"โถเอ๋ย...พี่ ปล่อยให้น้องตามหาตั้งนาน ผมน่ะมาเรียกพี่ช่องนี้ตั้งหลายหนแล้วนะ ไปตามพี่ช่องข้างล่างก็ไม่เจอ
"เซ็งอะไรกันนักหนา ผมกำลังรอคอลซายน์ใกล้จะได้แล้ว ขืนพี่เลิกเล่นไปผมจะคิวเอสโอกะใครล่ะ"
"อ้าว...เห็นผมขี้หลีไปได้ พีน๊อกคลีโอนะไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพียงแต่ได้ยินเสียงหวานๆ แว่วเข้ามาทาง ว. ก็อด
"โธ่พี่! คนน่ะ..ไม่ใช่แมว ของอย่างนี้มันไม่เคยต้องลองเจอดูก่อนซิไม่งั้นจะเรียกว่าประสบการณ์ได้ไงจริงไหม
"มันเป็นยังไงไหนเล่าให้ฟังหน่อยซิพี่ ผมกะว่าได้ทูมิเตอร์แล้วจะไปสมัครอยู่เชียว บ้านผมก็อยู่แถวนี้ ไม่รู้ว่าจะไป
"โฮเต็ลเซียร่าอะไรของพี่เนี่ยเก่าไปแล้ว เดี๋ยวนี้มันต้อง เอ็ค-โค-ทู ต่างหาก ถึงจะทันสมัยหน่อย ว่าแต่พี่เถอะเบื่อ
"เป็นอะไรขนาดนั้น มามะ!ผมเล่นเพลงให้ฟังแก้เซ็งกีต้าร์ตัวเก่งอยู่นี่แล้ว"
"อะไรของพี่ ควาย...เรือ...ม้า ฟังแล้ว งง"
"อ๋อ ว.2 ว.8 แล้วพี่ ทีแรกนึกว่าเป็นศัพท์ใหม่ ว่าแต่ว่า....พี่มีอารมณ์เล่าให้ผมฟังหรือยังเนี่ยะว่า ทำไมเบื่อวงการนี้
"การที่คนแต่ละคนนั้นมาจากหลายสาขาอาชีพหลายวัยและหลากหลายรูปแบบ บ้านอยู่ใกล้ๆ กัน
"บางครั้ง ความเหงาโดดเดี่ยวหรือการว่างงานเนี่ย ก็เป็นเหตุผลหนึ่งในการรวมกลุ่ม บางคนถึงกับเฝ้า
"เหตุการณ์ผ่านไปสรรพนามแทนตัวเพื่อนคำว่า `ท่าน' ที่ใช้เรียกกันในความถี่ก็เอามาเรียกกันข้างนอก
"ที่เห็นกันมากก็พวกที่ชอบพกวิทยุแนบเอวเอาไว้อวดชาวบ้านกลัวไม่มีใครเห็น พวกที่รวมหัวกันในช่อง
"ใช่. ใช่. ผมเคยไปขอคุยด้วยหน่อยเดียว แหม...ไล่ผมยังกะหมูกะหมา" เจ้าหนุ่มพีน๊อกคลีโอรีบเสริม
"พูดไปแล้วมันก็น่าน้อยใจนะพี่ พวกนี้บางทีเห็นพวกเราหน้าใหม่ๆ เป็นตัวประหลาด"
"โถ...เล่าต่อเถอะพี่ โทษที"
"ไอ้พวกที่คุยกันทั้งคืน คุยกันเป็นชั่วโมง ไม่รู้คุยอะไรกันนักหนา เรื่องราวที่คุยกันนั้นมีแก่นสารอะไรบ้าง
"พวกที่คุยกันแต่ในความถี่มากนานแสนนาน ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าตากัน พอเจอกันปั๊บ ก็ทำเป็นขี่ เอ๊ย!
"ความสนิทสนมที่เกิดขึ้นจนลืมตัว ความที่คบกันอย่างสนิทสนม กินเที่ยวด้วยกัน เฮไหนเฮนั่น ซึ่งแท้ที่
"การหลอกใช้เพื่อนนักวิทยุให้ทำงานเป็นเรื่องธรรมดา คนที่ใช้งานไม่ได้ก็โดนเขี่ยตกความถี่ เสร็จแล้วก็
"เวลาผ่านไป เขี้ยวเล็บแต่ละคนงอกออกมาทีละน้อย การยืมของเพื่อนแล้วไม่คืนเป็นเรื่องธรรมดา
"แฮ่...แฮ่"
"เพื่อนที่เคยคบด้วยบางคนมีเหตุต้องเสียหายหรืออับอายในเรื่องใดก็ตาม แทนที่จะช่วยเหลือหรือปลอบใจ
"เพื่อนเพื่อนบางคนไปทำธุระในที่ต่างๆ ก็มักจะใช้วิทยุเรียกให้ซื้อสิ่งละอันพันละน้อย ทำเหมือนเขาเป็น
"บางคนยิ่งแย่ ใช้เพื่อนให้ปืนเสาหรือทาวเวอร์ให้เป็นวันวัน เมื่อเสร็จงานแล้ว กลับตบไหล่เบาเบาพูด
"บางคนเป็นถึงผู้บริหารกลุ่มหรือเรียกตัวเองเสีย โก้หรูว่าเป็นกรรมการชมรมน้อยใหญ่แต่ละคนกลับ
"บรรดากลุ่มคนบางคนที่พวกพ้องเลือกให้เป็นกรรมการ กลับไม่เคยทำหน้าที่เลยก็มี ตอนประชุมก็
"คนในกลุ่มบางจำพวกมีนิสัยเห็นแก่ตัวเป็นทุน อาศัยเพื่อนๆ ที่ไม่เคยสงสัยระแวงในตัวเขาเอง หลอก
"และเพื่อนบางคนเพียงแต่ไปคุยในช่องความถี่อื่นเท่านั้น คนในช่องบางคนกลับเห็นว่าเป็นคนนอกคอก
"ใช่ว่าจะมีแต่เฉพาะกลุ่มคนพวกนี้จะมีมากมายในช่องความถี่เสมอไปนะ แต่คนดีๆ คนที่มีสามัญสำนึก
"และส่วนมากหลายต่อหลายคนก็มักจะหดหู่ใจทนต่อพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ไหว สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในขณะนั้น
"ทั้งหมดที่ข้าพูดมาเนี่ยะ ครั้งนั้นเคยเป็นกลุ่มที่ช่องอื่นๆ รอบข้างเขาเอือมระอา ไม่มีใครเขาอยากที่จะ
"จนทุกวันนี้ความล่มสลายเริ่มขึ้นกับกลุ่มชมรมตามยถากรรมที่ก่อไว้ คนในชมรมแตกแยกกัน คนที่เห็น
ตอนแรกนึกว่าติด คิว-เอส-สะโออยู่ช่องวีอาร์ ที่ไหนได้แอบมานอนเสียนี่ ปล่อยให้เราตามหาเสียแทบแย่"
"ช่อง วี-อง วี-อาร์ อะไร เขาเลิกกันแล้ว ข้ากำลังเบื่อๆ เซ็งๆ ว่าจะงีบซะหน่อย เอ็งก็ดันตามมาเรียกอยู่ได้"
"อย่ามาทำพูดอ้อนไปเลยเจ้าพีน๊อกคลีโอ จ้อๆ อย่างเองเนี่ยนะ พอได้คอลซายน์แล้วขี้คร้านจะหาช่องคุย
ได้ไมค์ไม่มีว่างหรอก ไม่ต้องมาคุยกับข้าก็ได้ วาย.อง.วายแอล ถมเถไป"
ไม่ค่อยได้เท่านั้นแหละ"
"ลองไปเจอตัวจริงดูซิ เห็นเสียงหวานๆ อย่างงั้น เถอะ หน้ายังกะ... เออ..สักวันเอ็งคงจะรู้น่ะ"
ว่าแต่พี่เถอะเบื่อวีอาร์แล้วหรือไง เห็นพักนี้พูดเรื่องนี้ทีไรถอนหายใจกันจ้าละหวั่นทุกที"
"เออ! อั้ย...ชมรมโรบินฮู๊ดที่ข้าเคยสังกัดอยู่เนี่ย แแแหหหหหมมม...อย่าให้พูดเลย"
สมัครชมรมอื่นเพื่ออะไร อั้ย...ชมรมต้นน้ำ ที่ว่าดังๆ มันอยู่ไกลเหลือเกิน คนของเค้าก็มีตั้งเยอะแล้ว คุยกันคนละ
5 นาทีก็ครบรอบวันแล้ว เอ...ที่ผมฟังมาก็แปลกเหมือนกันนะ คนที่เป็นวีอาร์แล้วไม่ได้เป็นสมาชิกช่องไหนแล้วไป
คุยช่องนั้น ส่วนมากจะโดนเค้าบี้ตกความถี่ตั้งแต่ขอคอนแทคแล้วละพี่"
"เอ็งนี่ก็แก่วีอาร์จัง ข้าบอกกี่ครั้งแล้วละ วีอาร์น่ะเค้าเลิกใช้กันแล้ว ของเรานะมันต้องเป็นโฮเต็ลเซียร่า
โว๊ย! วีอาร์น่ะมันเป็นสัญญาณเรียกขานของคนทางหมู่เกาะทะเลใต้โน่น"
ช่องนั้นแล้วกลับมาช่องบ้านเราอีกเหรอ เห็นตอนแรกพี่บอกให้ผมไปสอบซะ มันดีอย่างนั้นดีอย่างนู้น ทีผมไป
สอบมากะเค้าแล้ว พี่กลับมาเล่นวิทยุท้องถิ่นอีก ผมไม่ยอมนะ"
"ไม่กลับหรอก! ช่องไหน ช่องไหน ข้าก็ไม่กลับทั้งนั้น เบื่อ...เซ็งไอ้กล่องพูดได้เนี่ย"
"พอๆ ไม่เอาแล้ว ข้าละเบื๊อเบื่อ อยู่ช่องข้างล่างก็เจอแต่อั๊ยพวก ควาย-เรือ-ม้า ก็เกินพอแล้ว"
"คิว อาร์ เอ็ม ของข้าเนี่ยย่อสองชั้น เข้าใจยัง"
ถึงกับจะล้างมือในอ่างทองคำ.. เลยเชียว"
"เอา เอา . . . ไหนๆ ก็ไหนๆ เล่าก็เล่า เดี๋ยวต่อไปข้าเลิกเล่นแล้ว เอ็งจะได้รู้เรื่องราวกะเค้ามั่ง
เรื่องมันเริ่มต้นจาก....."
มาคุยกันในช่องความถี่เดียวกัน รวมตัวกัน และท้ายสุดก็ก่อตั้งเป็นกลุ่มหรือชมรมแบ่งพวกยึดครอง
ช่องความถี่ไว้ใช้งานส่วนตัวกันอย่างสนุกสนาน นับวันเมื่อมีสมาชิกหรือเพื่อนเพื่อนมากเข้า ก็เลยตั้ง
ทีมบริหารกลุ่มชนิดที่เรียกกันอย่างแทบเป็นทางการ"
ฟังโดยการเปิดเครื่องไว้ทั้งวันทั้งคืนนะเอ็ง ด้วยความอย่างรู้ว่าเพื่อนกำลังทำอะไรอยู่ หรือใครจะไปไหน
ฉันขอไปด้วยคนบางคนยอมอดหลับอดนอนเพื่อเพียงขอให้ข้าได้คุยวิทยุกลายเป็นเรื่องสนุก ดูได้จากปี
แรกๆ หากบ้านใครมีการนัดเจอกันหรือบ้านใครขึ้นเสาอากาศก็ต้องแห่กันไปเป็นโขยง ส่วนคนที่มีฝีมือ
ในทำสายอากาศเก่งๆ วันๆ หัวบันไดบ้านก็แทบจะไม่มีวันแห้ง"
ไม่รู้จักแยกแยะว่าใช้ในกรณีไหน ส่วนพวกที่ขับรถไปคุยไปจนบางครั้งเกิดอุบัติเหตุก็กลายเป็นเรื่อง
ขบขันในกลุ่ม รถของบางคนเต็มไปด้วยเสาวิทยุสายไฟโยงกันทั้งคันรถ บนหลังคาบ้านก็เต็มไปด้วย
เสาอากาศ ส่วนในบ้านแทบทุกห้องก็ต้องมีปลั้กต่อสายอากาศเอาไว้ไม่ให้ขาดการติดต่อ"
ที่จับจองไว้ส่วนตัว ก็มักจะไล่คนนอกที่จะมาใช้ความถี่ในช่องด้วยวาจาที่เสียๆ หายๆ อย่างสนุกสนาน
และในบางครั้งก็มักใช้คำพูดที่ไม่รื่นหูคุยกันในวงกลุ่มอย่างเป็นกันเองมากเกินไปจนน่าเกลียด สังคม
ภายนอกเขามีกิจกรรมอะไรก็มักจะไม่สนใจ บางครั้งนักวิทยุที่มาจากเขตอื่นขอครั้งใช้ความถี่บ้างกลับ
ไปหาว่าเขามาแย่งช่องของตัวเอง แปลกดีเหมือนกัน"
"เอ็งยังไม่มีคอลซายน์นี่ ดันทะลึ่งไปคุยกับเขานิ"
"เฮ้ย...เอ็งจะฟังต่อหรือเปล่า เสียจังหวะหมด" เสือเฒ่าเริ่มหัวเสีย
โอ๊ย...วันนี้ ฉันไปที่นั่นมาที่นี่มา เจอสากกะเบือ เรือรบ พบสารพัด รู้ก็รู้อยู่ว่าเล่ากัน 3 วัน 3 คืน ไม่รู้จัก
จบจักสิ้น จะโอ้อวดกันทำไมก็ไม่รู้"
ซี้กัน ไม่รู้จักหัวดำหัวหงอก แยกไม่ออกว่าชีวิตความเป็นจริงกับวิทยุเนี่ยะ มันคนละเรื่องกัน"
จริงเพื่อนคนนั้นแทบจะไม่รู้จักตื้นลึกหนาบางกันด้วยซ้ำ บางครั้งผู้ใหญ่กับเด็กเป็นเพื่อนกันไปโดย
ปริยาย หัวหงอกหัวดำไม่รู้ใครเป็นไคร"
เอามานินทาลับหลังกันอย่างสนุกปาก"
การเอารัดเอาเปรียบกันเริ่มเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว คำว่า `หักคอ' นั้นเริ่มเป็นรูปธรรม มีการเอาคุณสมบัติ
เด่นๆ ของเพื่อนบางคนมาเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ เช่น เพื่อนบางคนทำงานราชการ ก็วานให้
ช่วยในเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลให้เป็นต้น และบางคนถึงกับหน้าด้านมาเที่ยวขอสายอากาศเพื่อนอย่าง
หน้าไม่อาย ไม่รู้จักหัดทำเองหรืออย่างน้อยซื้อวัสดุไปทำกับเขาก็ยังดี เอ็งว่าจริงไหม"
กลับเอาความเจ็บปวดของเขามาเล่าต่อต่อกันฟังอย่างสนุกปาก และไม่มีการเหลียวแลเพื่อนคนนั้นอีกเลย
ขณะที่สมาชิกบางคนเป็นเพียงนักเรียนนักศึกษาหรือคนที่ไม่มีจุดเด่นอะไร กลับไม่พูดคุยด้วย เห็นเขาเป็น
เด็กหรือเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับความถี่เท่านั้น"
ขี้ข้าคนประเภทนี้มีเยอะ พอตัวเองไปไหนกลับไม่ออกอากาศแจ้งเพื่อนหายไปคนเดียว และบางประเภท
ยิ่งแย่เข้าไปอีก ฝากคนอื่นซื้อของจดรายการให้อย่างดิบดี พอเวลาได้ของมาแล้วมักจะไม่ยอมจ่ายเงิน
เบี้ยวไปดื้อๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเหมือนกัน"
แค่คำว่าขอบคุณเท่านั้น น้ำสักแก้วยังไม่มีให้กินเลย....ทุเรศ"
ทำเรื่องเลวร้ายเสียเองเช่น หลอกใช้สมาชิกในกลุ่มทำงานให้ตน บางคนถึงกลับยักยอกเอาเงินของ
ชมรมฯ ไปใช้ส่วนตัว แล้วก็ทำบัญชีหลอกเพื่อนอย่างหน้าด้านที่สุด"
ไม่มาคอยแต่นั่งนอนรอชาวบ้านเขามีกิจกรรมอะไร ชมรมมีจัดงานเมื่อไรจึงโผล่เข้ามาทันที บ้างก็
มางานเลี้ยงเพียงเพื่อหวังรอจับรางวัลชิงโชค รอลุ้นของฟรีเท่านั้น"
ใช้เป็นเครื่องมือเอารัดเอาเปรียบด้วยวิธีต่างๆ นานา จากนั้นก็ไปพูดลับหลังว่า "อ้าย หมอ นี่ โง่ จัง
หลอกใช้ได้ง่ายดี" ในทางกลับกัน หากวันหนึ่งหลอกใช้ไหว้วานไม่ได้ก็มักจะใส่ร้ายป้ายสีเพื่อนคนนั้น
อย่างเสียๆ หายๆ"
ทันที ก็คือนอกจากจะหวงช่องแล้วยังอิจฉาตาร้อนอีก"
ก็มักจะเป็นเพียงคนกลุ่มหนึ่งที่ยังเล่นวิทยุอยู่ รวมทั้งผู้ที่มอนิเตอร์ฟังอย่างเดียว พวกเขาเหล่านี้ก็แทบ
จะไม่มีสิทธิไม่มีเสียงข้างมากในการต่อรองหรือยับยั้ง หรือกำจัดความประพฤติดังกล่าวนี้ออกไปจาก
กิจการฯ ได้"
คือการถอนตัวอย่างสงบ เลิกร้างจากวงการไปอย่างท้อใจยิ่งนัก"
ร่วมเสวนาด้วยนักหรอกนะ"
แก่ได้จึงไม่มีใครคบด้วย คนที่เคยหลอกเพื่อนเวลาขอความช่วยเหลือใครก็ไม่มีใครแล จนกระทั่งร้างลา
กันไปในที่สุด ข้าก็รู้สึกเศร้าสลดใจกับโศกนาฏกรรมเหล่านี้อยู่เหมือน (สมน้ำหน้านะซิ)"
ใช่ว่า . . . มีไว้ เป็นสื่อสัมพันธภาพในการสร้างมิตรภาพที่ลึกซึ่ง โดยไม่ต้องมีความรับผิดชอบทาง
สำมัญสำนักด้วยการแยกแยะความอาวุโสระหว่างเด็กและผู้ใหญ่
ใช่ว่า . . . มีไว้ เพื่อหาเพื่อนคู่ใจคุยกันแก้เหงาปาก
ใช่ว่า . . . มีไว้ ใช้งานหรือเอาเปรียบเพื่อน
( บางครั้งก็ไม่ได้เอาเปรียบ แต่ "เอาก่อน" เพราะเอาก่อนมักจะ "ได้เปรียบ" )
ใช่ว่า . . . มีไว้ หลอกเพื่อนแต่ละคนกินเล็กกินน้อยไปวันๆ
ใช่ว่า . . . มีไว้ หาผลประโยชน์ใส่ตัวเองอย่างเมามัน
ใช่ว่า . . . มีไว้ ติดต่อกันระหว่างคู่รักหรือใช้กันเฉพาะเพื่อนที่สนิทสนม
เพียงแต่แวดวงกิจการวิทยุสมัครเล่นของเรานั้น มีไว้เพื่อจรรโลงจิตใจให้พวกเราชาวแฮมทั้งหลายสูงส่งขึ้น
และที่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ การพัฒนาตัวเองให้เป็นประโยชน์ต่อกิจการสังคมและสาธารณะกุศล จวบจนศึกษา
ค้นคว้าในศาสตร์เหล่านี้ เพื่อยกระดับฐานะการสื่อสารโทรคมนาคมให้ก้าวไกลไปยิ่งๆ ขึ้น.
"ซี คิว . . . ซีคิว . . . มีใครอยู่บ้างคะ รับส้มโอหน่อยซิ" เสียงหวานๆ ดังขึ้น
"พี่เสือ! เดี๋ยวแป๊บหนึ่งนะ ตอบบ...ซีคิวจ้าาาาาา มีอะไรให้พีน๊อกคลีโอรับใช้..เอ่ย!"
"ถุย! ไอ้กร๊วก ยังไม่ทันไรเลย เอาอีกแล้ว....เฮ้อ"