นานแสนนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่ท้องฟ้าและพื้นดินแยกออกจากกันใหม่ๆ
พื้นดินยังคงเป็นทะเลโคลนขุ่นข้น คล้ายวังน้ำวน ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ได้
ส่วนท้องฟ้ายังเป็นสีดำมืด มีเมฆปกคลุมอยู่มากมาย
อยู่มาวันหนึ่ง เมฆทั้งหลายได้ปกคลุมซ้อนทับกันหนาจนกลายเป็นสีดำมืด ก่อกำเนิดฝนตกลงมาครั้งใหญ่ติดต่อกันนานแสนนาน
จนเมื่อฝนหยุดตก ก็มีเทพเจ้า 2 องค์กำเนิดขึ้นมาจากพื้นดินอันเป็นทะเลโคลน ด้วยลักษณาการดังหนึ่งตาหญ้าที่งอกขึ้นมาบนพื้นดิน คือ
อิซานางิ เทพกำเนิด เจ้าแห่งท้องฟ้า,แสงสว่าง และสรวงสรรค์ มีง้าวเป็นอาวุธ มีภรรยาและน้องสาวคือ อิซานามิ ปฐมเทพี เจ้าแห่งโลก,ผืนแผ่นดิน และความมืด มีกระจกทองแดงห้อยคอเป็นของวิเศษประจำตัว ซึ่งส่องแสงระยิบระยับทำให้โลกอันมืดมิดสว่างขึ้น แสงสว่างจากกระจกทองแดง ได้สะท้อนกับละอองน้ำในอากาศท่ามกลางหมู่เมฆที่รวมตัวกัน ก่อกำเนิดสะพานสายรุ้ง อามา โน อูกิฮาชิ ซึ่งลอยไปถึงสรวงสรรค์
เมื่ออิซานามิได้เห็นสะพานสายรุ้ง ก็ได้กล่าวขึ้นว่า "อา ช่างเป็นสายรุ้งที่สวยงามอะไรเช่นนี้ เราลองปีนขึ้นไปบนสายรุ้งกันเถิด"
แล้วทั้งสองก็ปีนขึ้นไปบนสะพานสายรุ้ง และมองลงไปที่พื้นดิน อิซานามิ ก็กล่าวขึ้นว่า "พื้นดินเป็นทะเลโคลนเช่นนี้ คงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถอยู่ได้ และเราก็ไม่สามารถสร้างวังของเราขึ้นที่นี่ได้" ว่าแล้วอิซานามิก็เอาง้าวของเขาจุ่มลงในทะเลโคลนแล้วกวนให้น้ำแยกออกจากดินไปวนอยู่รอบๆบริเวณ
และดินโคลนทั้งหลายก็รวมตัวอยู่ตรงกลาง เมื่อดึงง้าวขึ้นมา โคลนที่ติดอยู่กับง้าวก็หยดลงมากลายเป็นเกาะโอโนโกโร เป็นเกาะแรกของหมู่เกาะญี่ปุ่น ที่ซึ่งเทพเจ้าและมนุษย์ได้อาศัยกำเนิดขึ้นมา
ทั้งคู่ได้สร้างเกาะญี่ปุ่น 40 เกาะและให้กำเนิดเทพ 36 องค์
องค์สุดท้ายคือ คากูทซึชิ เทพแห่งไฟ ที่เมื่อคลอดออกมาก็เผาผลาญ อิซานามิจนตาย ไปอยู่นรก และกลายเป็นเทพีผู้ปกครองนรกบาดาล
หลังจาก อิซานามิตาย อิซานางิ ก็เอาแต่โศกเศร้า และเฝ้าคิดถึงภรรยา จึงลงไปหาภรรยาในนรก แต่เมื่อได้พบ อิซานางิ ก็ตกใจกับรูปลักษณ์ของภรรยา ที่เน่าเปื่อย กลายเป็นผีที่น่าเกลียด และแสดงอาการรังเกียจออกมา แต่ก็ได้ร้องขอให้เธอกลับไปครองรักกันเหมือนเดิม แต่ อิซานามิ เห็นอาการของสามีที่รังเกียจตน จึงปฏิเสธไม่ยอมกลับไปด้วย ทั้งสองจึงแยกจากกันชั่วนิรันดร์
หลังจาก อิซานางิ กลับมาจากนรก อิซานางิ รังเกียจภรรยาที่กลายเป็นผี จึงปิดผนึกปากถ้ำที่เป็นทางลงไปสู่นรก แต่อิซานามิ ได้หลบหนีออกมาจนได้
ด้วยความโกรธ ที่สามีของตนรังเกียจตน จึงอธิษฐานให้มนุษย์ ตายวันละ 1,000 คน แต่อิซานางิ ก็อธิษฐานให้ มนุษย์เกิดขึ้นมาวันละ 1,500 คน
หลังจากนั้น อิซานางิ ได้ทำพิธีชำระล้างมลทินเป็นครั้งแรก
เขาล้างตาซ้ายของเขา มีน้ำตาหยดออกมา หลอมตัวก่อกำเนิดเป็น สุริยะเทวีอามาเตราสึ
เมื่อเขาล้างตาขวาของเขา น้ำตาร่วงหล่น หยดออกมา หลอมตัวก่อกำเนิดเป็น จันทราเทพบุตร ทซึกิ-ยูมิเป็นอันดับถัดมา
และน้ำมูกจากจมูกของเขา ได้ให้กำเนิดซูซาโนโอะ เจ้าสมุทร
อามาเทราสึ โอ มิคามิ (Amaterasu-สุริยเทวี) ครองโลกเวลากลางวัน สวมสร้อยมณีวิเศษ สถิต ณ ทากามะงาฮาระ แห่งสวรรค์ มีสวามีคือ ทากามิ มัสสึบิ(Takami-Musubi) อิซานางิได้มอบหมายให้เธอเป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งสวรรค์(ชื่อของเธอหมายความว่า สวรรค์ที่กำลังส่องประกาย หรือ เธอผู้ส่องประกายในสวรรค์) เธอได้รับการยกย่องเป็นเทวรูปประธานในวิหารแห่งวัดชินโตและถูกยกย่องให้เป็นต้นตระกูลแห่งราชวงศ์จักรพรรดิญี่ปุ่นในปัจจุบัน เมื่ออิซานางิส่งเธอขึ้นสู่บันไดสู่สวรรค์ เพื่อไปปกครองสวรรค์ เธอก็ร่าเริงแจ่มใส เปล่งประกายไปทั่วโลกและจักรวาล
เมื่อน้องชายของเธอ สุซาโนโอะ- เทพพายุ ได้ส่งพายุอาละวาดก่อสงครามทำลายผืนแผ่นดินและส่งเสียงอึกทึกรบกวนเธอ จนเธอหวาดกลัว
เธอจึงหนีภัยหลบตัวเข้าไปแอบอยู่ในถ้ำ ปิดปากถ้ำด้วยหินก้อนใหญ่ และขังตัวเองไว้อยู่ภายในไม่ยอมออกมา
การที่เธอหายตัวเข้าไปอยู่ในถ้ำทำให้โลกทั้งมวลตกอยู่ในความมืด และชีวิตทั้งมวลดับสูญ
เหล่าปีศาจจึงขึ้นมาปกครองโลกแทน เมื่อเทพทั้งหลายเห็นดังนั้น จึงปรึกษากันถึงวิธีหลอกล่ออามาเทราสึออกมาจากถ้ำ แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ว่าจะใช้วิธีของใคร
จึงตกลงให้เทพแต่ละองค์ลองใช้วิธีของตนเองคนละครั้งผลัดกันไป
เทพทั้งหลายพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะหลอกล่อเธอออกจากถ้ำแต่ก็ไม่สำเร็จสักราย
จนในที่สุดก็ถึงคราวของ เทพธิดาอาเมะ โน อุซึเมะ (เทพธิดาแห่งการร่ายรำ) เธอออกมาร่ายรำหน้าถ้ำด้วยระบำตลกและลามก
เมื่อเหล่าเทพทั้งหลายที่ชุมนุมกันอยู่หน้าถ้ำหัวเราะกับการร่ายรำที่ได้ชม จนเสียงหัวเราะดังเข้าไปจนถึงในถ้ำและทำให้อามาเทราสึแปลกใจจนออกมาจากถ้ำเอง
เมื่ออามาเทราสึแง้มก้อนหินออกมาจากถ้ำ ก็ปรากฏแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ
และเมื่อเธอมองออกมา เธอก็ได้เห็นภาพสะท้อนอันมีสง่าราศรีและสดใสของตัวเธอเองจากกระจกที่เทพธิดาอุซึเมะแขวนไว้บนต้นไม้หน้าถ้ำ
เมื่อเธอเดินออกมาจากถ้ำ เพื่อส่องกระจกมองภาพสะท้อนของเธอให้ชัดเจน
เทพทั้งหลายก็รวบตัวเธอไว้และพาเธอออกมาจากถ้ำ เธอจึงกลับสู่ท้องฟ้าเพื่อนำแสงสว่างกลับสู่โลก และขับไล่ปีศาจทั้งหลายออกไป
ต่อมาเธอได้เตรียมที่ดิน สร้างเป็นนาข้าว (เรียกว่านาอินาดะ) เพื่อปลูกข้าว และได้ให้กำเนิดศิลปะแห่งการทอผ้า รวมถึงสอนผู้คนให้ปลูกข้าวสาลี และเลี้ยงไหม
วัดของเธอตั้งอยู่ใน อิเสะ-จินกูอิ ในจังหวัดอิเสะ บนเกาะฮอนชู
วัดนี้จะถูกรื้อและสร้างขึ้นมาใหม่ในแบบเดิมทุกๆ 20 ปี
และวิหารที่บูชาเธอจะมีกระจกทองแดงใบใหญ่ตั้งอยู่เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเธอ
เธอยังถูกเรียกว่า โอ มิคามิ("เทพีผู้เรืองนาม")และ เทนโช ไดจัน
ซึคุโยมิ(Tsuki-Yumi-จันทราเทพบุตร) ครองโลกกลางคืน ถือไม้เท้าสีเงิน เขาเกิดจากตาข้างขวาของอิซานางิ ในพิธีชำระล้าง หลังจากที่เขาถือกำเนิด เขาก็ขึ้นบันไดแห่งสวรรค์ และเถลิงอำนาจเป็นราชาแห่งสวรรค์ {ชื่อของเขา เป็นที่มาของคำว่าธนูแห่งจันทรา}
สุซาโนโอะ(Susanowo-เจ้าสมุทร) เทพแห่งลมพายุ และเจ้าแห่งงู ตัวแทนแห่งปีศาจ เขากำเนิดจากจมูกของอิซานางิ และได้รับการมอบหมายให้ปกครองทะเล แต่ด้วยความที่เขาเป็นเทพเจ้าที่กล้าหาญ หัวแข็ง ไม่ยอมอยู่ภายใต้กฏใดๆ และใจร้อนหุนหันพลันแล่น เขาทำลายทุกสิ่งไปทั่วไม่จำกัดอยู่แต่ในทะเล เขาได้ส่งพายุไปทำลายทุกสิ่งบนแผ่นดิน และปกคลุมจนท้องฟ้าดำมืด นั่นทำให้เทพเจ้าทั้ง 8 ล้านองค์พิโรธ และประชุมตัดสินลงโทษการก่อกวนเล็กน้อยๆของเขา โดยเฉพาะการต่อต้านพี่สาวของเขา เขาถูกตัดหนวดเครา, เล็บมือ, ยึดดินแดนที่เขาครอบครองทั้งหมด และขับไล่ไปโลกมนุษย์ เขาได้ผจญภัยไปทั่ว และได้ปราบ ยามาทะ โน โอโรชิ เป็นงูใหญ่ 8 หัว 8 หาง มีดวงตาแดงก่ำ ลำตัวมีตะไคร่น้ำ และต้นฉำฉางอกอยู่ และที่หางมีดาบคุซานางิ โน ทสึรุงิ ("ดาบปราบหญ้า"-ดาบวิเศษมีปลาย 7 แฉกเป็นตัวแทนของสายฟ้า)ปักอยู่ (ต่อมาเขาแต่งงานกับ คุชินาดะ สร้างวังที่ซึงะ ในเมืองอิซึโมะ ต่อมาได้ย้ายไปที่เมืองเนโนคุนิ) ต่อมาเขาได้พิชิตเกาหลี และปราบโรคระบาด
โอคูนินุชิ โน มิโกโตะ (Okuni-Nushi-เทพแห่งการรักษา) เทพแห่งเวทย์มนต์และสมุนไพร ราชาแห่งเทพคุนิซึ บุตรชายของเทพสุซาโนโอะ เขาตายสองครั้งและเกิดใหม่สองครั้ง เป็นสัญลักษณ์แทนฤดูกาล
เขาได้ปกครองโลก และสร้างวังที่เชิงเขาอิกะ ในเมืองอิซึโมะ จนกระทั่งอามาเตราสึ ส่ง นินิกิ(Ninigi) หลานชายของหล่อนมาปกครองแทน และให้โอคูนินุชิ ไปปกครองโลกแห่งวิญญาณและเวทย์มนต์ หลังจากผ่านการทดสอบมากมาย เขาได้ลงไปสู่บาดาล และได้ต่อสู้กับพ่อของเขา และยึดครองดาบของพ่อเขา มาเป็นของตน และผู้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วเพื่อหว่านโปรยโชคดี จากกระสอบใบใหญ่ที่แบกไว้บนบ่า เทพแห่งกระแสน้ำ ชิโอซึชิ เทพแห่งทะเล วาตะซึมิ เทพแห่งวาจาสิทธิ์ ฮิโตโคโตนุชิ
นินิงิ (Ninigi-no-mikoto-เทพแห่งข้าวและความอุดมสมบูรณ์) เป็นเทพต้นตระกูลแห่งจักรพรรดิญี่ปุ่นและ ปฐมจักรพรรดิ ลูกของโอชิโฮมิ(Ame- no-Oshihomimi) กับ โตโย อาคิทซึ เป็นหลานชายของ อามาเตราสึ
แม่ของเขาส่งเขากับน้องสาวของเขา อุซุเมะผู้ร่าเริง ไปที่โลกเพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ทั่วไปและอำนาจทางการเมือง
เขาเดินทางไปถึงจุดที่มีทางแยก 8 ทางที่นำไปสู่ทิศแต่ละทิศ เขาทั้งสองได้พบเทพที่น่ากลัวผู้เฝ้าสะพานที่ลอยไปสู่สวรรค์
ซึ่งได้ข่มขู่เขาแต่เพียงผู้เดียว
ดังนั้น เทพผู้รักษาหนทางได้แนะนำอาณาจักรบนโลกของเขาทั้งหมด เพื่อเป็นการตอบแทน นินิงิจึงให้น้องสาวของเขาแต่งงานกับเทพผู้รักษาหนทาง และเขาเองก็แต่งงานกับ โค โน ฮานะ
ต่อมา นินิงิและลูกหลานของเขาบากบั่นรวบรวมอาณาจักรจากญี่ปุ่นทางตอนใต้ไปจนถึงที่ราบยามาโตะ ทางตะวันออกของโอซาก้า
และที่นั่นเอง เขาได้ก่อตั้งราชวงศ์แห่งยามาโตะ โดยอามาเทราสึได้มอบ กระจก, สร้อยคอ และ ดาบคุซานางิ ให้เป็นของขวัญซึ่งต่อมากลายเป็นเครื่องหมายแห่งจักรพรรดิญี่ปุ่น
เทพสุคุนาบิ โคนา โน คามิ นักสะกดจิตจีน เทพตัวเล็ก มีปีกม๊อธ เทพคุนิซึ ผู้รอบรู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และการใช้ยา เป็นเทพแห่งกสิกรรม และเจ้าแห่งบ่อน้ำร้อน ลูกของเทพี คามิ มูซึบิ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของราชาแห่งอิซึโมะ
เทพคามิ อุมิสุชิ เทพอามาโนะ โก นาคานุชิ เทพคุเอนิโคะ เทพหุ่นไล่กา
7 เทพเจ้าญี่ปุ่น 1 เอบิซึ เทพแห่งความสุข ตัวอ้วน ถือเบ็ด แบกปลานิล 2 โอคุระ 3 บิซะ 4 โฮเทอิ 5 ฟูคูโรจู 6 จุโรชิน 7 เบ็นเท็น เทพธิดา ถือเครื่องดนตรีบิวะ ทาจิ คาราโอะ(เทพแห่งพลัง) ผู้ประดิษฐ์กีฬาซูโม่
ภาคโทโฮคุ มีชนเผ่าเอมิซึ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 พวกคือ อาโซเบะ กับ ซึโบเค นับถือเทพ ซึงารุ อาราบากิ ที่เป็นองค์รวมของ 3 เทพ คือ อิชิกะ (ดวงตะวัน) ถือธนู ขี่หมี-> อามาเตราสึ โฮโนริ (จันทรา) ถือดาบ -> ซึคุโยมิ(จันทราเทวี) ดามิ(ความพินาศและความตาย ) -> สุซาโนโอะ -------------------- ไก่ฟ้า นะคิเมะ เทพแห่งนก ชอบพูดซ้ำซากแบบนกแก้วนกขุนทอง ไก่ นางา นาคิโทริ ชอบขันยาวๆนานๆในคืนเดือนมืด นกกาสีทอง ยาทางาราสึ ผู้นำทาง ผู้เตือนภัย ต้นท้อใหญ่ โอคามิซึมิ โน กามิ ให้กำเนิดผลไม้แห่งเทพ หอยยักษ์ ฮิราฟุ ปลานามาโกะ ไม่ยอมพูด จระเข้ตัวใหญ่ ทาชิโมชิโนะวานิ ที่ห้อยมีดสั้นไว้ที่คอ โมโมทาโร่ คินทาโร่ อุราชิม่าทาโร่ เจ้าหญิงจันทรา เท็งกุ กัปปะ