PISIT' S THAI NATURAL LANGUAGE PROCESSING LABORATORY
This lab is formed since August 26, 1998
e-mail: pisitp@yahoo.com
For C7 members, please check this C7 address list.

KEYWORDS
Thai Natural Language Processing Lab., words segmentation, dictionaries, algorithms, Thai text-to-speech.
การศึกษาวิจัยไมโครอิเล็คทรอนิกส์ในประเทศไทย
พิสิทธิ์ พรมจันทร์
บริษัท เทเลคอมเอเซีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

กล่าวนำ

ถ้าลองสังเกตการเปลี่ยนแปลงในบ้านเราช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีศูนย์การค้า ทางด้านไอทีขนาดใหญ่ทยอยเกิดขึ้นมา ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีขนาดเล็กลง และมีความเร็วเพิ่ม ขึ้นต่างปรากฏออกสู่ท้องตลาดแทบไม่เว้นแต่ละวัน ผู้บริโภคที่แวะเวียนเยี่ยมชมจับจ่ายมีแนว โน้มที่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าปรากฏการณ์นี้จะมีสาเหตุมาจากกระแสอินเตอร์เน็ต หรืออย่าง อื่นไดก็ตามแต่ ปรากฎการณ์นี้คือดัชนีชี้วัดแนวโน้มการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมไมโครอิ เล็คทรอนิกส์ที่สำคัญในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ได้เป็นอย่างดี โอกาสของเยาวชนที่จะทำการ ศึกษาและวางแผนชีวิตเข้าสู่อุตสาหกรรมไมโครอิเล็คทรอนิกส์จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น ตัวเด็กเองหรือผู้ปกครองที่มองหาอนาคตให้บุตรหลาน บทความนี้ขอนำเสนอการสำรวจการ ศึกษาวิจัยไมโครอิเล็คทรอนิกส์ในบ้านเราอย่างสังเขป

การเรียนการสอนและความรู้พื้นฐาน

ความรู้พื้นฐานทางด้านฟิสิกส์ประยุกต์คือสิ่งจำเป็นในการศึกษาวิจัยไมโครอิเล็คทรอ นิกส์ที่ลึกซึ้งในระดับสูงขึ้นไป มหาวิทยาลัยชั้นนำทุกแห่งที่เปิดสอนคณะวิทยาศาสตร์หรือ วิศวกรรมศาสตร์ต่างมีการเปิดสอนในส่วนความรู้พื้นฐานด้านนี้อยู่แล้ว ท่านที่วางแผนอนาคตสู่ อุตสาหกรรมไมโครอิเล็คทรอนิกส์สามารถเลือกศึกษาเล่าเรียนได้จากทุกมหาวิทยาลัยดังกล่าว โดยเพียงเลือกคณะ สาขาวิชาให้ถูกต้องและเอาใจใส่ในวิชาที่เกี่ยวข้องเป็นพิเศษเท่านั้นเองก็ สามารถที่จะสร้างพื้นฐานไปสู่การวิจัยที่ลึกซึ้งต่อไปได้ สำหรับท่านที่ต้องการศึกษาวิจัยทางด้าน นี้ในแง่มุมที่ลึกซึ้งลงไป โดยเฉพาะในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรีผมขอแนะนำให้เลือกเรียนที่พระ จอมเกล้าลาดกระบัง เนื่องจากที่นั่นได้เปิดแผนกไมโครอิเล็คทรอนิกส์โดยตรงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ที่นั่นมีการจัดตั้งศูนย์วิจัยไมโครอิเล็คทรอนิกส์ตั้งแต่ปีนั้นโดยในเบื้องต้นได้รับการ สนับสนุนในรูปของอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงานในห้องปฎิบัติการไมโคร อิเล็กทรอนิกส์จากรัฐบาลญี่ปุ่นรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท พร้อมทั้งได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาประจำ เพื่อคอยให้คำปรึกษาในช่วงแรกของการก่อตั้งอีกด้วย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 แผนกไมโครอิเล็กทรอนิกส์ได้พัฒนาขึ้นเป็นหน่วยงานอิสระ เทียบเท่าภาควิชา ขึ้นตรงต่อคณะวิศวกรรมศาสตร์เช่นเดียวกับภาควิชาอื่นๆ และได้รับอนุมัติ ให้จัดตั้งเป็นศูนย์วิจัยอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา

ศูนย์วิจัยอิเล็กทรอนิกส์ มีหน้าที่สนับสนุนการศึกษาและการวิจัยทางด้านวิศวกรรมไม โครอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก โดยมีส่วนช่วยในการบรรยาย เช่นทฤษฎี ทางฟิสิกส์ ทฤษฎีสารกึ่งตัวนำ สิ่งประดิษฐ์สารกึ่งตัวนำ และวิชาที่เกี่ยวข้อง ทางศูนย์ ฯ ยังได้ ร่วมกับภาควิชาอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดำเนินการในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาไม โครอิเล็กทรอนิกส์ และหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต

ผลงานของศูนย์วิจัยอิเล็คทรอนิกส์

นอกจากการบรรยายและผลงานตำราทางวิชาการทางด้านไมโครอิเล็คทรอนิกส์ที่เป็น ภาษาไทยหลายเล่มแล้วศูนย์วิจัยอิเล็กทรอนิกส์ที่ลาดกระบังยังเน้นการวิเคราะห์และวิจัย เกี่ยว กับสิ่งประดิษฐ์สารกึ่งตัวนำชนิดต่างๆ เช่น อุปกรณ์ประเภทไบโพลาร์ อุปกรณ์ประเภทมอส ทั้ง ที่เป็นอุปกรณ์เดี่ยวและลักษณะของวงจรรวม ในระดับต่าง ๆ เช่น วงจรรวมขนาดใหญ่มาก วง จรรวมซิลิกอนเซ็นเซอร์ รวมทั้งการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับวัสดุศาสตร์ เช่น เซลแสงอาทิตย์ การ สังเคราะห์ฟิล์มเพชร ตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดและสิ่งประดิษฐ์สารกึ่งตัวนำอื่น ๆ ต่อไปจะยกตัวอย่าง ผลงานการวิจัยที่น่าสนใจของที่นั่น

อุปกรณ์สวิทช์ใหม่ ๆ เช่นอุปกรณ์พลานาร์ไดโอดซึ่งใช้เทคนิคการโดปสารเจือประเภท ทองคำลงบนแผ่นซิลิกอน ได้รับการวิจัยจนประสบผลสำเร็จในปี พ.ศ. 2521 อุปกรณ์ประเภทเซนเซอร์และอุปกรณ์ทางด้านกลไกขนาดเล็กมากเช่นอุปกรณ์ตรวจจับ แรงดัน ความเร็ว และการไหล อุปกรณ์มอเตอร์ขนาดเล็กมากที่ใช้เทคนิคโดยการสร้างชิ้นของซิ ลิกอนที่มีความบางมาก ๆ ผ่านกระบวนการแพร่กระจายสารเจือประเภทต่าง ๆ เพื่อสร้างขั้ว บวกและลบ จัดวางภายใต้สนามไฟฟ้าที่เหมาะสม จะทำให้ชิ้นซิลิกอนบาง ๆ นี้ สามารถหมุนได้ ดังมอเตอร์ทั่ว ๆ ไป

การสังเคราะห์ฟิล์มเพชรได้เริ่มทำการวิจัยในปี พ.ศ. 2535 โดยความช่วยเหลือจาก มหาวิทยาลัยโตไกในญี่ปุ่น ฟิล์มเพชรที่ได้รับการโดปสารสามารถทำให้เกิดรอยต่อที่มีคุณสมบัติ ทางไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ได้ จุดเด่นของอุปกรณ์ที่สร้างจากฟิล์มเพชรคือการทนทาน ต่อความร้อนที่ดีกว่าอุปกรณ์ที่สร้างจากวัสดุอื่น ๆ เป็นอันมาก

การผลิตเซลแสงอาทิตย์ซึ่งได้ทำต่อเนื่องมากว่าสิบปี ซึ่งนอกจากการผลิตแล้ว การ ประยุกต์ใช้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์คือตัวอย่างการประยุกต์ใช้ที่สำคัญ ซึ่งได้รับการออกแบบและสร้างต้นแบบขึ้นมา

นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยอื่น ๆ เช่น กระบวนการผลิตอุปกรณ์ซีมอส การจำลอง กระบวนการผลิตด้วยคอมพิวเตอร์ การออกแบบและจัดวางสถาปัตยกรรมของวงจรรวมขนาด ใหญ่มาก การสร้างต้นแบบต่าง ๆ เป็นต้น

นอกจากพระจอมเกล้าลาดกระบังแล้ว สถาบันการศึกษาอื่น ๆ ในบ้านเราก็มีแนวโน้มที่ จะพัฒนาวิชาการด้านนี้เช่นกัน เช่นสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย (AIT) มีแผนที่จะร่วมมือกับ เนคเทคที่จะเปิดหลักสูตรปริญญาโททางด้านไมโครอิเล็คทรอนิกส์โดยเน้นไปทางการออกแบ บวงจรรวมเป็นหลัก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีบุคลากรที่สำเร็จการศึกษาทางด้านการออกแบ บวงจรรวมโดยตรงจากต่างประเทศและมีผลงานการวิจัยที่ตีพิมพ์ออกไปบ้างส่วนหนึ่ง

สรุป

อุตสาหกรรมไมโครอิเล็คทรอนิกส์มีแนวโน้มที่เจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ตามกระแส อินเตอร์เน็ต พาณิชย์อิเล็คทรอนิกส์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ถ้าอุตสาหกรรมนี้สามารถเกิด ขึ้นได้จริงในบ้านเราก็จะเกิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับเยาวชนในการที่จะสร้างสรรผลงานและธุรกิจ ใหม่ ๆ ในอนาคตต่อไป ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้อุตสาหกรรมนี้สามารถเกิดขึ้นได้คือความรู้ความ สามารถของบุคลากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนของชาติ การส่งเสริมให้มีการศึกษาวิจัยในสาขา นี้เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในเวทีสากลเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังคำกล่าวของผู้ เชี่ยวชาญท่านหนึ่งที่ว่า “คิดการ 1 ปีให้ ‘ปลูก’ ข้าว คิดการ 10 ปีให้ ‘ปลูก’ ป่า คิดการ 100 ปีให้ ‘ปลูก’ คน”


This page hosted by   Get your own Free Home Page 1