มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

ภาคหนึ่ง เจ้าหญิงแห่งทัพอสูรใหม่

สถาปนา (1)

ท่ามกลางบรรยากาศขมุกขมัวของป่าแห่งหนึ่งในเขตแดนนีโอกลาดอันเป็นดินแดนแห่งเผ่าอสูร ร่าง ๆ หนึ่งนั่งประสานมือไว้บนตักอยู่บนก้อนหินใหญ่ ข้างกายวางไว้ด้วยอาวุธที่มีด้ามยาว ปลายที่เป็นคมอาวุธมีลักษณะเป็นใบโค้งขณะนี้ทอดขนานไปบนพื้นดิน

เมฆบนท้องฟ้าเคลื่อนตัวไปตามกระแสลมบน ในจังหวะหนึ่งที่แสงอาทิตย์แห่งดินแดนเนฟเวอร์แลนด์สามารถสาดส่องลอดหมู่เมฆลงมาได้ทำให้เห็นว่าเจ้าของร่างนี้เป็นสตรีวัยรุ่นหน้าตาคมคาย ไว้ผมยาวเพียงปรกต้นคอ แต่งกายอยู่ในชุดเสื้อกระโปรงสั้นสีขาวแซมดำ ใบหูที่ชี้แหลมทำให้ทราบได้ทันทีว่าเธอผู้นี้เป็นชาวอสูร หากแต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ประจำกายของสาวน้อยชาวอสูรผู้นี้คือมือข้างซ้ายอันน่าสะพึงกลัวนั่นเอง

มันเป็นมือที่ผู้พบเห็นจะต้องไม่มีวันลืมเลือนได้ แขนท่อนล่างนั้นเป็นสีขาวและมีขนาดใหญ่กว่าลำแขนปกติ บริเวณอุ้งมือมีลักษณะเป็นหัวกะโหลกใหญ่ บนหลังมือยังมีรูสีดำสองรูอันแสดงถึงดวงตาทั้งสองของหัวกะโหลกนั้น ที่บริเวณกรามของหัวกะโหลกมีองคาพยพงอกออกมาห้าสาย คือ นิ้วมือเรียวยาวทั้งห้านั่นเอง หากแต่เป็นนิ้วเรียวยาวที่น่าสะพรึงกลัว เพราะปลายเล็บที่แหลมคม และสีดำทะมึนของนิ้วทั้งห้านั้น

เด็กสาวมีทีท่าเหมือนจะไม่สนใจอะไรรอบข้าง ทำท่าจะยังคงนั่งอยู่อย่างนั้นไปอีกนานแสนนาน แต่แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นหันขวับไปทางด้านหน้าในทิศเยื้องไปทางขวาอย่างกระทันหัน พร้อมกับที่มือซ้ายอันอัปลักษณ์เอื้อมไปที่ด้ามของอาวุธคู่กายทันที แต่เมื่อเห็นว่าผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นเป็นใคร เธอก็คลายใจลงละมือจากอาวุธ

“มาอยู่ที่นี่เองรึ องค์หญิงน้อย” เสียงผู้มาใหม่ทักขึ้น

“พวกเจ้าเองรึ ซาโต้…” เด็กสาวตอบแล้วหยุดไปนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยชื่อของผู้มาใหม่จนครบทุกคน “แล้วก็ซากิฟอนกับชิกด้วย”

“ฮะฮะ ไม่ใช่พวกข้าแล้วจะมีมนุษย์หน้าไหนอยู่ในนีโอกลาดนี่อีกล่ะ องค์หญิง” ชายหน้าบาก มีรอยแผลเป็นบนแก้มซ้ายตอบขึ้น เขาผู้นี้เป็นมนุษย์แต่งกายในชุดนินจา และมีนามว่าซาโต้ “หน้าตาไม่เสบยเลย ยังคิดไม่ตกอีกรึ”

“…”

เด็กสาวผู้ถูกเรียกว่าองค์หญิงหรือฮิโระ-เจ้าหญิงแห่งเผ่าอสูรไม่ตอบคำถามของนินจาชาวมนุษย์

“พวกข้าก็กำลังรอการตัดสินใจของท่านอยู่นะ อย่าลืม” ชายร่างสูงใหญ่ ตัดผมสั้นเกรียน แต่งกายในชุดอัศวินเอ่ยขึ้นบ้าง

“พวกข้าไม่ทราบหรอกว่า ท่านจอมราชันย์อสูรและองค์หญิงพลานาสั่งเสียอะไรไว้กับองค์หญิงบ้าง แต่… ” ชายร่างเล็ก ผู้สวมแว่นตากรอบสีดำ อยู่ในชุดรัดกุมทะมัดทะแมงและสะพายเป้ใบขนาดย่อมไว้ที่หลังกล่าวขึ้นช้า ๆ อย่างพินิจพิจารณา “ข้าบอกตรง ๆ เลย องค์หญิงไม่เหมาะกับการอยู่นิ่ง ๆ แล้วก็มัวแต่คิดไม่ตกโดยไม่ยอมทำอะไรหรือตัดสินอะไรให้เด็ดขาดหรอก ข้าไม่อยากเห็นภาพขององค์หญิงแบบนี้เลย”

“ฮึ” ฮิโระถลึงตามองชายร่างเล็กนั้น แต่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็คลายความเคร่งเครียดบนสีหน้าลง แล้วหัวเราะขึ้นอย่างสบอารมณ์ “ฮะ ๆ ๆ นี่เราดูแย่ขนาดนั้นเชียวรึ ชิก”

“เอ้อ … หามิได้…” ชายร่างเล็กนามชิกกลับเป็นฝ่ายตอบอึกอักเสียเอง แต่สายตายังไม่ละไปจากใบหน้าอันยิ้มแย้มสดใสของหญิงผู้สูงศักดิ์กว่า

อัศวินร่างยักษ์เอื้อมมือมาตบลงบนบ่าของชิกดังป๊าบ พลางหัวเราะขึ้นกล่าวว่า

“ไอ้หมอนี่มันทำให้องค์หญิงยิ้มจนได้แฮะ ร้ายกาจจริง” แต่แล้วก็ตีสีหน้าเคร่งขรึมตามแบบฉบับของเขา หันไปทางฮิโระ “อย่างไรก็ตามองค์หญิง อย่าลืมว่า ท่านไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ท่านยังมีพวกข้าอีก พวกข้าซึ่งต่างก็หนีจาก ‘เผ่ามนุษย์’ มาด้วยความหลังที่แตกต่างกัน แต่ท่านก็มิได้รังเกียจหรือดูถูกพวกข้าเลย พวกข้าก็ยินดีที่จะมอบชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดนี้ให้ท่านได้เช่นกัน แม้ว่า… จะต้องเป็นศัตรูกับมนุษย์คนอื่นทั้งมวลก็เถิด”

“พูดผิดแล้ว ซากิฟอน” ซาโต้ขัดขึ้น “’แม้ว่าจะต้องเป็นศัตรูกับเนฟเวอร์แลนด์ทั้งทวีปก็ตาม’ ต่างหากล่ะ จริงไหม” ท้ายประโยคหันหน้าไปทางเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ทั้งสองคนก่อนที่จะหันมามองฮิโระ

“ไม่ค่อยจะบ้าบิ่นเลยนะ” อัศวินซากิฟอนประชด แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

ฮิโระยิ้ม เอื้อมมือซ้ายไปหยิบอาวุธคู่กาย-เกทออฟเฮฟเว่นซึ่งบัดนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเธอโดยสมบูรณ์ พลางลุกขึ้นยืน กล่าวว่า

“เราขอบใจมาก พวกเจ้าพูดถูกแล้ว มัวแต่คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์”

“องค์หญิง!!!” ทั้งสามเสียงดังขึ้นประสานกันอย่างลิงโลด

“ไป! กลับสู่ปราสาทนีโอกลาดกัน” เป็นคำตอบจากเจ้าหญิงอสูร แล้วร่างของเธอก็ก้าวสวบ ๆ หายลับไปในแมกไม้อย่างรวดเร็ว

“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ซาโต้กำหมัดยกขึ้นมาระดับอกอย่างสะใจ รีบวิ่งตามองค์หญิงของเขาไป พร้อม ๆ กับเพื่อนอีกสองคน

ณ ทิศทางที่ทั้งสี่คนมุ่งหน้าไปนั้น สามารถมองเห็นยอดแหลมของสิ่งก่อสร้างบางอย่างโผล่พ้นยอดไม้ขึ้นมาลิบ ๆ

สถานที่นั้นคือ ปราสาทนีโอกลาด- ปราสาทแห่งจอมราชันย์อสูรนั่นเอง

…

อา! ท่านพ่อ ท่านพี่ ข้าไม่ทราบหรอกว่า พวกท่านกำลังจะทำอะไร เมื่อในอดีต
คำสั่งเสียของพวกท่าน จนแม้บัดนี้ข้าก็มิอาจเข้าใจได้แม้แต่น้อย
เจตนารมย์แห่งพิภพ เจตนารมย์แห่งสรวงสวรรค์ เจตนารมย์แห่งยมโลกและเจตนารมย์แห่งจักรวาลรึ???
ข้าไม่อาจรู้ ไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเจตนารมย์ทั้งสี่นั้นคืออะไร
แต่สิ่งหนึ่งที่ข้ารู้ตอนนี้ก็คือ
ข้าเกลียดชังมนุษย์ !
มนุษย์ที่เคยทำร้ายข้าเมื่อครั้งยังเยาว์ และทำให้ข้าต้องมีแขนซ้ายอันอัปลักษณ์เช่นนี้
มนุษย์ที่พรากชีวิตของท่านพ่อ และเป็นสาเหตุทำให้ท่านพี่ต้องจบชีวิตตัวเองลงไปด้วย
มนุษย์ที่ล้างผลาญชีวิตชนเผ่าอสูรเราไปนับไม่ถ้วน ทั้งที่เราอยู่อย่างสงบไม่ได้รุกรานใคร

แต่…

ข้าก็ไม่เข้าใจ ทำไมกับมนุษย์บางคน ข้ากลับมีความรู้สึกที่ดีต่อพวกเขา
เวฟ นักสู้พเนจรที่ข้าพบในหอคอยสเปกตรัล ผู้มีแนวคิดผิดแผกจากมนุษย์คนอื่น ๆ
ซากิฟอน อัศวินผู้ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศต่อสถาบัน
ซาโต้ นินจาผู้ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศต่อองค์การนินจา
ชิก เด็กหนุ่มผู้มีความเห็นไม่ลงรอยกับประเทศของตน จนเป็นฝ่ายทิ้งประเทศหนีออกมา
กับคนเหล่านี้ ข้ารู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนดี
ดีกว่าพวกมนุษย์ที่อ้างตนว่าเป็นคนดีเพราะ ‘เป็นสาวกของนิกายศักดิ์สิทธิ์’ เสียอีก

มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไร้สมอง ไร้ความคิด จนกระทั่งจะแยกแยะความดีความเลวยังแยกไม่ออกเชียวหรือ?

ช่างน่าขำนัก ที่พวกเขาส่วนใหญ่แยกแยะธรรมมะ-อธรรม เพียงด้วยกฎเกณฑ์คือ ‘เผ่าพันธุ์’ และ ‘ความเชื่อ’

ความเชื่อที่ว่า มนุษย์ย่อมถูกต้องเสมอ และเผ่าพันธุ์อื่นย่อมเลวร้ายเสมอ
ความเชื่อที่ว่า นิกายศักดิ์สิทธิ์โคเรียย่อมเป็นที่เด็ดขาดสูงสุดเสมอ และความเชื่อแนวอื่นย่อมผิดเสมอ?

เอาเถิด…
ข้าตัดสินใจแล้ว…
และสุดท้ายแผ่นดินแม่- เนฟเวอร์แลนด์ ย่อมเป็นผู้ตัดสินเองว่า
ใครคือผู้ที่ถูกต้อง

บุคคลที่สามารถยืนหยัดอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของเนฟเวอร์แลนด์
ย่อมเป็นบุคคลที่เนฟเวอร์แลนด์ได้เลือกสรรแล้วว่า เหมาะสมที่จะอยู่อาศัยบนเนฟเวอร์แลนด์นี้ต่อไป

บางที ‘กองทัพอสูร’ อาจจะเป็นสิ่งที่เนฟเวอร์แลนด์กำลังเรียกร้องให้มีขึ้นอีกก็ได้

997 ปีก่อน ท่านพ่อได้ตั้งกองทัพอสูรด้วยเหตุผลหรือกุศโลบายเช่นใด ข้ามิอาจทราบได้
แต่ ณ บัดนี้ ข้ากำลังจะจัดตั้งกองทัพของข้าเช่นเดียวกัน
หากมันเป็นสิ่งที่ผิด
ผลแห่งการกระทำก็คงย้อนกลับมาลงโทษข้าเอง
แต่หากข้าเป็นฝ่ายถูกล่ะ
มนุษย์ที่โง่เขลาทั้งหลายจักต้องได้รับการลงโทษอย่างสาสม

สาสมกับความผิดที่พวกมันได้กระทำเอาไว้!!!
…


back index next
1