กำเนิดปราณ

ปัจจุบัน ขณะที่กระแสดนตรีในประเทศไทยมุ่งไปในด้านธุรกิจเป็นหลัก ภาพลักษณ์ของดนตรีที่นำเสนอต่อสาธารณชนโดยค่ายเพลงต่างต่าง มุ่งนำเสนอ ดารา,นางแบบ, นายแบบ หรือคนที่มีชื่อเสียง เพื่อผลทางการค้าซึ่งคงเป็นรูปแบบที่การันตีต่อการจำหน่ายไปได้อีกนาน

ขณะเดียวกันในอีกทิศทางหนึ่ง, แนวดนตรี "Alternative" ก็เริ่มเข้าจับตลาด นี่คือสิ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาดนตรีที่หันมายอมรับสไตล์กันมากขึ้น จากแต่เดิมมองกันที่พรีเซ็นเตอร์ หากกระแสทางการเสพดนตรีมีการเจือจานในทิศทางนี้ คนดนตรีคงจะสามารถผลิตงานดนตรีเพื่อสนองความต้องการของคนเสพดนตรีอย่างแท้จริงได้มากขึ้น เราอาจจะคาดการณ์ได้ว่า ดนตรีที่นำเสนอโดยเน้นภาพลักษณ์ของพรีเซ็นเตอร์ชูโรงนั้น จะจัดตัวเองเข้าอยู่ในสัดส่วนหนึ่งโดยเฉพาะเนื่องจากดนตรีที่คอยขับเคลื่อนตัวพรีเซ็นเตอร์นั้นมักมีอยู่ในวงจำกัดไม่หลากหลาย

"ปราณ" เกิดจากการประสานสามลมหายใจดนตรี เพื่อรังสรรค์ ผลงานร่วมกันในแนวดนตรี ซึ่งพอจะจำแนกได้ว่า คือแนวดนตรีแบบ CONTEMPOLARY ROCK ลักษณะสมบัติ ของแนวดนตรี ประเภทนี้คือ ความหลากหลายโดยประสมประสานดนตรี CLASSIC , JAZZ , FUSION , POP, ดนตรีไทยเดิม เป็นอาทิ เข้า ด้วยกันบนพื้นฐานของดนตรี ROCK

ลมหายใจที่หนึ่งแห่งปราณ , นันทพล สุทธิปัญโญ มีประสบการณ์ทางดนตรีเริ่มจากการเล่นกีตาร์เมื่อศึกษาอยู่ที่ รร.เตรียมอุดมศึกษา และที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยศึกษาทฤษฎีดนตรี CLASSIC จาก อ.ศักดิ์ชาย เล็กวงศ์เดิม และทฤษฎีดนตรี JAZZ จาก อ.อานนท์ ศิริสมบัติวัฒนา ที่ รร.ดนตรีศศิลิยะ ปัจจุบันนอกจากประกอบอาชีพหลักเป็นวิศวกร ยังมีงานสอนทฤษฎีดนตรีที่ อานนท์การดนตรี และที่ศศิลิยะด้วย และมีงานเขียนคอลัมน์ ทฤษฎีดนตรี ในนิตยสาร QUIET STORM (ในคอลัมน์ของ อ.อานนท์ ) อิทธิพลทางดนตรีเกิดจากการสั่งสมการฟังงานดนตรีทุกประเภททั้งไทยและต่างประเทศ โดยมีศิลปินที่ชื่นชอบเช่น YES, RUSH, ALAN PARSONS, JEFF BECK, เอกรงค์

ลมหายใจที่สองแห่งปราณ , อรรถพร หาญวานิช ปัจจุบันมีอาชีพหลักเป็นวิศวกรโครงสร้าง และกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ด้านวิศวกรรมโครงสร้างที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในช่วงท้ายของการศึกษาระดับปริญญาตรีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยมีผลงานดนตรีกับเพื่อนร่วมรุ่นในนามของกลุ่มดนตรี "จินตา" ในสังกัด EMI ด้วยการเขียนเนื้อร้องเพลง "ไอน้ำ" และเพลง "บนเส้นลวด" ซึ่งเป็นไตเติ้ลแทรคของอัลบั้ม งานดนตรีที่สนใจติดตามส่วนใหญ่เป็นงาน GUITAR SOLOIST และศิลปินที่โปรดปรานที่สุดคือท่าน JOHN McLAUGHLIN

ลมหายใจที่สามแห่งปราณ , ฐิติรัตน์ รัตนจรัสโรจน์ ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโท ด้านปรัชญา ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความชื่นชอบในดนตรีและบทกลอน และชอบแต่งเพลงมาตั้งแต่เด็ก กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีแรกที่เล่นเพื่อเอาไปใช้ในเพลงที่แต่งขึ้นเอง เมื่ออายุ 15 เริ่มสนใจเครื่องดนตรีอื่นอื่น จนในที่สุดตกลงใจที่จะเลือกเล่นไวโอลิน มีความคิดว่าดนตรีเป็นภาษาแห่งความรู้สึก และงานดนตรีที่สนใจได้แก่ CLASSIC,BALLAD POPS ศิลปินคนโปรดเช่น ANDREW LLOYD WEBBER, ครูเอื้อ สุนทรสนาน, YEHUDI MENUHIN, DVORAK, ERIC JOHNSON ,NIRVANA และ นันทิดา แก้วบัวสาย

1. ปราณ แบ่งเป็น 2 ภาค (Movement) :-
โหมโรง เป็นดนตรีบรรเลงสั้น ๆ เหมือนเป็นการเปิดประตูเข้าสู่เพลงอื่น ๆ ในอัลบั้ม สีสันออกไปทาง Symphonic Rock จะสร้าง main theme ขึ้นมาสั้น ๆ ซึ่งจะไปปรากฏอีกทีตอนภาค "ลาโรง"
ปราณ เป็นเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับปรัชญา การแสวงหาสู่การค้นพบในช่วงชีวิต ดนตรีหนักขึ้น ผสมผสานระหว่าง Progressive Metal - Classical Rock คงจะให้ เขียด มาเล่นกีตาร์เสริมอีกแนวหนึ่ง

2. ปณิธาน เป็นเพลงบรรเลงที่มีสีสันออกไปทาง Classical - Neoclassical Rock เน้นการจัดเรียง movement แต่ละท่อนซึ่งจะใช้กลุ่มเครื่องดนตรีหลากหลายกันไป ช่วงท้ายจะเป็นการ improvisation ใน Rock style ในลักษณะของการ Jam ซึ่งคงจะมีเขียด มาเป็น Guest อีก

3. ตะวัน เป็นเพลงร้องที่เน้นการผสม(Fusion) แนวดนตรีต่าง ๆ มารวมกัน ตั้งแต่ Classical Rock รุ่นโบราณ ค่อย ๆ หนักขึ้น Double Feel ขึ้นมา จนช่วงกลางผสมเครื่องเป่าแบบ fanfare แล้วใช้ลักษณะการเรียบเรียงดนตรีแบบ Swing Big Band มาใช้ร่วมกับดนตรี Rock จนสุดท้ายเป็นท่อนสรุป ดนตรีลดลงมาเหลือเพียงเสียง synth. บางๆ และการประสานเสียงแบบ choir เนื้อหากล่าวถึงสัจธรรมที่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอนัตตา ไม่พึงยึดติด

4. แด่เธอ เป็นเพลง Ballad (ร้อง) หวาน ๆ ช่วงแรกเป็น Piano เดี่ยว ๆ คลอเสียงร้องแล้วมาเพิ่มเสียง Guitar Synth. จนค่อย ๆ หนักขึ้นตามลำดับ ถึงช่วงกลางให้ violin solo เดี่ยว ก่อนเข้าช่วงท้ายที่ Rhythm หนัก ๆ ขัด ๆ ออก funky นิดหน่อยแล้วจบ

5. ย่ำวน เพลงนี้สีสันแปลกที่สุดในอัลบั้ม เพราะจะทำเป็น swing แบบ Big Band จริง ๆ โดยคิดไว้ว่าช่วงแรกจะ set ให้ดนตรีบาง ๆ โดยอาจมีเพียง Gtr. ,Acoustic Bass (โดย เอ๋) และ Drums บาง ๆ แล้ว ค่อย ๆ สอดใส่กลุ่ม Brass,Woodwind เข้ามา ซึ่งถ้าเวลาอัดจริงได้ใช้เครื่องจริงทั้งหมดก็จะดีมาก พอถึงช่วงกลางให้ อ.อานนท์ Solo ได้เต็มที่ แล้วใช้กลุ่มเครื่องเป่าเป็น accompaniment ตลอด อาจทำให้สีสันแปลกออกไปโดยใช้ Dist. Gtr. เล่น Jazz Chord ให้มีกลิ่นของ Alternative นิดหน่อย

6. ดวงประทีป เพลงธรรมะที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นมาลัยสักการะแด่ท่านพุทธทาส เนื่องจากเป็นการเขียนให้เนื้อนำทำนอง melody จึงอ่อนมาก ออกไปทางเพลงเพื่อชีวิต จึงทดลองให้พี่แตงลองไปทำกีตาร์แบบ fingering style ดู ถ้า work ก็คงจะใช้ acoustic gtr. background ด้วยเสียง synth strings ลอย ๆ แบบ New Age แล้วใช้ chorus ช่วยเสียงร้อง ให้ tone ออกเทา ๆ ซึม ๆง่วง ๆ...

7. ขับไม้บัณเฑาะว์ เพลงไทยเดิมที่เอามาทำใหม่ให้มีสีสันออก Rock มัน ๆ ปน Fusion และ Classic เพลงนี้จะเน้นการเรียบเรียงให้กับกลุ่มเครื่องต่าง ๆ (Strings,Brass,Guitar) คล้าย ๆ ปณิธาน แต่จะเพิ่มสีสันในแบบ Fusion Jazz เข้าไป และให้มีช่วง violin variation เป็น movement ช้า ๆ เศร้า ๆ อยู่ช่วงกลางก่อนขึ้นมาหนักหน่วงจนจบ

8. ???

9. .... + ลาโรง เพลงนี้จะเป็น Climax เป็นบทสรุปทั้งหมดของอัลบั้ม ซึ่งเรามี concept หลักอยู่ที่การแสวงหาสัจจะแห่งธรรมชาติ ความเป็นจริงของชีวิตอันเป็น ธรรมะที่เป็นจริงในทุกสรรพสิ่ง (ไม่เฉพาะแต่ในพุทธศาสน์) จะแบ่งเป็น 4 movement หลัก ๆ คือ
(Star) - พูดถึงการแสวงหาออกไปไกลโพ้นถึงดวงดาว ถึงสุดราวฟ้า เพื่อค้นหาความเป็นจริงแห่งจักรวาล จะเป็นดนตรีแบบ Progressive Metal หนัก ๆ ร้องโดย นันทพล
(Spirit) - พูดถึงการแสวงหาภาวะต่างๆ ภายในจิตใจตนเอง การค้นหาเพื่อเอาชนะความกลัว,ความไม่รู้ต่าง ๆ ในตัวตน อันเป็นหนทางแห่งปัญญา จะเป็นดนตรีบาง ๆ ลอย ๆ แบบ New Age ปนๆ Progressive ร้องโดย ฐิติรัตน์
(Conclusion) - เป็นบทสรุปจาก 2 movement แรก ก็แล้วแต่ว่าจะมองในแง่มุมไหน อาจจะมองว่าคนเรามัวแต่ค้นหาแต่สิ่งไกลตัวจนลืมทำความรู้จักตัวเองไปหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นแง่มุมอื่นๆ ต่างไปจากนี้ก็แล้วแต่ movement นี้ ร้องโดย อรรถพร ส่วนดนตรี อยากทำให้ออก Progressive Rock ไม่ให้หนักมากไปกว่าภาค star แต่ต้องหนักกว่าภาค spirit แต่จะเน้นความสลับซับซ้อนมากขึ้น
ลาโรง - ดนตรีบรรเลงปิดอัลบั้ม ก็จะเอา main theme จากภาค โหมโรงมาเรียบเรียงใช้ใหม่อีกครั้งสั้น ๆ สื่อความหมายเปรียบเสมือนกงล้อแห่งวัฏสงสารที่เคลื่อนเวียนมาบรรจบจุดเริ่มต้น อีกวาระ หนึ่ง.....