มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

ภาคหนึ่ง เจ้าหญิงแห่งทัพอสูรใหม่

ศึกบาร์ฮารา: การประทะที่ดุเดือด

“???” ปีศาจโครงกระดูกบนหลังม้า ผู้กำลังเหยาะย่างไปตามท้องทุ่งนำหน้ากองทหารผีโครงกระดูกสเกลตันของตนจำนวนสี่ร้อยตน เพ่งมองไปเบื้องหน้าอย่างพินิจ ในที่สุด มันตัดสินใจยื่นมือขวาออกไปด้านข้างเพื่อให้สัญญาน “หยุดขบวน!”

มันผู้นี้คือ สเกลต้า ขุนพลปีศาจแห่งไกเซอร์โอนซึ่งบัดนี้ถูกโอนมาสังกัดกับกองทัพอสูรใหม่นั่นเอง เบื้องหน้าของพวกมันเป็นท้องทุ่งกว้างเห็นลิบ ๆ ไกลสุดสายตานั้นเป็นชายป่าโปร่ง ซึ่ง ณ ตำแหน่งนั้นเองที่สเกลต้ารู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่มันไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต เป็นรังสีที่แสดงถึงความกระหายเลือด ความบ้าคลั่ง อันไม่ยีหระที่จะปกปิดซ่อนตนเองเลย

‘อืมห์ พวกมันออกมาต้อนรับถึงที่นี่เชียวรึนี่’ ขุนพลผู้เป็นแม่ทัพหน้าของกองทัพอสูรในการเข้าตีบาร์ฮาร่าคิดในใจ ‘ถ้าพวกมันจะมาซุ่มโจมตี ก็น่าจะอำพรางตัวให้แนบเนียนกว่านี้ แต่นี่... ทำไมกระแสจิตแห่งความบ้าคลั่งถึงได้รุนแรงเหลือเกิน...ใครกันที่เป็นคนนำทัพ? ใช่โกรมิลแน่รึ?’

มันหวนนึกถึงแผนการที่ได้รับจากแม่ทัพและเสนาธิการในศึกครั้งนี้ แล้วก็ตัดสินใจสั่งการ

“แปรขบวน รูปปีกหงส์กลับข้าง!!!”

ทหารสเกลตันวิ่งแปรรูปขบวนยุทธตามคำสั่งทันทีอย่างพร้อมเพรียง อีกอึดใจเดียวก็เสร็จสิ้นการจัดกระบวนทัพ สเกลต้าจึงสั่งการต่อ

“เคลื่อนขบวน เพิ่มความระมัดระวังด้วย พร้อมประจันบานได้ทุกเมื่อ!!!”

ทัพสเกลตันทั้งสี่ร้อยตน เดินหน้าบุกเข้าไปกลางท้องทุ่งกว้าง อันมีต้นหญ้าขึ้นสูงราวเอวนั้นต่อไป กองระวังหน้าซึ่งวิ่งนำขึ้นไปก่อนเริ่มสอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ อย่างตื่นตัว เพราะพวกมันเองก็สำเหนียกได้ถึงรังสีอำมหิตที่นายของมันรู้สึกได้แล้วเช่นกัน

เบื้องหน้าไกลออกไปลิบ ๆ ทางซ้ายมือยอดหอคอยเก่าแก่ซึ่งมีชื่อเรียกตามชื่อแคว้นว่า หอคอยบาร์ฮาร่า หรือที่ ณ ปัจจุบันพวกมนุษย์นิยมเรียกอย่างติดปากว่า ‘หอคอยกอบบลิน’ สูงเด่นพ้นยอดไม้ในป่าขึ้นมาเห็นชัด ด้านข้างค่อนไปทางขวาห่างกันไม่มากนัก ยอดสิ่งก่อสร้างโบราณอีกแห่งหนึ่งโผล่พ้นยอดไม้ขึ้นมาให้เห็นได้รำไรนั้น คือ ป้อมปราการบาร์ฮาร่า อันเป็นซากปรักหักพังมาแต่ครั้งก่อนประวัติศาสตร์ แล บัดนี้ ได้ถูกยึดครองไว้เป็นฐานมั่น-หรือที่พวกมนุษย์เรียกอย่างดูแคลนว่า เป็น ‘รัง’- ของพวกกอบบลินนั่นเอง

...

ข้อความส่วนหนึ่งจากการประชุมยุทธศาสตร์ ‘ศึกบาร์ฮาร่า’ ก่อนที่ทัพอสูรใหม่จะเคลื่อนตัวออกจากแคว้นนีโอกลาด

“พวกท่านคิดว่า ทางบาร์ฮาร่าจะจัดการต้อนรับพวกเราอย่างไร?” คลาอุส-ซึ่งดำรงตำแหน่งกุนซือในการศึกครั้งนี้ถามขึ้นในที่ประชุม

“คงไม่แคล้วจะตั้งมั่นรับในป้อมปราการบาร์ฮาร่าหรอกท่าน” ชิกตอบอย่างครุ่นคิด “แต่ข้าเชื่อว่า มันคงส่งหน่วยกล้าตายออกมาหน่วยหนึ่งเพื่อหยั่งเชิง และเพื่อตัดกำลังเรา ก่อนที่จะไปสู้กันขั้นสุดท้ายที่ป้อมของพวกมัน”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ซากิฟอนเสริม “และ หากพวกมันเน้นการตั้งรับที่ป้อมจริง... ไม่จำเป็นที่พวกมันจะเก็บพวกต่างเผ่ากับมันไว้ในป้อม... พวกเราจะได้เผชิญกับโกรมิลแน่ ทันทีที่ล่วงล้ำเข้าไปในแคว้นของพวกมัน”

“อืมห์"“ คลาอุสพยักหน้ารับ “ตามนิสัยของกอบบลิน...และโดยเฉพาะนิสัยของเจ้าบริโมรินแล้ว ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เจ้าหญิงว่าอย่างไรขอรับ” ตอนท้ายหันหน้าไปทางหัวโต๊ะ

“เราก็เชื่อว่า บริโมรินคงทิ้งตัวหมากตัวนี้แน่นอน” ฮิโระตอบ “ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง... ที่หอคอยบาร์ฮาร่าซึ่งพวกมันกักขังตัวประกันไว้ ก็คงจะถูกปิดตายและไม่มีคนเฝ้า...” เธอมองไปทางซากิฟอน “และนั่นคือโอกาสที่ดีของเรา”

ทุกคนเงียบไป อย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ อนึ่ง สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ ‘ตัวประกัน’ ซึ่งเป็นครอบครัวของทหารอัศวินที่ถูกบังคับให้ทำงานให้กับกอบบลินภายใต้สังกัดของโกรมิลซึ่งสูญเสียความทรงจำนั้นพวกนีโอกลาดได้ข้อมูลเหล่านี้จากเชลยศึกที่จับได้จากการศึกเมื่อสองเดือนก่อนนั่นเอง

“ปัญหาคือ สเกลต้า ท่านจะต้านโกรมิลไว้ จนกว่าท่านลูเซย์เดอร์จะไปช่วยได้หรือไม่"“ คลาอุสหันมาถามขุนพลปีศาจ

“หากเป็นโกรมิล และทัพอัศวินจริง ข้าฯน้อย ก็ไม่หนักใจหรอกขอรับ” สเกลต้าตอบ “ที่เหลือก็อยู่ที่การเจรจาต่อรองเท่านั้น”

สุดท้ายเขาหันไปมองทางด้านสามสหายชาวมนุษย์อย่างมีความหมาย

...

“มากันแล้วรึ หึหึหึ” เสียงต่ำดังกระหึ่มจากร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งซึ่งยืนจังก้าอยู่ ณ ชายป่าโปร่งอย่างน่าสะพรึงกลัว ประดุจเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ขู่ขวัญผู้ที่บุกรุกล้ำถิ่นที่อยู่ของมันกระนั้น เบื้องหน้าของมันผู้นี้เป็นท้องทุ่งกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยต้นหญ้าและวัชพืชสูงประมาณเมตรเศษ และกองกำลังสเกลตันจำนวนสี่ร้อยกำลังรุกคืบเข้ามาช้า ๆ ภายใต้รูปขบวนที่มันเคยเห็นแล้วครั้งหนึ่งเมื่อการศึกครั้งก่อน

“ฆ่ามันนนนนน!” คำสั่งสุดท้ายหลุดจากปากบุรษร่างสูงกำยำผู้นี้ และนั่นเป็นคำสั่งเด็ดขาดและเป็นคำสั่งสุดท้ายจริง ๆ ที่มันสั่งการต่อลูกสมุน

“โอ๊วววววววว!” ขาดคำของหัวหน้า บรรดากอบบลินจำนวนร้อยเศษก็โผวิ่งออกจากแนวป่าตรงเข้าไปหาเหล่าอริราชในท้องทุ่งกว้างนั้นทันที หัวหน้าผู้สั่งการสืบเท้าก้าวตามลูกสมุนของตนไปอย่างช้า ๆ หากแต่รังสีอำมหิตอันทอประกายความกระหายเลือดเปล่งออกมาอย่างชัดเจนจากทั่วสรรพางค์กายของมัน

อา... ที่ประชุมยุทธศาสตร์ของนีโอกลาดคาดการณ์ผิดเสียแล้ว ผู้ที่ออกมาตั้งรับทัพของนีโอกลาดบริเวณรอบนอกแคว้นบาร์ฮารานี้หาใช่อัศวินโกรมิลไม่ แต่กลับเป็นฝูงกอบบลินซึ่งชำนาญการปฏิบัติการในท้องทุ่งหญ้าเสียด้วย

“ระวัง พวกมันมาแล้ว!” สเกลต้าร้องสั่งเตือนไพร่พลของตน แต่ที่จริงแล้วไม่จำเป็นเลยเพราะบรรดาสเกลตันทุกตนย่อมรับรู้ได้ถึงฝูงกอบบลินฝูงใหญ่ที่วิ่งตรงดิ่งเข้ามาอย่างกระหายเลือด กองระวังหน้าของฝ่ายนีโอกลาดประทะกับฝูงกอบบลินที่ดาหน้าเข้ามาเป็นหน้ากระดานในอีกอึดใจถัดมา...แล้วก็ล้มตาย หายจากสายตาของแม่ทัพปิศาจในพริบตาเดียว

“?!!!” สเกลต้าอดประหลาดใจไม่ได้ในความเหี้ยมหาญของฝูงกอบบลิน อันที่จริงรูปขบวนปีกหงส์กลับข้างที่ทัพอสูรใหม่เป็นผู้ริเริ่มนำมาใช้ในการศึกนี้ เป็นรูปขบวนสำหรับหยั่งเชิง ตั้งรับ และถ่วงเวลาข้าศึก ตามรูปขบวนแล้วบริเวณแนวหน้าจะมีเพียงกองกำลังระวังหน้าซึ่งเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วที่คอยหยั่งเชิง-หลอกล่อข้าศึกโดยไม่มีจุดมุ่งหมายต้องรบให้แตกหักแต่อย่างไร คงอาศัยความไวและความคล่องตัวในการหน่วงเวลาแล้วผละหนีจากข้าศึกเสียมากกว่า แต่...ในครั้งนี้ พวกศัตรูห้าวหาญเกินไป ทรงพลานุภาพในการทำลายล้างสูงเกินไป จนทำให้กองกำลังส่วนหน้านั้นล่มสลายในพริบตา

อีกอึดใจถัดมากองกำลังส่วนใหญ่ของสเกลต้าก็ประทะกับฝูงกอบบลิน ตัวแม่ทัพปิศาจเองก็กระตุ้นม้าพุ่งเข้ากลางฝูงข้าศึกอย่างห้าวหาญ

“ย้าก!” เขากวัดแกว่งดาบคู่มือเล่มโตเข้าใส่กอบบลินสามสี่ตนที่ดาหน้าเข้ามาใกล้ “อ้าก!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นจากเหยื่อคมดาบเหล่านั้น แต่... พวกมันยังคงยืนหยัดอยู่ได้ และหวดกระหน่ำกระบองคู่มือของแต่ละตนมาที่ร่างบนหลังม้าอย่างบ้าคลั่ง สเกลต้ารู้สึกผิดท่าจึงชิงกระโดดลอยตัวขึ้นกลางอากาศได้ทันท่วงที หากแต่เบื้องล่างม้าคู่ขาถูกกระหน่ำด้วยกระบองหนามจนร่างแหลกเหลว

‘อะไรกันนี่!’ ขุนพลปิศาจอุทานในใจ ทันทีที่ร่างของเขาลงสู่พื้น ดาบในมือก็ตวัดเข้าสะบั้นลำคอของกอบบลินสามตนขาดออกจากร่างอย่างเด็ดขาดทันที นั่นแหละจึงจะสามารถหยุดความบ้าคลั่งของพวกมันได้

อา... เขาเพิ่งรู้สึกตัวเดี๋ยวนี้เอง ว่าความผิดปกติของศึกครั้งนี้อยู่ที่ใด!!! แต่ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อขณะนี้กองกำลังทั้งสองฝ่ายเปิดฉากตะลุมบอนกันอย่างดุเดือดท่ามกลางท้องทุ่งกว้าง อันเป็นยุทธภูมิถนัดของฝ่ายเจ้าบ้านเสียด้วย

ในจังหวะนั้นเองเบื้องหน้าของสเกลต้า ปรากฏว่า ไพร่พลผีโครงกระดูกของตนล้มลงดุจใบไม้ร่วงเป็นทางยาว และแล้วก็ปรากฏร่างสูงใหญ่ของกอบบลินระดับหัวหน้ายืนจังก้าขึ้น ภายในมือของมันถือกระบองหนามท่อนโตที่อาบไปด้วยเลือดสีดำของบรรดาไพร่พลทัพอสูรใหม่จนโชกทั้งด้าม เลือดสด ๆ ยังคงไหลหยดจากปลายกระบองเป็นรายทาง

มันผู้นี้คือ บริกาโต้สมุนมือขวาแห่งบริโมรินจ่าฝูงของกอบบลินนั่นเอง หากแต่...แม้นสามสหายชาวมนุษย์แห่งนีโอกลาดมาพบเห็นบริกาโต้ในยามนี้แล้ว ก็คงยากจะเชื่อสายตาว่ามันคือบริกาโต้จริง ด้วยรูปลักษณ์ที่กำยำน่ากลัวกว่าเดิม รังสีอำมหิตที่เหี้ยมโหดและที่ชัดเจนที่สุดคือ ดวงตาอันแดงก่ำทั้งสองนั้น

“ฮ่า ๆ ๆ"“ เจ้าบริกาโต้หัวเราะอย่างสาใจ ดวงตาของมันแดงกล่ำเต็มไปด้วยความดุร้ายกระหายเลือด “ไม่ได้ฆ่าฟันใครให้สะใจอย่างนี้มานานแล้วโว้ย หือ?” สุดท้ายสายตาของมันมาสะดุดที่สเกลต้า พร้อมกับศพของกอบบลินที่นอนเรียงรายอยู่แทบเท้าอันเป็นเครื่องการันตีถึงดีกรีของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

“ฮะฮ้า แกเป็นนายกองของทัพนี้สินะ” กอบบลินหนุ่มแสยะยิ้ม “มามะ ท่านบริกาโต้ผู้นี้จะให้เกียรติฆ่าแกเอง จะได้ไม่ต้องเสื่อมเสียไปตายภายใต้เงื้อมมือลูกสมุนของข้า ฮ่า ๆ ๆ ๆ"“

ว่าแล้วมันก็ย่างสามขุมตรงเข้ามา

สเกลต้ากำดาบในมือกระชับขึ้นอย่างระแวดระวัง สายตาเพ่งจับจ้องไปที่กระบองหนามแท่งโตนั้น แล้วมองกลับไปที่ร่างกายอันบึกบึนกำยำผิดปกติของบริกาโต้อย่างชั่งใจ

...

“?!!!” สาวน้อยบนหลังม้ากระตุกบังเหียนหยุดม้าลงกระทันหัน พลางส่งสายตามองไปเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด

“เจ้าหญิง มีอะไรหรือขอรับ” แวมไพร์หนุ่มผิวขาวซีด กระตุ้นม้าให้เข้ามาเทียบเคียงเด็กสาวผู้นี้ก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้น

“รู้สึกว่า ทัพหน้าของเราจะประทะเข้ากับข้าศึกเสียแล้ว คลาอุส” เป็นคำตอบจากปากองค์หญิงอสูร

“... อืมห์” ขุนพลแวมไพร์หนุ่มหันหน้าไปทางเบื้องหน้าบ้าง พลางก็สำรวมจิตอ่านวิถีของวิญญานและบรรยากาศ ณ เบื้องหน้าไกลโพ้นออกไป อึดใจหนึ่งเขาก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของบรรยากาศ ณ ท้องทุ่งห่างไกลออกไปเบื้องหน้า

“ท่าทางจะรบกันดุเดือดเสียด้วย” เขากล่าวช้า ๆ

“เจ้ารีบขึ้นไปบอกลูเซย์เดอร์ให้ไปสมทบโดยเร็ว ชักช้าจะไม่ได้การ มี ‘อะไร’ ผิดปกติเสียแล้วล่ะ” ฮิโระตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

“ขอรับ”

“แล้วก็... การรบที่แนวหน้าเรามอบให้เจ้าสั่งการเด็ดขาดได้เลย... ระวังตัวด้วย”

“ขอรับ”

แวมไพร์ลอร์ดหนุ่มกระตุ้นม้าวิ่งนำหน้าขึ้นไป หากแต่เขามิได้ไปโดยอาศัยม้าตัวนั้น พริบตาถัดมา ร่างของเขาก็กลายสภาพเป็นค้างคาวยักษ์ตัวมหึมา โผบินขึ้นกลางอากาศตรงดิ่งไปทางด้านขวามืออย่างรวดเร็ว

‘หากเป็นทัพอัศวินของโกรมิล คงไม่รบแบบยอมตายเช่นนี้'‘ ฮิโระกระตุ้นให้ม้าออกเดินต่อ สายตายังคงจับจ้องไปเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด ‘หรือว่า ไม่ใช่โกรมิล... ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แผนที่เตรียมไว้ขั้นแรกก็คงต้องยกเลิก แต่อย่างไรก็ตาม เราก็คงต้องถล่มทัพหน้าของฝ่ายนั้นให้ราบคาบกันไปข้างหนึ่งแหละ มิฉะนั้นก็ไม่สามารถเดินทัพต่อไปได้'‘

...


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป
1