ท่านบริกาโต้ บาร์ฮาราใกล้แตกแล้ว รีบกลับไปช่วยท่านบริโมรินด่วน!!! คำบอกเล่าที่มีอานุภาพดั่งสายฟ้าฟาดลงมากลางกระหม่อมของบริกาโต้และเหล่าไพร่พลกอบบลินที่อยู่ใกล้ส่งผลให้พวกมันตะลึงไปทันที เจ้าตัวหัวโจกได้สติก่อนเพื่อนรีบระล่ำระลักทวนถามให้แน่ใจว่าตนมิได้ฟังผิด อะไรนะ แกว่าใหม่ซิ! ทัพเจ้าหญิงอสูร...อ้าก!!! ไม่ทันจะได้กล่าวจบ มันก็ทะลึ่งพรวดขึ้นสุดตัวก่อนจะคว่ำหน้าลงกองกับพื้น ด้านหลังของมันปักไว้ด้วยหอกซัดด้ามดำทะมึน บริกาโต้หันขวับไปทางชายป่าเบื้องหน้าไกลออกไปทันที เพื่อจะพบว่า อัศวินชาวมนุษย์ในชุดสีดำบนหลังม้าผู้หนึ่ง พร้อมผู้ติดตามอีกสามสี่นายบนหลังม้าเช่นกัน กำลังเพ่งมองมาทางนี้ ฮึ่ม! ไม่ทันจนได้ ชายไว้หนวด-อัศวินชุดดำสบถเสียงไม่ดังนัก หากแต่มนุษย์ป่าอย่างกอบบลินย่อมได้ยินเต็มหูทีเดียว นี่ย่อมเป็นที่ประจักษ์ได้ว่า เขาเป็นเจ้าของหอกซัดเล่มนั้นเอง ถอย! ยังไม่ทันที่ฝ่ายกอบบลินจะมีปฏิกิริยาใด อาคันตุกะรายล่าสุดก็สั่งถอนตัว และแล้ว อัศวินบนหลังม้าสี่-ห้านายนั้นก็หันหัวม้ากลับหลังวิ่งหายเข้าไปในป่า เจ้าบริกาโต้ประมวลสถานการณ์ทันที นี่หมายความว่าอะไรกัน ไพร่พลกอบบลินที่วิ่งกระเซอะกระเซิงมานี่เพื่อที่จะมาบอกข่าวมันอย่างนั้นหรือ ข่าวที่ว่า บาร์ฮารากำลังถูกโจมตี นี่นะ แล้วพวกนั้น... เดี๋ยวก่อนพวกนั้นคือ อัศวินในสังกัดกองกำลังโรซ่าแห่งโททัสบูร์กนี่นา บริกาโต้มั่นใจว่าตัวเองจำไม่ผิดแน่ เพราะในฐานะแคว้นที่มีอาณาเขตติดกันย่อมต้องมีเหตุกระทบกระทั่งกันบ่อย ๆ สุดท้ายมันนึกถึงคำพูดก่อนสิ้นใจของผู้ส่งข่าวที่ว่า ทัพเจ้าหญิงอสูร... ให้ตายสิ แย่แล้ว มันตัดสินใจทันที พวกเราถอยทัพกลับบาร์ฮาราเดี๋ยวนี้! หากในสถานการณ์อื่นคงเป็นการกระทำที่โง่เขลาสิ้นดีที่จะถอยทัพต่อหน้าทัพข้าศึกที่เตรียมพร้อมประจันบาญเช่นนี้ บริกาโต้เองก็รู้แก่ใจดี แต่มันยังคงทำได้ เพราะถือดีว่า ผู้กล้าโกรมิลยืนคุมเชิงให้มันอยู่ แน่นอน ในที่สุดทัพของผู้กล้าโกรมิลก็ต้องถอนตัวตามมันมาเช่นกัน แต่ในตอนนั้น เขาจะถอนทัพมาเช่นใด จะรับการโจมตีจากฝ่ายนีโอกลาดตามหลังมาหรือไม่ ไม่ใช่ธุระที่เจ้าบริกาโต้ต้องไปคำนึงถึง ... ซากิฟอนมองพวกกอบบลินวิ่งหน้าตั้งหายลับพ้นชายป่าเข้าไปจนหมด ก่อนที่จะพาตัวเองขึ้นมายืนแนวหน้าและมองไปที่ทัพอัศวินฝ่ายตรงข้ามซึ่งบัดนี้โกรมิลก็เดินขึ้นมาแนวหน้าเช่นกัน หากแต่ฝ่ายหลังไม่ได้หยุดที่ทัพของตนเอง กลับเดินออกมาเรื่อย ๆ จนเข้ามาในรัศมีที่สามารถมองเห็นหน้าของซากิฟอนได้ชัด ท่ามกลางหมอกควันจากอำนาจวิทยาศาสตร์ที่เริ่มคลายความหนาแน่นลงตามเวลาที่ผ่านไปและ... ตามแสงอาทิตย์ที่แรงจ้าขึ้น ... หัวหน้าอัศวินแห่งนีโอกลาดเดินออกไปจากทัพของตนบ้าง นัยน์ตาจับจ้องที่อัศวินไร้ความทรงจำไม่คลาคลาด ห่างออกไป เขารู้สึกได้ว่า ซาโต้พาตัวเองมาปรากฏขึ้นด้วยเช่นกัน รู้สึกว่า ศึกครั้งนี้จะต้องพักไปก่อนละนะ เจ้าอัศวินนอกรีตเอ๋ย อืมห์ ก็รู้สึกจะเป็นเช่นนั้น ซากิฟอนตอบ ... ... อัศวินผู้อ่อนวัยกว่ายืนนิ่งชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ คำพูดที่หลุดจากปากในที่สุดคือ ท่านถอนทัพตามพวกนั้นกลับไปเถิด ... โกรมิลยังนิ่งไม่ยอมพูดอะไรต่อ หรือจะสู้กับพวกข้าสองกองทัพพร้อมกันก็ได้นะ! เสียงหนึ่งดังสอดแทรกขึ้นมา เป็นซาโต้นั่นเอง สามหาวนัก! ผู้กล้าสวนกลับมาทันที แต่แล้วก็เค้นน้ำเสียงกล่าวต่อ แต่... พวกเจ้าก็แน่มากจริง ๆ ที่ต้านรับทัพของพวกเราได้เพียงนี้ หามิได้ ข้าเกือบจะจบชีวิตด้วยน้ำมือท่านแล้ว ซากิฟอนถ่อมตน ... โกรมิลมองหน้าซากิฟอนทีหนึ่ง ก่อนหันไปมองซาโต้แล้วก็กลับมามองซากิฟอนใหม่ เอาเถิด เก็บรักษาศีรษะของเจ้าทั้งสองไว้ให้ดี ข้าจะต้องมาเยือนที่นี่อีกแน่ ... ทั้งซากิฟอนและซาโต้เงียบ ไม่ได้ตอบอย่างไร แต่ขณะที่โกรมิลทำท่าจะหันกลับนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางกองทัพนีโอกลาดว่า มิต้องลำบากท่านหรอก อัศวินผู้ไร้อดีตเอย อีกสามเดือนพวกข้าจะไปเยือนท่านเอง! นายทัพทั้งสามที่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่ต่างหันขวับไปทางต้นเสียงทันที แน่นอนว่าฝ่ายนีโอกลาดทราบดีจากน้ำเสียงนั้นอยู่แล้วว่าเป็นใคร ในสายตาของโกรมิล ชายร่างเล็กสวมแว่นตาเดินพ้นกองกำลังทหารของนีโอกลาดออกมา ท่าทางแบบบางและคงแก่เรียนจนไม่สมกับที่จะมาปรากฏกายในสมรภูมิรบเช่นนี้เลย เขาได้แต่ถามว่า ท่านเป็นใคร? ขอแนะนำตัว ข้าคือ ชิก ที่ปรึกษาทางการทหารขององค์หญิงฮิโระ กุนซือหนุ่มแห่งนีโอกลาดนั่นเอง อืมห์ ท่านเองหรือที่อยู่เบื้องหลังการตั้งรับอันแข็งแกร่งนี้ เป็นคำชมจากใจจริงของโกรมิล และดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบกล่าวต่อว่า หมอกนี่ก็เป็นฝีมือของท่าน ผู้มาจากสหพันธรัฐโดมสินะ สายตาแหลมคมนัก ชิกก้มศีรษะยอมรับ ศึกในครั้งนี้ ถือว่าเสมอกันก็แล้วกัน ท่านรีบกลับไปเถิด ข้ายืนยันว่า อีกสามเดือนเราได้พบกันที่บาร์ฮาราแน่นอน หมายความว่า... อืมห์ เข้าใจล่ะ โกรมิลขยับปากจะถามย้ำเพื่อยืนยันสิ่งเขาฉุกคิดได้จากคำพูดของอีกฝ่าย แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่ถาม คงทำตามที่ได้รับการเสนอแต่โดยดี ตกลง วันนี้ข้าจะถอยทัพกลับไปตามคำของท่าน และนั่น คือสัญญานแห่งการสิ้นสุด ศึกโจมตีนีโอกลาดของทัพบาร์ฮารา ... โผล่มาจากไหนนี่ เร็วจริง หัวหน้ากองนินจาเอ่ยถามขึ้น หลังจากเฝ้ามองดูทัพอัศวินผู้บุกรุกถอนทัพกลับไปแล้ว ก็วิ่งลงมาจากบนเชิงเทินนั่นแหละ กุนซือร่างเล็กตอบ เป็นไง พอจะเป็นนินจาได้ไหม ว่าแล้วก็ยักคิ้วแผลบ หึ หึ อีกฝ่ายไม่ตอบ ชิกบอกให้สหายทั้งสองสั่งให้ทหารฝ่ายตนกลับเข้าไปในปราสาท ส่วนตัวเขาเองกลับจ้องมองไปทางชายป่าที่อยู่ลิบ ๆ นั้น เมื่อทหารทั้งสองกองเดินกลับเข้าไปในประตูปราสาทหมดแล้ว หัวหน้ากองทั้งสองก็เดินมาสมทบกับกุนซือหนุ่มอีกครั้ง อืมห์ น่าจะมาได้แล้วนะ ชายสวมแว่นเปรยขึ้นลอย ๆ มาแล้วมั้ง นินจาตอบ เขาได้ยินเสียงของผู้ที่กำลังเดินทางมาก่อนสหายทั้งสอง อีกอึดใจเดียว ม้าห้าตัวก็นำพาอัศวินจำนวนเท่ากันวิ่งออกจากแนวชายป่ามาหยุดที่ตรงหน้าของสามสหาย ผู้นำหน้าคืออัศวินหนวดชุดดำที่เป็นผู้ซัดหอกปลิดชีพกอบบลินที่วิ่งมาส่งข่าวเมื่อสักครู่นั่นเอง พวกท่านคือกุนซือชิก และนายกองซากิฟอนและซาโต้ใช่หรือไม่? ผู้มาใหม่เอ่ยถามหลังจากกระโดดลงจากหลังม้ามายืนอยู่เบื้องหน้าบุคคลทั้งสามแล้ว ถูกต้องแล้ว ชิกเป็นผู้ตอบ ท่านคือ...? ขอแสดงความนับถือ องค์หญิงมองคนไม่ผิดจริง ๆ ผู้มาใหม่ตอบ ข้าคือ ลูเซย์เดอร์ อดีตอัศวินแห่งทัพโรซ่า ปัจจุบันเป็นขุนพลภายใต้อาณัติขององค์หญิงฮิโระ โอ แสดงว่าองค์หญิง... ชิกทั้งสามก้มศีรษะทักทายตอบ โดยชิกยังคงเป็นตัวแทนเจรจากับผู้มาใหม่ต่อไป นางชนะพวกเรา...ชนะอย่างราบคาบทีเดียว ลูเซย์เดอร์ตอบพลางแค่นยิ้ม คาดว่าวันมะรืนนี้ นางจะเดินทางกลับมาพร้อมกับกองทัพอสูรของนาง ทุกอย่างเป็นไปตามที่นางคาดการณ์และวางแผนไว้จริง ๆ เอ่อ ขอความกรุณาท่านช่วยให้รายละเอียดพวกข้าหน่อยจักได้ไหม? ซากิฟอนอดไม่ได้ต้องถามขึ้น แน่นอนอยู่แล้ว พ่อหนุ่มเอ๋ย พวกเราเดินไปคุยไปเถิด ชิกสรุป พลางชักชวนให้พวกที่อยู่ด้วยกันทั้งหมดรวมทั้งผู้มาใหม่เดินมุ่งหน้ากลับเข้าไปยังปราสาทนีโอกลาด ... จากคำบอกเล่าของลูเซย์เดอร์ พวกของชิกได้ทราบอย่างตื่นตะลึงว่า องค์หญิงของพวกเขาตีโททัสบูร์กแตกในวันเดียว จากนั้นก็สามารถเกลี้ยกล่อมให้ศัตรูเดิมคือลูเซย์เดอร์กลับใจมาพวกได้ พร้อมกับได้รับทราบข่าวการเดินทัพของบาร์ฮารารวมทั้งเรื่องโกรมิลด้วย (แต่ยังไม่ทราบละเอียดถึงเรื่องที่โกรมิลเสียความทรงจำ) และการณ์ก็เป็นไปตามที่ชิกคาดไว้คือ เธอไม่สามารถปลีกตัวจากโททัสบูร์กได้ แต่ก็ได้วางแผนลับเฉพาะที่จะทำให้ทัพบาร์ฮาราต้องถอนตัวกลับจากนีโอกลาดเอง นั่นคือ การสร้างสถานการณ์ให้เชลยชาวกอบบลินที่อยู่ในคุกของโททัสบูร์กเข้าใจผิดว่า ทัพผสมของนีโอกลาดและโททัสบูร์กบุกไปตีบาร์ฮาราและจวนจะสำเร็จอยู่แล้ว โดยฉวยโอกาสที่กองกำลังส่วนใหญ่ของบาร์ฮารากำลังบุกไปตีนีโอกลาดนั้นเอง จากนั้นก็ทำทีเปิดโอกาสให้เชลยเหล่านั้นแหกคุกหนีไปได้เนื่องจากทหารในโททัสบูร์กออกรบกันหมด แน่นอน พวกเชลยเลือกที่จะหนีไปขอความช่วยเหลือจากกองทัพของตนที่กำลังตีนีโอกลาด มากกว่าจะหนีกลับไปบ้านเกิดของตน ระหว่างทางเชลยถูกตามล่าไปได้ทีละตนสองตน จนเหลือเฉพาะตนสุดท้ายที่มาถึงกองทัพของบริกาโต้ได้ พอมันมีโอกาสได้ถ่ายทอดข่าวลวง (ซึ่งมันเข้าใจว่าเป็นความจริง) ก็เป็นหน้าที่ของลูเซย์เดอร์ต้องปลิดชีพมันเสียก่อนจะเปิดโอกาสให้บริกาโต้ได้มีโอกาสซักถามจนเกิดพิรุธได้ แผนนี้สำเร็จได้ด้วยการวางแผนและประมวลสถานการณ์อย่างเหนือชั้นของเจ้าหญิงอสูรเอง รวมทั้งการอาศัยธรรมชาติของชาวกอบบลินที่เป็นพวกมีเล่ห์อย่างตรงไปตรงมา ย่อมไม่ทันคิดยอกย้อนจับผิดในข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของข่าวลวงที่ฝ่ายทัพอสูรใหม่สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม แผนนี้ก็กินเวลาห้าวันกว่าที่จะจัดให้ข่าวลวงนี้ถ่ายทอดมาถึงหูของบริกาโต้และนำไปสู่การถอยทัพในที่สุด ก่อนหน้านั้นย่อมต้องเป็นความรับผิดชอบของสามสหายที่จะยันทัพที่นำโดยผู้กล้าโกรมิลไว้ให้ได้ ... เดือนสาม ปีอสุรศักราชที่ 997 ข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วเนฟเวอร์แลนด์ว่า ทัพอสูรใหม่กรีฑาเข้าตีโททัสบูร์กแตกในวันเดียว รายละเอียดของข่าวนี้มีค่อนข้างละเอียดเนื่องจากแหล่งข่าวคือ อดีตทหารและพลเรือนของโททัสบูร์กที่ตัดสินใจอพยพออกจากแคว้นเดิมของตนในวันที่โททัสบูร์กแตกนั่นเอง ข่าวนี้ย่อมนำความตระหนกมาสู่มวลมนุษย์อย่างหาที่เปรียบมิได้ เพราะการตีโททัสบูร์กอันเป็นดินแดนล่าสุดที่มนุษย์ช่วงชิงมาจากร่มธงของทัพจอมราชันย์อสูรนั้น ย่อมเป็นการประกาศสงครามกับมวลมนุษย์ซึ่ง ๆ หน้านั่นเอง พร้อม ๆ กันกับข่าวการล่มสลายของกองกำลังอัศวินโรซ่า ข่าวการตั้งรับที่นีโอกลาดก็กระจายไปทั่วเช่นกัน หากด้วยรายละเอียดที่น้อยกว่าข่าวแรกมากนัก ทราบเพียงว่า ทัพของกอบบลินจำนวนกว่าหกร้อยไม่สามารถตีนีโอกลาดให้แตกได้ทั้งที่ฝ่ายรับมีกำลังน้อยกว่ากันถึงสี่เท่า และสุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายล่าถอยเสียเอง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทรงพลานุภาพของทัพอสูรใหม่ทั้งในแง่รุกและรับ แน่นอน รายละเอียดของการศึกที่นีโอกลาดครั้งนี้ไม่มีโอกาสหลุดลอดไปถึงคนภายนอกแคว้นทั้งสอง รวมทั้งเรื่องของผู้กล้าโกรมิลด้วย ขณะที่บรรดาแคว้นต่าง ๆ ในเนฟเวอร์แลนด์อลหม่านด้วยการเตรียมรับมือกับสถานการณ์สงครามที่ส่อเค้าจะคุกรุ่นและลามไปทั่วผืนปฐพีนี้เอง สิ่งที่เจ้าหญิงฮิโระเคยทำนายไว้ว่า สิ่งต่าง ๆ ก็ คงจะชัดเจนขึ้นเอง หลังจากจบปฐมศึกของเธอแล้วนั้นก็เริ่มเป็นความจริง เดือนสี่ ปีเดียวกัน ปราสาทนีโอกลาดก็ได้มีโอกาสต้อนรับอาคันตุกะสองคณะ คือ ท่านหญิงเมย์มีแห่งราชวงศ์แวมไพร์ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับขุนพลคู่ใจ- คลาอุสจากแคว้นเชมบะ และขุนพลปิศาจสเกลต้าจากแคว้นไกเซอร์โอนในฐานะทูตจากเจ้าครองแคว้นคืออัศวินดำไกเซอร์ ... |