นิทรรศการ วิชวลโพม
บทที่ ๒ 
Visual Poems Chapter 2 Exhibition 
17 - 22 สิงหาคม 2545 
ชั้นล่างอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา 
     
 
Visual Poetry
งาน Visual และ Concrete Poetry เริ่มได้รับความสนใจในช่วงทศวรรษ 50 ในแถบยุโรปและละตินอเมริกา เป็นงานที่เล่นกับภาษา ทั้งในแง่รูปลักษณ์ เสียงที่เกิดจากการอ่าน ภาพของภาษาที่ถูกลดทอนจนเป็นวัตถุดิบชิ้นหนึ่งของตัวงาน ( ไม่ต่างจาก สี ปูนพลาสเตอร์ หรือวัสดุอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบของตัวงาน ) แม้กระทั่ง 'ที่ว่าง' ระหว่างบรรทัด ลบความคุ้นชินต่อรูปแบบของภาษาที่มีอยู่ เช่น การอ่านจากซ้ายไปขวา การทำลายสัญญะเดิมๆ ทั้งในแง่รูปสัญญะ และความหมายสัญญะ ไม่สนใจอุปมาอุปมัย โครงสร้าง ไวยากรณ์ ความต่อเนื่อง แรงกระทบ และหน้าที่เดิมของภาษา ซึ่งก่อให้เกิดมโนทัศน์ใหม่ต่อภาษาที่เราเคยชิน และแจกแจงความหมายใหม่ขึ้นมา โดยผู้เสพ และผู้สร้างเองไม่มีลักษณะตายตัว สลับตำแหน่งกันได้ตลอดเวลา ผู้เสพสามารถสร้างตัวบทใหม่ขึ้นมาผ่านการเสพของตนได้เสมอโดยไม่มีจุดสิ้นสุด เนเดียวกับผู้สร้างที่แปรเป็นผู้เสพในเวลาเดียวกันได้ทุกครั้ง
ในทศวรรษที่ 50 ยังคงมีความสับสนในการเรียกงาน Visual Poem และ Concrete Poetry ในแง่ที่มองภาษา-ตัวอักษรเป็นวัสดุหัวใจของชิ้นงาน ส่วน Visual Poetry มุ่งเน้นและตรวจสอบตัวบท โดยมองตัวบทและการปฏิบัติต่อตัวบทเป็นองค์ประกอบหลักของงาน ปลดปล่อยรูปสัญญะให้เป็นอิสระจากความหมายสัญญะเดิมที่ดำรงอยู่ แล้วล่องลอย พลิ้วไปอย่างไม่จบสิ้น ไร้จุดอ้างอิง
หาก Concrete Poetry สร้างความรู้สึกตระหนักอย่างแปลกใหม่ของเราต่อภาษา Visual Poetry มุ่งที่จะสร้างปฏิบัติการขั้นต่อไปหลังการรับรู้อย่างใหม่ การปฏิบัติการที่ว่าไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำในเชิงรูปธรรม แต่รวมถึงนามธรรมในระดับใต้จิตสำนึก
สำหรับผู้เขียนเองแล้วมองไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องแยกแขนงออกไปอีกมากมายซึ่งคาบเกี่ยวเหลื่อมล่ำกันเช่น Sound Poetry, Mail Art, Conceptual Art, Happenning Art, Collage Art และอีกมากมาย แม้กระทั้ง Senses Poetry ซึ่งยังไม่มีใครทำ (ผู้เขียนนิยามคำคำนี้ขึ้นมาเอง เพราะเคยคิดจะสร้างงานที่เล่นกับภาษาโดยใช้การรับรู้ด้วยผัสสะอื่นๆ นอกจากตาและหูแล้วเช่น การสัมผัส การดมกลิ่น หรือแม้แต่การรับรู้รสชาติผ่านลิ้น!!) กระนั้นก็ตามหลังจากได้ผ่านการติดตามงาน Visual Poem มาได้สักระยะหนึ่ง ผู้เขียนก็พอจะมองลักษณะรวมๆ ของความเป็น Visual Poetry ได้พอคร่าวๆ ดังข้างล่างนี้

- มุ่งปรับ-แปรขณะเดียวกันก็ลบล้างเส้นแบ่งต่างๆ ของศิลปะพร้อมกับสร้างความหมายใหม่ของความเป็นศิลปะและวรรณกรรม
- เป็นปฏิสัมพันธ์และเกี่ยวโยงกับประสบการณ์-สภาวะจิตใจของปัจเจกที่มีต่อสังคมซึ่งหลากล้นข้อมูลข่าวสาร และการเกิดอันคลาดคล่ำของเทคโนโลยีสารสนเทศ (วีดีโอ คอมพิวเตอร์ ภาพยนตร์ ภาพถ่าย ดนตรี และอื่นๆ)
- ไม่เน้นหรือให้ความสำคัญกับความเป็นผู้สร้างหรือผู้ผลิต แต่กลับเทน้ำหนักให้กับผู้เสพและมองผู้เสพเป็นผู้สร้างได้ในเวลาเดียวกัน โดยให้อิสระแก่ผู้เสพอย่างเต็มที่
- พยายามสร้างแบบจำลองอย่างใหม่ของการสื่อสาร ความเป็นตัวบท โดยลดบาทบาทของภาษาลง
- ไม่มีกฎเกณฑ์ในลักษณะงานหรือกรอบการทำงานที่ตายตัวสามารถใช้สื่ออย่างใดอย่างหนึ่งหรือผสมผสานกันก็ได้
- เปิดรับทุกๆ แนวคิด ไม่เน้นแก่น (Theme) เรื่องใดเรื่องหนึ่งแน่ชัด
- ปฏิเสธเส้นแบ่งระหว่างศิลปะชั้นสูงกับศิลปะมวลชน ไม่เชื่อในคุณค่าที่ถูกมองว่าเป็นอมตะของศิลปะ
- ตั้งข้อสงสัยต่อทุกๆ มโนทัศน์ที่ดำรงอยู่ โดยมองสิ่งเหล่านั้นว่าเป็นเพียงมโนทัศน์ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเท่านั้น

 
     
 

งานนิทรรศการวิชวลโพมส์ : บทที่สอง


แนวความคิดและแรงจูงใจ

นับจากจ่าง แซ่ตั้ง งานศิลปะแนววรรณรูป (หรือ Concrete Poetry ซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของงานวิชวลโพมส์ทั้งหมด) แทบไม่เคยได้รับการถูกหยิบยกมาพิจารณา หรือมีผู้สานต่ออีกเลย แนวทางของงานจึงหยุดนิ่งและถูกมองว่ามีลักษณะเฉพาะอันคาดหมายได้ และหลายๆ ครั้งก็ถูกสรุปว่าเป็นนามธรรมเกินไปจนขาดความรื่นรมย์ ประหนึ่งว่า เป็นงานศิลปะแนวใหม่แขนงหนึ่งที่ได้รับการกรุยทางไปแล้ว และถูกสำรวจอย่างละเอียดโดยจ่าง แซ่ตั้ง จนไม่เหลือที่ว่างใสห้กับผู้ที่ตามมาทีหลังได้แตกยอดขยายพื้นที่ได้อีเลย ราวกับเป็นทางตันและไร้ประโยชน์ที่จะเข้าไปค้นหาอีก จนกลายเป็นแขนงของศิลปะถูกแช่แข็งเอาไว้ แน่นิ่งขาดความต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรมนับระยะเวลาร่วมสามสิบปี ซึ่งพวกเราเชื่อว่าปรากฎการณ์เช่นนั้นคงมิใช่เจตนารมย์อันแท้จริงของผู้สร้างสรรค์อย่างจริงจังเป็นคนแรกในเมืองไทย ทั้งที่ภาษากลับเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด
ท่ามกลางความดกดื่นของข้อมูลข่าวสาร การผลิตซ้ำของอุตสาหกรรมทุกแขนง และการพัฒนาในเชิงปริมาณอันไม่รู้จบของการผลิตสินค้าสารสนเทศ แนวคิดและมุมมองใหม่ๆ ต่อสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราได้ถือกำเนิดขึ้น โดยเฉพาะความเคลือบแคลงที่นับวันจะเพิ่มทวีขึ้นต่อสิ่งที่ถูกม่องว่ามีลักษณะอันเป็น "สากล" ภาษาก็เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญที่สุดที่ถูกตรวจสอบ มุมมองที่มีต่อมันได้ถูกแปรเปลี่ยนไป ความขรึมขลังทอนจางลง ภาพตัวแทนที่ภาษาพยายามนำเสนอกำลังถูกตั้งข้อสงสัย ขีดจำกัดของภาษาเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้น หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ภาษามีธรรมชาติที่ไร้ระเบียบและไม่มีเสถียรภาพ และโดยเฉพาะในความเป็นจริงที่ว่า ภาษาถูกใช้เพื่อบัญญัติให้สิ่งต่างๆ มีลักษณะตายตัวด้านฝังรากในมุโนทัศน์ของเรานำไปสู่การปิดกั้นทางความคิด แนวคิดและมุมมองดังกล่าวได้มีอิทธิพลแทรกซึมไปถึงศิลปะแขนงต่างๆ มากมาย อาทิ ดนตรี ภาพยนตร์ งานละคร ฯลฯ แน่นอนรวมถึงวรรณกรรม และบทกวี
คงเป็นเรื่องยากและขัดแย้งในตัวเองหากต้องอรรถาอธิบายว่าอะไรคือวิชวลโพมส์ เพราะการนิยามอย่างไรเสียก็ยังคงจำเป็นต้องใช้ภาษา อยู่ในกรอบล้อมของภาษา และเท่ากับเป็นการสร้างเส้นแบ่งสร้างลักษณะอันผ่านขบวนการจำแนกแยกแยะอันก่อให้เกิดการปิดกั้นข้าพเจ้าและทีมงานมีจุดมุ่งหมายเพียงทำมันขึ้นมา โดยปราศจากจุดมุ่งหมายในการสั้นคลอนหรือท้าทายสิ่งใดเพียงต้องการสานต่องานศิลปะแขนงนี้ด้วยความชอบส่วนตัวเพียงแต่ระยะเวลา สถานการณ์และอิทธิพลของแนวคิดและมุมมองต่างๆ ที่เกิดขึ้นนับจากสามสิบปีที่แล้วได้เปลี่ยนไป แรงจูงใจที่ทำให้ข้าพเจ้าและทีมงานสร้างงานเหล่านี้จึงเปลี่ยนไปจากความชื่นชมในความงานของภาษา สู่ความรู้สึกปั่นป่วน เฉื่อยชา และความพร่าเลือนของสารที่ภาษานำเสนอ กระทั่งรวมถึงระบบและรูปแบบของตัวภาษาเอง สิ่งที่พวกเราอาจพอจะทำได้ ก็เช่นเดียวกับคำพูดของ วิคเตอร์ ชลอฟสกี้ ที่เคยกล่าวไว้ว่า "หน้าที่ของศิลปะที่สำคัญอย่างหนึ่ง ก็คือ กระตุ้นการรับรู้ที่ตายตัวตายด้านของเราให้ตื่นขึ้น เพื่อให้กระแสรับรู้ของชีวิตกลับฟื้นขึ้น ให้รับรู้ถึงความแข็งของก้อนหิน กระบวนการของศิลปะคือกระบวนการในการทำให้เราแปลกแยกต่อสิ่งต่างๆ เพื่อนำไปสู่การมองแบบใหม่อย่างตรวจสอบและรู้เท่าทัน"
ด้วยการสร้างความคุมเครือ ความผันแปร บิดพลิ้ว ต่อภาษา ข้าพเจ้าและทีมงานต้องการนำเสนอความรู้สึกที่ตนเองและทีมงานเคลือบแคลงต่อความขลืมขลังอลังการ์ของภาษา ความไร้ชีวิตที่ตายตัวต่อสิ่งที่มันพูดถึง และหวังว่าจะสร้างแรงกระเพื่อมเล็กๆ น้อยๆ ต่อสิ่งที่ถูกมองอย่างค่อนข้างแข็งทื่อด้วยภาษาและรวมถึงตัวรูปแบบของภาษาเองมาตลอด และเพื่อเป็นการสานต่องานของ จ่าง แซ่ตั้ง เสมือนหนึ่งเป็นการผลักประตูให้ค่อยๆ เขยื้อนเปิดอีกทีละเล็กละน้อย หลังจากถูกปิดตายมานานร่วมสามสิบปี ข้าพเจ้าและทีมงานเชื่อว่ายังมีเนื้อที่อีกนับไม่ถ้วนหลังประตูบานนี้ ให้เราได้สำรวจและสร้างสรรค์ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่จะเข้ามาสานต่อศิลปะแขนงนี้ในอนาคต


 
     
   
 
ถ้าคุณมีงานที่ต้องการแสดงบนเวป-ไม่ว่าจะงานประเภทไหน-กรุณาติดต่อ
ภาพบรรยากาศจากงาน Visual Poems Chapter 2 - click -
contact us : maosee@thailand.com  
 
 

1