แนะนำที่มาที่ไปของเรื่อง “มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์-
Spectral Force”

• วันที่ 4 ต.ค 1996 (2539) เกม “Spectral Tower” ออกวางจำหน่าย ตัวเอก
  ในเรื่องคือ ซิฟอนและเกรย์ เป็นเกมประเภท RPG รันบนเครื่องเพลย์สเต
  ชัน
• วันที่ 29 ม.ค 1998 (2541) เกม “Spectral Tower 2” ออกวางจำหน่าย ตัว
  เอกในเรื่องคือ เวฟและเบรก ตัวประกอบอื่น ๆ เช่น ฮิโระ (ในนามของยม
  ทูตแห่งความตาย), เทพมังกรทั้งหก ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นตัวละครที่จะมา
  ปรากฏบทบาทในเกมต่อ ๆ มาอีก เกมนี้ก็เป็น RPG บนเครื่องเพลย์สเต
  ชันเช่นกัน
• วันที่ 9 ต.ค 1997 (2540) เกม “Spectral Force” บนเครื่องเพลย์สเตชันออก
  วางจำหน่าย เนื้อเรื่องจับความเมื่อเจ้าหญิงอสูรนาม “ฮิโระ” สถาปนากอง
  กำลังอสูรสายเลือดใหม่ขึ้น เป็นจุดชนวนของมหาสงครามเนฟเวอร์แลนด์
  (สังเกตว่า ผู้เรียบเรียงเอาเกมนี้มาไว้ทีหลังเพราะโดยลำดับความต่อเนื่อง
  ของเนื้อเรื่องแล้ว เนื้อหาในเกมนี้เกิดทีหลัง Spectral Tower2) ลักษณะ
  เกมเป็น War Simulation ผู้เล่นสามารถเลือกเป็นเจ้าครองแคว้นใดแคว้น
  หนึ่งในสี่สิบแคว้นของเนฟเวอร์แลนด์ได้ แล้วพยายามสร้างเสริมความ
  มั่นคงให้ประเทศตนเอง ส้องสุมกำลังทหาร เสาะหาขุนพลที่มีความ
  สามารถมาอยู่ใต้บังคับบัญชา สุดท้ายก็คือทำการรบแผ่ขยายอาณาเขตของ
  ตนจนกว่าจะพิชิตอีก 39 แคว้นลงได้หมดเป็นอันจบเกม (ในกรณีของเจ้า
  ครองแคว้นบางคนเมื่อรวบรวมเนฟเวอร์แลนด์ไว้ใต้อำนาจของตนได้แล้ว
  อาจจะต้องเผชิญกับบอสด่านสุดท้ายก่อนจึงจะจบเกมได้) เกมนี้ได้จุดกระ
  แสบูมขึ้น ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนกระทั่ง IF ต้องออกเกม
  Spectral Tower 2 เพื่ออธิบายที่มาของตัวละครบางตัวย้อนหลังรวมทั้งวาง
  แผนจะออกจำหน่ายเกมนี้บนวินโดวส์ด้วย จุดขายของเกมนี้คือ กราฟฟิค
  ที่สวยงาม (โดยเฉพาะตัวละครสตรี), ฉากการรบแบบเรียลไทม์ โดย
  เฉพาะอย่างยิ่งฉากการประทะกันระหว่างทหารหนึ่งพันต่อหนึ่งพัน
  (จำนวนทหารสูงสุดที่แม่ทัพคนหนึ่งจะมีได้) และเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ชวน
  ติดตาม ตัวละครแต่ละตัวถูกกำหนดภูมิหลังอย่างละเอียด มีความเกี่ยว
  ข้องสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ เป็นลูกโซ่
• วันที่ 31 ก.ค 1998 (2541) เกม “Spectral Force-Aira Kourin” ซึ่งเป็นเกม
  ที่ปรับปรุงจาก Spectral Force แต่รันบนเครื่องคอมพิวเตอร์ภายใต้ระบบ
  ปฏิบัติการ Window 95 ก็ถูกวางจำหน่าย โดย IF ร่วมมือกับบริษัทอีก
  บริษัทหนึ่งคือ NEC Entertainment ให้บริษัทหลังนี้เป็นผู้พัฒนา
  โปรแกรมและเป็นผู้จำหน่ายเกมบนวินโดวส์ของ IF ผลจากการนี้ทำให้
  แฟนของสเปกตรัลซีรีส์มีเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งตัวผู้เรียบเรียงเองก็รู้จักเกมนี้
  จากฉบับบนวินโดวส์นี่แหละ อย่างไรก็ตาม ผู้เรียบเรียงยังไม่บ้าบิ่นถึงขั้น
  จะลงทุนซื้อเพลย์สเตชันเพื่อมาเล่นเกมอื่น ๆ ในซีรีส์นี้ ดังนั้นข้อมูลที่ผู้
  เรียบเรียงได้มาจึงมาจากการเสาะหาบนอินเตอร์เน็ตนั่นเอง ลอง Search
  คำว่า Spectral Force กับ Search Engine ของญี่ปุ่นดู เช่น yahoo.co.jp,
  infoseek.co.jp ฯลฯ จะพบว่ามีโฮมเพจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมายทีเดียว อ้อ!
  สำหรับความหมายของคำว่า Aira Kourin ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่นนั้น ขอให้ติด
  ตามในนิยายที่ผู้เรียบเรียงกำลังเขียนและจะทยอยลงในโฮมเพจนี้นะครับ
  (ในขณะที่เขียนบทความแนะนำสเปกตรัลซีรีส์นี้ เนื้อหาในนิยายยังเขียน
  ไปไม่ถึงตอน Aira Kourin ครับ)
• วันที่ 15 ต.ค 1998 (2541) หลังจากประสบความสำเร็จจาก Spectral Force
  บน PS (เพลย์สเตชัน) และให้ NEC Entertainment ออกเกมนี้บนวินโดวส์
  แล้ว IF ก็ได้ฤกษ์ออกเกมถัดไปคือ Spectral Force 2 บน PS เช่นเคย โดย
  เกมในคราวนี้ได้เปลี่ยนมุมมองในสงครามเนฟเวอร์แลนด์จากที่เดิมจับเอา
  เรื่องราวต่าง ๆ รอบตัวฮิโระมาเป็นอีเวนท์หลักในเกม มาเป็นเหตุการณ์ที่
  เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวตัวละครที่ชื่อว่า “ลิตเติลสโนว์” บ้าง แต่เหตุการณ์ใน
  เกม Spectral Force 2 กับ Spectral Force นี้ถือว่าเกิดขึ้นพร้อมกัน
• วันที่ 26 ส.ค 1999 (2542) แฟน ๆ ของสเปกตรัลซีรีส์ก็ต้องตกตะลึงเมื่อ
  พบว่า มหาสงครามเนฟเวอร์แลนด์ดำเนินมาสู่จุดจบอย่างที่ทุกคนคาดไม่
  ถึง เมื่อ IF วางจำหน่ายเกม “Spectral Force- Itoshiki Jaaku” (บน PS) เนื้อ
  หาในเกมเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากมหาสงครามเนฟเวอร์แลนด์เริ่ม
  ประทุได้สองปี และจับความจนกระทั่งสงครามนี้สิ้นสุดลง เป็นอันว่า IF
  ก็ได้ปิดซีรีส์นี้ลง แต่อย่างไรก็ตามยังมีบทส่งท้ายตามมาอีกสองบทได้แก่
• วันที่ 29 ก.ย 2000 (2543) บทสุดท้ายของมหาสงครามเนฟเวอร์แลนด์บน
  วินโดวส์ก็ถูกจัดจำหน่ายในรูปของเกมที่ชื่อ “Spectral Force 2- Eiennaru
  Kiseki” และที่จริงแล้วก่อนหน้านั้น
• วันที่ 22 ธ.ค 1999 (2542) IF ก็ได้ออกเกม Spectral Blade ซึ่งกลับไปเป็น
  เกม RPG ใหม่อีกครั้งหนึ่ง จับเนื้อหาหลังจากสิ้นสุดสงครามเนฟเวอร์
  แลนด์ลงแล้ว เป็นอันปิดฉากสเปกตรัลซีรีส์อย่างสมบูรณ์ที่เกมนี้เอง

1. ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งที่มีในสังคมมนุษย์ ว่าสามารถ
   เกิดได้มากมายหลายสาเหตุ ซึ่งหากคิดให้ดีแล้วสาเหตุเหล่านั้นสรุปได้คำ
   เดียวคือ “ความแตกต่าง” นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างด้านภาษา,
   เชื้อชาติ-สีผิว, แนวความคิด, ลัทธิการปกครอง, ลัทธิศาสนา แม้กระทั่ง
   ฐานะทางเศรษฐกิจ
2. ต้องการยั่วยุผู้อ่านด้วยคำถามที่ว่า ธรรมะ-อธรรมมีเส้นแบ่งแยกกันตรง
   ไหนกันแน่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้เรียบเรียงได้รับแรงดลใจจากนิยายจีนกำลัง
   ภายในของกิมย้งสองเรื่องคือ กระบี่เย้ยยุทธจักร (ที่ตัวเอกชื่อเหล็งฮู้ชง
   และนางเอกเป็นธิดาประมุขพรรคมารน่ะครับ) กับเรื่อง ดาบมังกรหยก
   (พระเอกชื่อเตียบ่อกี้ เดิมเป็นศิษย์บู๊ตึ๊งซึ่งเป็นสำนักที่เรียกตัวเองว่าฝ่าย
   ธรรมะ แต่สุดท้ายเตียบ่อกี้ก็กลายไปเป็นประมุขพรรคฝ่ายมาร)
3. พยายามรักษาเค้าโครงเรื่องเดิมที่ทาง IF ได้วางไว้ให้มากที่สุด ทั้งใน
   ด้านเนื้อเรื่องและภูมิหลังของตัวละครแต่ละตัว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เรียบ
   เรียงก็ขออาศัยสิทธิ์ในการ “ตีความ” เองด้วย เพราะข้อมูลที่มีอยู่ในมือ
   น้อยเหลือเกิน-น้อยเกินกว่าจะเขียนเป็นนิยายเรื่องยาวเรื่องหนึ่งได้ แต่แน่
   นอน ถ้าข้อมูลมีมาก ผู้เรียบเรียงก็ไม่ใช่ผู้เรียบเรียงสิครับ กลายเป็นผู้แปล
   ไป (คือ แปลตามตัวลูกเดียวไม่ต้องคิดเอง) จริงไหม อ้อ รวมทั้งขอสิทธิ์
   ในการเพิ่มตัวละครใหม่บางตัวด้วยนะขอรับ

ลงวันที่ 13 พ.ค 2544
Pae ผู้เรียบเรียง