Updated Architectural Knowledge By Asst.Prof.Chumnan Boonyaputthipong, Faculty of Architecture, KhonKaenUniversity
Entry for March 28, 2007

เสียงในการออกแบบบ้าน


 


เป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่มีผลกระทบต่อมนุษย์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และความนึกคิด เสียงบางชนิดสามารถทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี สบายและสามารถใช้ในการลดความกดดันทางจิตใจได้ เสียงที่มีผลในทางที่ดีเหล่านี้ได้แก่ เสียงจากธรรมชาติ เช่น เสียงลม เสียงนก เสียงสัตว์ป่า เสียงน้ำตก เป็นต้น เสียงเหล่านี้ช่วยในการเชื่อมมนุษย์กลับไปสู่สภาวะแห่งธรรมชาติ ในทางตรงข้ามเสียงอีกชนิดสามารถจะบั่นทอนจิตใจและเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เสียงเหล่านั้นได้แก่ เสียงที่ดังเกินไป เสียงที่ดังต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เป็นต้น


ร่างกายมีหน่วยในการรับรู้และตอบสนองต่อเสียงอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าเสียงนั้นจะมีระดับที่ต่ำกว่าที่มนุษย์จะรู้สึกได้ แม้กระทั่งเวลานอน มนุษย์ยังสามารถตอบสนองต่อเสียงรบกวนได้ ในลักษณะที่แตกต่างกันไป บ้านซึ่งเป็นสถานที่กำบังกายของมนุษย์ย่อมเกี่ยวข้องกับเสียงที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การออกแบบบ้านที่ดีสามารถควบคุมเสียงให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายหรือสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้อาคารได้ หากผู้ออกแบบมีความเข้าใจพฤติกรรมของเสียงและผลกระทบของเสียงต่อการใช้อาคาร


 


เสียงคืออะไร


หูของมนุษย์สามารถรับรู้เสียงได้จากการสั่นของวัตถุ ทำให้เกิดคลื่นที่แตกต่างกันออกไป จำนวนของการสั่นต่อนาทีแสดงออกมาในรูปของ ความถี่ของคลื่นเสียง มีหน่วยวัดเป็น เฮิร์ต Hertz (Hz) หูของคนเราสามารถตอบสนองต่อการสั่นที่มีความถี่ประมาณ 20-20,000 Hz เมื่อมีอายุมากขึ้นการรับรู้เสียงในระดับความถี่จะน้อยลง โดยทั่วไปมนุษย์จะรู้สึกถูกรบกวนอย่างมากเมื่อเสียงมีความถี่ระหว่าง 500-6000 Hz ในทางตรงข้ามเสียงที่มีความถี่ต่ำจะทำให้มีความรู้สึกสบายมากขึ้น


ความดังของเสียงเป็นปริมาณ (Amonut)ของพลังงานเสียงที่ส่งผ่านอากาศมีหน่วยเป็น เดซิเบล (dB)  


 


มลภาวะทางเสียง


เสียงรบกวนเป็นมลภาวะได้รับความสนใจน้อยกว่ามลภาวะด้านอื่นๆ เพราะอันตรายที่เกิดจากเสียงเป็นไปอย่างช้าๆ และดูไม่ชัดเจนในการรับรู้ถึงปัญหา แต่ในหลายๆ ประเทศกฎหมายเกี่ยวกับเสียงมีบังคับในหลายๆ กรณี แต่ดูเหมือนว่าความหนักแน่นในการบังคับใช้และมาตรฐานเกี่ยวกับเสียงยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หัวข้อนี้เป็นประเด็นสำคัญในการออกแบบบ้านได้


มนุษย์ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในการรับรู้ถึงเสียงอึกทึกในสถานที่ต่างๆ ทั้งที่ทำงาน ห้างสรรพสินค้า หรือตามท้องถนน ในสถานที่ดังกล่าวมนุษย์เคยชินและพยายามปรับตัวในการยอมรับเสียงได้ในระดับหนึ่ง แต่ที่บ้านการยอมรับเสียงรบกวนมีน้อยกว่า มนุษย์ต้องการความเงียบสงบมากกว่า ที่บ้านมนุษย์ต้องการหลีกเลี่ยงเสียงรถยนต์ เสียงเครื่องจักรในการก่อสร้าง หรือเสียงเครื่องบินขึ้นลงจากสนามบิน แม้กระทั่งเสียงจากภายในบ้านเอง เช่น เสียงเครื่องดูดฝุ่น เสียงเครื่องทำความเย็น เสียงเครื่องซักผ้า มีความต้องการที่จะลดระดับการรบกวนลง สถานที่ตั้งของบ้านสามารถที่จะเป็นส่วนเสริมของการเกิดมลภาวะทางเสียงมากขึ้น เช่น บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้สนามบิน เพื่อนบ้านมีเสียงรบกวน หรืออยู่ใกล้สถานที่ก่อสร้าง เป็นต้น มนุษย์จะสามารถยอมรับเสียงรบกวนเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง หากต้องอยู่ในสภาวะที่รบกวนโดยเสียงอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดอาการหดหู่ กดดันสภาพจิตใจ จนกระทั่งมีความรู้สึกบ้านที่น่าจะเป็นวิมานกลายเป็นสถานที่ที่ไม่สามารถหาความสงบสุขได้


เสียงรบกวนสามารถเข้าสู่บ้านหรือเข้ามาอยู่ในบริเวณบ้านได้ในสามทางด้วยกัน คือ Airborne Sound, Impact Sound, Flanking Transmission


ผนังและพื้นที่มีประสิทธิภาพดีสามารถกันเสียงได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมวลของวัสดุด้วย หากมีความหนาและหนัก การสั่นสะเทือนก็จะน้อยนั่นหมายถึงการกันเสียงที่ดี อิฐ คอนกรีต เป็นฉนวนกันเสียงที่ดีกว่าไม้ ทั้งนี้ผลกระทบของเสียงที่มีต่อพื้นอาจจะไม่ได้อยู่ที่มวลของวัสดุ แต่ขึ้นอยู่กับการดูดซับของพื้นผิว การใช้พรมจึงสามารถกันเสียงรบกวนได้ดี     

2007-03-28 16:35:02 GMT
Comments (0 total)
Compose a comment for this post.
Comment:
0 characters left (limit 4,000 characters). No HTML permitted.
Word verification:
To validate this comment, showing us that you are human, and not a computer, please retype the following code in the field provided.
(This helps prevent blog spam.)
Chumnan's Blog
1