"เผด็จศึกล่ะนะ" เกรย์ตวัดปลายดาบชี้ไปทางเป้าหมายเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนจะกระโจนเข้าหาเธออีกครั้ง "ย้ากกก" เกรย์ตวาดร้องเสียงดังลั่น ถือด้ามดาบไว้ด้วยมือทั้งสองอย่างมั่นคงแล้วฟาดฟันดาบยาวเข้าหาอย่างรวดเร็วรุนแรงหมายจะฟันให้อีกฝ่ายขาดสองท่อนกลางลำตัวเลยทีเดียว ฮิโระเบี่ยงตัวหลบไปด้านหลังพลางแกว่งเกทออฟเฮฟเว่นเข้าประทะกับคมดาบของอีกฝ่ายอย่างสิ้นหวังเต็มที "เคร้ง" "!!!" คราวนี้แรงประทะจากดาบของผู้กล้าส่งให้เคียวยาวแท่งนั้นกระเด็นหลุดมือเจ้าของไปไกล เกรย์รั้งดาบไว้แล้วพลิกคมดาบหันกลับมาฟันใส่ฮิโระอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเขาคาดหวังว่านี่จะเป็นวินาทีสังหารล่ะ "พรึบ" เสียงประหลาดดังแทรกขึ้น ในขณะที่วินาทีสังหารเข้ามาใกล้ทุกขณะ แต่แล้วมันกลับลอยห่างออกไปอย่างไม่หวนกลับมาอีกเมื่อปรากฏดาบเล่มใหญ่สอดเข้ามาขวางวิถีดาบของเกรย์ไว้ "เช้ง!" "หือม์?!!!" เกรย์กวาดตามองตามคมดาบที่ยื่นเข้ามาใหม่ อาคันตุกะเจ้าของดาบอยู่ในชุดอัศวินสีขาว รูปร่างสูงใหญ่ ยืนบดบังองค์หญิงตัวน้อยของเขาไว้ให้ยืนเยื้องไปด้านหลัง เกรย์ออกแรงกดบนดาบของตนแต่ไม่สามารถดันดาบของอีกฝ่ายให้ร่นถอยไปได้แม้แต่น้อย สายตาทั้งสองฝ่ายประสานกันอย่างดุเดือด "เจ้า?" "ข้าไม่ยอมให้ท่านทำอันตรายองค์หญิงมากกว่านี้ ท่านผู้กล้าเอย" อัศวินผมเกรียนประกาศ "ข้าซากิฟอน แห่งทัพอสูรใหม่ขอเป็นคู่มือของท่านเอง" "หึ จะเป็นใครก็เถิดสอดมือเข้ามาก็แค่ถ่วงเวลาตายของเจ้าหญิงอสูรออกไปได้หน่อยหนึ่งเท่านั้นแหละน่า" เกรย์ผลักดาบอย่างแรงแล้วรั้งดาบตนเองกลับมาพลางกระโดดถอยฉากออกมาตั้งหลัก "ซากิฟอน เข้ามาได้ยังไง? ในนี้ อันตรายนะ" ฮิโระซึ่งรอดชีวิตได้หวุดหวิดกลับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจระคนห่วงใยสหายศึกของตน "ชิกส่งข้าเข้ามา ขอโทษด้วยที่มาช้าไปหน่อย" ฮิโระกวาดตามองไปบนพื้นที่ซากิฟอนยืนอยู่ พื้นดินรอบตัวซากิฟอนปรากฏช่องไฟเป็นทางยาวไปจนถึงชายทุ่งด้านที่ชิกยืนอยู่ กุนซือชาวมนุษย์แห่งทัพอสูรใหม่ใช้หลัก "ไฟดับไฟ" ยิงไฟจากปืนของตนด้วยอัตรากำลัง (พาวเวอร์) สูงสุดเพื่อสร้างเส้นทางปลอดไฟให้ซากิฟอนเข้ามาในสมรภูมิแห่งนี้นั่นเอง ในช่วงวินาทีวิกฤติเมื่อครู่ ทั้งตัวฮิโระเอง และฝ่ายเกรย์กับบ๊ากรู้ทเพ่งความสนใจไปที่การประทะขั้นแตกหักระหว่างสองคนแรกจึงไม่มีใครสังเกตถึงการเข้ามาในสนามรบแห่งนี้ของอัศวินหนุ่ม "แต่เจ้าอยู่ได้ไม่นานนะ รีบ..." "ท่านก็คุ้มครองข้าสิ องค์หญิง เหมือนกับที่คุ้มครองพวกสเกลตันจนตัวเองขยับเขยื้อนไม่สะดวกอยู่อย่างนี้นะ" "...เจ้า...รู้แล้วหรือ?" "เร็วเข้าองค์หญิง ... ข้าเชื่อใจในตัวท่านนะ ส่งพลังมาได้เลย" "ซากิฟอน..." ฮิโระรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่ลำคอ ขอบดวงตาทั้งสองร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอรีบหลับตาลงสำรวมสมาธิ หรืออีกนัยหนึ่งคือ เพื่อซ่อนน้ำตาของตนนั่นเอง "ถ้าเจ้าเชื่อใจเราละก็..." "ฟู่" ไฟที่ดับเป็นทางยาวลุกโชนขึ้นมาอีก ร่างของซากิฟอนเสมือนถูกเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นเผาผลาญ หากแต่...เขากลับอยู่ในท่ามกลางเปลวเพลิงร้อนระอุนั้นได้ "อา... อบอุ่นเหลือเกิน องค์หญิง แต่เกือบไม่ทันเสียแล้วสิ ฮ่า ๆ ๆ" ซากิฟอนหัวเราะเหมือนกับเป็นเรื่องเล็ก ๆ ทั้งที่ หากฮิโระแผ่พลังเวทย์ของตนเข้ามาคุ้มครองซากิฟอนได้ไม่ทันแล้วล่ะก็...ร่างของอัศวินหนุ่มคงจะถูกไหม้จนไม่เหลือซากไปแล้ว ความรู้สึกที่ตนเองต้องเปิดใจรับเอาพลังเวทย์ของผู้อื่นเข้ามาในกายช่างแตกต่างกับที่ซากิฟอนจินตนาการไว้ มันช่างเต็มไปด้วยความอบอุ่นยิ่งนัก อาจจะเป็นเพราะนี่เป็นพลังเวทย์เพลิงก็ได้ หรือไม่ก็... เป็นเพราะจิตใจของเด็กสาวผู้นี้ --เด็กสาวชาวอสูรที่ถูกตราหน้าเป็นฝ่ายชั่วร้ายจากสายตาของมนุษย์อื่น ๆ แต่เขาเลือก 'เธอ' เป็นเจ้าชีวิตผู้นี้-เป็นจิตใจที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นก็อาจจะเป็นไปได้ สีหน้าของซากิฟอนอิ่มเอิบด้วยความสบายใจ แน่นอนการเปิดใจให้อีกฝ่ายส่งพลังเวทย์เข้ามาได้เช่นนี้ หากไม่ไว้ใจกันจริง ๆ ย่อมไม่สามารถทำได้ อีกทั้งฝ่ายที่ส่งพลังเวทย์หากคิดไม่ซื่อย่อมสามารถสะกดจิตหรือครอบงำความคิดอีกฝ่ายได้โดยง่าย แต่นั่นย่อมไม่ใช่กรณีที่จะเกิดระหว่างฮิโระกับซากิฟอน ผู้เฒ่าบ๊ากรู้ทหรี่ตามองอัปกริยาของทั้งสองคนอยู่เงียบ ๆ ยากจะคาดเดาได้ว่าท่านกำลังคิดอย่างไร "รบกวนด้วยนะ" ฮิโระลืมตาขึ้น "ได้เลย" ทั้งสองพูดสั้น ๆ เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับการย้ำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ถึงคราวที่ฝ่ายฮิโระจะโต้กลับบ้างแล้ว ... "บุกขึ้นไปบนเชิงเทินเลย ตามมา!" เสียงสั่งการของลูเซย์เดอร์ดังขึ้น เขาควบม้าโผนขึ้นไปตามบันไดที่ทอดขึ้นไปสู่เชิงเทิน ด้านหลังของเขา บรรดาอัศวินควบม้าวิ่งขึ้นบนบันไดนั้นจนดูแคบไปถนัดตา อัศวินบางส่วนยังคงไล่ล่าคร่าชีวิตของกอบบลินที่อยูในป้อมอย่างเมามัน หากแต่กอบบลินที่อยู่ชั้นล่างเหล่านั้นเป็นพวกที่ไม่เชี่ยวชาญในการรบ ความสนใจของลูเซย์เดอร์จึงมุ่งไปที่บริโมรินและทหารของมันบนเชิงเทินมากกว่า "ย้ากกกกก" ตนแล้วตนเล่าที่กอบบลินตกเป็นเหยื่อสังเวยปลายแลนซ์ที่พุ่งออกไปอย่างหนักหน่วง ทหารม้าของลูเซย์เดอร์ กรูขึ้นไปบนเชิงเทินได้สำเร็จ และตรงเข้าไล่ล่าสังหารพวกมันล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ทหารสเกลตันและสัตว์อาคมกรูขึ้นมาบนเชิงเทินได้มากขึ้นจนบนเชิงเทินแออัดไปด้วยพวกนีโอกลาดมากกว่าฝ่ายตั้งรับเสียแล้ว ซากศพศพแล้วศพเล่าที่ล้มลงนอนทับถมกันบนเชิงเทิน ส่วนใหญ่เป็นศพของกอบบลิน "ฮึ่ม สู้มานนนนน" บริโมรินตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ตัวมันเองก็กวัดแกว่งดาบเล่มใหญ่เข้าหาสเกลตันที่พัวพันตนเองอยู่ราวจักรผัน ร่างของสเกลตันล้มตายลงในพริบตา มันกวัดแกว่งดาบด้วยกระบวนท่าส่งคลื่นดาบเล็บมังกรเข้าหาอัศวินบนหลังม้าที่อยู่ใกล้ "ริวโซซัน!!" "ฉัวะ ๆ ๆ" อัศวินสองสามคนตกเป็นเหยื่อสังเวยคลื่นดาบสุญญากาศ ล้มลงจากหลังม้า แต่ละคนร่างกายฉีกขาดเป็นสองท่อน หัวหน้าอัศวินหันขวับมาทางนี้ทันที เมื่อสายตาของเขาจับร่างของบริโมรินได้ เขาก็กระตุ้นม้าเข้ามาหาอย่างไม่รอช้า "จ่าฝูงกอบบลิน วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว!" วูบหนึ่งที่เขาลืมตัว คิดว่าตนเองยังเป็นขุนพลของโททัสบูร์กอยู่ แน่นอนในฐานะนั้นเขาย่อมมีความแค้นกับเผ่ากอบบลินอย่างลึกซึ้ง "ข้าลูเซย์เดอร์ขอปลิดชีพเจ้าเอง!" "เข้ามา ๆ จะกี่คนก็เข้ามาเลย" บริโมรินคำรามลั่น "โอม...." ร่างของบริโมรินทอประกายวูบ มันร่ายคาถาบางอย่างที่ฝ่ายนีโอกลาดยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเป็นคาถาที่ให้ผลแบบใด "ย้ากกกกก" อย่างไรก็ตามลูเซย์เดอร์ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยังคงควบม้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว พุ่งปลายแลนซ์ตรงเข้าที่ทรวงอกของอีกฝ่ายทันที "เคร้ง!" ก่อนที่ปลายแลนซ์จะได้ชำแรกเข้าไปในเนื้อของอีกฝ่าย ดาบในมือของบริโมรินก็กระหน่ำเข้าปัดป่ายปลายแลนซ์นั้นออกไปอย่างง่ายดาย "คาถาเร่งพลังหรือ?" "สิ่งที่ข้าได้จากสเปกตรัลทาวเวอร์ล่ะ" บริโมรินอวดตัวด้วยความกระหยิ่ม บนเชิงเทิน ขณะนี้เหลือเพียงกอบบลินเพียงกระหยิบมือ ที่เหลือเป็นสเกลตัน, สัตว์อาคมและอัศวินทั้งสิ้น เมย์มีร่อนถลามายืนบนกำแพงเชิงเทินตำแหน่งที่ก่อสูงอยู่มองลงมาอย่างเย็นใจ กอบบลินที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือต่างพากันถอดใจ ทิ้งอาวุธร่ำร้องขอชีวิตในที่สุด บรรดาฝ่ายนีโอกลาดชะงักการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ "อย่าไว้ชีวิตพวกกอบบลิน ฆ่ามัน" อัศวินคนหนึ่งซึ่งเป็นพวกโททัสบูร์กมาก่อนตะโกนขึ้นอย่างโกรธแค้น บรรดาอัศวินคนอื่นที่มาจากโททัสบูร์กด้วยกันทำท่าเห็นด้วย ขณะที่สัตว์อาคมและสเกลตันก็ทำท่าจะร่วมวงด้วยเช่นกัน มีแต่อัศวินที่เป็นพวกนีโอกลาดแต่แรกที่ยั้งมือเอาไว้ "หยุดนะ" ร่างอรชรอ้อนแอ้นจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะปรากฏกายในสมรภูมิรบที่ดุเดือดเช่นนี้ได้ ปรากฏตัวขึ้นระหว่างกลุ่มของกอบบลินที่ร่ำร้องขอชีวิตกับบรรดาทหารทัพอสูรใหม่ "ไว้ชีวิตพวกเขาเถิด" "ท่านหญิง..." เมย์มีนั่นเองที่เข้ามาขวางไว้ หล่อนหันไปทางด้านนอกกำแพงป้อม ซึ่งเมื่อทุกคนมองตามก็พบว่าคลาอุสกำลังลอยตัวเข้ามา "คลาอุส ท่านช่วยด้วยสิ" "ท่านหญิง คิดดีแล้วหรือที่จะไว้ชีวิตพวกกอบบลินเหล่านี้?" "ข้าคิดดีแล้ว ฮิโระก็คง...เห็นด้วยกับข้า" เธอตอบ แต่นึกต่อในใจว่า หากเจ้าหญิงฮิโระยังเป็นฮิโระคนเดิมที่เธอเคยรู้จักนะ "เข้าใจแล้ว ในฐานะผู้รับผิดชอบสนามรบ ข้าขอสั่งจับเป็นเชลยเหล่านี้เท่านั้น ให้เกียรติต่อพวก 'เขา' เยี่ยงเชลยศึกด้วย!" อัศวินชาวมนุษย์ที่ทำท่ากระเหี้ยนกระหือมีสีหน้าผิดหวัง แต่ก็ยอมรับคำสั่งโดยดี สัตว์อาคมในอาณัติของคลาอุสทำหน้าที่เข้าควบคุมเชลย "พาพวกมันไปด้านล่างก่อน ที่เหลือคุมเชิงทางนั้นเอาไว้" คลาอุสสั่งการต่อ 'ทางนั้น' ที่เขาว่าหมายถึงมุมที่ลูเซย์เดอร์กำลังสัประยุทธ์กับบริโมรินนั่นเอง แน่นอนหากปล่อยให้เชลยกอบบลินเหล่านี้เห็นการยุทธของจ่าฝูงของตน ย่อมไม่เป็นผลดี ไม่ว่าจ่าฝูงกอบบลินจะมีเปรียบหรือได้เปรียบ ย่อมส่งผลให้พวกเชลยฮึดหรือบ้าคลั่งขึ้นมาได้ทั้งสิ้น ภายในตัวป้อมปราการ ก็กำลังเกิดเหตุการณ์คล้ายกัน เมื่อทหารอัศวินที่เหลืออยู่ด้านล่างพากันไล่เข่นฆ่ากอบบลินที่ไร้พิษสงเหล่านั้นเป็นว่าเล่น ส่วนหนึ่งของพวกเขาบุกทะลวงไปจนถึงบริเวณที่เป็นที่พักอาศัยของพลเรือนกอบบลิน-ส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็ก ซาโต้ปรากฏตัวขึ้นห้ามศึกอย่างยากเย็น มิให้ทหารของฝ่ายตนทำอันตรายแก่ผู้ไร้ทางสู้เหล่านั้น อา... ความเกลียดชังกอบบลินฝังแน่นในสายเลือดมนุษย์อย่างลึกซึ้งเกินกว่าที่พวกเขาเองจะรู้ตัวเสียแล้ว แต่ซาโต้ก็คุมสถานการณ์ได้ในที่สุด บัดนี้ในป้อมปราการบาร์ฮาร่า จึงตกอยู่ในความยึดครองของนีโอกลาดโดยสมบูรณ์ เหลือเพียงคู่ของลูเซย์เดอร์กับบริโมรินที่ยังคงสู้กันอย่างดุเดือด ซึ่งแน่นอนว่า ในเมื่อบริโมรินเองเป็นถึงผู้ที่เคยพิชิตโกรมิลมาแล้ว รวมทั้งยังมีเกียรติภูมิของ 'ผู้รอดชีวิตจากสเปกตรัลทาวเวอร์' พ่วงด้วย ย่อมไม่ใช่คู่มือที่ลูเซย์เดอร์จะพิชิตได้ง่าย ๆ ... "บุก!" ฮิโระยืนจังก้าสั่งการแก่ไพร่พลของตนในมือของเธอมีเคียวเกทออฟเฮฟเว่นถือเด่นเป็นสง่าอีกครั้งหนึ่ง ทหารสเกลตันวิ่งกรูขึ้นไปด้วยรูปขบวนมาตรฐานคือ รูปขบวนวงเดือน แนวหน้าของพวกมันมีซากิฟอนวิ่งปนอยู่ด้วย "ประจัญบาน!" ผู้เฒ่าสั่งการแก่สัตว์อาคมของตนบ้าง ในตอนนี้ทหารฝ่ายบ๊ากรู้ทมีจำนวนเกือบสองเท่าของฮิโระแล้ว และทันทีที่พวยเพลิงแผ่พุ่งจากเบื้องหน้าผู้เฒ่าเข้าหากองหน้าของทัพสเกลตัน ทหารฝ่ายตนก็แปรรูปเป็นรูปขบวนหัวหอกย่างฉับพลัน ก่อนหน้าที่มันจะประทะเข้ากับกองทหารของฮิโระเพียงแวบเดียว "ฮึ รู้อยู่แล้วว่าผลจะเป็นเช่นนี้" เกรย์แค่นหัวเราะอย่างดูแคลน ด้วยกำลังฝ่ายตนที่เหนือกว่า บวกกับรูปขบวนที่ได้เปรียบ การประทะครั้งนี้ฝ่ายตนชนะใสอยู่แล้ว เขาวิ่งนำหน้าทหารสัตว์อาคมอย่างกระหยิ่ม หากแต่นี่เองคือสิ่งที่ฮิโระคาดการณ์ไว้ "เลือดในกายของเราไม่เคยร้อนระอุเช่นนี้มาก่อนเลย หึหึหึ... กาฬโลหิตของเผ่าอสูรอันร้อนแรงที่พวกเจ้าเกลียดชังหนักหนานั่นแหละ" เธอพูดพึมพำเสียงต่ำ ใบหน้าเคร่งเครียดอย่างน่าสะพรึงกลัว "จงไป พลังระเบิดเพลิงจากภพอสูร --มะไคโช โกเอน!!!" จากอุ้งมือซ้ายที่เธอชูขึ้นกลางอากาศพลันปรากฏดวงไฟดวงใหญ่นับหลายสิบดวงพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่อง ข้ามศีรษะของทหารฝ่ายตนแล้วไปตกกลางกลุ่มสัตว์อาคม เกรย์เองวิ่งนำหน้าอยู่ในแถวหน้าสุด จึงรอดพ้นจากระเบิดเพลิงกลุ่มนี้อย่างเฉียดฉิว "โอ...เสร็จกัน" ผู้เฒ่าบ๊ากรู้ทรำพึงออกมา ในเวลาเดียวกับที่เกรย์แหงนหน้าขึ้นมองกลุ่มดวงไฟที่ลอยข้ามศีรษะของตนไปแล้วก็อุทานในใจด้วยเนื้อหาคล้ายกัน แต่ฝ่ายหลังไม่มีเวลาคิดมากกว่านั้น เพราะเบื้องหน้าของเขา ร่างของซากิฟอนทะยานเข้ามาหาอย่างคึกคะนองเสียแล้ว "เคร้ง" ดาบทั้งสองประทะกันอีกครั้ง ในจังหวะเดียวกับที่ระเบิดเพลิงนับสิบลูกร่วงใส่ฝูงสัตว์อาคมที่ออแน่นอยูในรูปขบวนหัวหอกเบื้องหลังของเกรย์ "บรึม ๆ ๆ ๆ ๆ" เสียงระเบิดดังขึ้นถี่ยิบ เสียงโห่ร้องดังลั่นจากฝ่ายสเกลตันของฮิโระ พวกมันวิ่งผ่านข้างตัวซากิฟอนและเกรย์ที่ยันดาบกันอยู่ ตรงเข้าห้ำหั่นกับบรรดาสัตว์อาคมที่รอดชีวิตจากระเบิดเพลิงของฮิโระได้... จำนวนไพร่พลตอนนี้ ฝ่ายฮิโระหนึ่งร้อยเศษ ฝ่ายบ๊ากรู้ทห้าสิบเศษ! และฝ่ายหลังไม่อยู่ในรูปขบวนมาตรฐานใด ๆ แล้วด้วย! อานุภาพของเวทย์มนต์ของเจ้าหญิงอสูรพลิกสถานการณ์ฝ่ายตนได้ในพริบตาเดียว ดั่งเช่นที่เธอเคยทำสำเร็จมาเสมอ โดยอาศัยการลงมือในจังหวะที่เหมาะสมที่สุด--จังหวะที่อีกฝ่ายไม่อยู่ในสภาวะตอบโต้หรือแก้สถานการณ์ได้ทันอีกแล้วนั่นเอง ตามปกติเป็นที่ทราบกันดีว่ารูปขบวนหัวหอกเป็นรูปขบวนทำลายล้างอันทรงอานุภาพก็จริง แต่มันก็มีจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้แม่ทัพต้องระมัดระวังในการเลือกใช้รูปขบวนนี้ นั่นคือ ไพร่พลทหารในรูปขบวนนี้จะอยู่ในตำแหน่งที่อัดแน่นอยู่กลางขบวน (บริเวณรูปหัวหอก) เหมาะแก่การสังหารหมู่ด้วยท่าไม้ตาย ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายจากพลังยุทธ (เช่น ดาบเล็บมังกร ฯลฯ) หรือ พลังเวทย์มนต์ก็ตาม ดั่งเช่นในกรณีนี้ หากสัตว์อาคมของบ๊ากรู้ทอยู่ในรูปขบวนอื่น ความเสียหายที่เกิดจากระเบิดเพลิงอสูร-มะไคโช โกเอน-ก็คงหยุดอยู่ที่ร้อยตัว แต่ด้วยเหตุที่อยู่ในรูปขบวนหัวหอก ทำให้ยอดความเสียหายพุ่งขึ้นไปเป็นหนึ่งร้อยห้าสิบเศษเลยทีเดียว |