กรุงเทพธุรกิจฉบับ วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2541



ระบุธุรกิจโลกเริ่มให้ความสำคัญงานวิจัย

ต้องให้ความสำคัญแผนวิจัยและพัฒนามากขึ้น หลังตระหนักผลตอบแทนที่จะได้รับอยู่ในระดับสูง หากสามารถผลิตสินค้าใหม่และให้บริการล้ำหน้าคู่แข่ง

หนังสือพิมพ์เฮรัลด์ ทรีบูน ฉบับวันเสาร์ (4 ก.ค.) รายงานว่า

บริษัทชั้นนำระดับโลกที่ไม่ใช่เฉพาะจากย่านเทคโนโลยีระดับสูงอย่างซิลิคอน วัลเลย์ของสหรัฐ เริ่มหันมาให้ความสำคัญ และทุ่มเทค่าใช้จ่ายกับการเปิดแผนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่(อาร์ แอนด์ ดี) สำหรับนำมาใช้กับสินค้าและบริการของบริษัทเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามผู้บริหารและนักวิเคราะห์ยอมรับว่า

การกันเงินรายได้บริษัทไปใช้ทุ่มให้กับแผนอาร์ แอนด์ ดี เพื่อนำเทคโนโลยีที่ได้ไปผลิตสินค้าใหม่ๆ ซึ่งไม่สามารถรับประกันความสำเร็จ และเวลาที่ใช้ในแผนอาจไม่ส่งผลดีต่อมูลค่าหุ้นของบริษัทในตลาด

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท อาร์เธอร์ ดี. ลิตเทิล ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการใช้แผนอาร์ แอนด์ ดีในบริษัทข้ามชาติทั่วโลก 699 แห่ง ผลปรากฏว่าการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่จะส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อยอดรายได้บริษัท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ใช้ และเทคโนโลยีที่ได้ โดยหากพัฒนาได้เร็วเท่าไร และดีเท่าไรยิ่งจะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์มากขึ้น

นายรอน โจนาช หัวหน้าฝ่ายดูแลกิจการด้านการบริหารเทคโน โลยีและนวัตกรรมแห่งอาร์เธอร์ ดี.ลิตเทิลกล่าวด้วยว่า ธุรกิจในยุคปัจจุบัน มีแนวโน้มให้ความสำคัญกับการเปิดแผนอาร์ แอนด์ ดี มากขึ้น โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมแต่ละด้านจะต้องให้ความสำคัญกับการเปิดแผนอาร์ แอนด์ ดี และหาช่องทางเพิ่มความเติบโตให้กับธุรกิจ

แนวโน้มดังกล่าวเป็นผลมาจากการเล็งเห็นผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุนด้านดังกล่าว ซึ่งเป็นแนวคิดที่แตกต่างจากช่วงต้นๆ ของทศวรรษที่ให้ความสำคัญกับการเปิดแผนหั่นค่าใช้จ่าย ลดขนาด สร้างความคล่องตัวมากกว่า

เขียน โดย .....
Copyright 1997-1998 Krungthep Turakij Newspaper

1