PsTNLP
Pisit' s Thai Natural Language Processing Laboratory
This lab is formed since 26-August-1998
e-mail pisitp@yahoo.com
Back to PsTNLP home page
ส่วนที่ 2
การพัฒนาศักยภาพของคนไทย
การพัฒนาประเทศไทยในระยะที่ผ่านมามุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจโดยใช้คนเป็นเครื่องมือหรือปัจจัย
ในการผลิต
เพื่อสนองความต้องการการพัฒนาให้เกิดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
โดยยังไม่ได้คำนึงถึงคุณ
ค่าของความเป็นมนุษย์และการพัฒนาศักยภาพของคนให้มีความรู้ความสามารถ
มีทักษะในการประกอบอาชีพ
และสามารถปรับตัวให้อยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นแม้ว่าประเทศไทยจะประสบความ
สำเร็จในการบรรลุเป้าหมายด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นอย่างดียิ่ง
แต่ผลของการพัฒนาได้ก่อให้เกิด
ปัญหาที่สำคัญหลายประการ โดยเฉพาะปัญหาการกระจายรายได้
ปัญหาความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมและ
ทรัพยากรธรรมชาติ และปัญหาด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของ
คนไทยและการพัฒนาประเทศในระยะยาว
การพัฒนาศักยภาพของคนที่พึงปรารถนา
จะต้องพัฒนาให้คนทุกคนได้รับการพัฒนาตามศักยภาพ
อย่างเต็มที่ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ ปัญญาและทักษะฝีมือ
เพื่อให้คนเป็นคนดี มีคุณธรรม มีสุขภาพพลานา
มัยที่ดี
และมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดจนมีจิตสำนึกและมีบทบาท
ในการดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมที่ดีงาม
ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น
ซึ่งจะช่วยทำให้การพัฒนาประเทศมีความสมดุล
ยั่งยืนบนพื้นฐานของความเป็นไทย
บทที่ 1
วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และยุทธศาสตร์
การพิจารณาผลการพัฒนาที่ผ่านมาและแนวโน้มในอนาคตควบคู่กับอิทธิพลของกระแสโลกาภิวัตน์
การพัฒนาศักยภาพของคนไทยในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 ได้กำหนดวัตถุประสงค์
เป้าหมายและยุทธศาสตร์
การพัฒนาศักยภาพของคนไทยไว้ดังต่อไปนี้
1.วัตถุประสงค์
1.1 เพื่อพัฒนาศักยภาพของคนทางด้านจิตใจให้เป็นคนดี มีคุณธรรม
มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมส่วนรวม
1.2 เพื่อพัฒนาคนทุกคนให้สามารถคิดวิเคราะห์บนหลักของเหตุผล
มีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอด
ชีวิต มีโลกทัศน์กว้าง
รวมทั้งมีประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตสูงขึ้นสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงอย่าง
รวดเร็วทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
1.3 เพื่อส่งเสริมให้คนมีสุขภาพพลานามัยดีถ้วนหน้า
มีความรู้ความเข้าใจและความสามารถในการ
ป้องกันโรคและดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.4 เพื่อเสริมสร้างโอกาสให้ประชาชนกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทุกกลุ่มได้รับการคุ้มครองช่วยเหลือ
และได้
รับบริการพื้นฐานทางสังคมทุกด้านอย่างเหมาะสมทั่วถึงและเป็นธรรมเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้
อย่างปกติสุขและสมศักดิ์ศรี
2. เป้าหมาย
2.1 คนไทยมีขนาดครอบครัวที่เหมาะสมและมีการกระจายตัวของประชากรที่สอดคล้องกับศักยภาพ
และโอกาสการพัฒนาในพื้นที่
2.2 เพิ่มคุณภาพการศึกษาทุกระดับ
และจัดให้มีกลไกประกันคุณภาพการศึกษา พร้อมทั้งพัฒนาหลัก
สูตรให้ได้มาตรฐานและจัดให้มีการสอบวัดผลวิชาพื้นฐานสำคัญ ๆ
2.3 เพิ่มสัดส่วนของการผลิตบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อสาขาสังคมศาสตร์และมนุษย
ศาสตร์จากปัจจุบัน 31 : 69 เป็นไม่ต่ำกว่า 40 : 60
2.4 ขยายการฝึกอบรมและพัฒนาฝีมือแรงงานในสาขาช่างต่าง ๆ
อย่างต่อเนื่อง ให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ
50 ของการฝึกอาชีพระยะสั้นภายในปี 2544
2.5 ประชาชนทุกคนมีความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันโรค
ดูแลสุขภาพ
ของตนเองและครอบครัว ตลอดจนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
2.6 สร้างโอกาสให้สตรีและผู้ด้อยโอกาสทุกประเภทในสังคมได้รับการพัฒนาตามศักยภาพอย่างเต็มที่
และได้รับบริการต่าง ๆ ที่เหมาะสมอย่างทั่วถึง
3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพของคนไทย
การที่จะพัฒนาศักยภาพของคนทุกคนให้สามารถปรับตัวและดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข
และมีส่วนร่วม
ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อย่างยั่งยืนนั้น
จะประกอบด้วยยุทธศาสตร์ในการพัฒนา 5
ยุทธศาสตร์ ได้แก่
3.1 โครงสร้างและการกระจายตัวของประชากร
โดยการสนับสนุนให้คนไทยมีขนาดครอบครัวที่เหมาะ
สมและส่งเสริมให้มีการกระจายตัวของประชากรที่สอดคล้องกับศักยภาพและโอกาสการพัฒนาในพื้นที่
3.2 การพัฒนาศักยภาพของคนด้านจิตใจ
โดยการพัฒนาศักยภาพด้านจิตใจของคนทุกกลุ่มให้สามารถ
ปรับเอาหลักศาสนามาประพฤติและเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินชีวิตของตน
และการพัฒนาสภาพแวดล้อม
ของสังคมให้เอื้อต่อการพัฒนาจิตใจ
รวมทั้งการบริหารจัดการเพื่อให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาจิต
ใจมากขึ้น
3.3 การพัฒนาสติปัญญา ทักษะ และฝีมือแรงงาน
โดยการเตรียมความพร้อมเด็กปฐมวัย การปฏิรูป
กระบวนการเรียนรู้ทั้งในกระบวนการเรียนการสอนการปฏิรูประบบการผลิตและพัฒนาครู
และการนำเทค
โนโลยีสมัยใหม่และระบบสารสนเทศมาใช้
ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพในทุกระดับการศึกษาและเพิ่มศักย
ภาพกำลังแรงงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
รวมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพ
การจัดการศึกษาและฝึกอบรม
3.4 การพัฒนาสุขภาพและพลานามัยโดยการพัฒนาศักยภาพของคนในด้านการส่งเสริมสุขภาพ
ป้อง
กันโรค และดูแลรักษาเบื้องต้นทั้งของตนเอง ครอบครัวและชุมชน
การเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพและการ
เข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข การผลิตและกระจายบุคลากร
การพัฒนาระบบการดำเนินงานป้องกันและแก้ไข
ปัญหาเอดส์ การพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี
รวมทั้งการปฏิรูประบบบริหารจัดการให้มี
ประสิทธิภาพ
3.5 การพัฒนาประชากรกลุ่มผู้ด้อยโอกาส
โดยการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มเด็กที่อยู่ในภาวะยาก
ลำบาก
เด็กและสตรีที่อยู่ในธุรกิจบริการทางเพศและถูกประทุษร้ายทารุณต่าง ๆ
รวมทั้งสตรีที่ถูกเลือกปฏิบัติ
และมีอคติทางเพศ คนพิการผู้สูงอายุที่ยากจนไม่มีญาติหรือผู้เลี้ยงดู
คนยากจนทั้งในเมืองและชนบท ผู้ถูกคุม
ประพฤติและผู้ต้องขัง และกลุ่มคนไทยต่างวัฒนธรรม
ให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างสมศักดิ์ศรี และมีส่วน
ร่วมในการพัฒนาประเทศมากขึ้น
บทที่ 2
โครงสร้างและการกระจายตัวของประชากร
การส่งเสริมให้ประเทศไทยมีจำนวนและโครงสร้างประชากรในขนาดที่เหมาะสม
และมีการกระจาย
ตัวของประชากรที่สอดคล้องกับศักยภาพและโอกาสการพัฒนาในแต่ละพื้นที่ของประเทศ
เป็นการเปิดโอกาส
ให้คนไทยสามารถพัฒนาศักยภาพของตนให้สูงขึ้น
ทั้งในด้านการพัฒนาสุขภาพอนามัยทางร่างกายและจิต
ใจให้กับเด็กปฐมวัย
การให้การศึกษาในระดับที่สูงขึ้นแก่เด็กที่อยู่ในวัยเรียน
การฝึกอบรมทักษะฝีมือแรงงาน
เพิ่มเติมให้กับแรงงาน การดูแลผู้สูงอายุให้ทั่วถึง
ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ได้รับผลกระ
ทบจากความแออัดของประชากรที่กระจุกตัวอยู่ในเมืองให้ดีขึ้น
โดยมีแนวทางหลักดังนี้
1. การสนับสนุนให้คนไทยมีขนาดครอบครัวที่เหมาะสม โดย
1.1 ชะลอการวางแผนครอบครัวในพื้นที่ที่มีอัตราเจริญพันธุ์ของสตรีในระดับทดแทนหรือต่ำกว่า
เช่น
พื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร
โดยยกเลิกเป้าหมายการให้บริการวางแผนครอบครัวในพื้นที่
ดังกล่าว
และคิดค่าบริการวางแผนครอบครัวในราคาที่คุ้มต้นทุนมากยิ่งขึ้น
สำหรับการให้บริการในแต่ละวิธี
1.2 เร่งรัดส่งเสริมการวางแผนครอบครัวในพื้นที่ที่มีอัตราการเกิดสูงเช่น
ในบางพื้นที่ของภาคใต้และ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยให้บริการวางแผนครอบครัวแบบให้เปล่าและจัดทำโครงการรณรงค์พิเศษเฉพาะ
ขึ้นให้สอดคล้องกับขนบธรรมเนียมประเพณีและค่านิยมเกี่ยวกับการมีบุตรในพื้นที่เหล่านี้
1.3 ปรับปรุงคุณภาพและการแบ่งเบาภาระที่เท่าเทียมระหว่างหญิงชายในการวางแผนครอบครัววิธี
ต่าง ๆ
เพื่อให้สามารถกำหนดจำนวนบุตรหรือเว้นช่วงระยะการมีบุตรได้ตามความต้องการของประชาชนที่รับ
บริการอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยจัดให้มีระบบการติดตามผู้ที่รับบริการไปแล้วให้มารับบริการอย่างต่อเนื่องและ
มีการศึกษาประสิทธิภาพ
ประสิทธิผลและผลข้างเคียงของการวางแผนครอบครัววิธีต่าง ๆ
1.4 รณรงค์เผยแพร่และประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องให้ประชาชนตระหนักถึงประโยชน์ของการมี
ครอบครัวขนาดที่เหมาะสม โดยใช้สื่อที่มีคุณภาพสามารถเข้าถึงประชาชน
รวมทั้งการใช้ภาษาที่สอดคล้อง
กับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
1.5 สนับสนุนการดำเนินงานโครงการธุรกิจเพื่อสังคมและจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนเพื่อการวางแผน
ครอบครัวและการพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชนที่มีระดับการพัฒนาต่ำ
โดยภาครัฐคัดเลือกชุมชนและสนับสนุน
งบประมาณในการจัดตั้งกองทุนและให้สมาชิกของชุมชนบริหารงานธุรกิจกองทุนเอง
2. การส่งเสริมการให้มีการกระจายตัวของประชากรที่สอดคล้องกับศักยภาพและโอกาสการพัฒนาในพื้นที่
โดย
2.1 สนับสนุนการกระจายบริการทางสังคมอย่างมีคุณภาพ
ทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุข และบริการ
โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจให้ทั่วถึงแต่ละพื้นที่
2.2 ฝึกอบรมและพัฒนาทักษะให้คนในชนบทมีความสามารถในการประกอบอาชีพที่สอดคล้องกับ
ความต้องการของตลาดแรงงานในแต่ละพื้นที่
รวมทั้งสร้างปัจจัยสนับสนุนในการประกอบอาชีพส่วนตัว เช่น
สินเชื่อ กองทุน เป็นต้น
2.3 พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารตลาดแรงงานและตลาดผลผลิตที่ทันสมัยและกระจายถึงประชาชนอย่าง
กว้างขวาง
เพื่อให้ประชาชนทราบถึงแหล่งงานและสามารถหางานทำที่อยู่ใกล้บ้านตนเองในพื้นที่ชนบทได้
ตลอดจนสามารถทำการผลิตผลทางการเกษตรได้อย่างสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
เพื่อเพิ่มรายได้ของ
ตนเองให้สามารถยังชีพอยู่ในภาคเกษตรกรรมชนบทได้โดยไม่ต้องย้ายถิ่นเข้ามาหางานทำในเมือง
2.4 ปรับปรุงระบบฐานข้อมูลประชากรเมืองให้ถูกต้องและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เพื่อใช้ในการวางแผนพัฒนา
เมืองต่าง ๆ สำหรับรองรับการขยายตัวของ
ประชากรเมืองในภูมิภาคอย่างเป็นระบบ
บทที่ 3
การพัฒนาศักยภาพของคนด้านจิตใจ
เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของคนให้เป็นคนดี มีคุณธรรม
มีระเบียบวินัย มีค่านิยมที่ดีงาม
และมีจิตสำนึกที่รับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
โดยมีแนวทางการพัฒนาหลักดังนี้
1. การเสริมสร้างและพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม
และสุนทรียภาพทางจิตใจแก่คน โดย
1.1 เสริมสร้างองค์ความรู้ของบุคลากรที่ทำหน้าที่เผยแพร่ด้านคุณธรรม
จริยธรรม ให้สามารถเป็นผู้นำ
ทางด้านการพัฒนาจิตใจอย่างแท้จริง
และมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจสู่ประชาชนได้
อย่างถูกต้อง
(1) พัฒนากระบวนการเรียนรู้ของพระภิกษุ สามเณร นักบวช ครู
อาจารย์ ฯลฯ โดยปรับปรุงหลักสูตร
การศึกษาทั้งสายปริยัติธรรมและสายสามัญทุกระดับ
(2) เพิ่มเติมความรู้ด้านสื่อ
และเทคโนโลยีสารสนเทศแก่บุคลากรที่ทำหน้าที่เผยแพร่ คุณธรรม จริย
ธรรมเพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้เครื่องมือดังกล่าวกับแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.2 พัฒนาความรู้ความเข้าใจในหลักจริยธรรมและหลักศาสนาต่อนักเรียน
นักศึกษา และสามารถนำ
ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้
(1) ปรับปรุงเนื้อหาสาระและกระบวนการเรียนการสอนเกี่ยวกับความรู้ด้านศาสนาและจริยธรรมใน
หลักสูตรการศึกษาแต่ละระดับ
(2) เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างครอบครัว ชุมชน สถานศึกษา
องค์กรศาสนา ฯลฯ ในการพัฒนา
จิตใจของนักเรียน นักศึกษาอย่างต่อเนื่อง
1.3 สนับสนุนให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ
มีเหตุผลและสามารถเลือกนำเอาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ
ในสังคมมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างสุนทรียภาพทางจิตใจของตน
รวมทั้งดำรงชีวิตอยู่ภายใต้วิถีประชาธิปไตย
ได้อย่างเหมาะสมและกลมกลืน
(1) พัฒนารูปแบบที่หลากหลายของดนตรี กีฬาและนันทนาการต่างๆ
ให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
(2) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาและใช้ศิลปวัฒนธรรมของชาติและของท้องถิ่นเป็นเครื่องมือในการเสริม
สร้างความอ่อนโยนทางจิตใจ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชน
และกลุ่มที่สนใจในโอกาสต่าง ๆ
2. การพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมให้เอื้อต่อการพัฒนาจิตใจ โดย
2.1 สนับสนุนให้มีกิจกรรมและสถานที่ที่ให้สมาชิกในครอบครัวและชุมชนประกอบกิจกรรมร่วมกัน
เช่น สวนสาธารณะ สนามกีฬา ห้องสมุด เป็นต้น
2.2 เสริมสร้างระบบที่จะให้รางวัลยกย่องคนดีและองค์กรที่ดี
มีคุณธรรม มีจรรยาบรรณในวิชาชีพและ
ช่วยบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม
เพื่อเป็นตัวอย่างและสร้างผู้นำทางสังคมอย่างต่อเนื่อง
2.3 พัฒนาการบริหารงานด้านศาสนาให้มีประสิทธิภาพ
โดยปรับปรุงกฎหมายและระบบงานเกี่ยวกับ
การปกครองคณะสงฆ์ เพื่อสนับสนุนให้พระภิกษุ
สามเณรที่มีความรู้ความสามารถ ประพฤติดี ประพฤติชอบ
ยังคงอยู่ในสถาบันพุทธศาสนาและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาจิตใจประชาชน
2.4 สนับสนุนให้มีการพัฒนาวัดและศาสนสถานที่สะอาด ร่มรื่น
และมีบรรยากาศที่เหมาะสมต่อการ
ศึกษาปฏิบัติธรรมและสร้างความสงบทางจิตใจแก่ประชาชน
รวมทั้งส่งเสริมให้มีการใช้บุคลากรและสถาน
ที่ทางศาสนาในการช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตชองประชาชน
3. การบริหารจัดการเพื่อให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาจิตใจ
โดย
3.1 สนับสนุนให้หน่วยราชการที่ทำงานด้านการพัฒนาจิตใจทำหน้าที่ประสานความร่วมมือจากทุก
สถาบันในสังคมให้เกิดผลในเชิงปฏิบัติ
และให้มีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
3.2 สนับสนุนให้มีการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาทัศนคติ
จิตสำนึกและจรรยาบรรณของ
เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐในการให้บริการประชาชนทุกคนอย่างเหมาะสม
3.3 ส่งเสริมให้องค์กรประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาจิตใจ
โดยเฉพาะองค์กรที่ดำเนินงาน
เกี่ยวกับการส่งเสริมศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และการพัฒนาจิตใจ
รวมทั้งสร้างมาตรการจูงใจให้ภาคธุรกิจ
เอกชนที่ดำเนินการเกี่ยวกับกีฬา ดนตรี
และศิลปะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก เยาวชน และประชาชน
3.4 ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความรู้ความเข้าใจและเกิดความภาคภูมิใจที่จะอนุรักษ์
ฟื้นฟู
และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม
ค่านิยมที่ดีงามและภูมิปัญญาที่มีอยู่ในท้องถิ่นและนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิด
ประโยชน์อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
3.5 ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจ
ตลอดจนมีความภาคภูมิใจที่จะร่วมกันอนุ
รักษ์ ฟื้นฟูและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ค่านิยมอันดีงาม
และภูมิปัญญาท้องถิ่น
3.6 ส่งเสริมให้สื่อทุกรูปแบบเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาจิตใจโดยผลิตรายการที่มีเนื้อหาสาระ
และจัดช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับศาสนาและการพัฒนาจิตใจมากขึ้น
รวมทั้งกระตุ้น
ให้ผู้ปฏิบัติงานและองค์กรสื่อมวลชนมีจิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวมมากขึ้น
บทที่ 4
การพัฒนาสติปัญญา ทักษะ และฝีมือแรงงาน
การพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมเด็กปฐมวัย
ไปจนตลอดชีวิต ให้สามารถคิด วิเคราะห์บนหลักของเหตุผล
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีโลกทัศน์กว้าง
สามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
และสามารถเผชิญกับสถานการณ์ใหม่ ตลอดจนมีประสิทธิภาพ
ในกระบวนการผลิตสูงขึ้น
และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
นั้น มีแนวทางการพัฒนาหลักดังนี้
1. การเตรียมความพร้อมเด็กปฐมวัย โดย
1.1 สนับสนุนและส่งเสริมให้เยาวชน คู่สมรส พ่อและแม่
มีความรู้เกี่ยวกับชีวิตครอบครัวและวิธีการ
เลี้ยงลูกที่ถูกต้องเหมาะสม โดยมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ประสานการดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน
1.2 สนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กก่อนวัยเรียนได้รับบริการการเตรียมความพร้อมในรูปแบบต่าง
ๆ
เช่น ศูนย์พัฒนาเด็ก สถานรับเลี้ยงเด็กในที่ทำงานและในสถานประกอบการ
โดยดำเนินการร่วมกันระหว่าง
ภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และครอบครัว
1.3 สนับสนุนให้เด็กทุกคนได้รับการส่งเสริมด้านโภชนาการอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ
2. การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดย
2.1 ปฏิรูปกระบวนการเรียนการสอนให้ผู้เรียนรู้จักคิด
วิเคราะห์อย่างมีเหตุผล มีความคิดริเริ่มสร้าง
สรรค์
รู้จักการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมและมีการฝึกปฏิบัติจากประสบการณ์จริง
พร้อมทั้งปรับปรุงเนื้อหา
สาระวิชาและกระบวนการเรียนรู้ในวิชาสำคัญที่เป็นนโยบายเร่งด่วน เช่น
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษา
และคอมพิวเตอร์
ควบคู่กับจัดให้มีสื่อและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเพียงพอ
ตลอดทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม
2.2 ส่งเสริมการจัดกิจกรรมนักเรียน นักศึกษา
ที่มีปฏิสัมพันธ์กับสังคมและการปรับปรุงเนื้อหาสาระ
ของหลักสูตรให้มีลักษณะบูรณาการ
ควบคู่กับการส่งเสริมให้มีตำราและเอกสารวิชาการที่หลากหลาย
2.3 กระตุ้นและสนับสนุนการค้นคว้าหาความรู้ผ่านหนังสือและแหล่งการเรียนรู้ในชุมชน
ควบคู่กับ
การใช้มาตรการภาษีสนับสนุนให้มีหนังสือ
อุปกรณ์สร้างเสริมการเรียนรู้และอุปกรณ์กีฬาที่มีคุณภาพและ
ราคาถูก
2.4 ส่งเสริมการจัดการศึกษาที่ให้ทางเลือกหลากหลายตามความเหมาะสมสำหรับกลุ่มเป้าหมายต่าง
ๆ
ทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน
ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบการถ่ายโอนหน่วยกิตที่เชื่อมต่อได้ทุกระดับ
และส่งเสริมการศึกษาเพื่อการอ่านออกเขียนได้
โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายสตรีที่ด้อยโอกาส
2.5 สนับสนุนการกระจายอำนาจการจัดทำหลักสูตรไปสู่ท้องถิ่นอย่างจริงจังโดยให้ครูและชุมชนมีบท
บาทในการปรับปรุงหลักสูตรให้มีความสมดุล
และสัมพันธ์กันทั้งหลักสูตรที่เน้นความเป็นสากลบนฐานของ
ความเป็นไทย หลักสูตรเลือกที่เน้นความสนใจของผู้เรียน
และหลักสูตรท้องถิ่นที่เน้นภูมิปัญญาชาวบ้านและ
สภาพแวดล้อมของชุมชน
2.6 สนับสนุนให้มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการค้นคว้า
การวิจัย การสาธิต
การสอน
และแนะนำวิธีการปฏิบัติต่อเด็กปัญญาเลิศและเด็กที่มีความสามารถพิเศษ
ตลอดจนการจัดกลุ่ม
โรงเรียนและกำหนดโรงเรียนที่เป็นศูนย์ประสานการส่งเสริมพัฒนาการและการให้คำปรึกษาแก่ครูและผู้
ปกครอง
2.7 ปรับปรุงระบบการวัดสัมฤทธิ์ผลทางการศึกษาให้สามารถสะท้อนจุดประสงค์ของหลักสูตรโดยรวม
ควบคู่กับการปรับปรุงระบบการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น
ให้สามารถสะท้อนความถนัดและ
ความสนใจอย่างแท้จริง
2.8 ปฏิรูประบบการผลิตและการพัฒนาครูอาจารย์
(1) สร้างปัจจัยและโอกาสให้คนดีคนเก่งเข้าสู่วิชาชีพครูอาจารย์เช่น
การปรับปรุงระบบการคัดเลือก
ผู้รับทุน การปรับปรุงระบบตำแหน่ง
การเปิดโอกาสให้แสดงความสามารถอย่างอิสระ ควบคู่กับการปรับปรุง
กระบวนการเรียนการสอนและเนื้อหาสาระให้ครูอาจารย์เรียนรู้วิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง
มีความคิดริเริ่มสร้าง
สรรค์ และมีการทดลองปฏิบัติจริงมากขึ้น
(2) เร่งรัดให้มีการพัฒนาครูอาจารย์
และบุคลากรด้านการฝึกอบรมทุกคนอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งพัฒนา
ให้สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพในการแบ่งเบาภาระและสนับสนุนการปฏิบัติงาน
(3) สร้างจิตสำนึกและส่งเสริมขวัญกำลังใจในการทำงานของครูอาจารย์
โดยการสร้างทางเลือกและ
ความก้าวหน้าในวิชาชีพที่เปิดกว้างหลากหลายให้การยกย่องเกียรติคุณ
ตลอดทั้งประเมินการสอนเพื่อนำไป
ประกอบการส่งเสริมความก้าวหน้าและสวัสดิการต่าง ๆ
3. การพัฒนาคนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและการพึ่งตนเองทางเทคโนโลยีมากขึ้น
ทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ โดย
3.1 การพัฒนาคุณภาพและปริมาณกำลังคนระดับกลางและระดับสูงไปสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการและ
มีมาตรฐาน
(1) ส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษามีเอกภาพในเชิงนโยบาย
มีอิสระในการบริหารจัดการ มีการกำหนด
มาตรฐานขั้นต่ำเพื่อเป็นแนวทางของการผลิตบัณฑิตทั้งภาครัฐและเอกชน
ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบประกัน
คุณภาพการศึกษาที่ชัดเจน
และสามารถตรวจสอบได้จากทั้งภายในและภายนอกมากขึ้น
(2) พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาของรัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ
ตลอดทั้งการรวมกลุ่มคณาจารย์สาขาขาดแคลนเพื่อเป็นทรัพยากรด้านการเรียนการสอนร่วมกัน
ทั้งภาครัฐ
และเอกชน
(3) สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีการสอนทางไกล
เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนอาจารย์และสนับ
สนุนการกระจายโอกาสการอุดมศึกษาไปยังภูมิภาคอย่างมีคุณภาพตามความพร้อมของแต่ละสถาบันการศึกษา
(4) เร่งรัดและขยายการผลิตวิศวกร ช่างเทคนิค ช่างฝีมือ
และบุคลากรในสาขาขาดแคลนอื่น ๆ เช่น
บัญชี การเงินการธนาคาร และการประกันภัยโดยเน้นการฝึกปฏิบัติมากขึ้น
พร้อมทั้งใช้กลไกราคามากำหนด
ต้นทุนการฝึกอบรมในสาขาที่ตลาดแรงงานมีความต้องการสูง
3.2 การเสริมสร้างศักยภาพคนด้านการวิจัยและพัฒนา
(1) สนับสนุนให้มีการสร้างองค์ความรู้และฐานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานอย่างกว้างขวาง
(2) สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการวิจัยและการสังเคราะห์งานวิจัยอย่างกว้างขวางทั้งการวิจัยด้าน
สังคมศาสตร์
และด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่มีความสัมพันธ์กับธุรกิจอุตสาหกรรมมากขึ้น
(3) ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างทีมนักวิจัยและเครือข่ายการวิจัยที่เชื่อมโยงกับนักวิจัยต่างประเทศ
(4) พิจารณาปรับปรุงกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องในเรื่องการเข้ามาในราชอาณาจักรและการทำ
งานของคนต่างประเทศในราชอาณาจักรเพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
หรือการให้ชาวต่างประเทศเข้ามาช่วยเหลือการพัฒนากำลังคนสาขาขาดแคลนในประเทศไทย
3.3 การพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของกำลังแรงงานให้สามารถเข้าสู่กระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิ
ภาพ
(1) ยกระดับความรู้พื้นฐานของคนงานในสถานประกอบการทุกแห่งให้มีความรู้ขั้นต่ำอย่างน้อยระดับ
มัธยมศึกษาตอนต้นด้วยวิธีการต่าง ๆ
รวมทั้งส่งเสริมการใช้สื่อทุกรูปแบบในการเพิ่มศักยภาพของกำลังแรง
งานที่อยู่ในเขตชนบทห่างไกล
(2) สนับสนุนการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารตลาดแรงงานให้มีประสิทธิภาพและสามารถชี้นำการผลิต
กำลังคนได้ตามความต้องการของตลาดแรงงาน
(3) พัฒนาระบบการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกำลังแรงงานที่มีความประสงค์จะประกอบอา
ชีพในภาคเกษตรกรรมและกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพจากภาคเกษตรกรรมไปสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการ
อื่น ๆ
(4) ส่งเสริมให้มีการฝึกอบรมทักษะในด้านบริหารจัดการและทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแก่ผู้
ประกอบการ กลุ่มผู้นำทางธุรกิจในชุมชน กลุ่มสหกรณ์ กลุ่มสตรี
ตลอดทั้งการเพิ่มศักยภาพในการประกอบ
อาชีพอิสระและการรับช่วงเหมาแก่แรงงานที่ไม่สามารถกลับเข้าสู่ระบบการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมและ
บริการสาขาต่าง ๆ
(5) สนับสนุนการเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพของบุคลากรด้านการฝึกอบ
รมในสาขาต่าง ๆ ให้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์สูงขึ้น
(6) ขยายงานด้านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานสาขาต่าง ๆ
ให้ได้มาตรฐานสากลอย่างเพียงพอ
และมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางจากภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4. การปรับปรุงระบบการบริหารจัดการการศึกษาและฝึกอบรมให้มีประสิทธิภาพ
โดย
4.1 สนับสนุนการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาทุกระดับให้มีความคล่องตัว
และเปิดโอกาสให้ครอบ
ครัว
ชุมชนและท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการการศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรมทั้งในกระบวนความ
คิดและการปฏิบัติที่ทุกฝ่ายเข้ามาเรียนรู้ร่วมกัน
ทำงานด้วยกันและติดตามประเมินผลร่วมกัน พร้อม ๆ ไปกับ
การผ่อนคลายกฎระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ
4.2 ส่งเสริมและสนับสนุนการวางแผนในลักษณะแผนงานที่มีเครือข่ายการดำเนินงานที่เชื่อมโยงประ
สานกันอย่างชัดเจน
ให้เป็นกรอบและแนวทางในการประสานการปฏิบัติงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
เพื่อลดปัญหาความซ้ำซ้อนและเป็นการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
4.3 สนับสนุนบทบาทของภาคเอกชน
และองค์กรประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
และฝึกอบรมทักษะฝีมือแรงงานอย่างมีคุณภาพในปริมาณที่เพิ่มขึ้นทุกระดับ
โดยทบทวนบทบาทและนโยบาย
ของรัฐให้เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนอย่างเหมาะสม
ควบคู่กับการเร่งรัดและประชาสัมพันธ์กองทุน
เงินกู้เพื่อจัดตั้งสถาบันการศึกษาและการฝึกอบรมโดยภาคเอกชน
รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบและลดขั้นตอน
การดำเนินงานให้จูงใจภาคเอกชนมากขึ้น
4.4 สนับสนุนการนำกลไกตลาดมาใช้ในการผลิตกำลังคนอย่างมีประสิทธิภาพ
ควบคู่กับการปรับปรุง
ระบบการให้ทุนการศึกษาและการเร่งรัดให้เงินกู้เพื่อการศึกษาแก่นักเรียน
นักศึกษาที่ขาดแคลนให้กว้างขวาง
ยิ่งขึ้น
4.5 ส่งเสริมและสนับสนุนการระดมพลังจากทุกส่วนในสังคมเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต
(1) ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพของผู้ทำหน้าที่ผลิตและเผยแพร่สื่อทุกชนิด
ตลอดจนการแลกเปลี่ยน
ข่าวสารเพื่อการนำไปเผยแพร่อย่างถูกต้อง
(2) สนับสนุนการจัดเครือข่ายการเรียนรู้
โดยพัฒนาความร่วมมือระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน และองค์
การบริหารส่วนท้องถิ่นในการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนอย่างจริงจัง
(3) ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้อย่างกว้างขวาง
โดยการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศทั้งด้าน
เศรษฐกิจและสังคมให้ทันสมัยและถูกต้อง
สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายได้ทั้งระดับชาติ ระดับจังหวัด และ
ระดับชุมชน
บทที่ 5
การพัฒนาสุขภาพและพลานามัย
การเสริมสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนเป็นผู้ที่มีสุขภาพพลานามัยที่ดี
มีความรู้ความเข้าใจและตระ
หนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคและการดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว
ควรมีแนวทางการ
พัฒนาที่สำคัญ ดังนี้
1. การพัฒนาศักยภาพคนด้านสุขภาพและพลานามัย โดย
1.1 สนับสนุนให้มีบริการตรวจสุขภาพแก่คู่สมรสก่อนแต่งงาน
ก่อนมีบุตรและสตรีที่อยู่ในระหว่าง
ตั้งครรภ์
และใช้การวางแผนครอบครัวสำหรับป้องกันและคัดกรองโรคพันธุกรรม
โรคติดต่อในครรภ์และ
ความพิการแต่กำเนิด
เพื่อให้ได้ทารกที่สมบูรณ์และเป็นการส่งเสริมสุขภาพทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์
1.2 ส่งเสริมบริการสุขภาพอนามัยเพื่อพัฒนาการของเด็กและคุณภาพชีวิตที่ดีของแม่
เช่น การให้ภูมิ
คุ้มกันโรค การอนามัยแม่และเด็ก การให้อาหารเสริมต่าง ๆ เป็นต้น
1.3 ส่งเสริมการเผยแพร่ความรู้และสร้างทัศนคติที่ถูกต้องแก่ประชาชนให้รู้จักการส่งเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรคทั้งของตนเอง ครอบครัว และ ชุมชน
ตลอดจนการดูแลรักษาเบื้องต้นสำหรับโรคง่าย ๆ
และการดูแลผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังในชุมชน
1.4 สนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตอย่างเป็นองค์รวม
ทั้งการสร้างความเข้มแข็ง
ของครอบครัว การลดปัญหาการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ
การแก้ไขปัญหายาเสพติดและการพัฒนา
สภาพแวดล้อมของสังคม
1.5 ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนและชุมชนมีสิทธิรับรู้และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอันเป็นประ
โยชน์ต่อสุขภาพและสามารถเลือกบริโภคสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัย
1.6 ส่งเสริมสุขภาพอนามัยของคนงาน โดยใช้มาตรการทางกฎหมาย
หรือสิ่งจูงใจต่าง ๆ ให้นาย
จ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการได้มีการลงทุนในการพัฒนามาตรการป้องกันอุบัติเหตุและอุบัติภัยใน
การทำงานและการจัดสถานที่สำหรับการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำ
งานที่เหมาะสมแก่คนงาน
1.7 สนับสนุนการรณรงค์ผ่านสื่อต่าง ๆ
อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ครอบครัวมีความรู้ความเข้าใจและ
สามารถดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
ตลอดจนให้ได้รับบริการด้านฟื้นฟูสุขภาพ
1.8 ส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐ สถานประกอบการ ธุรกิจเอกชน
และสถานศึกษาทุกระดับจัดกิจ
กรรมการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอย่างกว้างขวางรวมทั้งส่งเสริมการลงทุนให้ภาคเอก
ชนจัดบริการส่งเสริมสุขภาพในส่วนภูมิภาคมากยิ่งขึ้น
2. การพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข โดย
2.1 การเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ และการเข้าถึงบริการสาธารณสุข
(1) ปรับปรุงและพัฒนาสถานบริการสาธารณสุขระดับล่าง
ให้มีอุปกรณ์และเวชภัณฑ์เพียงพอ ตลอด
ทั้งส่งเสริมให้มีการหมุนเวียนแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขไปประจำตามความเหมาะสมควบคู่กับการพัฒนา
เครือข่ายและระบบการส่งต่อคนไข้กับสถานพยาบาลระดับจังหวัดมากขึ้น
(2) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาเครือข่ายการให้บริการระหว่างสถานพยาบาลของรัฐและระหว่างรัฐกับ
เอกชน โดยเฉพาะการประสานการใช้ทรัพยากรร่วมกัน
รวมทั้งการสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนทางด้าน
วิชาการ
(3) สนับสนุนให้ประชาชนมีหลักประกันด้านสุขภาพทั่วถึง
โดยเน้นขยายความครอบคลุมไปสู่ประ
ชาชนผู้มีรายได้น้อย
ควบคู่กับการปรับปรุงและพัฒนาระบบประกันสุขภาพให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ตลอดทั้งสนับสนุนการศึกษาวิจัยเพื่อการปฏิรูประบบการประกันสุขภาพและสวัสดิการที่มีอยู่ให้เป็นเอกภาพ
และเน้นความรับผิดชอบต่อประชาชนเป็นหลัก
(4) รณรงค์และกำหนดมาตรการสร้างแรงจูงใจให้สถานพยาบาลของรัฐ
ปรับปรุงประสิทธิภาพและ
คุณภาพของบริการ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการ
โดยให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็ว
(5) ส่งเสริมการลงทุน
การวิจัยและพัฒนาและการปรับปรุงกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ
เพื่อเพิ่มขีด
ความสามารถในการพึ่งตนเองด้านการผลิตยา วัคซีนและสมุนไพร
ตลอดจนพัฒนาเป็นสินค้าอุตสาหกรรม
เพื่อการส่งออก
(6) สนับสนุนการพัฒนาแพทย์แผนไทยให้สามารถผสมผสานในระบบสาธารณสุข
โดยการพัฒนา
องค์ความรู้และการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสาร
ตลอดจนการปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานของบุคลากรและสถาน
บริการแพทย์แผนไทยเพื่อให้เป็นที่เชื่อถือ
2.2 การพัฒนาการผลิตและการกระจายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
(1) ประสานการผลิตบุคลากรสาธารณสุขให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ
รวมทั้งสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการผลิตบุคลากรสาธารณสุขให้มากขึ้น
โดยมีกลไกควบคุม
คุณภาพและมาตรฐานวิชาชีพ
(2) พัฒนาเนื้อหาหลักสูตรการศึกษาและการอบรมบุคลากรสาธารณสุข
โดยให้ความสำคัญกับการ
ส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
รวมทั้งการปลูกฝังในเรื่องจรรยาบรรณและคุณธรรมสำหรับผู้ประกอบ
วิชาชีพควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพและศักยภาพของบุคลากรสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการใช้
ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
(3) พัฒนากระบวนการฝึกอบรมบุคลากรประจำการในสาขาที่มีความขาดแคลนตามสภาพปัญหา
สาธารณสุขใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น ด้านอาชีวเวชศาสตร์
ด้านการดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเรื้อรัง ด้านเวชศาสตร์
การกีฬา เป็นต้น
(4) สนับสนุนให้มีการกระจายบุคลากรสาธารณสุขไปสู่ชนบท
โดยการสร้างขวัญและกำลังใจ พร้อม
ทั้งให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการแก่บุคลากรทุกระดับอย่างเหมาะสม
2.3 การพัฒนาและปรับปรุงระบบการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์
(1) เสริมสร้างศักยภาพของประชากรกลุ่มทั่วไปและกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้วยวิธีการต่าง
ๆ ให้เหมาะ
สม
เพื่อให้เกิดความตระหนักและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงที่จะส่งผลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์
(2) สร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมให้เอื้อต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์
อาทิ การ
สร้างงานในชนบท การส่งเสริมให้มีการพักผ่อนหย่อนใจที่เหมาะสม
การต่อต้านสื่อและการบันเทิงที่ยั่วยุทาง
เพศ เป็นต้น
(3) ส่งเสริมสุขภาพและให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์อย่างทั่วถึงและเหมาะสม
โดยเน้นการเสริม
สร้างศักยภาพของบุคลากรในสถานพยาบาลทุกระดับ
รวมทั้งสร้างศักยภาพของชุมชนและครอบครัวในการ
ดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์
(4) ลดผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการติดเชื้อและป่วยด้วยโรคเอดส์
เช่น การฝึก
อาชีพให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับสภาพของผู้ติดเชื้อเอดส์
และการจัดสวัสดิการสังคมสำหรับผู้ป่วยโรค
เอดส์และครอบครัวที่ไม่สามารถพึ่งตนเองได้ เป็นต้น
2.4 การพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมให้เอื้อต่อการพัฒนาสุขภาพและพลานามัย
(1) พัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี
เช่น การสร้างสวนสาธาร
ณะ การลดมลภาวะในสิ่งแวดล้อม การอาชีวอนามัย
และการคมนาคมขนส่งที่ปลอดภัย เป็นต้น
(2) ปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ
ที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี เช่น การควบคุม
ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมและรถยนต์
รวมทั้งการมีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม เช่น การสวมหมวก
กันน๊อค และการคาดเข็มขัดนิรภัย เป็นต้น
(3) ส่งเสริมการวิจัยเพื่อหาองค์ความรู้ใหม่ ๆ
และการสังเคราะห์งานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับผลกระทบ
ของสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพอนามัย ทั้งทางกายภาพ ชีวภาพ เศรษฐกิจ
และสังคม เพื่อใช้กำหนดแนวทางป้อง
กันและแก้ไข
(4) ส่งเสริมการระดมทุนเพื่อการดูแลส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในชุมชน
เช่น การจัดตั้งกองทุน
ส่งเสริมสุขภาพและการดูแลสภาพแวดล้อมมิให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
เป็นต้น
3.การปฏิรูประบบบริหารจัดการด้านสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพ โดย
3.1 ให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพ
โดยสนับสนุนด้านงบประมาณ บุคลากร
และการปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานให้สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ
3.2 ปฏิรูประบบบริหารจัดการสถานพยาบาลของรัฐให้มีความคล่องตัว
มีประสิทธิภาพ และมีความ
รับผิดชอบต่อสถานะสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้น
เช่น การปรับกฎระเบียบและวิธีการ
งบประมาณที่เป็นอุปสรรคต่อความคล่องตัว การพัฒนาระบบบริหารแบบเอกชน
การกระจายอำนาจการบริหาร
จัดการและการจ้างเหมาเอกชน เป็นต้น
3.3 กำกับดูแลการใช้จ่ายด้านสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพ
โดยกำหนดนโยบายด้านการเงินการคลัง
เพื่อลดการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยลง
โดยเฉพาะการนำเข้ายาและเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีราคาแพงเกินความจำเป็น
3.4 ส่งเสริมให้มีกลไกกำกับดูแลด้านคุณภาพและราคาของบริการสาธารณสุขทั้งของภาครัฐและเอกชน
เช่น
การกำหนดให้สถานพยาบาลแจ้งอัตราค่าบริการแต่ละชนิดให้ผู้ป่วยทราบล่วงหน้า
และการสนับสนุนบท
บาทของประชาชนหรือองค์กรอิสระในการตรวจสอบและดูแลด้านคุณภาพของบริการ
และค่ารักษาพยาบาล
ของสถานพยาบาล เป็นต้น
3.5 ส่งเสริมให้กระทรวงสาธารณสุขปรับบทบาทมาเป็นการพัฒนานโยบายและการกำกับดูแลให้หน่วย
งานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ธุรกิจเอกชน
องค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์และองค์กรชุมชน มีการประ
สานงานที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.6 สนับสนุนให้เกิดระบบการจัดการบริหารงานในลักษณะแผนงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยว
ข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานคุ้มครองผู้บริโภค งานส่งเสริมสุขภาพ
งานโภชนาการ งานอาชีวอนามัยและสิ่ง
แวดล้อม งานความปลอดภัยด้านเคมีวัตถุ
และงานป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถดำเนินการ
ไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.7 ส่งเสริมให้ประชาชน องค์กรชุมชน องค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์
ธุรกิจเอกชน นักวิชาการและ
สื่อมวลชนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาการสาธารณสุข
โดยสนับสนุนให้เกิดกระบวนความคิดและการ
ปฏิบัติที่ทุกฝ่ายเข้ามาเรียนรู้ร่วมกันจากการทำงานด้วยกัน
รวมทั้งมีส่วนร่วมในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้าน
สาธารณสุข และรณรงค์ในปัญหาที่มีความสำคัญอย่างกว้างขวาง
3.8 ส่งเสริมความร่วมมือและการประสานการแก้ไขปัญหาสาธารณสุข
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศ
เพื่อนบ้านในเขตชายแดน
รวมทั้งส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคทางด้านวิชาการและบริการ
เกี่ยวกับการแพทย์และสาธารณสุข
3.9 พิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุนองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์และองค์กรชุมชน
เพื่อให้
สามารถดำเนินกิจกรรมด้านการพัฒนาสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยให้มีการประสานสอดคล้องกับ
แนวนโยบายพัฒนาสาธารณสุขของชาติ
บทที่ 6
การพัฒนาประชากรกลุ่มผู้ด้อยโอกาส
การเสริมสร้างโอกาสให้ประชาชนกลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มใหญ่ ๆ
ได้แก่ กลุ่มเด็กในภาวะยากลำบาก
ซึ่งประกอบด้วย เด็กที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์
เด็กเร่ร่อนและเด็กที่ยากจนและไม่มีโอกาสศึกษาต่อ กลุ่ม
เด็กและสตรีในธุรกิจบริการทางเพศและถูกประทุษร้ายทารุณต่าง ๆ
กลุ่มคนพิการ กลุ่มผู้สูงอายุที่ยากจนไม่มี
ญาติหรือผู้เลี้ยงดู กลุ่มคนยากจนในเมืองและชนบท
กลุ่มผู้ถูกคุมประพฤติและผู้ต้องขังและกลุ่มคนไทยต่าง
วัฒนธรรม เช่น ชาวเขา ชาวเล เป็นต้น
ได้รับการช่วยเหลือคุ้มครองและได้รับบริการทุกด้านอย่างทั่วถึงและ
เป็นธรรม ควรมีแนวทางการพัฒนาดังนี้
1. การพัฒนากลุ่มเด็กที่อยู่ในภาวะยากลำบาก โดย
1.1 เร่งรัดการกำหนดอายุขั้นต่ำของแรงงานเด็กจาก 13 ปี เป็น 15
ปี ให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว
ตลอดจนให้มีการกำหนดมาตรการในการคุ้มครองและให้สวัสดิการที่เหมาะสมแก่แรงงานเด็กในภาคเกษตร
กรรมและแรงงานเด็กที่อยู่นอกระบบ
1.2 ส่งเสริมการให้ความรู้เกี่ยวกับแรงงานเด็กแก่ผู้นำชุมชนและผู้นำสหภาพแรงงาน
เพื่อให้มีส่วน
ช่วยเฝ้าระวัง ดูแลป้องกัน
และรายงานการใช้แรงงานเด็กที่ผิดกฎหมายหรือละเมิดสิทธิของเด็กที่ใช้แรงงาน
1.3 สนับสนุนให้นายจ้างจัดหรือปรับปรุงสวัสดิการให้เหมาะสมแก่แรงงานเด็กอย่างต่อเนื่อง
โดย
เฉพาะในด้านการศึกษา การพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพ นันทนาการ
และการพัฒนาคุณภาพชีวิต
1.4 พัฒนาวิธีและกระบวนการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กเร่ร่อนให้มีประสิทธิภาพและเป็นระบบครบ
วงจรมากขึ้น โดยระดมความร่วมมือจากภาครัฐ
ภาคเอกชนและสนับสนุนให้สถาบันศาสนาเข้ามามีบทบาท
มากขึ้น
1.5 สนับสนุนให้มีระบบข้อมูลเกี่ยวกับเด็กในภาวะยากลำบากประเภทต่าง
ๆ ที่ถูกต้อง ทันสมัย และ
สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในวงกว้าง
1.6 ศึกษาแนวทางการปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กและให้มีมาตรการ
ในการป้องกันแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเด็กอย่างครอบคลุมทุกด้าน
1.7 เสริมสร้างทัศนคติและปรับปรุงวิธีการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐให้มีประสิทธิภาพและเอื้ออำนวย
ประโยชน์ต่อเด็กในภาวะยากลำบากมากขึ้น เช่น
การแก้ไขปัญหาด้านหลักฐานประกอบการศึกษาของเด็กเร่ร่อน
รูปแบบ
และวิธีการสืบสวนและตัดสินคดีที่เด็กเป็นผู้เสียหายหรือก่อให้เกิดความเสียหาย
เป็นต้น
1.8 เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้ชุมชนและโรงเรียนยอมรับและปฏิบัติต่อเด็กที่มาจากครอบครัวที่
มีการติดเชื้อหรือมีผู้ป่วยโรคเอดส์เช่นเดียวกับเด็กทั่วไป
และสนับสนุนให้ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันศาสนา
และชุมชน ร่วมสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิตแก่เด็กเหล่านี้
โดยไม่ต้องตรวจหาภาวะการติดเชื้อในตัวเด็ก
เสียก่อน
1.9 เสริมสร้างศักยภาพของครอบครัว
เครือญาติและชุมชนให้สามารถดูแลสุขภาพและรู้จักวิธีการ
พยาบาลเบื้องต้นแก่เด็ก
ในกรณีทราบภาวะการติดเชื้อเอดส์และมีอาการเจ็บป่วยเป็นครั้งคราว
โดยเน้นการ
วางแผนบริการเด็กร่วมกันระหว่างครอบครัวและสถานบริการหรือองค์กรเอกชน
1.10 พัฒนากระบวนการช่วยเหลือและส่งเสริมให้เด็กในชนบทที่ยากจนและเด็กในภาวะยากลำบาก
ได้มีโอกาสศึกษาต่อหรือฝึกทักษะในการประกอบอาชีพตามความต้องการและศักยภาพของแต่ละกลุ่มเป้า
หมาย รวมทั้งทรัพยากรของแต่ละท้องถิ่น
1.11 สนับสนุนการพัฒนาอาชีพแก่เยาวชนชนบทอย่างเป็นระบบ
โดยจัดบริการข้อมูลเกี่ยวกับโอกาส
การประกอบอาชีพ
รวมทั้งการพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์และการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจเลือกอาชีพได้
อย่างเหมาะสม
2. การพัฒนากลุ่มเด็กและสตรีในธุรกิจบริการทางเพศและถูกประทุษร้ายทารุณต่าง
ๆ รวมทั้งสตรีที่ถูกเลือก
ปฏิบัติและมีอคติทางเพศ โดย
2.1 สนับสนุนการจัดตั้งข่ายงานองค์กรประชาชนระดับต่าง ๆ
โดยเฉพาะระดับหมู่บ้าน เพื่อสำรวจ
เฝ้าระวัง ติดตาม
ป้องกันและให้ความช่วยเหลือมิให้เด็กและสตรีถูกชักจูงหรือล่อลวงไปประกอบอาชีพธุรกิจ
บริการทางเพศ
2.2 รณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อปรับเปลี่ยนค่านิยมที่มีส่วนส่งเสริมธุรกิจบริการ
ทางเพศ
รวมทั้งสร้างปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรีโดยผ่านระบบสื่อสารมวลชนและการสอดแทรกเรื่อง
ครอบครัวศึกษาไว้ในการเรียนการสอนทุกระดับ
2.3 สนับสนุนการจัดบริการที่เป็นระบบครบวงจร
เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้ที่อยู่
ในธุรกิจบริการทางเพศในเรื่องผลกระทบของการประกอบอาชีพ
การดูแลรักษาสุขภาพอนามัย การให้บริการ
แนะแนวและฝึกอบรมอาชีพ
รวมทั้งการจัดหางานและเงินทุนประกอบอาชีพสำหรับผู้ที่ต้องการจะเลิกอาชีพ
ธุรกิจทางเพศ
โดยใช้รูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมายและพื้นที่
2.4 สนับสนุนการดำเนินงานเพื่อขจัดอคติทางเพศและการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ
ให้เป็นไป
ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี
และดำเนินการตามปฏิญญาปักกิ่งและแผน
ปฏิบัติการว่าด้วยความก้าวหน้าของสตรีขององค์การสหประชาชาติ
2.5 สกัดกั้นมิให้มีการล่อลวงหรือนำเด็ก
สตรีไทยและต่างชาติออกไปและเข้ามาเพื่อประกอบธุรกิจ
บริการทางเพศ โดยเฉพาะเส้นทางที่เชื่อมกับพื้นที่ชายแดน
2.6 ให้ความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจทางเพศแก่พ่อแม่และผู้ปกครอง
3. การพัฒนากลุ่มคนพิการ โดย
3.1 ให้มีการป้องกันความพิการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
ค้นหาเฝ้าระวังความพิการตั้งแต่ก่อนคลอด
ระหว่างคลอด หลังคลอด
ตลอดจนความพิการภายหลังและสนับสนุนงานศึกษาวิจัยถึงสาเหตุและการป้อง
กันความพิการ
โดยใช้หน่วยงานเดิมที่มีอยู่แล้วเป็นหลักในการประสานงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.2 ส่งเสริมให้มีการจัดฝึกอบรม
เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ครอบครัว ชุมชน และผู้ที่
เกี่ยวข้อง ในเรื่องการป้องกัน ช่วยเหลือ
ฟื้นฟูและพัฒนาคนพิการให้สามารถพึ่งตนเองได้ รวมทั้งรณรงค์
สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนและชุมชนให้มีทัศนคติที่ดีและการยอมรับความเท่าเทียมต่อคนพิการ
พร้อมทั้งการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้คนพิการเข้าใจในสถานภาพของตนและสังคมได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง
3.3 สนับสนุนให้คนพิการได้รับบริการทางการแพทย์และการฟื้นฟูสมรรถภาพอย่างต่อเนื่องและกว้าง
ขวาง
โดยเน้นจัดบริการให้การรักษาพยาบาลแบบให้เปล่าแก่คนพิการที่ยากจน
3.4 ส่งเสริมให้คนพิการได้รับบริการการศึกษาในทุกระดับ
โดยเน้นการเรียนร่วมในโรงเรียนปกติ
ส่วนการศึกษาพิเศษนั้นให้มีเฉพาะเท่าที่จำเป็น
3.5 ให้มีบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการด้านอาชีพ
โดยเน้นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาด
แรงงานหรือประกอบอาชีพอิสระ โดยเฉพาะเด็กพิการด้อยโอกาสในชนบท
3.6 ปรับปรุง แก้ไขกฎ ระเบียบ
ข้อบังคับและการดำเนินงานให้เอื้อต่อการคุ้มครองสิทธิประโยชน์
การสงเคราะห์ การฟื้นฟูสมรรถภาพ
และการจัดสวัสดิการสังคมให้ครอบคลุมคนพิการทุกประเภททั้งใน
เมืองและชนบท
พร้อมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมด้านอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนพิการ
3.7 ส่งเสริมการรวมตัวของคนพิการในทุกระดับเพื่อช่วยเหลือกันเองและสนับสนุนองค์กรที่ทำหน้า
ที่พัฒนาคนพิการทั้งภาครัฐและเอกชน
รวมทั้งเสริมงานบริการของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้สามารถพัฒนา
คนพิการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
3.8 สนับสนุนครอบครัวที่มีคนพิการหรือเจ็บป่วยเรื้อรังให้ได้รับความช่วยเหลือจากชุมชนและบริการ
ของภาครัฐและเอกชนอย่างเหมาะสมทันการและทั่วถึง
3.9 จัดสวัสดิการสังคม
โดยให้เบี้ยยังชีพแก่คนพิการที่มีสภาพความพิการรุนแรงจนไม่สามารถฟื้นฟู
สมรรถภาพตามกระบวนการที่มีอยู่ได้
4. การพัฒนากลุ่มผู้สูงอายุยากจนที่ไม่มีญาติหรือผู้เลี้ยงดู โดย
4.1 จัดสวัสดิการสงเคราะห์โดยเพิ่มเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุที่ไม่มีญาติหรือผู้เลี้ยงดูให้มากขึ้น
รวม
ทั้งขยายบริการรักษาพยาบาลโดยไม่คิดมูลค่า
ตลอดจนลดหย่อนค่าโดยสารสำหรับพาหนะเดินทางทุกประเภท
และบริการสาธารณะต่าง ๆ
ให้ครอบคลุมอย่างทั่วถึงทั้งในเมืองและชนบทในรูปแบบที่เหมาะสม
4.2 ส่งเสริมให้ครอบครัวเห็นความสำคัญและเอาใจใส่ดูแลผู้สูงอายุ
ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความรู้
ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว
รวมทั้งพิจารณาให้สิ่งจูงใจแก่บุตรหรือญาติที่ดูแล
ผู้สูงอายุที่ยากจน
4.3 สนับสนุนให้สถานพยาบาลเอกชน องค์กรภาคเอกชน
องค์กรศาสนาและชุมชน เข้ามามีส่วนช่วย
เหลือดูแลผู้สูงอายุในรูปแบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งกำหนดให้มีมาตรการทางกฎหมายในการส่งเสริม กำกับและดู
แลหน่วยงานภาคธุรกิจเอกชนที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุให้มีการดำเนินงานและจัดบริการตามมาตรฐาน
ขั้นต่ำที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้ใช้บริการ
4.4 ส่งเสริมให้มีองค์กรหลักที่ทำหน้าที่รับผิดชอบงานด้านผู้สูงอายุที่เป็นเอกภาพ
โดยทำหน้าที่วาง
แผนรวบรวมข้อมูลและประสานการดำเนินงานอย่างเป็นเครือข่ายไปในทิศทางเดียวกัน
5. การพัฒนากลุ่มคนยากจนในเมืองและชนบท โดย
5.1 ส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กยากจนในเมืองและชนบทมีโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็น
กรณีพิเศษ โดยการจัดสรรทุนเล่าเรียน
การให้เงินอุดหนุนแก่ครอบครัวเพื่อทดแทนค่าเสียโอกาสในการส่ง
เด็กเข้าเรียนต่อ
และการพัฒนารูปแบบวิธีการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
5.2 ส่งเสริมการจัดตั้งและพัฒนาองค์กรประชาชนและกองทุนในท้องถิ่นชนบทในรูปแบบต่าง
ๆ
เพื่อระดมทุนในท้องถิ่นมาช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาของคนในชุมชน
5.3 ปรับสภาพแวดล้อมในชุมชนแออัดให้เหมาะสมและขยายบริการสังคมให้เข้าถึงชุมชนอย่างกว้าง
ขวาง รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคในสังคมเมืองต่าง ๆ
โดยเฉพาะโรคเอดส์และการป้องกันปัญหา
มลพิษ
5.4 ส่งเสริมให้คนในชุมชนชนบทโดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย
สามารถประกอบกิจการอุตสาหกรรม
ครัวเรือนและอุตสาหกรรมชุมชนขนาดเล็กและกลางได้
6. กลุ่มผู้ถูกคุมประพฤติและผู้ต้องขัง โดย
6.1 เสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างต่อเนื่องในรูปแบบที่เหมาะสมทั้งทาง
ด้านการศึกษา ฝึกอาชีพ
การมีงานทำและมีรายได้ในระหว่างและหลังการถูกคุมขังและถูกคุมประพฤติ
รวม
ทั้งมีโอกาสไปทำงานบริการชุมชนที่จะมีส่วนเสริมสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม
6.2 สนับสนุนให้ภาคธุรกิจเอกชน
องค์กรประชาชนและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐ ในการ
พัฒนาระบบงานและดำเนินการฟื้นฟู
พัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ถูกคุมประพฤติและผู้ต้องขัง
ในทุกรูปแบบมากขึ้น
7. การพัฒนากลุ่มคนไทยต่างวัฒนธรรม โดย
7.1 เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้มีทักษะในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพโดยผ่านระบบการ
ศึกษาทั้งในและนอกระบบโรงเรียนให้สามารถดำรงชีวิตและประกอบอาชีพในชุมชนของตนเองได้อย่าง
ยั่งยืนและไม่สร้างผลกระทบทางลบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
7.2 เร่งรัดพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยต่างวัฒนธรรมให้ได้รับสัญชาติ
การรับรอง
สิทธิทางกฎหมาย การคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
การเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานด้านการ
ศึกษาสาธารณสุข และสาธารณูปโภคอย่างเพียงพอ
รวมทั้งการเร่งรณรงค์ให้มีการวางแผนครอบครัวและ
ป้องกันโรคเอดส์อย่างทั่วถึง
7.3 สนับสนุนการศึกษาวิจัยและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคนไทยต่างวัฒนธรรมอย่างเป็นระบบและ
ต่อเนื่อง
รวมทั้งนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนและปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับวิถี
ชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละกลุ่มอีกด้วย
CONTACT
Email me at pisitp@yahoo.com for your comment and/or discussions.
This page hosted by
Get your own Free Home Page