Information Technology Papers



ทางรอดจากวิกฤตปี 2000

บทนำ ถึงตอนนี้ดูเหมือนไม่มีเวลาสำหรับแก้ปัญหาปี 2000 แล้ว แต่หน่วยงานของคุณอาจจะยังอยู่รอดต่อไปถ้าคุณเริ่มลงมือทันทีดังนี้...
ถ้าเปรียบบริษัทของคุณเป็นเรือเดินสมุทรอย่าง ไททานิก วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2000 ที่เรียกว่า "เสาร์สยอง" (Black Saturday) ก็เหมือนกับก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ตระหง่านขวางอยู่เบื้องหน้า ต่างกันที่หลายคนสามารถเห็นก่อนล่วงหน้านานพอสมควรแล้ว แต่ทว่าได้เตรียมพร้อมรับมือได้อย่างถูกต้องหรือยังเป็นอีกเรื่องหนึ่ง? แย่ที่สุดก็บริษัททั้งหลายที่เพิ่งตื่นตัวในช่วงเวลาไม่นานมานี้ เพราะเวลาที่เหลืออาจไม่พอให้แก้ไขได้ทันเสียแล้ว แล้วบริษัทเหล่านี้จะมีชะตากรรมเป็นเช่นไร บริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงบางแห่งอาจต้องปิดกิจการลง เช่นเดียวกับไททานิกจมลงสู่ใต้ผืนน้ำหรือไร?
ปัจจุบัน ทั้งโลกต่างก็รับรู้ถึงปัญหาดังกล่าวของคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และข้อมูลที่ป้อนให้เครื่อง เมื่อมองย้อนหลังกลับไปถึงข้อจำกัดในอดีต โปรแกรมเมอร์มีเหตุผลมากมายที่เก็บข้อมูลปี โดยใช้เพียงเลขสองหลักเท่านั้น ดังนั้น 25 ก็หมายถึง 1925 วิธีนี้ใช้การได้ดีจนกระทั่งปี 1999 แต่หลังจากนั้นก็จะเกิดการสับสนกันใหญ่ เพราะขณะที่ 25 หมายถึงปี 1925 แล้ว 00 ก็จะหมายถึงปี 1900
ที่กล่าวมานี้เป็นสิ่งที่เรียกว่าปัญหาปี 2000 หรือเรียกย่อว่า Y2K หรือบางทีก็เรียกว่า "มิลลิเนียมบั๊ก (Millenium Bug)" ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นบั๊กสักหน่อย มีคนทั่วโลกจำนวนมากเล็งเห็นถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุ อีกทั้งตระหนักแล้วว่าต้องทำอย่างไรกับมัน ก็อาจสามารถแก้ปัญหานี้ก่อนหน้าที่มันจะเกิดขึ้น แต่ไม่มีใครที่รู้จริง ๆ ว่าจะมีวิกฤตการณ์อะไรเกิดขึ้นได้บ้าง เนื่องจาก Y2K เป็นหายนะที่ไม่เคยมีใครได้ประสบมาก่อนหน้านี้เลย ฉะนั้นผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ แล้วกว่าที่ผู้คนเหล่านั้นจะรู้ถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของปัญหานี้ ก็เมื่อถึงเวลานั้นจริงเท่านั้น
มีคนหลายคนที่คิดว่า Y2K เป็นแค่ข่าวโคมลอย ทั้งเชื่อว่าจริง ๆ แล้ว มันเป็นเรื่องหลอกลวงที่บริษัทที่ปรึกษา และผู้ผลิตซอฟต์แวร์ใช้หาเงิน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ยารักษาโรคหัวใจคงเป็นเครื่องมือหากินของบริษัทผู้ผลิตยารักษาโรค ขณะที่แพทย์คงสมรู้ร่วมคิดแจ้งอาการหลอกลวงเช่นกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะกล่าวหาบริษัทที่สร้างเรือชูชีพว่าใช้เรือชูชีพเป็นเครื่องมือหาเงิน เพราะรอจนถึงวันที่ 2 มกราคม 2000 ก็สายเกินไปเสียแล้ว คุณอาจถูกไล่ออกจากงาน หรือถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายก็ได้ ก่อนที่จะถึงเวลานั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือนำเรือชูชีพออกมาใช้ และเริ่มต้นพายเรือทันที
ในบทความนี้ จะศึกษาถึงขอบเขตของปัญหา Y2K และเทคนิคบางประการที่ใช้แก้ปัญหานี้ และที่สำคัญที่สุดสำหรับใครก็ตามที่ไม่สามารถแก้ปัญหา Y2K ได้ทันเวลา เราจะกล่าวถึงแผนสองที่กล่าวถึงว่าเราจะทำอะไรถ้า (หรือเมื่อ) คุณพบกับปัญหา Y2K เข้าแล้ว
ขอบเขตของปัญหา ถ้าผลลัพธ์ของ Y2K มีผลต่อระบบคอมพิวเตอร์อย่างเดียวเท่านั้นก็คงจะดี เพราะการค้นหาจะทำได้ง่าย แต่โชคร้ายที่Y2K เหมือนกับก้อนน้ำแข็งในมหาสมุทร ส่วนที่อันตรายที่สุดกลายเป็นส่วนที่อยู่ใต้ผิวน้ำที่ไม่อาจมองเห็นได้ คอมพิวเตอร์เสมือนยังสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ข้อมูลเอาต์พุตที่ได้กลับไม่ถูกต้อง ซึ่งตรวจพบได้ยากมาก คุณอาจได้รับบัตรเชิญร่วมงานฉลองหนึ่งร้อยปีของโรงเรียนอนุบาลหมีน้อย เนื่องจากคอมพิวเตอร์ของทางโรงเรียนไม่สามารถจำแนกได้ว่าวันก่อตั้งโรงเรียนเป็นปี 1890 หรือ 1990 กันแน่ โครงการที่ทำล่วงหน้าหลายปี เช่น งานในบริษัทประกัน, การศึกษาเรื่องประชากร, การครบกำหนดของพันธบัตร และการวางแผนจัดซื้อ ต่างก็ได้ผลลัพธ์ที่ผิดพลาด เนื่องจากการลบวันในศตวรรษที่ 19 กับวันในปีที่ลงท้ายด้วย 00 จะให้ผลลัพธ์เป็นเลขค่าติดลบ ตัวอย่างเช่น Boeing บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์ที่มีชื่อเสียง Bob Jorgensen ได้กล่าวว่าทาง Boeing เผชิญหน้ากับปัญหาปี 2000 มาตั้งแต่ในช่วงทศวรรษ 1980 แล้ว เช่นเดียวกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายอื่น ๆ เพราะแผนสั่งซื้อเครื่องบินจะกระทำล่วงหน้าเป็นเวลานาน ๆ ทำให้มีการสั่งซื้อวัสดุในการผลิตล่วงหน้าถึงเจ็ดปี ดังนั้นจึงสังเกตเห็นผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 1993 แล้ว
ปัญหานี้ใหญ่โตมากกว่าที่หลายคนคิด แรกสุดมันไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะกับซอฟต์แวร์ของเครื่องเมนเฟรมเท่านั้น ฮาร์ดแวร์ก็เป็นอีกส่วนที่ได้รับผลกระทบจาก Y2K เนื่องจากซอฟต์แวร์ก็ต้องทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดกับฮาร์ดแวร์ สำหรับระบบ embedded ที่ใช้ในการมอนิเตอริงและควบคุมที่พบได้ในที่ต่าง ๆ เช่น ในโรงไฟฟ้า, โรงไฟฟ้าพลังน้ำ, สวิตช์โทรศัพท์ และสัญญาณกันขโมย ปัญหาคลาสิคที่มักใช้ยกเป็นตัวอย่างก็คือ อุปกรณ์ที่มีระบบมอนิเตอร์การบำรุง รักษาเครื่องตามกำหนดเวลา เมื่อเข็มสั้น และเข็มยาวมาพบกันที่เลข 12 ของหน้าปัดนาฬิกา ในวันขึ้นปีใหม่ของปี 2000 อุปกรณ์เหล่านี้จะคิดว่ามันได้รับการบำรุงรักษาครั้งสุดท้ายเมื่อ 99 ปีที่แล้ว นานมากจนไม่อาจทำงานได้ถูกต้อง จึงสั่งหยุดการทำงานของระบบ อันตรายจะยิ่งทวีขึ้นจนถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าอุปกรณ์นี้เป็นตัวที่มอนิเตอร์การให้ยา หรือน้ำเกลือทางเส้นเลือดของผู้ป่วยในโรงพยาบาล
แต่ก็ใช่ว่า ทุกสิ่งจะอันตรายถึงชีวิตไปเสียหมด ตัวอย่างต่อไปนี้คงพอช่วยคลายความกังวลจากการเข้าใจผิดบางประการได้บ้าง แม้ในลิฟต์จะมีชิปที่ทำหน้าที่มอนิเตอร์การบำรุงรักษาเช่นกัน แต่ปัญหา Y2K ไม่ได้ทำให้ลิฟต์หยุดการทำงาน และตกลงทันที แต่จะสั่งให้ลิฟต์มาจอดที่ชั้น 1 อย่างนุ่มนวล, เปิดประตู และไม่ขยับเขยื้อนจนกว่าจะมีใครมารีเซ็ตชิปใหม่ ขณะที่ Jorgensen จาก Boeing อธิบายเพิ่มว่าเครื่องจะไม่ชนกัน ถ้ามันมีปัญหาอะไรเครื่องบินจะไม่สามารถออกจากสนามบินได้
อย่างไรก็ตามการเสียหายในระบบใด ๆ จะมีผลกระทบต่อเนื่องไปยังส่วนอื่น ๆ อย่างลูกโซ่ เช่น ถ้าระบบสื่อสารเสียก็จะมีผลกระทบต่อระบบธนาคาร และการเงิน ถ้าโรงกลั่นน้ำมันไม่สามารถผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง รถบรรทุกไม่สามารถขนส่งสินค้าได้ ถ้าระบบกันขโมย และตัวตรวจจับไฟนับพันตัวไม่ทำงาน หรือแจ้งข้อมูลผิดพลาดไป ตำรวจ และตำรวจดับเพลิงจะไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดไฟไหม้ที่ไหน ถึงแม้ว่าไฟจะไหม้จริง
แต่อินเทอร์เน็ตจะเป็นกรณีพิเศษ แม้ว่าโอเอส, เซิร์ฟเวอร์ และสวิตช์บางส่วนอาจหยุดการทำงาน แต่แอพพลิเคชันจะไม่หยุดลง เนื่องจากมันมีเครือข่ายเชื่อโยงกันมากมายไม่ล่มพร้อมกันทั้งหมด อย่าลืมว่าอินเทอร์เน็ตแนวคิดพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตก็คือระบบสื่อสารที่มีเส้นทางสำรองมากมายสำหรับใช้ทางทหาร อย่างไรก็มีระบบสำรองเหลือแน่นอน ทว่าก็มีคำถามตามมาว่า ถ้าเครือข่ายของอินเทอร์เน็ตเสียหายไปสัก 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือจะสามารถรองรับระดับของทราฟิกที่มีในปัจจุบันหรือไม่ แล้วสิ่งที่จะได้รับผลกระทบนั่นก็คือธุรกิจที่ดำเนินการผ่านอินเทอร์เน็ตนั่นเอง
กฎหมาย และความโกลาหล ในสหรัฐอเมริกา มีปริมาณคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมากมายมหาศาลในแต่ละปี ผู้คนนิยมฟ้องร้องกันในแทบทุกเรื่อง แม้จะเป็นเรื่องหยุมหยิมอย่างแค่ลูกค้าที่ทำกาแฟร้อนหกรดตัวเอง ยังมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของร้านเลย ปัญหา Y2K ก็คงไม่พ้นจะก่อชนวนปัญหาลูกโซ่ที่คาดไม่ถึง มีการคาดการณ์ว่าเราจะต้องเสียเงินสองถึงสามดอลลาร์จากการฟ้องร้อง ในทุก ๆ หนึ่งดอลลาร์ที่ใช้ไปในการแก้ไขปัญหา จำเลยหลักของการฟ้องร้องจะเป็นประธานเจ้าของบริษัท, ผู้จัดการอาวุโส, และบุคลาการในแผนกไอที โดยไม่ขึ้นกับโครงสร้างของบริษัท ดังนั้นจึงต้องเตรียมการรับมือปัญหานี้ไว้ให้ดี
มูลเหตุของการฟ้องร้องจะมีได้หลายหลากแตกต่างกัน นับตั้งแต่ลูกค้าสามารถฟ้องซัพพลายเออร์เรื่องการผิดสัญญาส่งของ หรือส่งของที่ไม่ผ่าน Y2K (ไม่เป็น Y2K compliance) ซัพพลายเออร์สามารถฟ้องลูกค้าที่ไม่รับสินค้าที่ไม่ผ่าน Y2K ลูกค้าสามารถฟ้องผู้จัดจำหน่ายสำหรับการกระทำต่าง ๆ คนดูแลสต็อก หรือเจ้าของสามารถฟ้องผู้จัดการเรื่องการเสียหายทางธุรกิจเนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่าน Y2K หรือแม้แต่เรียกค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสินค้าที่สั่งซื้อให้เป็นสินค้าใหม่ที่ผ่าน Y2K
เหตุการณ์เหล่านี้จะทำให้หน่วยงานตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไม่มีทางออก ตัวอย่างเช่น มีการฟ้องร้องในหลายข้อหา (class-action) ที่ฟ้องบริษัท Software Business Technologies โดยกล่าวหาว่าหนึ่งในซอฟต์แวร์ด้านบัญชีตัวเก่าที่บริษัทใช้งานไม่ผ่าน Y2K ทั้ง ๆ ที่ซอฟต์แวร์ในรุ่นล่าสุดได้ปรับปรุงให้ผ่าน Y2K แล้ว โดยสามัญสำนึก การจ่ายเพื่ออัพเกรดซอฟต์แวร์ไปสู่รุ่นที่ผ่าน Y2K น่าจะเป็นสิ่งที่ยอมรับกันได้ แต่การฟ้องร้องกลับเป็นทางเลือกของลูกค้าโปรแกรมบัญชีเหล่านี้ สิ่งที่ผู้ฟ้องร้องต้องการก็คือการแก้ไขให้ซอฟต์แวร์ตัวเดิมให้ผ่าน Y2K โดยไม่เสียเงิน พวกเขาต้องการให้การอัพเกรดเป็นเวอร์ชันใหม่นี้เป็นไปอย่างง่ายที่สุด ซอฟต์แวร์ใหม่นี้ต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด, เปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ด้วย และอื่น ๆ จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง คุณอาจปรับปรุงซอฟต์แวร์รุ่นเก่าให้ผ่าน Y2K ได้เอง โดยการอัพเกรดเวอร์ชันใหม่ โดยไม่ต้องการบริการจากผู้ขายเลย แต่คุณเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาเรื่องการฟ้องร้อง หรือเตรียมเงินไว้ในการต่อสู้ข้อกล่าวหา หรือจ่ายค่าชดเชยแล้วหรือยัง? สถานการณ์ที่ทุกฝ่ายต้องสูญเสียนี้เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่บริษัทของคุณต้องเผชิญ
ธนาคารก็เป็นเป้าหมายหลักของการฟ้องร้อง เนื่องจากต้องเกี่ยวข้องกับเงินทอง จากการสังเกตอย่างไม่มีหลักฐานของ Willie Sutton เนื่องจากระบบเกือบทั้งหมดของธนาคาร เช่น การถอนเงินผ่าน ATM, การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์, การเคลียริงเช็ค, ห้องนิรภัยจะใช้คอมพิวเตอร์ ปัญหาที่เกิดกับธนาคารจะมีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก ทาง FDIC ได้เตือนไปยังธนาคารถึงปัญหาที่อาจเป็นไปได้และโอกาสของการฟ้องร้องที่จะทยอยเกิดขึ้น
คาดว่าคุณคงจะเคยได้ยินคำว่า "due diligence" มาบ้างแล้ว ในหัวข้อ Y2K "due diligence" จะหมายถึงว่าหน่วยงาน (และรวมถึงผู้นำ) นั้น ๆ ได้ทำเอกสารรายงานความพยายามในการค้นหา และแก้ไขปัญหา Y2K อย่างละเอียดลออ และเชื่อถือได้ การทำเช่นนี้จำเป็นต้องกวดขันการเก็บบันทึกข้อมูล ถ้ามีการใช้ซอฟต์แวร์เครื่องมือ (software tools) ที่ดี ซึ่งมีความสามารถวิเคราะห์, แก้ไข และทดสอบที่เก่ง ก็จะช่วยให้มีการบันทึกการทำงานต่าง ๆ และผลลัพธ์ที่ได้อย่างอัตโนมัติ หน่วยงานรัฐบางแห่งได้เริ่มกล่าวถึงการร่างกฎหมายเพื่อจำกัดความรับผิดชอบของหน่วยงานที่มีต่อ Y2K เช่นใน California Assembly ก็จะพิจารณาบัญญัติกฎหมายขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อช่วยหน่วยงานต่าง ๆ ที่แก้ไข Y2K ไม่ทัน ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อบริษัทที่ได้พยายาม แก้ไขปัญหา Y2K อย่างแข็งขัน ในบางรัฐที่ได้แก่ Nevada และ Washington ได้เห็นชอบ และออกกฎหมายปกป้องตัวรัฐเองให้พ้นจากการถูกฟ้องร้องอย่างฉลาด
ในความเป็นจริงแล้วหน่วยงานของรัฐบาล U.S. ไม่ได้เป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหานี้ ภาครัฐเองเป็นส่วนที่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหานี้น้อยที่สุด ตัวอย่างเช่น IRS (ที่มีโค้ดโปรแกรมมากกว่า 100 ล้านบรรทัด และได้รับการจัดคะแนนที่ D- จาก House Technology Subcommittee), FAA (ที่นักวิเคราะห์อิสระชี้ว่ากว่าจะแก้ไขเสร็จก็ปาเข้าไปปี 2009) และ Department of Defense (ที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง เช่น ไม่สามารถจัดส่งเสบียงไปให้กองทัพต่าง ๆ ได้) และอื่น ๆ อีกที่ไม่ได้กล่าวถึง สำหรับการประกันสังคมก็ได้เตรียมพร้อมอย่างดีจนกว่าจะพบว่าระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐอื่น ๆ ที่ติดต่อด้วยจะแก้ไขเสร็จไม่ทันเวลา การแก้ไขโค้ดโปรแกรมกว่า 30 ล้านบรรทัดไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่ายเลย
อย่าแปลกใจที่มีคนหัวใส เริ่มจัดให้มีการทำประกันเรื่องมิลลิเนียม (millinium insurance) จากบริษัทอื่น ๆ นอกเหนือจาก American International Group ออกมาให้เห็น ถ้าหน่วยงานของคุณไม่อาจรับความเสี่ยงกับการสูญเสียใด ๆ ถ้ามีการผิดพลาดเกิดขึ้น ก็สามารถเลือกใช้บริการของบริษัทประกันเหล่านี้ได้
กฎหลักของการแก้ปัญหา Y2K ส่วนที่เหลือของบทความนี้ จะสมมติว่าคุณยังไม่ได้จัดการกับ Y2K เรียบร้อย ซึ่งไม่ได้มีแต่บริษัทของคุณรายเดียว อีก 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ของบริษัทในอเมริกาก็ยังไม่ได้แก้ไขเช่นกัน อย่าเพิ่งตื่นตกใจไปถึงแม้ว่าคุณไม่สามารถแก้ไขมันได้ทันเวลา ยังมีบางขั้นตอนที่กำหนดไว้ชัดเจนที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อช่วยให้หน่วยงานของคุณอยู่รอดปลอดภัย ในความเป็นจริงแล้วมีพวกอนุรักษนิยมบางคนที่บอกว่าคุณโชคดีที่คุณตัดสินใจทีหลัง เพราะยิ่งนานวันก็จะมีซอฟต์แวร์สำหรับแก้ไขปัญหา,มีบริษัทที่ปรึกษา และกลวิธีในการแก้ไขออกมามากมายให้เลือก นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นที่ได้แก้ไข Y2K อย่างเชี่ยวชาญแล้ว ซอฟต์แวร์ที่ใช้จะผ่านการทดสอบ และใช้งานได้จริง บริษัทที่ปรึกษาก็จะมีรายงานการแก้ไขที่เคยทำมาให้ลูกค้าเลือกพิจารณาและมีวิธีการแก้ไขที่เป็นมาตรฐานสำหรับจัดการกับแต่ละสถานการณ์ ดังนั้นเลิกลังเล และเริ่มลงมือทำได้แล้ว
กฎข้อแรก และสำคัญที่สุดของการแก้ไข Y2K คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้หน่วยงาน หรือธุรกิจของคุณอยู่รอดปลอดภัย ซึ่งก็ตรงไปตรงมา ถ้ายังสับสนลองดูตัวอย่าง การที่แผนกไอที หรือระบบคอมพิวเตอร์ของคุณจะรอดพ้นจาก Y2K (เพราะว่าคุณอ่านวิธีการเหล่านี้ใน BYTE) ไม่ได้มีความสำคัญใด ๆ ที่สำคัญที่สุดคือหน่วยงาน หรือธุรกิจของคุณจะต้องอยู่รอด ในทางทฤษฎีแล้วเราก็ต้องการให้ทั้งสองส่วนนี้ (ระบบคอมพิวเตอร์ และองค์กร) อยู่รอด ซึ่งอาจจะต้องเรียกใช้บริการจากภายนอกเพื่อให้จัดการขั้นตอนการแก้ไขปัญหาในบางส่วนหรือทั้งหมด แต่ถ้าไม่ทันจริง นั่นอาจหมายถึงการกลับทำงานตามระบบเก่าที่เป็นแบบแมนนวล ด้วยกระดาษ และปากกา ปัญหานี้หมายความว่าคุณจำต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากสำหรับการแก้ไข แต่คุณไม่มี หน่วยงานที่ฉลาดบางแห่งได้พบวิธีที่ทำให้การแก้ไขปัญหา Y2K ง่ายขึ้น และทำเสร็จได้โดยเสียเงินถูกกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญประมาณไว้ ตัวอย่างเช่น Kemper Insurance ใช้ซอฟต์แวร์ Revolve ในรุ่นคัสตอมไมซ์เวอร์ชันของ Micro Focus ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขโค้ดโปรแกรมฐานข้อมูลที่ใช้กับเครื่องเมนเฟรม Apollo กว่า 40 ล้านบรรทัดจากที่ประมาณไว้ 40 ล้านดอลลาร์เหลือแค่ 700,000 ดอลลาร์
กฎข้อสองคือ คุณต้องจริงจังกับมัน คุณจำเป็นต้องทำแผนงานที่เป็นจริงด้วยตัวเลขที่แท้จริง และข้อมูลที่เป็นจริงทันที มิฉะนั้นอาจเป็นไปได้ว่าคุณจะแก้ไขได้ไม่ทันเวลา แม้ว่าจะจ่ายเงิน และลงทุนลงแรงไปกับโครงการนี้แล้วก็ตาม ถ้ามันเป็นไปตามนี้คุณจำเป็นต้องทราบ และเริ่มต้นมองหาแผนสองเพื่อรองรับ อย่าตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า คุณดำเนินโครงการอย่างใจเย็น, ไม่ใส่ใจกับกำหนดการที่วางไว้, ไม่มีแผนสองไว้รองรับ และพบว่าเวลาล่วงไปถึงเดือนพฤศจิกายน 1999 ซึ่งไม่อาจแก้ไขอะไรได้ทันแล้ว คุณจะต้องพบกับปัญหาจากการปฏิบัติงานจริง เมื่อเรียกใช้ที่ปรึกษาจากภายนอก และบริษัทผู้จำหน่ายฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ อย่าเพิ่งไว้วางใจกับคนอื่นทั้งหมด ในที่สุดแล้วชะตากรรมของหน่วยงานจะอยู่ในมือคุณ เมื่อใช้บริการจากภายนอกแล้ว คุณควรจะต้องมอบความไว้วางใจให้กับเขาที่คุณฝากอนาคตของหน่วยงานของคุณไว้กับเขา แต่อย่างไรก็ให้เพิ่มความเชื่อมั่นในแผนสองของคุณมากกว่าที่จะเชื่อถือในสิ่งที่บุคคลภายนอกทำไว้ให้ เป็นไปได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการสนับสนุนจากทุกส่วนของหน่วยงาน ทุกๆ คนในหน่วยงานต้องทราบถึงความสำคัญการรอดพ้นจาก Y2K โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารระดับสูง ถ้าไม่เข้าใจแล้วก็มักจะไม่สนใจปัญหา และเน้นให้ทำงานตามปกติ ถ้าลงทุนกับโครงการ Y2K ที่จำเป็นเพื่อให้หน่วยงานอยู่รอดต่อไป ถ้าขัดขวางหรือไม่สนใจในวิกฤตนี้แล้วอาจจะต้องสูญเสียกิจการไปก็ได้
Triage มีนิยามคำที่ท่านควรจะเข้าใจก่อนก็คือ ไตรเอจ (triage) ที่ Peter de Jager เป็นผู้นำมาใช้กับ Y2K เป็นคนแรก ไตรเอจ (triage) เป็นการแบ่งความสำคัญ และจัดลำดับก่อนหลังให้กับการแก้ไขปัญหา มีความเหมาะสมมาก โดยเฉพาะเมื่อไม่ค่อยมีเวลาแล้ว คุณไม่มีเวลาพอสำหรับการการแก้ไขแอพพลิเคชันทุกตัวที่ใช้ในหน่วยงานของคุณ คุณจะต้องแบ่งแยกความสำคัญเพื่อตัดสินใจได้ว่าจะแก้ไขอะไรก่อนอะไรหลัง มีผู้กำหนดกลยุทธ์ Triage เพื่อแบ่งระดับความสำคัญหลายวิธีแตกต่างกันไป Jerry Hermes ผู้จัดการแผนกให้คำปรึกษาปัญหาปี 2000 ของ Micro Focus ได้ใช้วิธีการแบ่งเป็นสามระดับคือ 1. ตายไปแล้ว, 2. กำลังจะตาย และ 3. ใกล้จะตาย ยังมีวิธีการอื่นที่เน้นประเด็นว่า ยังมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้แค่ไหน 1. น่าจะดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาแก้ไข, 2. สายไปแล้ว อาจจะเสียเวลาเปล่าถ้าจะแก้ไข, 3. มีโอกาสรอด ถ้าพยายามแก้ไข แน่นอนว่าส่วนที่คุณควรจะเน้น และให้ลำดับความสำคัญเป็นอันดับแรกก็คือประเภทที่สาม
ยังมีกลยุทธ์การแบ่งความสำคัญอื่นที่เน้นไปที่ความสำคัญต่อหน่วยงานของคุณได้แก่ 1. ไม่สำคัญ, 2. สำคัญแต่ไม่มีหวัง และท้ายสุดคือ 3. สำคัญ แล้วยังมีโอกาสที่จะแก้ไขได้ เหมือนเดิมควรจะเน้นไปที่ประเภทที่ 3 แล้วแอพพลิเคชันประเภทไหนที่จะตัดสินว่า "ไม่สำคัญ" อาจเป็นอีเมล์ หรือแอพพลิเคชันที่สามารถว่าจ้างบริษัทภายนอกช่วยจัดการให้ได้ เช่น โปรแกรมเงินเดือน (Payroll), โปรแกรมสั่งซื้อ (order processing), และฟังก์ชันงานบริหารบุคคล (human-resources functions) บางส่วน หลังจากที่ระบุส่วนที่วิกฤตที่ต้องการแก้ไข คุณจะต้องกำหนดแผนการแก้ไขนี้ที่เป็นจริง ถ้าแผนกสารสนเทศของท่านไม่กระตือรือร้นที่ทำ ก็ควรหันไปจ้างผู้เชี่ยวชาญ หรือบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องการวางแผนโครงการจากภายนอก มีซอฟต์แวร์หลายตัวที่ช่วยในการวางแผนและประมาณโครงการ Y2K ของคุณ เช่น Checkpoint และ SPR KnowledgePlan ของ Software Productivity Research ในแผนของคุณจะต้องมีตารางเวลาที่ทำได้จริง ไม่ใช่คิดฝันเอาเอง โดยกำหนดได้จากจำนวนงานที่ต้องทำ เช่น จากจำนวนบรรทัดของโค้ด (lines of code) หรือจากฟังก์ชันพอยต์ (function point), ทักษะความรู้ในการแก้ปัญหา เมื่อเปรียบเทียบจากสถานการณ์เดียวกัน และจำนวนของทรัพยากรที่สามารถทุ่มให้กับ Y2K ถ้าตารางเวลาที่ได้รัดตัวมากเกินไปให้ปรับค่าพารามิเตอร์บางตัว เช่น อาจจะลดจำนวนของระบบที่พยายามจำแก้ปัญหา, หาวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่า หรือจะดึงงานอื่นออก แล้วทุ่มเทแรงงาน และทรัพยากรไปให้กับการแก้ปัญหา Y2K คุณยังต้องพัฒนากลยุทธ์ที่เกี่ยวกับการ "การตรวจสอบว่าผ่าน Y2K จริงหรือไม่" (compliance tracking) เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับการจัดการคอนฟิกูเรชัน (configuration management) และการประกันคุณภาพ (แม้จะเป็นซอฟต์แวร์แพ็กเกจก็ตาม) Carpers Jones ประธานบริษัท Software Productivity Research ได้ระบุการแก้ไขที่ไม่ถูกจุดหรือแก้ไขแต่ไม่หมดนี้เป็นปัญหาใหญ่ของการแก้ไข Y2K ที่ลดทอนประสิทธิภาพอย่างมาก เขาได้กล่าวว่า "แทบจะไม่ได้มีการถกกันเรื่องอัตราการแก้ไข Y2K ที่ไม่ถูกจุด (bad-fix injection rate) เลย ราวกับว่าเป็นแค่ปัญหาจุกจิกกวนใจเหมือนกับการเออร์เรอร์ของซอฟต์แวร์ประเภทอื่นๆ" ผลท้ายสุดก็คือ การแก้ไขปัญหาของระบบของคุณซ้ำอีกครั้ง
เริ่มแก้จากลำเรือ เราจะเน้นไปที่ฮาร์ดแวร์ก่อน คุณจำเป็นต้องทำฐานข้อมูลของฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์ที่มีทุกตัว เช่น ต้องนับรวมทั้งอุปกรณ์เน็ตเวิร์ก เช่น ฮับ และเราเตอร์ ตลอดจนถึงอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ เช่น พรินเตอร์ และสแกนเนอร์ แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณก็คือ บริษัทผู้ผลิต และตัวแทนที่ขายหรือให้เข้าเครื่องแก่คุณ บริษัทผู้ผลิตจะทราบว่าตัวไหนที่ผ่านปัญหา Y2K (Y2K compliant) และตัวไหนที่ไม่ผ่าน ถ้าฮาร์ดแวร์นั้นๆ ไม่ผ่านปัญหา Y2K เขาก็ควรจะมีวิธีการแก้ไขให้มันผ่าน Y2K ได้ นอกจากนี้แล้วยังมียูสเซอร์กรุ๊ปที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ Y2K และเรื่องราวการจัดการ Y2K ของผู้ใช้แต่ละราย คุณยังสามารถหาซอฟต์แวร์ฟรีสำหรับทดสอบปัญหาและอาจจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในบางส่วน (ดูเพิ่มเติมที่กรอบ "ซอฟต์แวร์ Y2K แจกฟรี") ใช้แก้ปัญหาได้จริงหรือ? สำหรับบางระบบ เช่น เครื่องพีซี โดยจะเป็นซอฟต์แวร์ยูทิลิตี้ที่ทำงานต่าง ๆ เช่น ดักจับการคอลล์ไปยังซิสเต็มคล็อก และคืนค่าเป็นปีที่เปลี่ยนไป (ค่าปีที่ถูกต้อง) ในช่วงศตวรรษที่ 2000 จากเวลาจริงของเครื่อง (ที่ผิดพลาด) ที่ยังอยู่ในทศวรรษที่ 1900 อย่าลืมว่ามันเป็นแค่การแก้ปัญหาชั่วคราวจนกว่าคุณจะสามารถแก้ไข หรือเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ต้องระวังข้อจำกัดของวิธีการแก้ปัญหาชั่วคราววิธีนี้ และต้องทดสอบให้แน่ใจว่าจะไม่ทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามอีก โดยทั่วไปแล้ววิธีการทั้งหมดนี้จะขึ้นกับแพลตฟอร์มที่ใช้
บางครั้งคุณจำเป็นต้องเลือกที่จะอัพเกรด หรือซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ (เช่น การอัพเกรดพีซีให้ผ่าน Y2K จะรวมถึงการเปลี่ยนไบออส และชิปเซ็ต system-clock) คุณควรจะปรึกษาบริษัทผู้จำหน่าย ถ้าบริษัทผู้จำหน่ายไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย ก็ให้เปลี่ยนไปใช้บริการจากบริษัทอื่น ถ้าอุปกรณ์ของคุณยังอยู่ในช่วงรับประกันก็จะได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างมาก นอกจากนี้แล้วบริษัทที่ดีจะมีแผนที่เหมาะสมสำหรับการแก้ไข หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ การตัดสินใจเลือกที่จะซ่อม หรือจะซื้อใหม่ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลย มันมีอะไรที่มากไปกว่าแค่เรื่องราคา หลายหน่วยงานฉวยโอกาสใช้วิกฤตนี้เพื่อเปลี่ยนคอมพิวเตอร์รุ่นโบราณที่ยังใช้อยู่ไปเป็น เครื่องรุ่นใหม่ที่หาซอฟต์แวร์และการสนับสนุนได้ง่ายกว่า และอื่นๆ ตามต้องการถ้าไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน ถ้าตัดสินใจเลือกฮาร์ดแวร์ที่ไม่ผ่าน Y2K แล้วจะต้องทดสอบทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่แล้วทั้งตัวที่แก้ไขแล้ว หรือซื้อมาใหม่ (รวมถึงตัวที่กำลังจะมา) อย่างละเอียดและทั่วถึง อย่าคาดหวังว่าไม่มีปัญหาอะไรนำมาใช้ได้ทันที
สำหรับ Embedded systems ก็เป็นกรณีพิเศษ ปกติแล้วจะพบมันได้ในระบบงานอุตสาหกรรม และในเซ็นเซอร์ หรือระบบมอนิเตอริงหลาย ๆ ประเภท การแก้ไข Y2K ที่ปลอดภัยที่สุดให้ปรึกษาบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เหล่านี้ ทางบริษัทนอกจากจะทราบอุปกรณ์ตัวไหนที่ผ่าน หรือไม่ผ่านปัญหา Y2K แล้วจะยังมีโปรแกรมสำหรับการเปลี่ยนอุปกรณ์ embedded ที่ไม่ผ่านนี้ด้วย หรืออาจจะแนะนำให้เปลี่ยนอุปกรณ์บางตัวที่อยู่ในระบบ โดยทั่วไปแล้ว embedded systems จะไม่สามารถแก้ไขด้วยการใช้ซอฟต์แวร์ได้ จึงไม่ค่อยมีทางเลือกอื่น ๆ ให้เลือกใช้มากนัก
ไม่อาจเนรมิตทางแก้ได้ ในส่วนของซอฟต์แวร์จะมีวิธีการต่าง ๆ ให้เลือกในการแก้ปัญหา Y2K ถ้าเราทราบว่าโค้ดโปรแกรมในส่วนไหนที่มีปัญหาแล้ว เราสามารถให้ใครแก้ไขก็ได้ แต่มีปัญหาว่าจะหาส่วนที่อ้างอิงวันที่ทุกตัวในโค้ดโปรแกรมที่ผ่านการคอมไพล์แล้วได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่มีซอร์สโค้ด หรือลิสติง (listing) ของโปรแกรม ขั้นตอนที่จำเป็นมากนี้เรียกว่าการวิเคราะห์หรือการประเมิน สำหรับแอพพลิเคชันทุกตัวที่มีความสำคัญมาก จะต้องนำมันมาวิเคราะห์หาส่วนการอ้างอิงวัน (date reference) ที่ที่มีผลกระทบต่อ Y2K ถ้าซอฟต์แวร์ที่มีนี้มาจากแหล่งอื่น ๆ ทางเจ้าของหรือผู้จำหน่ายอาจจะมีข้อมูลว่ามันผ่านหรือไม่ผ่าน Y2K และอาจจะมีออปชันที่ดีให้เลือก (ยูสเซอร์กรุ๊ปต่าง ๆ มักจะมีข้อมูลที่มีประโยชน์แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน) เมื่อจบขั้นตอนการวิเคราะห์แล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตัดสินใจว่าจะจัดการกับปัญหาต่าง ๆ อย่างไร ถ้าซอฟต์แวร์ที่ใช้เป็นซอฟต์แวร์เฉพาะยี่ห้อ (proprietary) หรือจ้างเขียนโดยที่ไม่มีซอร์สโค้ด (legacy systems) ก็จะยิ่งยากลำบากขึ้น (อย่าลืมว่าบางส่วนของโปรแกรมที่ดูคล้ายกับข้อมูลอาจจะเป็นส่วนของโปรแกรม ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสเปรดชีตที่บางส่วนของมันดูเหมือนว่าเป็นข้อมูลแต่ที่แท้จริงแล้วมันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในแบบนอนโพรซีเดอร์) อย่าลืมว่าตัวอ้างอิงวันไม่ได้มีความสำคัญทุกตัว จะสำคัญเฉพาะตัวที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณ หรือการเปรียบเทียบ (และรวมถึงตัวอ้างอิงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับมัน) ส่วนการเก็บข้อมูล, ค้นหาหรือแสดงค่าวันจะไม่มีผลอะไร
Hermes แห่ง Micro Focus กล่าวเพิ่มเติมว่าความหมายของวันเป็นสิ่งสำคัญ ตัวอย่าง วันเกิดในปี 98 เป็นได้ทั้งปี 1898 หรือ 1998 ในขณะที่ 98 ที่เป็นปีที่ซื้อรถจะหมายถึงปี 1998 อย่างไม่ต้องสงสัย
สำหรับการประเมินนี้จะมีหลายทางให้เลือก เป็นได้ทั้งการขอความช่วยเหลือจากภายนอกหรือจะแก้ไขเอง โดยมีข้อสังเกตต่างๆ สำหรับการใช้ความช่วยเหลือจากภายนอกเปรียบเทียบกับการแก้ไขเองดังนี้ แรกสุด Capers Jones จาก SPR ได้ประมาณการจากโครงการวิเคราะห์ซอฟต์แวร์พบว่าการแก้ปัญหาด้วยตนเองจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่จำเป็นต้องมีแผนกสารสนเทศที่กระตือรือร้นที่จะทำ ข้อสอง ถ้าคุณกังวลเรื่องความปลอดภัย ให้ระมัดระวังเกี่ยวกับความช่วยเหลือจากภายนอก ข้อสาม การเพิ่มงานพิเศษให้กับเจ้าหน้าที่ภายในจำเป็นต้องมีการอบรมเป็นพิเศษ ซึ่งนอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายแล้วยังจะเบียดบังเวลาที่ใช้ในการแก้ไขปัญหา ข้อสี่ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกที่เคยผ่านประสบการณ์จะแก้ไขปัญหาได้เร็วกว่าที่คุณจะทำกันเอง นอกจากประหยัดเวลาแล้วยังประหยัดเงินอีกด้วย ข้อห้าคุณควรจะพิจารณาผลงานของผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกที่คุณจะเลือก ลูกค้าเก่าพอใจผลงานหรือไม่? ข้อหกคุณต้องกำหนดว่าจะจบงานแค่ไหนอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ลืมส่วนที่สำคัญ ท้ายสุดคุณควรจะออกแบบฟอร์มสำหรับการตรวจสอบและเรื่องการรับผิดชอบของบริษัทผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก ถ้าคุณเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ก็ต้องตัดสินใจว่าทำในแบบแมนนวล หรือจะใช้เครื่องมือสำหรับประเมินที่มีอยู่มากมาย การทำแบบแมนนวลจะต้องใช้แรงงานจำนวนมากอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเสียเวลาไปกับการคิด และเตรียมงาน คุณสามารถใช้ระบบค้นหาข้อความ (text-search) ที่มีการหาส่วนอ้างอิงโยงกัน (cross reference) และมียูทิลิตี้ค้นหา และแทนคำ โดยตัวที่ซับซ้อนกว่าก็จะดีกว่า ต้องแน่ใจว่าคุณได้บันทึกสิ่งที่คุณได้กระทำไว้อย่างละเอียด เครื่องมือที่ช่วยทำงานโดยอัตโนมัติจะนำซอร์สโค้ดมาค้นหาระบุตัวอ้างอิงวันที่เป็นได้ (ขั้นตอนมักเรียกอีกอย่างว่าการสแกน) คุณสามารถช่วยให้เครื่องมือค้นหาได้ง่ายขึ้นด้วยการบอกตัวแปรวัน และเรคอร์ดฟิลด์ที่เป็นวัน เครื่องมือชั้นดีจะตรวจค้นด้วยวิธีที่คล้ายกับใยแมงมุม ที่ค้นหาตัวอ้างอิงอื่นทุกตัวที่เกี่ยวพันกับ date reference สำหรับตัวที่ดีมากขึ้นจะบอกอย่างละเอียดว่าจะเกิดปัญหาที่ส่วนไหนและเป็นปัญหาประเภทไหน (เช่น การคำนวณ หรือการเปรียบเทียบ)
โปรแกรมเครื่องมือที่เก่งมาก ๆ จะจัดลำดับความสำคัญว่าตัวอ้างอิงไหนที่น่าจะจำเป็นต้องเปลี่ยน และตัวไหนที่สามารถยกเลิกไม่ต้องเปลี่ยนได้ (และตัวไหนที่ไม่แน่ใจหรือไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากไฟล์ถูกใช้อยู่) โปรแกรมที่เก่งไปกว่านี้อีกจะแนะนำว่าต้องแก้ไขโค้ดอย่างไร และยังยอมให้คุณเลือกเปลี่ยนทั้งหมด (global replacement) หรือคอยถามทุกตัวว่าจะเปลี่ยนหรือไม่ ตัวที่เก่งจะเก็บสถิติว่ามีโค้ดโปรแกรมกี่ไฟล์ และกี่บรรทัดที่ตรวจสอบแล้ว พบส่วนที่เกิดปัญหาแน่กี่ตัว จัดการอย่างไรตัวที่เป็นปัญหาแน่และอื่น ๆ อีกมากมาย เมื่อต้องเลือกเครื่องมือสำหรับประเมินปัญหา Y2K ที่มากมาย ควรจะต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ มีเครื่องมือมากมายสำหรับทุกภาษาที่ใช้กันและทุกซอฟต์แวร์ที่ใช้กัน ตัวอย่างเช่น IST Developement เสนอชุดแก้ Y2K ที่ใช้แก้กับ Microsoft Access, Excel และ FoxPro; Lotus Approach และ 1-2-3 spreadsheets; ภาษา Basic, Visual Basic, C, และ Visual C++, ฐานข้อมูล dBase, Clipper และ Paradox สำหรับเครื่องมือแบบอัตโนมัติแล้วจะมีการพัฒนาไปรวดเร็ว ทำให้มีเครื่องมือหลายตัวให้คุณเลือกใช้กับซอฟต์แวร์แต่ละประเภทที่มี ให้ทดสอบและเลือกอย่างระมัดระวัง ให้แน่ใจก่อนว่าตัวเครื่องมือเองต้องผ่าน Y2K อย่าคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น ให้ตรวจสอบรายงานจากผู้ใช้ก่อนที่จะซื้อ มีซอฟต์แวร์ Y2K หลายตัวที่ไม่มีคุณค่าเหมือนกับที่ซอฟต์แวร์หลาย ๆ ชนิดหลายตัวที่ไม่มีประโยชน์
นอกจากนี้แล้วยังต้องทราบว่าเครื่องมือนี้ใช้กับแพลตฟอร์มใด มิฉะนั้นจะเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ ตัวซอฟต์แวร์ของคุณใช้กับเครื่องเมนเฟรมแต่เครื่องมือที่ใช้รันบนวินโดวส์ เอ็นที ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพอร์ตย้ายโปรแกรมไปมาเพื่อตรวจสอบ ให้ค้นหาเครื่องมืออเนกประสงค์ที่ประเมิน, แก้ไขและทดสอบตัวโค้ด มันจะช่วยให้การทำงานสะดวกมากขึ้น ตัวอย่างเช่น อ้างตาม Adriana Ozgencil ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดของ Micro Focus ที่บอกว่า SoftFactory/2000 ของบริษัทจะใช้ได้ดีมากกับทุกขั้นตอนของการแก้ปัญหา Y2K สำหรับซอร์สโค้ดภาษา COBOL, PL/1 และแอสเซมบลี ท้ายสุดให้เก็บรักษาเครื่องมือที่ใช้ไว้ให้ดีเนื่องจากหลังจากที่ได้แก้ไขปัญหา Y2K เสร็จแล้วต้องนำมันมาใช้อีกครั้งในขั้นตอนการทดสอบ
สำหรับท่านที่มีระบบเดิม หรือเลกาซีซิสเต็ม (legacy systems) ที่ไม่มีซอร์สโค้ด ก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากมีเครื่องมือที่สามารถนำภาษาเครื่องมาแปลง (unassemble) ให้เป็นโค้ดภาษาระดับสูงเช่น COBOL หรือ C โดยจะขึ้นกับซีพียู และโอเอสที่ใช้เป็นอย่างมาก เช่น Sourcer จาก V Communications ที่เป็นตัวที่รู้จักมากสุด ดูเพิ่มที่กรอบ "ซอฟต์แวร์แก้ Y2K ที่ไม่มีซอร์สโค้ด" ถัดมาให้นำซอร์สโค้ดที่ได้นี้มาป้อนให้เครื่องมือสำหรับประเมิน ซึ่งถ้าประเมินเองคุณคงต้องยอมแพ้กับตัวแปรที่ชื่อ AAA075 แต่ไม่มีปัญหากับเครื่องมือสำหรับประเมินทั้งหลาย เนื่องจากมันจะสนใจว่าตัวแปรเหล่านี้มีที่มาจากไหน และใช้ทำอะไร ไม่ได้สนใจในชื่อของมัน
เข็นเข้าอู่ หลังจากที่ประเมินเสร็จแล้วว่าส่วนไหนที่มีปัญหา คราวนี้คุณจะได้ความคิดดี ๆ เกี่ยวกับขอบเขตของโครงการแก้ Y2K ของคุณและยังทราบอีกว่าควรจะเน้นไปที่ส่วนไหนก่อน กรณีนี้คุณควรจะนำแผนการแก้ไขมาปรับปรุงใหม่ และคุณยังทราบอีกว่าในการคิดครั้งแรกนี้ได้ละเลยส่วนไหนไป และยังสามารถเลือกใช้งานระบบที่มีปัญหาวิกฤตน้อยกว่า ในขั้นตอนการแก้ไข (เยียวยา หรือซ่อมแซม) จะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเหมือนกับที่ทำผ่านมาแล้วในขั้นตอนการประเมิน แต่จะมีทางเลือกเพิ่มขึ้น ถ้าซอฟต์แวร์ของคุณมาจากแหล่งอื่น ก็ทำได้ทั้งแก้ไขที่ตัวซอฟต์แวร์ หรือจะหาซื้อตัวใหม่ ถ้าเลือกที่จะซื้อก็จำเป็นต้องเลือกว่าจะใช้เป็นซอฟต์แวร์เดิมในเวอร์ชันใหม่ หรือจะเป็นซอฟต์แวร์ตัวใหม่ ถึงแม้ว่าคุณจะมีซอฟต์แวร์ที่หน่วยงานของคุณเขียนขึ้นเองคุณก็ยังคงมีออปชันนี้ให้เลือก มีระบบเฉพาะยี่ห้อ (proprietary system) ไม่มากนัก ที่จะหาซื้อระบบใหม่มาแทนไม่ได้เอาเสียเลย ได้แต่หวังว่าคุณจะไม่ใช่หนึ่งในนั้น
ในขั้นตอนนี้ ถ้าคุณตัดสินใจที่แก้ปัญหา จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากเนื่องจากคุณได้ไปเปลี่ยนแปลงโค้ดที่ใช้งานจริง คุณต้องระมัดระวังว่าจะไม่ไปเพิ่มข้อผิดพลาดที่ค้นหาได้ยากมากในอนาคตให้กับตัวซอฟต์แวร์ที่ดี (หรือค่อนข้างดี) ไม่มีปัญหาใดๆ ยกเว้นที่เกี่ยวกับวันเวลา โชคไม่ดีที่การอัพเกรดซอฟต์แวร์ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาเสมอไป Falcon จาก IST Development ให้ข้อสังเกต โดยยกตัวอย่างเมื่อคุณเปลี่ยนจาก Excel 4 ไป Excel 5 กรรมวิธีที่ใช้ในการจัดการกับปีจะแตกต่างกันสำหรับข้อมูลที่เพิ่มเข้าไปใหม่ สเปรดชีตที่ทำงานได้ดีกับ Excel 4 จะมีปัญหากับ Excel 5 กรณียังเกิดขึ้นเมื่อเปลี่ยนจาก Access 2 ไปเป็น Access 97
จากตัวอย่างที่ยกมานี้ทำให้เกิดข้อพิจารณาอื่น ๆ ที่มีความสำคัญต่อการเลือกอัพเกรดซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์บางตัวที่แจ้งว่าผ่าน Y2K อาจจะใช้ไพวอตเยียร์ (pivot year วิธีการกำหนดปีเริ่มต้นเสียใหม่) ไพวอตเยียร์ของ 1920 หมายความว่าปีที่ลงท้ายด้วย 20 ถึง 99 จะอยู่ในศตวรรษที่ 19 ปีที่ลงท้ายด้วย 00 ถึง 19 จะอยู่ในศตวรรษที่ 20 แต่เมื่อถึงปี 2020 โปรแกรมก็จะเกิดปัญหาอีกครั้ง โดยที่คิดว่าเป็นปี 1920 ดังนั้นวิธีนี้จึงใช้ได้ชั่วคราว
นอกจากนี้แล้ว ยังกรรมวิธีอื่นๆ อีกที่ใช้แก้ปัญหา Y2K ที่ตัวโค้ดโปรแกรม ซึ่งรวมถึงการเขียนแอพพลิเคชันขึ้นใหม่ (เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับแอพพลิเคชันที่เขียนด้วย COBOL ที่อาจมีมานานกว่า 30 ปี และไม่ทราบว่าคนเขียนอยู่ไหนแล้ว), windowing (หรือไพวอตตามที่ได้อธิบายก่อนหน้านี้), การโค้ดปีเป็นเลขฐานสอง (เช่น ฟิลด์ขนาด 1 ไบต์สามารถเก็บค่าได้จาก 0-255 แทนที่เก็บแค่ 0-9), และรวมถึงการเพิ่มปลั๊กอิน (plug-in) ให้กับแอพพลิเคชัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากใกล้จะถึงปี 2000 แล้ว จึงทำให้เหลือไม่กี่วิธีที่ทำให้คุณเข้าสู่ปี 2000 อย่างปลอดภัย (อ้างจากผลการศึกษาของ Carpers Jones ที่วิจัยเจาะลึกถึงปัญหานี้ลงไปในรายละเอียด) วิธีการแรกคือการดักจับการคอลล์เรียกปี ที่จะเปลี่ยนตัวอ้างอิงปีแต่ละตัวเป็นซับรูทีนภาษาเครื่องที่คืนค่าเป็นตัวเลขที่ถูกต้อง (วิธีนี้อาจมีปัญหาคือไม่มีใครแน่ใจมันจะทำงานได้จริงไหม และจะมีปัญหาอะไรแอบแฝงมาอีกหรือไม่ คาดว่าแม้แต่ Bob Bemer หนึ่งในผู้ที่สร้าง และให้ชื่อแก่ COBOL เองก็ไม่สามารถตอบได้) อีกวิธีคือวิธีเลื่อนปี (year-shifting) เช่นถ้าเลือกเลื่อนไป 28 ปี ดังนั้นปี 2000 ก็จะกลายเป็นปี 1972 (เป็นวิธีเก่าที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาปีอธิกสุรทิน) อย่าลืมว่าวิธีว่าบางวิธี เช่น ไพวอตจะเป็นแค่การแก้ไขชั่วคราว วิธีแก้ที่แท้จริงระยะยาวก็คือการเพิ่มเลขบอกปี (year expansion) ที่เปลี่ยนปีทุกตัวจากเลขสองหลักเป็นสี่หลัก นอกเหนือจากนี้แล้วเป็นการแก้ไขแบบชั่วคราวทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องแก้ไขซ้ำอีกเมื่อครบกำหนดเวลา ถ้าคุณเลือกการแก้ไขแบบชั่วคราว Hermes จาก Micro Focus แนะนำว่าคุณจำเป็นต้องขยายวันเวลาออกไปอย่างน้อย 15 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
ก่อนถึงเที่ยงคืน การทดสอบเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับกระบวนการ Y2K มีการทดสอบได้หลายรูปแบบโดยขึ้นกับระดับของแอพพลิเคชัน และข้อมูล Capers Jones แนะนำให้ตรวจสอบโค้ดตามที่กำหนด (formal code inspections), ทดสอบแต่ละกรณีตามที่กำหนด (formal test-case inspections), ทดสอบแต่ละยูนิต (unit testing), ทดสอบแบบรีเกรสชัน (regression testing), ทดสอบแบบองค์รวม (integration testing), ทดสอบสมรรถนะ (performance testing), ทดสอบตัวระบบ (system testing) และการทดสอบเพิ่มเติมอื่น ๆ ให้กับลูกค้าและซัพพลายเออร์ที่ขี้เกียจอีกตามที่ถูกร้องขอมา ปกติแล้ว Hermes จะใช้การทดสอบแบบ "touchpoint" ซึ่งหมายถึงการทดสอบส่วนที่ถูกเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขไปเป็นพิเศษ โดยปกติแล้วคุณต้องทดสอบมันในสภาวะแวดล้อมที่สามารถจำลองเงื่อนไขของ Y2K ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยขึ้นกับสิ่งที่จะทดสอบอาจจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนจาก 1999 ไปเป็น 2000 (เพื่อดูว่ามันจะมีการเปลี่ยนวันที่ไม่ต่อเนื่องกันหรือไม่), ทดสอบว่าจะได้วัน และเวลาในปี 2000 ที่ถูกต้องหรือไม่, ใช้ข้อมูลชนิดทั่วไป และเป็นจำนวนทั่วไป นับจากปี 2000 เป็นต้นไป มีเครื่องมือหลายตัวที่สามารถทดสอบได้หลายวิธี เดตซิมูเลเตอร์ (date simulator) จะหลอกระบบว่าเป็นวันอื่นที่ไม่ใช่วันนี้ สำหรับเครื่องมือที่ซับซ้อนยิ่งไปกว่านั้น ได้แก่ data agers ที่สามารถสุ่มวันไปรอบ ๆ ช่วงเวลานั้น เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมดจะตกอยู่ในวันทำงาน ตามที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ในการทดสอบอันดับแรกให้นำเครื่องมือสำหรับประเมิน (assertment tools) ค้นหาจุดที่ผิดออกมาเป็นอันดับแรก (ดูเพิ่มที่กรอบ "เครื่องมือสำหรับประเมินบางตัว") ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ก็น่าจะไม่พบกับปัญหาใด ๆ อีก
แผนสอง จะทำอย่างไรถ้าคุณไม่สามารถทำโครงการแก้ปัญหา Y2K ได้ทันเวลา? หรือถ้าเสร็จทันกำหนดเวลาแต่ระบบคอมพิวเตอร์ของคุณมีปัญหาอย่างอื่นกับปี 2000 คราวนี้ก็จำเป็นต้องใช้แผนสอง ซึ่งเป็นแผนที่ขึ้นกับแต่ละกรณี ให้พิจารณาธุรกิจขายปลีกเป็นตัวอย่างอย่างง่าย แผนเฉพาะของมันดินสอ และปากกา, ตารางคำนวณภาษีขาย, และเครื่องคิดเลขแบบที่พิมพ์ลงกระดาษสำหรับเครื่องรับจ่ายเงินสดอัตโนมัติแต่ละตัว และอาจต้องปัดฝุ่นความรู้เรื่องเลขคณิตอย่างง่ายให้กับแคชเชียร์ เป็นที่แน่นอนว่าวิธีการหลักที่ใช้แทนที่คอมพิวเตอร์ก็คือการทำในแบบแมนนวลที่ต้องใช้กระดาษ แต่ละแผนกจะต้องประมาณว่าจะต้องใช้คนกี่คนถึงจะสามารถทำงานแทนคอมพิวเตอร์ที่ทำในปัจจุบันได้ อาจจะต้องกำหนดกะงานพิเศษ ระบบที่ใช้กระดาษนี้แน่นอนว่าจำเป็นต้องใช้กระดาษ ให้วางแผนการเก็บรายการที่เป็นกระดาษโดยเริ่มจากช่วงปลายปี 1999 เพื่อให้การทำงานต่อเนื่องกัน ให้พิมพ์และเก็บรายการเงินเดือนที่ต้องจ่ายของเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 1999 เพื่อให้สามารถประมาณการเงินเดือนที่ต้องจ่ายในเดือนมกราคม 2000 ได้ ให้พิมพ์รายละเอียดและสัญญาต่าง ๆ ของลูกค้า และซัพพลายเออร์ทุกราย โดยไม่ลืมเบอร์โทรติดต่อ และที่อยู่จริง ให้เตรียมขั้นตอนการทำงานเดิมที่คอมพิวเตอร์ทำ เช่น ในส่วนของการออกบิล, อินวอยซ์, เงินเดือน, บัญชี และงานรูทีนอื่น ๆ ที่เคยใช้เครื่องทำ มาใช้คนทำ
นวันสำคัญ ผ่า อย่าเพิ่งวางโปรแกรมไปเที่ยวหลังจากที่เพิ่งผ่านปี 1999 ยังมีเรื่องให้ทำอีกมากหลังจากที่กระบวนการแก้ไข Y2K เสร็จแล้ว โดยมีงานต่างๆ ดังต่อไปนี้ โดยจะมากน้อยขึ้นอยู่กับว่าองค์กรของคุณจัดการกับ Y2K อย่างไร * ถ้ามีอะไรเสียให้แก้ไข * ถ้าคุณแก้ไขโดยใช้วิธีชั่วคราว เช่น ใช้ไพวอต (pivot) หรือถ้าคุณเปลี่ยนเป็นซอฟต์แวร์ทางการค้าที่ใช้การแก้ไขชั่วคราว ให้เริ่มวางแผนที่จะแก้ไขซอฟต์แวร์โดยใช้วิธีขยายปี หรือเปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์ที่ใช้การแก้ไขแบบขยายปีเช่นกัน * ถ้าคุณมีฮาร์ดแวร์ที่ไม่ผ่าน Y2K แล้วใช้การแก้ไขโดยใช้ซอฟต์แวร์ เช่น ใช้ดักการคอลล์เรียกวันของระบบ ให้เริ่มต้นวางแผนที่จะเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ * ถ้าคุณมีแอพพลิเคชันที่ไม่สำคัญที่ไม่เคยคิดจะแก้ไข คราวนี้เป็นเวลาที่ดีสำหรับการเริ่มต้นแก้ไข Y2K ให้ครบทั้งระบบ * ให้วิเคราะห์อื่นกับระบบทุกส่วนเพื่อให้แน่ใจได้ว่าไม่มีปัญหาใดหลงเหลืออีก * เริ่มต้นคิดถึงปัญหาที่เกี่ยวกับวันเดือนปีที่จะมีต่อไปในอนาคตกับเครื่องคอมพิวเตอร์ (ดูเพิ่มเติมที่ Time Line)
จบอย่างมีความสุข Y2K ไม่ได้เป็นสถานการณ์ที่มีแต่ข้อเสียอย่างเดียวเท่านั้น มันยังมีข้อดีแฝงอยู่บ้าง มีหลายองกรที่อาศัยปัญหา Y2K เป็นข้ออ้างของความจำเป็นอื่นๆ ที่ต้องเปลี่ยนระบบคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างเช่น อาจจะอัพเกรดฮาร์ดแวร์ให้เป็นเครื่องใหม่, ยกเลิกซอฟต์แวร์ที่ตกค้างมาเปลี่ยนเป็นตัวใหม่, เปลี่ยนระบบจากที่เป็นของภายในที่ใช้เฉพาะไปเป็นโซลูชันแบบใหม่ล่าสุด ปรับปรุงคุณภาพและเรื่องความปลอดภัยของระบบ นี้เป็นผลตอบรับที่ดีของสถานการณ์ที่เลวร้าย แน่นอนว่าการแก้ไขปัญหา Y2K ก็เหมือนกับการเรียนว่ายน้ำ เพื่อที่จะหนีออกจากเรือที่กำลังจะจม ซึ่งก็ยังมีวิธีการอื่นๆ ที่บรรลุผลเช่นกัน เมื่อทำตามขั้นตอนที่เหมาะสม คุณจะสามารถรอดพ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้ายของ Y2K ได้เป็นอย่างดี และมีระบบคอมพิวเตอร์ที่ดียิ่ง และองค์กรของคุณสามารถอยู่รอดปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ได้แต่หวังว่า เมื่อถึงเวลานั้นเรื่องนี้จะไม่จบโดยไททานิกจมลงไปในมหาสมุทร แต่จะจบแบบพลิกล็อกเป็นแฮปปี้เอ็นดิงเหมือนหนังไทยในที่สุด
ให้คะแนนวิธีการแก้ปัญหา Y2K แต่ละตัวอย่างไร data-year expansion: การขยายข้อมูลปี ขยายฟิลด์ของปีไปเป็นเลขสี่หลัก software-year expansion: ขยายปีโดยใช้ซอฟต์แวร์ ขยายส่วนการจัดการกับฟิลด์ของปีไปเป็นเลขสี่หลักโดยใช้ซอฟต์แวร์ Compliant commercial package: ใช้ซอฟต์แวร์ทางการค้าที่ผ่านปัญหา Y2K อัพเกรดหรือเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ไปเป็นชุดที่ผ่านปัญหา Y2K Code years in binary: กำหนดค่าปีเป็นเลขฐานสอง ใช้ข้อมูลสองไบต์ในฟิลด์ปีเก็บเป็นเลขฐานสองแทนทำให้เก็บเลขปีได้ถึง 65536 ปีแทนที่จะเก็บเป็นรหัส ASCII สองหลัก Duplicate databases: ทำซ้ำฐานข้อมูล ทำซ้ำฐานข้อมูลทุกตัวให้เป็นรุ่นเก็บปีสองหลักและสี่หลักเพื่อแยกใช้กับซอฟต์แวร์ที่ผ่านและไม่ผ่าน Y2K Redevelop applications: เขียนแอพพลิเคชันใหม่ นำแอพพลิเคชันมาเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยแก้เรื่อง Y2K พร้อมกับเพิ่มฟีเจอร์อื่นๆ ที่ต้องการดักจับการกระทำที่เกี่ยวกับปี ดักจับการคำนวณและเปรียบเทียบทุกตัวที่เกี่ยวกับปี พร้อมกับให้คำตอบที่ถูกต้อง Windowing/pivoting: เลื่อนปีที่เริ่มต้น ให้เลือกจุดเริ่มต้นปี (เช่น 1930) แล้วให้แปลความหมายของปีที่ลงท้ายด้วย 30-99 เป็น 1930-1999 และปีที่ลงท้ายด้วย 00-29 เป็น 2000-2029 Year shifting: เลื่อนปี เลื่อนปีทุกปีลง เช่นลดลง 28 ปี ดังนั้นจะแทนที่ปี 2000 ด้วย 1972 ทำแบบแมนนวล ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ ใช้ดินสอ กระดาษและเครื่องคิดเลข
Y2K ใกล้ ๆ ตัว นอกจากจะทำให้หน่วยงานของคุณอยู่รอดจากปี 2000 แล้วตัวคุณเองก็ต้องรอดด้วยเช่นกัน โดยมีข้อแนะนำต่อไปนี้ โดยนำมาจากบทความของ Carpers Jones ประธานบริษัท Software Productivity Research เก็บเอกสารไว้ ให้เก็บบิล ใบเสร็จ รายงานการเงินของหลายเดือนก่อนปี 2000 ให้เก็บข้อมูลทางการเงินที่พิมพ์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้เฝ้าระวังเลข 00 อาจจะมีบิลที่ผิดพลาด หรือหมายศาลที่เกี่ยวกับเลข "00" หรืออะไรอื่นที่บอกว่าผ่านไป "99" ปีแล้ว ที่เป็นปัญหาจากปี 2000 ให้เริ่มโทรไปแจ้งทันที หลังปี 2000 ให้เช็ครายการหนี้ที่มีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรายการไหนที่แจ้งว่าเป็นหนี้มานาน 99 ปีแล้วตรวจสอบกับธนาคาร เมื่อใกล้ปี 2000 ให้สอบถามไปยังธนาคาร โบรกเกอร์ และสถาบันการเงินอื่นของคุณว่าเขามีปัญหาปี 2000 หรือไม่ ให้แน่ใจว่าบัญชีไหนที่มีปัญหาหรือไม่มี ให้รับรองตาม FDICตลาดหุ้นวุ่นวาย พิจารณาถึงการลงทุนใดๆ ที่จะได้รับผลกระทบจาก Y2K ทั้งดีและร้าย อย่าลืมว่าเดือนธันวาคม 1999 อาจพบเห็นการค้าขายจำนวนมากและบางทีจะเทขายหุ้นด้วยความตื่นตระหนกเตรียมพร้อมเรื่องสาธารณูปโภค สอบถามไปยังองค์การโทรศัพท์,ประปา,น้ำมันและการไฟฟ้าว่าเขามีปัญหา Y2K หรือไม่ ให้เตรียมน้ำมันของฮีตเตอร์ในเดือนธันวาคม เตรียมแผนรองรับการที่ไฟดับด้วย หรือเตรียมรับมืออาการไฟตกหรือมีความถี่ไม่คงที่ซึ่งทำได้โดยใช้ UPS ให้กับอุปกรณ์ที่มีคอมพิวเตอร์หรือให้ปิดเครื่องระวังเรื่องหยูกยา ให้ซื้อตามใบสั่งยาจากหมอก่อนปี 2000 และอย่าลืมถามบริษัทว่ามีปัญหา Y2K หรือไม่ระวังเรื่องเช็ค ตรวจสอบเช็คที่ออกในช่วงปี 1999 ถึง 2000 ให้ดีเพื่อที่ทำรายการภาษีและประกันสังคมให้ถูกต้อง ให้อายัดเช็คที่มีปัญหาในเรื่องจำนวนเงินและเวลาทดสอบระบบรักษาความปลอดภัยให้ดี ทดสอบให้แน่ใจว่าระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติของท่านทำงานได้ ไม่ปิดล็อคห้ามเข้าและลิฟต์ยังคงจอดได้ทุกชั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารหัสผ่านที่ใช้กับคอมพิวเตอร์และเน็ตเวิร์กของคุณไม่หมดอายุในปี 2000อย่าไว้ใจ ATM ให้ถอนเงินสด หรือเช็คเดินทางเก็บไว้กับตัว รอบคอบสอบสวน คอยสอดส่องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคุณ สอบถามไปยังหน่วยงานท้องถิ่นว่ามีปัญหา Y2K หรือไม่ สอบถามถึงแผนการ, ค่าใช้จ่าย และที่มาของงบประมาณติดต่อกับทางการก่อน ให้ต่อใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางราชการก่อนปี 2000การเดินทาง ตรวจสอบกับทาง FAA, สายการบิน, การรถไฟเกี่ยวกับ Y2K ในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 1999 ให้ตรวจสอบกับตัวแทนขายตั๋วและสายการบินสำหรับตารางเวลาทั้งเข้าและออกที่ถูกต้อง โดยเฉพาะสำหรับการเดินทางข้ามประเทศเต็มถัง ให้เติมน้ำมันหรือแก๊สให้เต็มถังก่อน 31 ธันวาคม 1999 เผื่อสำหรับกรณีที่การไฟฟ้าและระบบจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตจะเสียกวาดบ้าน สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้าน ให้ตรวจสอบสถานะเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณโดยใช้ยูทิลิตี้แจกฟรีจำนวนมากที่มี ค้นหาว่าซอฟต์แวร์ของคุณจะผ่าน Y2K หรือไม่ แบ็กอัพเครื่องก่อนปี 2000 ให้พิมพ์รายชื่อบุคคลที่ติดต่อและหมายกำหนดการต่างๆ ที่เก็บไว้ในเครื่องออกกระดาษเก็บไว้

By Edmund X. DeJesus เรียบเรียงโดย โอภาส ศิริครรชิตถาวร
Copyright 1997-1998 .R. Information & Publication Co., Ltd. : http://www.arip.co.th
1