“...” ชายสวมแว่นเดินสาวเท้าตรงเข้าหาร่างเงาดำตะคุ่มนั้นเงียบ ๆ บรรยากาศรอบข้างมืดสลัว มิใช่เพราะมันเป็นยามราตรี หากแต่เพราะว่าสถานที่แห่งนี้มืดสลัวอยู่เป็นนิจอยู่แล้วต่างหาก ด้วยมันคือ ภายในหอคอยบาร์ฮาร่า หรือที่เรียกกันติดปากว่า หอคอยกอบบลิน “มาแล้วหรือ คุณชายเล็ก” เสียงของอิสตรีดังขึ้นจากร่างที่ยืนอยู่ก่อน โดยที่ไม่ต้องหันกายกลับมามองผู้มาใหม่ “กรุณาอย่าเรียกข้าเช่นนั้น ข้าเป็นเพียงแค่ทหารรับจ้างคนหนึ่งมิใช่บุตรชายคนเล็กของผู้นำแห่งสหพันธ์อีกต่อไปแล้ว ” ชิกตอบ “ฮิฮิ” สตรีในชุดหุ้มเกราะหันกายกลับมาประจันหน้ากับชิก ดวงตาภายใต้เงาของหน้ากากเหล็กทอประกายวูบกับแสงไฟจากคบเพลิงที่ปักไว้ในบริเวณนั้น “ทหารรับจ้าง แต่เป็นถึงที่ปรึกษาทางการทหารแห่งนีโอกลาดเชียวนะ” “...” ชิกจ้องหน้า...เรียกว่าจ้องหน้ากากจะถูกกว่ากระมัง...ของอีกฝ่ายหนึ่งนิ่ง ก่อนจะตัดบทว่า “มีธุระอะไรก็รีบว่ากล่าวมา” “...” สตรีจากสหพันธรัฐโดมเงียบไปบ้าง แล้วจึงพูดขึ้น “ใจแข็งจริงนะท่าน ใจคอจะไม่ถามถึงท่านจอมพลสักคำเชียวหรือ?” “ฮึ ‘หมอนั่น’ ก็คงสบายดีแหละ ขนาดส่งคณะจารกรรมมาถึงที่นี่ได้” ชิกแค่นเสียงตอบ “ไม่มีความจำเป็นที่ข้าต้องสนใจสารทุกข์ของมันอีก ในเมื่อมันไม่ต้องการมีบุตร แปลงพี่ข้าเป็นมนุษย์กลไปเสียได้อย่างนั้น ข้าก็ไม่ขอเป็นลูก...” สุดท้ายชิกพูดไม่จบประโยค เพราะปลายของคมดาบที่จ่อเข้ามาที่ทรวงอกของตน “ระวังคำพูดด้วย ท่านชิก สรรพนามที่ท่านใช้เรียกท่านจอมพลออกจะเสียมารยาทไป” ขุนพลสตรีแห่งโดมเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “และอีกอย่าง ท่านจอมพลมิได้บังคับคุณชายใหญ่ เป็นท่านคาเมรอนยินดีเข้ารับการแปลงสภาพเอง” “โดนมันหลอกเอานะสิ!” ชิกสวนคำทันที โดยไม่หวั่นเกรงต่อปลายคมดาบที่จ่อที่ทรวงอกของตนแม้แต่น้อย “...” ฝ่ายตรงข้ามเสียอีกที่ต้องรั้งมือไว้ มิฉะนั้นปลายอาวุธของตนคงจะฝังลึกลงไปในเนื้อกายของกุนซือแห่งนีโอกลาด “... ว่าแต่ เจ้าเป็นใครกัน และเป็นมนุษย์แปลงด้วยหรือเปล่า ทำไมจึงยังคง ‘สมอง’ ของมนุษย์ไว้ได้สมบูรณ์เช่นนี้?” ชิกถามขึ้น “ฮิฮิ” อีกฝ่ายหัวเราะก่อนตอบว่า “คุยกันตั้งนาน เพิ่งมาถามหรือเจ้าคะ?” “...” “รุ่นพี่...รุ่นพี่จำข้าไม่ได้จริง ๆ หรือ?” น้ำเสียงที่ปนแววน้อยใจตามแบบฉบับของอิสตรีดังผ่านช่องปากของหน้ากากเหล็กนั้นออกมา ชิกนิ่งคิดอยู่สองสามอึดใจ ก็เบิ่งตาโพลง ระล่ำระลักว่า “หรือว่า...เจ้าเอง....เซเรก้า?” “ปิ๊งป่อง” อีกฝ่ายทำเสียงเลียนแบบสัญญานกระดิ่งตอบอย่างดีใจ “แต่ตอนนี้ข้าคือ พันเอกอิจิโก แหงกองทัพสหพันธ์นะคะ” “...” ชิกเงียบไปอย่างคาดไม่ถึง สตรีตรงหน้าคือ รุ่นน้องที่สถาบันวิทยาศาสตร์ที่เขาร่ำเรียนมานั่นเอง โดยเป็นรุ่นน้องกันหนึ่งปี ในห้วงความคิด ชิกหวนระลึกได้ถึงเด็กสาวคนหนึ่งที่มาจากชนบท (ในแคว้นเอ็กซ์-หรือสหพันธรัฐโดม) และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลโดมมาเรียนในสถาบันแห่งนั้น เขาจำได้ถึงความสดใส ร่าเริง มีชีวิตชีวาของรุ่นน้องผู้นี้ แต่ขณะเดียวกันก็ตระหนักถึงความจงรักภักดีต่อรัฐ (หมายเหตุ อ่าน รัด-ถะ) และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเทิดทูนบูชาที่เด็กสาวผู้นี้มีให้แก่จอมพลไกซาน ผู้นำแห่งสหพันธรัฐโดม คำแนะนำตัวที่อีกฝ่ายบอกมานั้น มีความหมายอยู่ในทีแล้วว่า หญิงสาวผู้นี้ก็เป็นมนุษย์ดัดแปลงเช่นกัน เพราะเจ้าหล่อนเปลี่ยนชื่อเป็นอิจิโก ซึ่งหมายความว่า “หมายเลขหนึ่ง” แสดงว่าหล่อนเป็นมนุษย์คนที่สองถัดจากพี่ชายของเขาที่เข้ารับการดัดแปลงเป็น ‘อาวุธมีชีวิต’ดังกล่าว “ไม่น่าเลย...” ชิกรำพึง “ท่านคงไม่เห็นด้วยสินะ ที่ข้าเข้ารับการผ่าตัดเป็นมนุษย์แปลง” พันเอกอิจิโกกล่าว “แต่สำหรับข้า ข้ามีความสุขดี และเต็มใจที่จะทำเช่นนี้ด้วย ดูสิ” หล่อนกางแขนทั้งสองข้างออก “ตอนนี้ข้าแข็งแรงออกปานนี้ สามารถติดตามท่านจอมพลไปในสนามรบได้โดยไม่มีข้อจำกัดเฉกเช่นสตรีธรรมดาทั่วไป และข้าก็ยังคง ‘สมอง’ ของมนุษย์ไว้ทุกประการด้วย” “?” ชิกเพิ่งฉุกใจคิด “นั่นสิ ทำไมเจ้า...เอ่อ...‘ท่าน’ จึงยังคงความคิดอ่านแบบมนุษย์ไว้ได้?” “...” ขุนพลสาวหรี่ตาลง “คงเป็นเพราะข้าตั้งใจไว้แน่วแน่เช่นนั้นกระมัง... รุ่นพี่เรียกข้าเหมือนเดิมเถอะ....นะ...” “ท่านแนะนำตัวเองไม่ใช่หรือ ว่าคือพันเอกอิจิโกแห่งสหพันธรัฐโดม” ชิกตอบเสียงเย็นชา ลึก ๆ ลงไปในใจ เขาค่อนข้างผิดหวังที่หญิงสาวเลือกเส้นทางชีวิตเช่นนี้ “ข้าคงไม่บังอาจทำตัวตีสนิทกับท่านหรอก” “...” อีกฝ่ายหนึ่งเงียบไป แต่แล้วก็จ้องหน้ากลับมาด้วยสายตาที่กล้าแข็งและ....ปวดร้าว “ย่อมได้ ในเมื่อท่านต้องการเช่นนั้น” น้ำเสียงของหล่อนเปลี่ยนเป็นโทนเสียงราบเรียบเฉกเช่นตอนแรก “เอาล่ะ ธุระของท่านคงมิได้มีเพียงเท่านี้กระมัง?” ฝ่ายชายถามขึ้น “ถูกต้อง... ข้ามีเรื่องขอความร่วมมือจากท่าน...และพวกของท่านด้วย” “ว่ามา” “วันพรุ่งนี้ พวกข้าจะสำรวจที่บริเวณเชิงบันไดขึ้นชั้นสาม ซึ่งจะเป็นแหล่งสุดท้ายแล้ว” พันโทสาวแห่งทัพโดมกล่าวต่อ “ข้าขอให้พวกท่านช่วยคุ้มครองพวกข้าจากมอนสเตอร์บริเวณนั้นด้วย” “?” ชิกทำสีหน้าสงสัย “ทำไมล่ะ .... ‘พันเอกซีโร่’ คนเดียวไม่เพียงพอที่จะคุ้มกันพวกท่านหรือกระไร?” น้ำเสียงของเขาขณะพูดถึง ‘อดีต’ พี่ชายของตนอดสั่นเครือไม่ได้ “... เรื่องนี้เกี่ยวพันกับโอก้าโปรเจคของท่านจอมพลด้วย” “ไอ้โครงการฝ่าฝืน ‘เจตนารมย์แห่งสวรรค์’ อะไรนั่นนะหรือ?” “ถูกต้อง บริเวณที่พวกเราจะสำรวจกันพรุ่งนี้ เป็นบริเวณที่ติดต่อกับโลกภายนอกได้ ... นั่นหมายความว่า โคเรียอาจจะหยั่งรู้ถึงการกระทำของพวกข้าได้ ดังนั้นข้าจึงต้องการให้พวกท่านช่วยออกหน้าแทน หากมีการประทะสู้รบกับพวกสัตว์ร้าย” “...” ชิกนิ่งคิด “ข้ารับรองว่า งานของพวกท่านไม่เสียหายหรอก เพราะตอนนี้ฮิโระยังไม่ได้ประทะกับโกรมิลเลย” “เอ๊ะ!?” ชิกอุทานอย่างแปลกใจ “รายงานของสายข่าวของเราข้างนอก บอกว่า วันนี้ทัพหน้าของนีโอกลาดประทะกับทัพหน้าของบาร์ฮาร่าที่ชายทุ่งด้านนอกแล้ว... ท่านทายสิว่า ทัพหน้าของบาร์ฮาร่าคือใคร” “ไม่ใช่โกรมิลหรือ?” “บริกาโต้ต่างหาก” “อืมห์...” “พรุ่งนี้ ทัพของนีโอกลาดจึงจะบรรลุถึงป้อมปราการบาร์ฮาร่า และ...อย่างน้อยที่สุด การรบกับโกรมิลก็คงไม่ถึงกับแตกหักในวันพรุ่งนี้ พวกท่านสามารถช่วยงานของข้าได้โดยไม่เสียแผนหรอก” “...” ชิกยังนิ่งคิด “ว่าอย่างไร?” “พวกท่านมาทำอะไรในหอคอยแห่งนี้? ... อืมห์ ถามไปก็คงไม่ตอบสินะ” ชิกถามแต่แล้วก็พูดรำพึงกับตัวเองในตอนท้าย “หึหึ ท่านก็ทราบดีถึงระบบการเก็บความลับทางการทหารของสหพันธ์ ยังจะมาถามอีก” พันเอกอิจิโกตอบ “แต่เอาเถิด ข้าจะให้ข้อมูลแก่ท่านอีกเล็กน้อยก็ได้ เป็นการตอบแทนที่จะช่วยงานพวกเราในวันพรุ่งนี้” “ข้ายัง..” แน่นอน เขาจะพูดว่ายังไม่ได้รับปากจะช่วย หากแต่อีกฝ่ายหนึ่งยกมือขึ้นมาห้ามเสียก่อน “พวกท่านต้องช่วยข้าแน่นอน” กล่าวอย่างถือไพ่เหนือกว่า “เหมือนกับที่พวกกอบบลินยอมช่วยพวกเราและเหมือนกับที่องค์หญิงของพวกท่านก็กำลังช่วยพวกเราอยู่” “เอ๊ะ!” ชิกขมวดคิ้วอีก “พวกเราหมายตาที่จะสำรวจหอคอยนี้มานานแล้ว เพื่อหาสิ่งของบางอย่าง และคณะสำรวจชุดก่อน ๆ ก็ค้นพบมันไปบางส่วนแล้วด้วย แต่กว่าที่พวกกอบบลินจะเปิดทางให้เราเข้ามาในหอคอยนี้อย่างเป็นความลับได้ พวกเราก็ต้องเซ่นมันด้วยของบรรณาการหลายอย่างทีเดียว รวมทั้ง ‘โกรมิล’ ด้วย” “อะไรนะ?” ชิกอุทานเสียงหลง “นี่หมายความว่า...” “ใช่... การสะกดความจำของโกรมิลเป็นฝีมือของแคว้นเราเอง รวมทั้งไอเท่มอาถรรพ์สำหรับควบคุมโกรมิล และแผนการจัดตั้งกองกำลังอัศวินบาร์ฮาร่าเพื่อเสริมสร้างเขี้ยวเล็บให้กับพวกมัน ก่อนที่พวกเราจะได้เข้ามาสำรวจหอคอยนี้อย่างลับ ๆ ได้ โดยไม่ระแคะระคายไปถึงโคเรีย” “...” ชิกไม่มีอะไรจะกล่าว อา... ที่แท้สหพันธรัฐโดมก็อยู่เบื้องหลังกอบบลินนี่เอง มิน่าเล่า พวกกอบบลินจึงสามารถสะกดโกรมิลและจัดตั้งกองกำลังอัศวินได้สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่โดยธรรมชาติของกอบบลินต่อให้เจ้าเล่ห์ชั่วร้ายเพียงใด ก็ไม่มีทางคิดแผนการณ์ที่ลึกซึ้งชั่วร้ายได้ถึงขนาดนี้ เครือข่ายงานจารกรรมของสหพันธรัฐโดมยิ่งใหญ่ ลึกซึ้งเกินกว่าผู้คนจะหยั่งรู้ได้... สมกับที่เขารับรู้มาจริง ๆ “และนี่ เป็นการสำรวจครั้งสุดท้าย โชคดีที่ข้าเป็นหัวหน้าคณะในครั้งนี้ จึงได้มีโอกาสพบท่านอีก มิฉะนั้นพวกท่านก็คงไม่รู้ตัวว่า กำลังทำงานให้เราแล้วชิ้นหนึ่ง” “...ข้าเข้าใจล่ะ” ชิกเริ่มจับเค้าได้ “หมายความว่า พวกกอบบลินหมดประโยชน์แล้วใช่ไหม? จึงคิดจะอาศัยมือของทัพนีโอกลาดกำจัด” “ถูกต้อง” “อย่าบอกนะ ว่าที่กอบบลินมีงานการข่าวชั้นดี บุกไปโจมตีแคว้นของเราขณะที่องค์หญิงไม่อยู่ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะเมื่อสองเดือนก่อน ก็เป็นฝีมือของโดม” “ถูกต้อง และก็ได้ผล เมื่อองค์หญิงของพวกท่านประกาศสงครามกับกอบบลิน” “...” ชิกนิ่งไป “และข้าก็เสียใจด้วย ที่จะแจ้งว่า ผลการประทะกับบริกาโต้วันนี้ พวกท่านสูญเสียมากกว่าที่คิด เพราะยากระตุ้นพลังของแคว้นเราที่มอบเป็นบรรณาการแก่บริโมริน...นึกไม่ถึงเหมือนกันว่ามันจะเอามาใช้กับบริกาโต้ในวันนี้” “...” กุนซือหนุ่มแห่งนีโอกลาดเงียบไปอีก แต่แล้วก็เอ่ยปากขึ้น “ฮึ ถ้าองค์หญิงอยู่ พวกเราไม่มีวันเพลี่ยงพล้ำต่อกองทัพที่เสพยานั่นหรอก ... ว่าแต่พวกท่านเถิด ปล่อยให้ยาสำคัญอย่างนั้นไปตกในมือคนบ้าคลั่งอย่างบริโมริน แล้วมันก็ใช้ยาเข้าจริง ๆ กับลูกน้องมันเองเช่นนี้ มิกลัวโคเรียจะระแคะระคายหรือ?” “โคเรียไม่รู้จักวิทยาศาสตร์หรอก” เป็นคำตอบที่ได้กลับมา “ถึงอย่างไรสหพันธ์เราก็ไม่มีนโยบายจะใช้ยานี้กับกองกำลังของเราเองอยู่แล้ว โคเรียไม่มีทางรู้ว่ายานี้เป็นของพวกเรา” “ฮึ” คิดอย่างดูแคลนในใจว่า ทำไมพวกโดมเองจะไม่รู้ ถึงผลเสียของการใช้ยานั้นเล่าจึงได้ออกนโยบายเช่นนี้ออกมา แต่... กว่าจะมาเป็นตัวยานี้ เหยื่อทดลองกี่สิบกี่ร้อยคนที่ต้องสังเวยชีวิตไปแล้วล่ะ? “อย่างไรก็ตาม ทัพของฮิโระก็คงจะช่วยขจัดพวกกอบบลินให้กับพวกเรานะแหละ ... เหลือแต่พวกท่าน พรุ่งนี้ก็คงไม่ปฏิเสธที่จะช่วยพวกเราใช่ไหม?” “... หากพวกเราช่วยตัวประกันออกไปในวันมะรืนนี้ ท่านคิดว่ายังทันการณ์นะ?” ชิกชั่งใจอยู่เล็กน้อย ก่อนตัดสินใจถามตรง ๆ “ทันแน่นอน” หญิงสาวจากแคว้นโดมตอบ “และข้าก็ต้องการให้เป็นเชนนั้นด้วย เพื่อที่สงครามครั้งนี้ จะได้มีประเด็นที่น่าสนใจในสายตาของโคเรียเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งประเด็น... ช่วยให้ร่องรอยของพวกข้าสูญหายอย่างแนบเนียนยิ่งขึ้น” “ตกลง” ทั้งสองคนนัดแนะกันอีกสองสามประโยค ฝ่ายแคว้นเอ็กซ์ก็หันกายทำท่าจะจากไป “พบกันคราวหน้า เราจะอยู่ในฐานะมิตรหรือศัตรู?” “นั่นย่อมแล้วแต่องค์หญิงของพวกท่านเอง... ว่านางจะเลือกเส้นทางเดินแบบใด หากเส้นทางนั้น ‘บังเอิญ’ ขวางทางเดินของพวกเราละก็... ช่วยไม่ได้” “...” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรอีก ... ร่างของตัวแทนจากสหพันธรัฐโดมจากไปแล้ว กุนซือแห่งนีโอกลาดยังคงยืนนิ่งอยูเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายหายจากไปจริง ๆ จึงพูดขึ้นว่า “ออกมาได้แล้ว ท่านซาโต้” “อ้อ รู้ตัวเหมือนกันหรือ?” ร่างของนินจาหน้าบาก ปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าทันที “ข้าไม่รู้ตัวหรอก เพียงแต่คาดเดาจากนิสัยของท่านว่า ต้องตามมาแน่” “อืมห์...” “อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย ข้าไม่รู้จะอธิบายอย่างไร” “...” ซาโต้มองมาด้วยสายตาตั้งคำถาม “ข้าขอถามคำถามเดียวเท่านั้นเถิด... พวกข้าเชื่อใจท่านได้แน่นะ ชิกเอ๋ย” “ข้าคือชิกคนเดิมที่พวกท่านรู้จักมาตั้งแต่แรก” “...” สหายศึกทั้งสองสบตากันนิ่ง “เข้าใจล่ะ” “เสร็จงานนี้ ข้าจะปรึกษากับองค์หญิงเอง... ถึงเวลานั้น ท่านจะอยู่ด้วยก็ได้” “แน่นอนอยู่แล้ว” ... และนี่ คือ เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ภายในกำแพงเหล็กหนาแน่นของหอคอยบาร์ฮาร่า- เขตอาถรรพ์ที่ปลอดจากการหยั่งรู้ของมหาเทพโคเรีย... วันรุ่งขึ้น คณะสำรวจของโดมก็ทำงานอย่างราบรื่น น่าสังเกตว่าพันเอกซีโร่ไม่มาปรากฏกายให้เห็นอีกเลย มีการประทะกับพวกสัตว์ร้ายบ้าง แต่ก็เป็นพวกนีโอกลาดที่ช่วยต่อสู้คุ้มกันให้ จนคณะสำรวจทำงานเสร็จและแยกทางจากไป... วันถัดมา อันเป็นวันเดียวกับที่ฮิโระดวลกับโกรมิล หน่วยช่วยเหลือเชลยภายใต้การนำของสามสหายก็บุกเข้าไปจัดการกับพวกกอบบลินไม่กี่ตนที่เป็นผู้คุมสถานกักกันตัวประกันได้สำเร็จ หลังจากเจรจาความกับครอบครัวของอัศวินที่เคราะห์ร้ายเหล่านั้น ทั้งหมดก็ออกเดินทางมายังเชิงบันไดเพื่อทำการ “วาร์ป” หรือเคลื่อนย้ายตัวเองอย่างฉับพลันโดยอาศัยอำนาจจากสนามพลังอาคมที่อยู่บริเวณนั้น ออกมาสู่โลกภายนอกได้ในพริบตาเดียว ชิกกับซาโต้ซึ่งเคลื่อนตัวได้คล่องรีบนำหน้าไปดูสถานการณ์การรบ ณ หน้าป้อมปราการบาร์ฮาร่าก่อน ขณะที่นินจาส่วนใหญ่และซากิฟอน เดินทางไปพร้อมกับพวกตัวประกันที่ช่วยออกมาได้ติดตามมาทีหลัง ... |