มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

ภาคหนึ่ง เจ้าหญิงแห่งทัพอสูรใหม่

ปฐมศึก: เผด็จศึกโททัสบูร์ก

“ไชโย เจ้าหญิงเป็นฝ่ายมีชัยแล้ว”

เสียงตะโกนโห่ร้องดังขึ้นรอบด้าน ทหารของฝ่ายอสูรเปล่งเสียงตะโกนดีใจและในขณะเดียวกันมันก็เป็นการข่มขวัญศัตรูไปในตัวด้วย ม้าของฮิโระปราดเข้ามาหาเจ้านายของมันอีกครั้ง

ฮิโระสปริงตัวลอยขึ้นหลังม้าอย่างสง่างาม แล้วบังคับม้าตรงไปถอนเคียวเกทออฟเฮฟเว่นที่ปักอยู่กับพื้นขึ้นมาใช้ปลายเคียวชี้ไปที่ร่างลูเซย์เดอร์ซึ่งยังไม่หมดสติและพยายามยันตัวเองลุกขึ้นจากพื้นอยู่ เธอสั่งการกับทหารฝ่ายตนว่า

“คุมตัว‘เขา’ ไว้”

ทหารผีโครงกระดูกสามสี่นายตรงเข้าหิ้วปีกอัศวินชาวมนุษย์ขึ้นมาทันที แน่นอนดาบสามสี่เล่มถูกจ่อพาดเข้ากับลำคอของเชลย ในระหว่างนี้นายกองปิศาจตนหนึ่งบนหลังม้าปราดเข้ามายื่นดาบของฮิโระคืนให้เจ้าของพร้อมกับกล่าวรายงานสถานการณ์

“พวกเราประทะกับทหารอัศวินชุดที่มาใหม่นี่ไปสามรอบขอรับ ฝ่ายเราสูญเสียไปห้าสิบ ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียหนึ่งร้อยห้าสิบขอรับ”

นั่นหมายความว่าระหว่างที่ฮิโระปะมือกับลูเซย์เดอร์อยู่นั้นการรบพุ่งระหว่างไพร่พลของทั้งสองฝ่ายก็ดำเนินไปอย่างดุเดือด หากแต่ฝ่ายที่ควบคุมสถานการณ์การสู้รบคงเป็นฝ่ายอสูรนั่นเอง

รูปขบวนก้ามปูเข้าประทะกับรูปขบวนวงเดือนแล้วก็ผละออกมาก่อนที่จะจัดรูปขบวนแล้วตรงเข้าประจันบาญใหม่อยู่สามรอบ และผลการประทะเป็นไปอย่างที่ได้รายงาน ขณะนี้ กำลังฝ่ายทัพอสูรใหม่เหลืออยู่เจ็ดร้อยห้าสิบ ฝ่ายอัศวินเหลืออยู่สองร้อย ฝ่ายแรกยังคงอยู่ในรูปขบวนก้ามปูเหมือนเดิม ขณะที่ฝ่ายหลังก็ยังคงรูปขบวนวงเดือนอย่างเหนียวแน่นเช่นกัน แสงอาทิตย์ยามเย็นทอดเงาของเหล่าทหารหาญในสมรภูมิเป็นทางยาว

“ขออภัยองค์หญิงด้วยขอรับ โดฟานกับทหารอีกสามคนหนีจากสมรภูมิไปได้แล้วขอรับ” เป็นคำรายงานเพิ่มเติม

“อืมห์” ฮิโระพยักหน้ารับเหมือนกับไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าไรนัก เธอชำเลืองสายตามองดูลูเซย์เดอร์ที่ตกอยู่ในการควบคุมตัวแวบหนึ่งก่อนที่จะออกคำสั่งต่อไป

“จัดรูปขบวนหัวหอก!” เป็นคำสั่งการจากแม่ทัพแห่งกองทัพอสูรใหม่ บรรดานายกองรองลงไปขานรับทันที ธงรูปขบวนถูกโบกสะบัดอีกครั้งหนึ่งแล้วเหล่าผีโครงกระดูกก็เคลื่อนย้ายตัวเองจัดเป็นรูปแท่งดินสอโดยชี้ปลายพุ่งเข้าหาทัพของอัศวิน

นี่เป็นการเตรียมสู้รบแตกหักขั้นสุดท้ายนั่นเอง เป็นที่ทราบกันดีว่า รูปขบวนหัวหอกนี้คือรูปขบวนที่ใช้สำหรับพุ่งเข้าทำลายล้างข้าศึก ทะลวงทัพข้าศึกให้แตกสลายเป็นสองเสี่ยงก่อนที่จะทำลายให้สิ้นสูญอย่างเด็ดขาดนั่นเอง

สีหน้าของลูเซย์เดอร์ซีดเผือดลงทันทีที่ได้ยินคำสั่งเช่นนี้ เขาทราบดีว่าอีกอึดใจต่อมา ชะตากรรมของกองทัพของเขาจะเป็นเช่นใด

“หากเรานำหน้ารูปขบวนหัวหอกนี้เอง เจ้าคิดว่าการประจัญบานครั้งต่อไปจะเป็นครั้งสุดท้ายของศึกครั้งนี้หรือไม่”

เสียงของฮิโระที่ชักม้าเข้ามาใกล้แล้วถามเขาขึ้นมาทำให้ลูเซย์เดอร์ตื่นจากภวังค์ตระหนก หันขวับไปเงยหน้ามองต้นเสียงซึ่งอยู่บนหลังม้าอย่างสง่างาม สีหน้าของฝ่ายเด็กสาวเรียบจนยากจะจับความรู้สึกได้

“ข้าคงปฏิเสธไม่ได้หรอก ถูกของท่าน องค์หญิงอสูร”

“และเมื่อทะลวงทัพของเจ้าล่มสลายแล้ว ทัพของเราก็จะเคลื่อนตรงไปยังปราสาทโททัสบูร์กทันที คงจะได้เวลาพลบค่ำพอดี และหลังจากนั้น เจ้าคิดว่าพวกเจ้าในปราสาทจะทานพวกเราได้สักเท่าไร”

“เฮ้อ!” เชลยศึกถอนใจ ชำเลืองมองเหล่าไพร่พลผีโครงกระดูกของฮิโระแวบหนึ่ง ก่อนตอบตามตรงว่า

“สเกลตันในเวลากลางคืนนี่นะ คงจะตีปราสาทแตกได้ในคืนนี้นั่นแหละ หรือถึงยังไง ท่านก็คงต้องเร่งมือให้มันเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วมิใช่หรือ”

“ก็ไม่แน่นัก” เป็นคำตอบเหนือความคาดหมาย ลูเซย์เดอร์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“หมายความว่าอย่างไร?”

“เจ้าสนใจจะทำงานกับเราไหม?” ฮิโระเอ่ยปากชวน

“ท่าน…” อีกฝ่ายตะลึงด้วยคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้ “ท่านหมายความว่าจะให้ข้าสวามิภักดิ์ต่อท่านอย่างนั้นหรือ?”

“เจ้าเป็นคนที่มีความสามารถ หากจะต้องจบชีวิตลงเพียงเท่านี้ก็นับว่าเป็นที่น่าเสียดาย” ฮิโระขยายความต่อ “เราเพียงแต่เสนอทางเลือกให้เจ้าเท่านั้น”

เธอหยุดแค่นั้น กระตุ้นม้าให้หันหน้ากลับไปทางทิศที่เผชิญหน้ากับทัพอัศวิน แล้วพูดขึ้นทั้งที่หันหลังให้กับลูเซย์เดอร์อยู่ว่า

“หากเจ้าปฏิเสธ ก็จงไปให้พ้นจากสนามรบนี้เถิด แต่สำหรับลูกน้องของเจ้า ก็คงต้องหลั่งเลือดสังเวยแผ่นดินโททัสบูร์กกันหมดสิ้นในภายในคืนนี้นั่นแหละ แต่หากเจ้ายินดีทำงานกับเรา นั่นหมายความว่า ลูกน้องของเจ้าทุกคนรอดชีวิตด้วย แต่พวกเขาจะทำงานกับเราหรือไม่นั่นคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

ลูเซย์เดอร์นิ่งคิด เขาเองก็รู้สึกได้ถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ที่ยังคงซ่อนเร้นอยู่ในตัวเจ้าหญิงอสูรผู้นี้ ในใจก็คิดอยากจะติดตามดูให้แน่ชัดเหมือนกันว่า เธอผู้นี้จะไปได้ไกลขนาดไหน และสิ่งที่เธอจะนำมาสู่แผ่นดินเนฟเวอร์แลนด์นั้นคืออะไรกันแน่ อย่างน้อยที่สุด ผู้ได้ชื่อว่าเป็นอสูรผู้นี้ก็หาได้ดุร้ายกระหายเลือดอย่างที่มนุษย์ปักใจเชื่อว่าเผ่าอสูรเป็นเช่นนั้นกันไม่ อย่างไรก็ตามคำตอบที่ออกจากปากของเขาก็คือ

“ขอบพระคุณ ‘องค์หญิง’ ที่ให้เกียรติข้าและทหารของข้าถึงเพียงนี้ แต่… มันออกจะผิดธรรมเนียมไปหน่อยนะ เราควรจะได้เจรจาเรื่องนี้ที่กันปราสาทโททัสบูร์กมิใช่หรือ”

“อืมห์”

ฮิโระหันหน้ากลับมามองลูเซย์เดอร์แวบหนึ่งก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า

“ถูกของเจ้า ถ้าเช่นนั้นเราก็ไม่มีทางเลือกล่ะนะ”

เธอหันกลับไปพร้อมกับชูเคียวซาตานชี้ไปข้างหน้า

“บุก!”

“ไป!”

ไพร่พลทหารสเกลตันโห่ร้องดังกว่าทุกครั้ง รูปขบวนหัวหอกพุ่งตรงเข้าหาวงเดือนจำนวนสองร้อยนายทันที ฝ่ายหลังไม่วิ่งสวนเข้ามาแล้วหากแต่ยืนนิ่งปักหลักตั้งรับอยู่กับที่ แสดงให้เห็นถึงขวัญที่แตกกระเจิงของทหาร

“พวกเจ้าก็ตามเรามาด้วย”

ฮิโระหันไปสั่งการกับพวกนายกองที่อยู่บนหลังม้า แล้วขบวนทัพม้าประมาณยี่สิบม้านำโดยฮิโระเองก็พาตัวเองพุ่งขึ้นไปอยู่ตรงตำแหน่งหัวหอกเสียเอง

หัวขบวนทัพอสูรตรงเข้าทะลวงทัพอัศวินแตกกระเจิงเป็นสองเสี่ยง และบรรดาไพร่พลที่ตามมาก็บดขยี้เหล่าอัศวินที่ยังคงรอดเหลืออยู่อย่างดุเดือด

การณ์เป็นไปอย่างที่ฮิโระและลูเซย์เดอร์ได้คาดไว้ ทัพอัศวินโรซ่าสองร้อยนายแตกกระเจิงในการประทะครั้งนี้นั่นเอง และก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน กองหน้าของทัพอสูรที่นำโดยแม่ทัพและเหล่านายกองบนหลังม้าพร้อมกับทหารเลวส่วนหนึ่งก็บรรลุถึงชานปราสาทโททัสบูร์กซึ่งได้ปิดตัวเองสนิทและเตรียมการณ์ตั้งรับไว้อย่างเหนียวแน่นตามคำสั่งของลูเซย์เดอร์ก่อนที่เขาจะออกไปจากปราสาท

อย่างไรก็ตาม ทัพอสูรของฮิโระไม่ต้องเสียแรงตีป้อมปราการสุดท้ายนี้เลย เมื่อฮิโระเลือกวิธีเจรจาให้ฝ่ายในปราสาทยอมจำนนโดยอ้างเหตุผลว่าทัพใหญ่ของพวกเขาแตกสลายไปแล้ว ตัวโดฟานเองหนีหายจากสนามรบในสภาพบาดเจ็บเป็นตายเท่ากัน ขณะที่ลูเซย์เดอร์ตกเป็นเชลยของตนอยู่ คำประกาศของฮิโระส่งผลให้ในปราสาทอลหม่านขึ้น และเมื่อทหารของฮิโระนำตัวลูเซย์เดอร์ซึ่งถูกพันธนาการไว้มาถึงลานหน้าปราสาท พวกในปราสาทก็ยอมจำนน

เป็นอันสิ้นสุดการออกศึกครั้งแรกของทัพอสูรใหม่พร้อมกับชัยชนะอันงดงามของพวกเขา ทหารผีโครงกระดูกแปดร้อยห้าสิบที่นำมาด้วย คงเหลืออยู่จำนวนเจ็ดร้อยเศษ ในขณะที่ทัพอัศวินโรซ่าจำนวนทั้งสิ้นเจ็ดร้อยนายนั้น เหลือรอดเป็นเชลยอยู่เพียงห้าสิบนายเท่านั้น ทั้งนี้ไม่รวมพวกพลเรือนที่อยู่ภายในปราสาท

…


back index next
1