว่าจะหมายถึงจำนวนก้าวที่เล็กกว่าในระดับความเข้มสีและจะเป็นก้าว   เล็กพอที่ตาคนไม่สามารถมองเห็น  ซึ่งก็จะเป็นผลให้การเปลี่ยนสีจากพิกเซลหนึ่งไปยังพิกเซลถัดไปนั้นเป็นไปโดย  ราบเรียบมาก  

ซอฟแวร์ของสแกนเนอร์


ไดรเวอร์Twainจะทำหน้าที่เป็นโปรแกรมชนิดสแตนอโลน สำหรับการสแกนตลอดจนสแกนภาพโดยตรงเข้าสู่โปรแกรมต่าง ๆ  ของ    Windows     ซึ่งหากแอปพลิเคชันตัวใดสามารถสนับสนุน     Twain ก็จะสามารถเรียกไดรเวอร์ Twain  ด้วยคำสั่งสแกน   แต่หากไม่สนับสนุน Twain  แต่สนับสนุน OLE     ก็สามารถใช้   OLE เรียกไดรเวอร์ขึ้นมาแล้วแทรกภาพที่สแกนลงไปได้
                    ไดรเวอร์ Twain ในปัจจุบัน  มีการปรับปรุงการใช้งานขึ้นมาก  เพื่อการควบคุมการสแกนให้เป็นไปได้ดีขึ้น จนอาจมีคุณภาพเทียบเท่าแอปพลิเคชันที่เป็นเอดิเตอร์ภาพตัวเล็ก ๆ ทีเดียวดังนั้นทั้งผู้ใช้ที่เพิ่งหัดใหม่หรือผู้ที่ชำนาญ   แล้ว ก็จะสามารถแก้ไขดัดแปลงภาพให้เป็นไปได้ตามที่ต้องการ
กลับไปที่สารบัญ

 
ประเภทของสแกนเนอร์ มี 3 แบบ

1. สแกนเนอร์แบบป้อนกระดาษและแบบวางราบราคาประหยัด

สำหรับผู้ที่มีเอกสารจำนวนมากกองอยู่บนโต๊ะ สแกนเนอร์ราคาประหยัดจะช่วยในการกำจัดเอกสารบางรายการได้เป็นอย่างดี เพราะจะช่วยให้สามารถเก็บข้อมูลจากเอกสารเหล่านี้ไว้ในฮาร์ดดิสก์ซึ่งสามารถเรียกดูได้ง่าย นอกจากนี้แล้วสแกนเนอร์ระดับนี้ ยังให้ภาพในคุณภาพระดับที่ใช้ประกอบกับเวบไซด์หรือประกอบจดหมายข่าวส่วนตัวได้ด้วย และสแกนเนอร์ในกลุ่มนี้ต้องการเนื้อที่สำหรับวางเครื่องไม่มากนัก

จุดอ่อนบางประการสำหรับสแกนเนอร์แบบป้อนกระดาษ คือ บางรุ่นจะไม่สามารถใช้สำหรับสแกนจากรายงานที่เป็นรูปเล่มหนังสือ หรือนิตยสารได้
อย่างไรก็ตาม ยังมีสแกนเนอร์แบบป้อนกระดาษบางรุ่นที่สามารถดัดแปลงเพื่อสแกนเอกสารดังกล่าวได้ด้วย
การถอดแกนสำหรับสแกนออกจากตัวเครื่อง และกลิ้งแกนสำหรับการสแกนนั้นไปบนเอกสารที่ต้องการสแกน ถึงแม้วิธีนี้จะยุ่งยากสักหน่อย แต่ก็ใช้งานได้ดีพอสมควร

สแกนเนอร์แบบวางราบมีลักษณะการใช้งานคล้ายกับเครื่องถ่ายเอกสารทั่วไป การสแกนจะเริ่มด้วยการยกฝาปิดด้านบนและ วางสิ่งที่ต้องการสแกนบนพื้นกระจกราบ ส่วนสแกนเนอร์แบบป้อนกระดาษจะมีขนาดเล็กกว่า และมีลักษณะทรงกระบอกคล้ายหลอดไฟ หรือแกนของม้วนกระดาษ เมื่อต้องการจะสแกน ต้องสอดภาพหรือเอกสารที่ต้องการสแกนที่ด้านหลังของสแกนเนอร์แบบป้อน
กระดาษนี้ และสแกนเนอร์จะคืนเอกสารหรือภาพที่ผ่านการสแกนแล้วที่ด้านหน้า แกนเนอร์ทั้งสองแบบนี้ให้งานสแกนที่มีคุณภาพใน
ระดับดี ติดตั้งก่อนใช้งานได้ง่าย และมีซอฟท์แวร์จำหน่ายควบให้พอสมควร

คุณภาพและการจัดเก็บไฟล์ที่ได้จากการสแกนด้วยสแกนเนอร์ในกลุ่มนี้ จะด้อยกว่าไฟล์ที่ได้จากการสแกนด้วยเครื่องระดับ
ไฮเอนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากคุณภาพสีและความถูกต้องของงาน อย่างไรก็ตาม สแกนเนอร์ในกลุ่มนี้เหมาะสำหรับ
การเตรียมภาพสำหรับเวบไซต์, การจัดทำจดหมายข่าว, แผ่นพับ และจดหมายธุรกิจ

สแกนเนอร์แบบป้อนกระดาษและแบบวางราบ

หมายเหตุ นอกจากราคาและfeatures ต่าง ๆ มากมายแล้ว สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อสแกนเนอร์
ราคาประหยัด คือ คุณภาพของงานสแกนซอฟท์แวร์จำหน่ายควบ และการใช้งาน


2. สแกนเนอร์แบบวางราบระดับกลาง

ถ้าต้องการสแกนเนอร์สำหรับการจัดทำเวบไซด์ อินทราเน็ต รายงานและเอกสารส่งเสริมการขายที่น่าสนใจ (ซึ่งต้องมีสีสัน
ประกอบ) และสามารถแก้ไขหรือค้นหาข้อความในงานที่สแกนจากต้นฉบับที่เป็นกระดาษ ควรเลือกสแกนเนอร์ที่สามารถรองรับ
การทำงานกับเอกสารที่ประกอบด้วยภาพและตัวอักษรได้ดี สแกนเนอร์ที่มีความสามารถลักษณะดังกล่าว เป็นสแกนเนอร์ราคาปาน
กลาง ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งที่บ้านและที่สำนักงาน สแกนเนอร์ในกลุ่มนี้มีราคาไม่เกิน 1,000 เหรียญสหรัฐ

หมายเหตุผู้ที่ต้องการสแกนเนอร์ระดับนี้จะมองที่คุณภาพงานสแกนระดับเยี่ยมแต่ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน
มากเกินไป หรือไม่จำเป็นต้องยุ่งยากกับการใช้งานมากนัก
3. สแกนเนอร์แบบวางราบระดับไฮเอนด์
สำหรับงานระดับมืออาชีพแล้ว คุณภาพคือสิ่งสำคัญอันดับแรก และเมื่อจำเป็นต้องจัดทำจดหมายข่าวที่เป็นสี, เอกสารแนะนำ
สินค้า และงานระดับมืออาชีพประเภทอื่น ภาพประกอบเอกสารดังกล่าวจะต้องมีคุณภาพระดับเยี่ยม และงานคุณภาพระดับนี้เป็นผล
มาจากการเลือกใช้สแกนเนอร์ระดับไฮเอนด ์ งานที่ได้จากการสแกนด้วยสแกนเนอร์ระดับนี้จะมีโทนสีที่เพิ่มขึ้นจากสแกนเนอร์ราคา
ปานกลาง ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการสแกนแผ่นใส และยังมีระบบการชดเชยสีที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถประมาณคุณภาพของ
งานที่จะได้จากการพิมพ์ได้ ผู้ที่ต้องการสแกนเนอร์ที่สามารถทำงานระดับดังกล่าวได้ ยังคงไม่แน่ใจกับระดับและความเข้มของสีที่
เครื่องสแกนระดับนี้สามารถรองรับได้ เพราะการสแกนภาพสีสำหรับงานโฆษณา สื่อส่งเสริมการขาย หรือรายงานต่าง ๆ นั้น ต้อง
การสแกนเนอร์ที่สามารถรองรับทุกช่วงสีได้ ดังนั้นสแกนเนอร์ระดับนี้จึงต้องใช้ระบบการจัดการเรื่องสีแบบ 36 บิต แทนที่จะเป็น
แบบ 30 บิต ซึ่งระบบการจัดการเรื่องสีแบบ 36 บิต จะรองรับสีได้นับหมื่นล้านสี มากกว่าแบบ 30 บิต ที่สามารถรองรับสีได้ประมาณ
พันล้านสี สิ่งนี้จะทำให้แน่ใจได้ว่าจะเก็บรายละเอียดของสีได้ทุกช่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่เป็นแสงเงาของภาพ

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรทราบ ก็คือ ระบบการจัดการเรื่องสีแบบ 36 บิต จะเหมาะสำหรับการสแกนจากต้นฉบับที่เป็นสไลด์ ฟิล์มสีที่ล้างแล้ว และวัสดุโปร่งใสอื่น ๆ ทั้งนี้เนื่องจากวัสดุโปร่งใสดังกล่าวจะมีช่วงสีและช่วงความสว่างมากกว่าภาพบนกระดาษอัดรูป
นอกจากนี้ วัสดุโปร่งใสยังมีรายละเอียดของภาพในส่วนของแสงเงามากกว่า โดยเฉพาะบริเวณขอบของแสงเงา สแกนเนอร์ระดับนี้
ที่ได้ทำการทดสอบทุกรุ่น (ยกเว้นสแกนเนอร์จาก Mustek) มีอะแดบเตอร์สำหรับการสแกนจากต้นฉบับที่เป็นวัสดุโปร่งใส เช่น ฟิล์ม ให้ แต่ถ้าต้องการใช้สแกนเนอร์แบบดรัมระดับมืออาชีพที่ใช้ในสตูดิโอ จะมีราคาประมาณ 10,000 ถึง 30,000 เหรียญสหรัฐ

นอกจากจะให้งานคุณภาพดีแล้ว สแกนเนอร์ระดับไฮเอนด์ต้องรองรับปริมาณงานที่มากขึ้นด้วย ทั้งการสแกนจากต้นฉบับที่
เป็นกระดาษ หรือต้นฉบับที่เป็นวัสดุโปร่งใส ซึ่งซอฟท์แวร์ที่ควบคุมสแกนเนอร์มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการรองรับการทำงานปริมาณ มาก ซอฟท์แวร์ควบคุมสแกนเนอร์ที่ดีต้องสามารถรองรับการทำงานแบบต่อเนื่องได้ โดยผู้ใช้จะเลือกดูภาพที่จะได้จากการสแกน
และเลือกส่วนที่ต้องการสแกนจากต้นฉบับต่าง ๆ แยกกันก่อนที่จะเริ่มสแกน ทำให้สามารถปรับโทนสีและรายละเอียดของสีของงาน
จากต้นฉบับแต่ละรายการออกจากกันได้) เมื่อเลือกวิธีการสแกนสำหรับต้นฉบับแต่ละรายการแล้ว อฟท์แวร์ควบคุมการทำงานของ
สแกนเนอร์ จะสั่งให้สแกนเนอร์สแกนต้นฉบับตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ได้ โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องนั่งควบคุม
หมายเหตุ สแกนเนอร์ระดับไฮเอนด์ให้งานที่มีทั้งความถูกต้องและความสมดุลของสี รวมทั้งมีโทนสีที่ค่อนข้าง
กว้าง งานที่ได้จากการสแกนควรเหมือนกับต้นฉบับ ซึ่งมีทั้งความแตกต่างของโทนสีกลาง และ
มีรายละเอียดของแสงเงาในระดับดี

กลับไปที่สารบัญ


สิ่งสำคัญที่ช่วยในการเลือกซื้อสแกนเนอร์ ได้แก่
1. ความละเอียดของภาพ
จะวัดเป็นจำนวนจุดต่อนิ้ว (dot per inch : dpi) นั่นคือสแกนเนอร์ที่สามารถสแกนภาพด้วยความละเอียด 300x300 จะมองภาพขนาด 1x1 นิ้ว เป็นจุดจำนวน 300x300 จุดและควรเลือกสแกนเนอร์ที่สามารถสแกนภาพด้วย ความละเอียดตั้งแต่ 300x300 dpi ขึ้นไป แต่ความละเอียดในการสแกนที่สูงกว่าไม่ได้หมายความว่างานที่ได้จากการ สแกนจะดีกว่าเสมอไป คนทั่วไปมักเลือกซื้อสแกนเนอร์ที่สามารถสแกนด้วยความละเอียดสูงๆโดยคิดว่า ความ ละเอียดยิ่งสูงยิ่งดี แต่ไม่ได้คำนึงถึงความเกี่ยวข้องระหว่างขนาดของไฟล์กับความละเอียดในการสแกนซึ่งมี ความสัมพันธ์กันแบบเส้นตรง ขนาดของไฟล์จะใหญ่ขึ้นเมื่อสแกนด้วยความละเอียดที่สูงขึ้น คำถามที่เกิดขึ้นคือ ความละเอียดในการสแกนควรเป็นเท่าไร ยกตัวอย่าง การสแกนสูติบัตรใช้การสแกนที่มีความละเอียดเท่ากับ การส่งแฟกซ์ (200 dpi) ก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้การสแกนภาพถ่ายด้วยความละเอียดต่ำ(200x300) ก็ให้ภาพที่พอใช้ได้ และการนำภาพจากการสแกนไปประกอบเข้ากับเวบไซต์ก็ไม่ต้องการการสแกนที่มีความละเอียดสูงมาก เนื่องจากจอภาพส่วนใหญ่สามารถแสดงภาพที่ความละเอียดต่ำประมาณ 72 ถึง 100 dpi เท่านั้น
คำแนะนำในการเลือกความละเอียดของการสแกนภาพ คือ ทดลองสแกนภาพทดสอบด้วยความละเอียดต่าง ๆ กันก่อนเพื่อดูว่า ควรใช้ความละเอียดในการสแกนสำหรับงานแต่ละประเภทอย่างไร สำหรับการสแกนสำหรับ ใช้ประกอบเวบไซต์ควรตรวจสอบภาพที่ได้จากจอภาพ สำหรับการสแกนภาพที่ต้องพิมพ์ควรพิมพ์ภาพทดสอบที่ได้รับ การสแกนที่ความละเอียดต่าง ๆกันเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง โดยการสแกนที่ความละเอียดปานกลาง (150 ถึง 300 dpi) นั้นเหมาะสำหรับงานทุกประเภท

ขนาดของไฟล์จากการสแกน
ความละเอียดของภาพมีผลอย่างมากต่อขนาดของไฟล์ที่ได้จากการสแกน ตารางข้างล่างนี้แสดงให้เห็นถึงขนาดของไฟล์ที่ยังไม่ได้ผ่านการลดขนาด ซึ่งได้จากการสแกนภาพ ถ่ายขนาด 4x5 นิ้วที่ความละเอียดต่าง ๆ กัน
ความละเอียด
ขนาดของไฟล์
100 dpi
1.6MB
150 dpi
3.5MB
200 dpi
6.3MB
300 dpi
14.1MB
600 dpi
56.3MB

คำแนะนำสำหรับการสแกน
ต้องการใช้งานสแกนเพื่อ
สแกนที่ความละเอียด
สร้างภาพสำหรับเวบไซต์
100 dpi
พิมพ์งานประกอบเอกสาร
200 dpi
พิมพ์เป็นภาพถ่าย
300 dpi
งานระดับมืออาชีพ
600 dpi


2. การจัดการเรื่องสี
จะระบุในหน่วยบิต (bit) ตัวอย่างเช่น สแกนเนอร์ที่ใช้การจัดการเรื่องสี 30 บิต จะใช้ข้อมูลจำนวน 30 บิต ในการบอกถึงสีของแต่ละจุดที่ประกอบกันเป็นภาพ จำนวนบิตที่ใช้ในการจัดการเรื่องสียิ่งมากจะแสดงให้เห็นว่า สามารถจัดการกับสีได้มากขึ้น โดยการจัดการเรื่องสีแบบ 16 บิต จะรองรับสีได้จำนวน 64000 สี ในขณะที่แบบ 24 บิต จะรองรับสีได้ 16 ล้านสี และแบบ 30 บิต จะรองรับสีได้ 1พันล้านสี โดยปกติควรเลือกใช้สแกนเนอร์ที่มีการจัดการ เรื่องสีอย่างน้อย 24 บิต

3. การเชื่อมต่อกับพีซี
ควรดูด้วยว่าสแกนเนอร์ที่ใช้จะต้องต่อพีซีผ่านทางช่องต่อแบบใด โดยสแกนเนอร์ทุกเครื่องที่ Business Computing ได้ทำการทดสอบ ยกเว้น HP ScanJet 5pse จะต่อกับพีซีผ่านทางช่องต่อแบบขนานที่ใช้สำหรับต่อ เครื่องพิมพ์ ส่วน HP ScanJet 5pse นั้น จะต่อกับพีซีผ่านทางช่องต่อแบบ SCSI ซึ่งปกติจะไม่มีอยู่ในพีซีทั่วไป การใช้ช่องต่อแบบ SCSI ทำให้ การทำงานเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามการติดตั้งช่องต่อแบบ SCSIเข้ากับพีซีเป็นเรื่อง ยุ่งยากพอสมควรเมื่อเทียบกับการต่อเข้ากับช่องต่อแบบขนาน ดังนั้น ถ้าไม่คิดว่าความเร็วในการสแกนเป็นเรื่องสำคัญ ควรเลือกสแกนเนอร์ที่ต่อเข้ากับพีซีผ่านช่องต่อแบบขนาน

4. ราคาจำหน่าย
ราคาของสแกนเนอร์มีแนวโน้มที่จะลดลงเช่นเดียวกับราคาของเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ตตัวอย่างเช่นราคา
ของสแกนเนอร์แบบวางราบสมรรถนะปานกลางเคยอยู่ที่ 500 เหรียญสหรัฐ แต่ในปัจจุบันมีสแกนเนอร์แบบเดียวกัน
จำหน่ายในราคา 149 เหรียญสหรัฐ ในส่วนของยี่ห้อและรุ่นจะได้กล่าวถึงต่อไป

กลับไปที่สารบัญ


1