มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

ภาคหนึ่ง เจ้าหญิงแห่งทัพอสูรใหม่

เนฟเวอร์แลนด์เดือนสี่ปีที่ 997: ไฟในทรวงท่านผู้เฒ่า

ในเวลาใกล้เคียงกัน ณ แคว้นซิกโรดที่สองผู้กล้ากล่าวถึงนั่นเอง บทสนทนาเนื้อหาคล้ายกันก็กำลังถูกดำเนินไป

แคว้นซิกโรดตั้งอยู่บนที่ราบในตำแหน่งสำคัญทางไสยศาสตร์ รับอิทธิพลของการไหลของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นแห่งธรรมชาติอย่างเต็มที่ จัดเป็นหนึ่งในสี่แคว้นที่เจริญรุ่งเรืองด้วยวิทยาคม นอกจากแคว้นนี้แล้วก็ยังมีกาเรนา (แคว้นของรอยด์), มาเรียนรูจและเอ็กซ์ ล้วนเป็นศูนย์กลางของวิทยาการด้านเวทย์มนต์ของเนฟเวอร์แลนด์ หากสำหรับแคว้นสุดท้ายคือ เอ็กซ์นั้น นับแต่กองกำลังโดมเข้าสถาปนาเป็นสหพันธรัฐโดมบนแผ่นดินเอ็กซ์แล้ว นโยบายก็เปลี่ยนไป หันไปส่งเสริมการวิจัยค้นคว้าสิ่งที่เรียกว่า ‘วิทยาศาสตร์’ แทน อันเป็นเพราะดินแดนแห่งแคว้นเอ็กซ์สามารถขุดพบ ‘น้ำพิษสีดำ’ ได้เป็นจำนวนมากนั่นเอง

นอกจากมีความสำคัญในด้านเป็นศูนย์กลางของวิทยาการด้านคาถาอาคมแล้ว ซิกโรดยังรายล้อมไปด้วยซากปรักหักพังของโบราณสถานเก่าแก่ สร้างแต่ครั้งยุคก่อนประวัติศาสตร์ (ก่อนนับปีอสุรศักราชเสียอีก) จากซากโบราณสถานเหล่านี้ ได้มีนักผจญภัยขุดพบของล้ำค่ามากมาย ดังนั้นดินแดนแห่งนี้จึงยังเป็นศูนย์รวมของนักผจญภัยอีกด้วย ได้ชื่ออีกชื่อว่า ซิกโรด คือ อิปซิลอยเออร์ตะวันตกนั่นเอง

สำหรับการปกครองแคว้นนี้ ปกครองโดยราชวงศ์ซิกโรดมาเป็นเวลานานแล้วอย่างมีเสถียรภาพและราชาคนปัจจุบันคือ ซิกม่า เป็นผู้เชี่ยวชาญเวทย์ชั้นสูง สมัยหนุ่มเคยออกผจญภัยอย่างโชกโชนและเป็นสหายวัยเยาว์กับรอยด์ แม่มดสาวแห่งกาเรน่าผู้เป็นชายาของราดิวอิด้วย

...

ภายในวังซิกโรดนั้นเอง...

“ท่านซิกม่า!”

เป็นคำเรียกอย่างร้อนรนในขณะที่ก้าวพ้นประตูห้องเข้าไปของชายวัยสามสิบเศษ ท่าทางสะโอดสะอง แต่งกายในชุดผ้าคลุมทั้งตัวหรือโร้บแบบที่จอมขมังเวทย์ชอบแต่ง หากแต่สีผ้าที่เขาใส่เป็นสีขาวโพลนดูบางเบาทั้งชุด แต่ผู้เข้าใกล้เขา ย่อมรับรู้ได้ด้วยประสาทที่หก ถึงพลังตบะอันกล้าแกร่ง และสำหรับผู้ที่มีพลังเวทย์ในตัวถึงระดับหนึ่งย่อมสามารถหยั่งรู้ได้โดยง่ายว่า พลังเวทย์ของชายผู้นี้เป็นฤทธิ์แห่งวายุ (ลม)

“เราอยู่นี่ ไม่ต้องร้อนรนไป ซเรดเดอร์”

ชายวัยสามสิบเศษเช่นกัน ท่าทางสง่างามตอบขึ้น บุคคลผู้นี้คือ ซิกม่า ราชาแห่งแคว้นซิกโรดนั่นเอง โดยส่วนตัวแล้ว ซิกม่าก็เป็นจอมขมังเวทย์ที่มีตบะกล้าแข็งที่สุดคนหนึ่งในเนฟเวอร์แลนด์ สมกับที่เขาเป็นเจ้าครองแคว้นซิกโรดอันเป็นหนึ่งในสี่แคว้นที่เจริญรุ่งเรืองในวิทยาการด้านเวทย์มนต์ และสำหรับซิกม่า เวทย์มนต์ที่เขาเชี่ยวชาญที่สุด คือเวทย์มนต์ในตระกูล ‘สายฟ้า’ คือ มีฤทธิ์เป็นสายฟ้าหรือไฟฟ้าและจัดเป็นเวทย์ที่มีน้อยคนนักจักสามารถใช้ได้

“ขออภัยด้วยขอรับ แต่เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ”

ซเรดเดอร์ หรือ จอมอัจฉริยภาพแห่งลม ผู้เป็นหนึ่งในสี่และเป็นหนึ่งคนที่มีอายุน้อยที่สุดด้วยของสี่จอมอัจฉริภาพแห่งธรรมชาติตอบ “พวกราษฎรกำลังระส่ำระสายกับข่าวกองทัพอสูรขอรับ”

ที่แท้ซเรดเดอร์ก็เพิ่งกลับมาจากการออกสำรวจขวัญของประชาชนเช่นเดียวกับที่คริสก็เพิ่งกระทำไปในแคว้นของตนนั่นเอง

“อืมห์ เป็นไปตามที่เราคาดไว้สิ ฮึ ยุ่งยากจริง ๆ” ราชาซิกม่าพยักหน้ารับ แล้วก็กลับส่ายศีรษะ นิสัยส่วนตัวของท่านผู้นี้อย่างหนึ่งคือ เป็นคนขี้รำคาญและไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก “แล้วความเคลื่อนไหวของนาฮารีกับซิลเวสเตอร์ล่ะ …เงียบ?”

ถามแล้วสุดท้ายก็ดักคอเหมือนทราบคำตอบไว้แล้ว

“ขอรับ” ซเรดเดอร์ตอบแล้วก็อดส่ายหน้าไม่ได้ “ท่าทางเจ้าซีม่า-ชไวร์จะตัดช่องน้อยแต่พอตัวล่ะขอรับ คงตั้งใจจะตั้งรับในแคว้นตัวเองอย่างเต็มที่ ส่วนทางซิลเวสเตอร์ ปฏิกิริยาของท่านแกมแมคก็คล้าย ๆ กัน”

“สรุปก็คือ ตัวใครตัวมัน ว่างั้นเถอะ ดี ดี ให้มันได้อย่างนี้สิ” เป็นคำประชดประชันของซิกม่า เจ้าของฉายา ‘จอมอสนีบาต’

ตามสถานการณ์ ณ ขณะนั้นอันเป็นเดือนที่สี่ แห่งปีอสุรศักราชที่ 997 กองกำลังอสูรสายเลือดใหม่ มีดินแดนอยู่ใต้ร่มธงของตนแล้วสองแคว้น คือ นีโอกลาดและโททัสบูร์ก แคว้นที่มีดินแดนติดกับอาณาเขตของทัพอสูรใหม่ ได้แก่ นาฮารีและบาร์ฮารา ซึ่งแคว้นหลังนั้นเป็นดินแดนของเผ่ากอบบลิน-ไม่ใช่มนุษย์ ย่อมไม่อยู่ในวิสัยที่พวกของซิกม่าจะต้องไปใส่ใจด้วย หากแต่ในกรณีที่ทัพอสูรใหม่ยึดครองบาร์ฮาร่าได้แล้วล่ะก็ แคว้นถัดไปที่จะเป็นเป้าหมายก็ย่อมมีแคว้นซิกโรดและซิลเวสเตอร์รวมเข้าไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะทั้งสองแคว้นนี้มีอาณาเขตติดกับบาร์ฮาร่าทางทิศตะวันออกนั่นเอง

นามของซีม่า-ชไวร์ที่ซเรดเดอร์กล่าวถึง เป็นยอดกุนซือแห่งยุคและเป็นขุนพลคู่บัลลังก์ของราชวงศ์กิวฟิที่ครองแคว้นนาฮารีอยู่ ในขณะนั้นราชากิวฟิที่ 2 ยังเยาว์วัย ดังนั้นเป็นธรรมดาอยู่เองที่อำนาจการตัดสินใจทางการเมืองและทางทหารของแคว้นจะอยู่ในมือของชไวเดอร์ ส่วนทางแคว้นซิลเวสเตอร์ก็เช่นเดียวกัน เมื่อราชินีมิวรานั้นประชวรอยู่ตลอดเวลา ทิ้งงานราชการทั้งมวลให้ขุนพลคู่ใจคือ แกมแมคเป็นผู้ดูแลแทน

“เอาเถิด อย่างไรก็ตาม จงเริ่มระดมพลได้แล้วล่ะ ซเรดเดอร์ อีกไม่นานทัพของพวกอสูรก็ต้องมาถึงที่นี่แน่นอน”

“ขอรับ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง” ขุนพลคู่ใจตอบ

“ฮึ่ม ใจจริง เราเองก็อยากจะเชียร์พวกกอบบลินให้ต้านอสูรได้นาน ๆ อยู่หรอก แต่ก็เชียร์มันไม่ลง ไอ้พวกนี้ตาย ๆ สิ้นเผ่าพันธุ์ไปได้ก็ดี” ราชาของแคว้นอดบ่นออกมาอีกไม่ได้ ซเรดเดอร์แอบยิ้มในใจ เขาอยู่กับท่านผู้นี้มานานจนพอจะทราบนิสัยกันดีแล้ว

“อ้อ ส่งคนไปหยั่งเสียงที่แคว้นศักดิ์สิทธิ์โคเรียสะทีนด้วย ว่าท่านจักรพรรดิ์โดริฟานจะว่าอย่างไร”

“ขอรับ”

“… แล้วก็ ส่งคนไปเชิญท่านบ๊ากรู้ทออกมาจากถ้ำได้แล้ว” ซิกม่าออกคำสั่งต่อไปอย่างนึกขึ้นได้ “ท่านผู้นี้ถึงจะแก่แล้วก็จริงก็ยังมีพลังกล้าแข็งอยู่ คงเป็นกำลังให้เราได้บ้าง ได้ยินว่ามีเรื่องโกรธแค้นกับพวกอสูรซะด้วยสิ”

“ขอรับ”

“ฮะ ๆ ๆ ขออภัย ท่านราชาซิกม่าด้วยที่ข้ามันแก่แล้วน่ะ แต่คนแก่อย่างข้าไม่หูตึงหรอกนะ ท่านราชาผู้หนุ่มแน่นเอย”

เสียงแหบสั่นเครือของชายชราผู้หนึ่งดังเข้ามาในห้อง ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัวขึ้นที่ประตู เป็นชายชราร่างสันทัด ผิวดำ หนวดขาวโพลน ดวงตาทอประกายเจิดจ้า ไม่มีแววขุ่นมัวแม้แต่น้อย แต่งกายด้วยชุดแบบจอมขมังเวทย์สีแดงเลือดหมูเข้ม ในมือถือไม้เท้าแท่งโต ที่หัวไม้เท้าตัวไม้ม้วนเป็นลายสัญลักษณ์อักขระอาถรรพ์ ท่านผู้นี้คือ บ๊ากรู้ท อัจฉริยภาพแห่งเพลิงผู้มีอายุเกือบร้อยปีแล้วนั่นเอง

“โอ ท่านผู้เฒ่า ออกมาจากถ้ำตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ ขออภัยด้วยที่เรามิได้ออกไปต้อนรับ” ราชาซิกม่ารีบลุกขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้าของอีกฝ่ายอย่างให้เกียรติในความอาวุโสกว่า

“เหอะ ๆ ๆ ก็ออกมาตั้งแต่ได้ยินข่าวที่ว่านั่นแหละ จึงต้องรีบมาสอบถามความจากท่านให้แน่ชัด ท่านซิกม่า”

“ข่าวอะไรหรือ?”

“ทัพอสูรก่อเกิดขึ้นมาใหม่แล้ว จริงใช่ไหม ท่านราชา” ชายชราถาม

“ใช่แล้ว ผู้นำทัพคือ บุตรีของจาเนส นามว่าฮิโระ ตอนนี้พวกนางยึดครองโททัสบูร์กกลับคืนไปแล้ว”

“… ก็เท่านั้นแหละ” บ๊ากรู้ทกล่าวเพียงนั้นก็ขยับตัวจะหันหลังเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อน ท่านจะไปไหน?” จอมอสนีบาตยกมือรั้งไว้

“ขออภัยด้วย ท่านราชา ข้ามีเรื่องจะต้องทำ” ผู้อาวุโสกว่าหันหน้ามาตอบ “กรุณาตัดชื่อข้าออกจากกองทัพของท่าน จะได้ไหม นี่เป็นคำขอร้องของข้า-คนแก่ ๆ คนหนึ่งล่ะ”

“…” ซิกม่าหยุดคิดชั่วขณะ ก่อนจะตอบว่า “ได้ เราไม่ถามล่ะนะว่าท่านจะไปทำอะไร ขอให้พระเป็นเจ้าจงคุ้มครองท่านก็แล้วกัน”

“ขอบพระคุณ”

ผู้เฒ่าก้มศีรษะทำความเคารพ ก่อนจะหันกายแล้วเดินกลับออกไป ในใจก็นึกว่าความเป็นคนขี้รำคาญของซิกม่าก็เป็นข้อดีเหมือนกัน เพราะทำให้เขาไม่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น ดังเช่นในครั้งนี้ที่เขาปล่อยให้ท่านจากมาโดยไม่ถามหรือทัดทานแม้แต่คำเดียว

‘ฮิโระ บุตรีของมาเรียอย่างนั้นหรือ’

ท่านผู้เฒ่านึกในใจ ขณะที่เดินไปตามทางเดินภายในตัวปราสาทซิกโรด

‘หากเป็นจริงก็เป็นเหลนของข้าด้วย มาเรียเอย หากข่าวลือที่ข้าได้ยินมา ที่ว่าเจ้าตายไปแล้วเป็นจริง ก็ขอให้ดวงวิญญาณของเจ้าช่วยดลใจให้ปู่ได้คำตอบโดยเร็วเถิด ว่าปู่ควรจะทำอย่างไรกับเหลนของปู่คนนี้ดี’

ในใจของท่าน ภาพความหลังเมื่อสิบแปดปีก่อน นับตั้งแต่มาเรีย หลานสาวคนเดียวหายสาบสูญไป จนท่านต้องออกเดินทางตามหาอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งได้ข่าวจากโกดาเมอร์ แม่เฒ่าผู้เป็นอัจฉริยภาพแห่งน้ำ และเป็นสหายเก่าแก่ของตนว่า มาเรียกลายเป็นชายาของจอมอสูรจาเนสไปแล้ว ท่านก็ได้เฝ้าเพียรวนเวียนอยู่แถว ๆ นีโอกลาด จนกระทั่งได้ทราบข่าวที่ไม่ยืนยันอีกว่า มาเรียเสียชีวิตแล้ว จึงได้กลับมาที่แคว้นซิกโรด ทำงานรับใช้ราชาซิกม่าด้วยการอบรมฝึกปรือจอมขมังเวทย์ใหม่ ๆ ขึ้นมา

และเมื่อปีก่อน เมื่อสิ้นจอมราชันย์อสูรจาเนสด้วยฝีมือของสามผู้กล้าพิชิตอสูร แผ่นดินเนฟเวอร์แลนด์เข้าสู่ยุคแห่งสันติภาพตามคำประกาศของราชาราดิวอิ ท่านก็คิดว่า ตนเองสมควรถอนตัวจากฉากหน้าของประวัติศาสตร์แล้ว จึงไปบำเพ็ญพรต รอวาระสุดท้ายของชีวิตตนอย่างสงบในถ้ำแห่งหนึ่งภายในอาณาเขตของแคว้นซิกโรด หากแต่เมื่อสองสามวันมานี้เองที่ ท่านได้มีโอกาสฟังข่าวของ ‘การสถาปนากองทัพอสูรใหม่’ จากชาวบ้านที่ไปหาของป่าบริเวณใกล้ ๆ กับถ้ำของท่าน ทำให้ไฟในใจของท่านลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อตระหนักว่า ฮิโระที่เป็นเจ้าหญิงอสูรนั้น คือ บุตรีของหลานสาวตนนั่นเอง

จอมอัจฉริยภาพแห่งเพลิงเดินไปจนถึงประตูวัง จึงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก่อนจะบ่ายหน้าไปทางทิศตะวันตก นึกในใจว่า

‘บาร์ฮาร่า-ดินแดนของพวกกอบบลินที่ชั่วช้า…อย่างนั้นหรือ?’

ไม่มีใครทราบ ว่าในใจของท่านจะตัดสินใจทำอย่างไรต่อไป

…
กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป
1