ภูสอยดาว

บันทึกการเดินทางจากกรุงเทพถึงภูสอยดาว......

23 กันยา 42

ไปเจอกันที่หน้าสนามกีฬา ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ตอนประมาณ 2 ทุ่มกว่า (ที่พี่เค้านัดไว้นะ 3 ทุ่มครึ่ง) เพื่อที่จะได้ขึ้นรถและออกเดินทางไปอุตรดิตถ์ ฝนตกตั้งแต่ยังไม่เริ่มเดินทาง ต้องวิ่งหลบฝนกันใต้ต้นไม้ กะในตู้โทรศัพท์ นี่ถ้า เกิด Superman ต้องการเปลี่ยนชุดไปช่วยเหลือคน Help!!!! me ตอนนี้ละก้อต้องแย่แน่เลย เพราะม่ายมีตู้โทรศัพท์ที่ว่างๆ เลยสักกะตู้นะ ออกเดินทางประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆๆ อากาศเริ่มเย็นมากขึ้นทุกทีที่เส้นทางเริ่มผ่านไป หลับไปบนรถแบบสบายๆ รึเปล่าไม่แน่ใจ รู้แต่ว่าต้องคอยโทรตามหากันเป็นระยะ เพราะไปรถสามคัน ว่า เธออยู่ไหน......หลงทางรึเปล่านะ ถึงอุตรดิตถ์ตอนตีสามได้ วนรถไปๆๆมาๆ ตั้งนานกว่าจะทราบว่าต้องการไปตลาดสดนะ นั่งรอกันอยู่ในรถ ม่ายช่ายสิหลับต่างหาก จนฟ้าสาง ก้อไปทานอาหารเช้าแถวสถานีรถไฟ ก่อนจะเดินทางต่อไป แวะดูรูป

24 กันยา 42


เราก้อไปถึงอุตรดิตถ์แล้วนะ แวะล้างหน้า แปรงฟัน และซื้อเสบียง ก่อนที่จะเดินทางมุ่งหน้าสู่ภูสอยดาว ที่อยู่ไกลออกไป 170 กิโล ไปถึงภูสอยดาว 10 โมงเช้า จัดแจงเตรียมตัวเดินขึ้นภู เอาสัมภาระ ที่ไม่จำเป็นให้ลูกหาบเค้าช่วยแบกขึ้นไป วันนี้ทั้งวันเป็นรายการขึ้นดอย เริ่มปีนป่ายตั้งแต่เริ่มออกเดิน เพราะทางค่อนข้างชัน ช่วงแรกต้องเดินข้ามน้ำตก ไปๆมาๆดอกหงอนนาค ระยะทางไม่ไกล เพียงแต่ว่าทางเป็นทางขึ้น ผ่านเนินสี่เนินที่ตั้งชื่อไว้ซะเก๋ เชียวว่า...เนินส่งญาติ ปราบเซียน เสือโคร่งและท้ายสุดเป็นเนินมรณะ เพราะทางเดินที่ชันแบบนี้ ก้อเลยต้องพักบ้าง เดินไปบ้างตลอดทาง ไม่เร่งรีบจนเกินไป ผ่านแก่งน้ำใหญ่ ป่าดึกดำบรรพ์ ไอหมอกที่ปกคลุมอยู่เกือบชั่วนาตาปี อากาศเริ่มเย็นขึ้นทุกที ก่อนที่จะเดินทางขึ้นสู่ยอดภูสอยดาว ในช่วงสุดท้าย จะได้เห็น ทิวทัศน์ของภูสอยดาวตัวจริงที่เป็นเขตแดนกั้นไทย-ลาว ทะมึนอยู่เบื้องหน้า จะเห็นน้ำตกสายเล็กๆ ราว 3 สาย ทิ้งตัวลงมาจากหน้าผาสูงของตัวภูสอยดาว เราจะเริ่มเห็นจุดชมวิวที่คล้ายคลึงกับภูชี้ฟ้า ทะเลภูเขาเบื้องล่างสวยจนอดถ่ายรูปไม่ได้ กัดฟันขึ้นไปจนถึงยอด แล้วเดินตามไปตามหลังแปอีกราว 1 กม. ก้อจะเจอที่พัก แต่ระหว่างทางเดินจะเริ่มตื่นตาตื่นใจกับพืชพรรณไม้ต่างๆ บ้างแล้วหละ เพราะมีทุ่งดอกหงอนหนาคชูช่อไสว ต้อนรับพวกเราก่อนเดินถึงที่พัก เอาไว้เดินท่องกันพรุ่งนี้ดีกว่า ไปตั้งแคมป์ ผูกเปลอยู่กลางป่าสน ริมธารน้ำ กลางทุ่งดอกไม้ นอนฟังเสียงลมล้อสนดังขับกล่อมก่อนหนึ่งคืน กว่าจะผ่านพ้นคืนแรกไป ก้อมีเรื่องราวที่ทำให้พวกเราหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เพราะว่าพี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานคนหนึ่งไม่สบายมาก มีอาการหัวใจวาย พวกเรารีบหาคนที่เป็นพยาบาลไปช่วยดูอาการ ปั๊มหัวใจ.....สู้กับความตายและเวลา ระหว่างนั้น พวกเราที่เหลือพยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์บริการ ขอความช่วยเหลือ แต่ในที่สุดเราก้อต้องปล่อยพี่เค้าให้จากไป.....

25 กันยา 42


เช้าแล้วสินะ เสียดายที่พระอาทิตย์ขึ้นของที่นี่ไม่มีมุมมอง เราเลยให้ตื่นกันตามสบาย ราว 7-8 โมง เราทานข้าวเช้ากันก่อน ทีนี้ก้อเตรียมตัวออกท่องภูสอยดาวกันได้ เริ่มจากไปเที่ยวน้ำตกก่อนเลย เป็นน้ำตกที่อยู่ในเขตลาว อย่าถามว่าใหญ่มั้ย แต่ให้ถามว่าประทับใจหรือเปล่า เพราะเคยขึ้นปกหนังสือมาแล้ว น้ำตกมีหลายชั้น ลื่นมากด้วยเพราะมีตะไคร่ขึ้นเขียวครึ้ม สมชื่อ"น้ำตกมอส" เราเองยังลื่นไปครั้งหนึ่ง เปียกไปครึ่งตัวแต่มันส์ เมเปิ้ลกำลังใบแดงงามไม่แพ้ภูกระดึง ปีนน้ำตกขึ้นมาจนถึงชั้นบนแบบทุลักทุเล ก้อจะเจอทุ่งดอกไม้นานาชนิดหายเหนื่อยไปเลย ทุ่งดอกไม้..ทั้งหงอนนาค กระดุมเงิน บางส่วน ส่วนที่มีมากก้อคือดอกไม้สีชมพู และดอกไม้สีเหลือง ดอกเศวตฉัตร สีม่วงออกเป็นดงแข่งกับหงอนนาคที่โย้ไปมาตามลม ป่าสนที่สวยไม่น้อยหน้าภูกระดึง หรือทุ่งโนนสน นับพื้นที่ 3000 กว่าไร่ ทุ่งหญ้าสีทอง ออกท่องไปตามหน้าผาต่างๆบนภู แต่ละมุมแต่ละแห่งนั้นสวยเชียวแหละ ทั้งวันเราออกท่องทุ่งดอกไม้จนทั่วหลังแปบนภู ถ่ายรูปให้เพลิน รับรองว่าไม่ผิดหวัง ก้อเพราะที่กว้างขวางแบบนี้แหละทำให้พวกเราหลงทางกับเพื่อนๆ เดินหาทางกลับจนเกือบหลงไปเขตลาวซะแล้ว อิ อิ กลับมาเล่นน้ำตกที่แคมป์พัก อาบน้ำซะก่อนที่จะอาบไม่ไหว เพราะความหนาว....บรืออ... ก่อนที่จะยกขบวนไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก และกลับมานอนค้างแค้มป์พักที่กลางทุ่งดอกไม้ สานน้าตกและป่าสนจุดเดิม แค้มป์ไฟน้อยๆ เพลินเชียวหละ......

26 กันยา 42


ตื่นเช้ามา เก็บของเตรียมอำลาความงามบนภูสอยดาว สายๆ จึงเริ่มเดินลงภูมาตามทางขาขึ้น ลงมาถึงตีนภูราวบ่ายโมงได้ ฝนตกซะด้วยเปียกมอมแมมเชียว อาบน้ำตกกันอีกคราว ประทับรอยความทรงจำดีดี กับสถานที่นี้และเพื่อนร่วมทางไว้ แวะไปทำบุญให้พี่ที่จากไป..... เดินทางเข้าอุตรดิตถ์ มาทานข้าวพร้อมกัน เป็นมื้อที่หรูที่สุดในทริปนี้ ขึ้นรถกลับกรุงเทพ มาถึง ตีสอง ของวันที่ 27 ค่ะ

 

กลับไปหน้าแรก
1