"ชิดในหน่อยเพ่ ชิดในหน่อย" เป็นคำที่คุ้นหูที่สุด เท่าที่ผมเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง แห่งนี้ เข้าบางกอกวันแรก ไม่ค่อยเข้าใจหรอก คำว่า "ชิดใน" คือให้ไปตรงไหน ที่ตรงไหนของคันรถ เริ่มขึ้นรถเมลล์ เมื่อออกจากหัวลำโพง สายอะไรมิทราบได้ รู้แต่ว่า มันผ่านอนุเสาวรีย์ เป็นพอ จุดหมายปลายทางคือต้องการไปคลองเตยครับ ขั้นรถเมลล์ได้ก็เก้ๆ กังๆ ยืนตรงไหนดีหว่า ด้วยความที่เพิ่งมาจากบ้าน ท่านที่ไม่เคยอยู่ "บ้านนอก" คงไม่เข้าใจหรอก ว่าการที่ต้องเข้ามาบางกอก คนเดียวนั้น มันแสนจะอ้างว้าง และน่ากลัวขนาดไหน กระเป๋าพะรุงพะรัง อยู่บนรถเมลล์ ยืนอยู่ แถวๆ บันไดรถเมลล์นั่นแหละครับ ด้วยการที่กลัวว่า พอถึงที่ แล้วจะลงไม่ทัน อนุเสาวรีย์ อยู่ตรงไหนก็ไม่ทราบได้ อีกไกลไหมก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น เอาละวะ กูยึดที่ตรงนี้ นี่แหละ รถเมลล์เริ่มออกจากป้าย ด้วยการฉุดกระชากลากถู จอดป้ายที่หนึ่ง "ชิดในหน่อยเพ่ ชิดในหน่อย" เอาละวะ เริ่มไม่ค่อยแน่ใจ ไปหรือไม่ไปดี แล้วถ้าจะไป ไปตรงไหน ใน มันอยู่ตรงไหนวะ ข้างหน้า หรือข้างหลัง ยังตัดสินใจ ไม่ได้ ก็อยู่ มันตรงนี้นี่แหละวะ ผู้คนยังไม่มากนัก
รถเมลล์ก็วิ่งไปเรื่อย ๆ ครับ ป้ายที่หนึ่ง ป้ายที่สอง ป้ายที่สาม มันก็ยังฉุดกรชากลากถูไปนั่นแหละ ตอนนั้นยังไม่รู้ คิดว่าคนขับ "ปวดอึ" (ต้องรีบไปเข้าห้องน้ำอะไรทำนองนั้น) "ชิดในหน่อยเพ่ ชิดในหน่อย" ประโยคเดิม ยังคงแว่วมาเรื่อย ๆ คราวนี้คนเก็บตังค์ (กระเป๋าใช่ไหม) ก็หัน มามองที่เรา ก็งงกูทำอะไรผิดหรือเปล่าวะ ในที่สุด มันคงทนไม่ได้
"บอกให้ชิดในตั้งนาน ตั้งแต่ป้ายแรก ยันเกือบป้ายสุดท้าย
ยังทำเฉย ลงไหนหรือน้อง "
"อนุเสาวรีย์ครับ"
กระเป๋ายิ้มครับท่านผู้ชม เอ๊ะ อนุเสาวรีย์ มันขำตรงไหนวะ
"เลยมาไกลแล้ว โอ!"
"อ้าว !"
คำเดียวครับที่หลุดออกมาจากผม เสร็จแล้วก็ตะโกนครับ
"จอดด้วยครับลูกพี่ "
กระเป๋าอีกนั่นแหละครับ ชี้มือชี้ไม้
"กดกริ่งน้อง กดกริ่ง"
ลงจากรถเมลล์คันที่เคารพรักเป็นอย่างยิ่ง อุตส่าห์ จ้องมองอย่างดี
ยังเลยอีก เอางัยละทีนี้ แล้วแถว ๆ นี้มันเรียกอะไร อยู่ที่ไหนวะ
วังเวงเหลือคณา โดดเดี่ยว จริง ๆ ชีวิตกู รถราวิ่งขวักไขว่ แต่ผมกลับ
รู้สึกว่า บางกองมันช่างวังเวงเสียจริง .. คิดได้ครับ คิดได้
ข้ามถนน แล้วก็รอรถเมลล์สายเดิม เพื่อที่จะกลับไปหาอนุเสาวรีย์
อันเป็นที่รักให้จงได้ สุดท้ายก็สำเร็จครับ .. ผมทำได้
ขั้นตอนต่อไปคือคลองเตย
เคยไปแถว ๆ อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใช่ไหมครับ
มันเป็นวงเวียน มาจากโน้น ไปนี้ มาจากนี้ ไปโน้น ฝั่งนี้ดินแดง
ฝั่งนี้งามวงศ์วาน ความยุ่งยากมันอยู่ตรงนี้แหละครับ ขึ้นรถฝั่งไหนหว่า
ด้วยความฉลาดครับ แบกกระเตงกระเป๋ง ไปยืน แล้วก็อ่านป้ายรถเมลล์
คันไหนมันเขียนว่าไปคลองเตย ก็ไปคันนั้นแหละ วนเวียนรออ่านป้ายรถเมลล์ครับท่าน
ดูเป็นเรื่องสนุกมาก (ปัจจุบันนี้เบื่อป้ายรถเมลล์เป็นที่สุด)
คันนี้ก็ไม่ใช่ คันนี้ก็ไม่ใช่ จดสายไว้ครับ ด้วยความฉลาด สายนี้อ่านแล้ว
ผ่าน สายนี้อ่านแล้วผ่าน เอ หลายสายแล้วนี่หว่า ทำไมไม่เห็นมีสักที
เอาวะลองเปลี่ยนไปรออีกฟากหนึ่งดูซิ น่าจะเจอน่า วนไปเรื่อยๆ ครับ วนไปเรื่อย ๆ
ในที่สุดก็สำเร็จครับ ผมเห็นแล้วหัวลำโพง คลองเตย ก็วิ่งครับ วิ่ง
ในที่สุดผมก็อยู่บนรถเมลล์จนได้ คราวนี้ผมชิดในสุด ๆ ครับ อยู่หลังเลย
(คงเป็นด้านในที่สุดกระมัง) รถเมล์ก็วิ่งไปเรื่อย ๆ ครับ เราก็คอยชะโงก
แถวไหนหว่า มันคลองเตย ...
  รถเมลล์จอดป้ายสุดท้ายที่หัวลำโพง
"สนุกจริง ๆ ชีวิตกู อุตส่าห์ผจญภัย ทำไมยังยืนอยู่ที่เดิ่ม "
ได้แต่พร่ำบ่นกับชีวิต อันเวิ้งว้างของตัวเอง ..คืนนั้นผมถึงคลองเตย เที่ยงคืนกว่า
ทั้งที่ออกจากหัวลำโพงตั้งแต่ 5 โมงเย็น ยึดสะพานลอยเป็นที่หลับนอน
เก็บแรงไว้ พรุ่งนี้ ผมต้องหาคอนโด ที่น้าคนที่รู้จักมาเช่าอยู่
ก่อนนอนก็อธิฐานครับ ค่ำคืนนี้ขอให้ดวงดาว (ที่มองไม่ค่อยเห็น) คุ้มครองผม
อย่าให้ใครเอาหนังสือพิมพ์มาปิดหน้าเล้ย เพี้ยง....