มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

ภาคสอง ราชินีศักดิ์สิทธิ์

ฝ่าวิกฤติ: อำนาจเวทย์ราชินี

ตีพิมพ์ครั้งแรก 17 พ.ย 45

ตัวละครใหม่ :
sakuro.jpg
ซากุโระ (พลเรือน)


“นึกว่าข้าจะบอกหรือ อ๊บ แผลบ” ท้ายประโยคมันแลบลิ้นออกมาอย่างรวดเร็ว ไปที่หน้าของราชินีสาว แต่ก็ไม่เร็วไปกว่า....

ฉับ! “อ๊อก”

ดาบของบ๊ากแบทตัดลิ้นสามหาวของเจ้ากบขาดกระเด็นทันที ก่อนที่มันจะฉกถึงตัวราชินีได้ แต่ที่จริง หากดูดี ๆ ลิตเติลสโนว์ได้หลบไปยืนอยู่ ณ ตำแหน่งใหม่ที่ห่างจากเดิมสองก้าวแล้ว ด้วยท่าร่างอันรวดเร็วจนคนในที่นั้นมองไม่ทัน...

“อ๊าก อ๊บ ๆ ๆ ๆ ๆ”

กบยักษ์ยกมือ (ขาหน้า) ขึ้นกุมปากอันใหญ่โตของมันแล้วร้องพล่าน... สุดท้ายมันก็ทรุดตัวลง....

“ทุกคนหลบ!” เสียงใส ๆ ตวาดก้องมาอย่างรวดเร็ว

ร่างของกบยักษ์ระเบิดออก เศษเนื้อ เครื่องในกบ เลือดสด ๆ สาดกระจายไปรอบทิศทาง เลือดของมันบางส่วนกระเซ็นไปโดนคาลดิน่าซึ่งถอยฉากไปไม่ทัน ควันขาว ๆ เหม็นคลุ้งลอยขึ้นจากเสื้อผ้าส่วนที่ถูกเลือดกบนั้น

“โอ๊ย” หมอสาวร้องอย่างตกใจมากกว่า ทันใดนั้นแสงสีขาวก็สาดส่องบนตัวเธอ เป็นแสงจากปลายมือของลิตเติลสโนว์นั่นเอง รอยเลือดกบค่อย ๆ จางหายไป จนไม่เหลือคราบแม้แต่น้อย

“ร้ายกาจจริง เจ้ากบบ้านี่...” บ๊ากแบทบ่น พลางดูบนใบดาบของตนว่าเปื้อนเลือดจากลิ้นเจ้ากบบ้างหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มี (เพราะดาบของเขาเร็วจนเลือดไม่ทันเปื้อน) จึงสอดดาบเก็บลงฝักช้า ๆ

“อืม ท่าจะไม่ได้การแล้วล่ะ ท่านบ๊ากแบท.... ดูจากเมื่อครู่ กบยักษ์นั้นเป็นเพียงตัวหมากที่ฝ่ายนั้นทิ้งแล้ว!”

“หมายความว่า?....”

“ตัวของกบทั้งตัวนั่นแหละ คือตัวนำพาหะแห่งไสยดำนั้นมา... เราคงต้องรีบไปหมู่บ้านที่เหลือเพื่อกำจัดกบพวกนี้แล้วล่ะรวมทั้ง หมู่บ้านที่พวกเราเผาทิ้งไปแล้วด้วย....”

ขุนพลหนุ่มและคาลดิน่าตามความคิดของราชินีสาวได้ทันที... หากไม่กำจัดกบเหล่านี้ มันก็คงเคลื่อนย้ายเปลี่ยนเป้าหมายไปยังแหล่งชุมชนต่อๆ ไป และต่อไป จนกระทั่งไปถึงเขตชุมชนรอบปราสาทแพลททิเซลเวอร์เข้าจนได้...

และเมื่อนั้นแคว้นแพลททิเซลเวอร์ก็คงถึงกาลล่มสลาย... โดยที่ยังไม่ต้องเกิดสงครามเลยด้วยซ้ำ!!!

“เดี๋ยว ท่านราชินี แล้วซากของกบตัวนี้ล่ะ” เป็นคาลดิน่าที่เมื่อครู่ถูกเลือดกบกระเซ็นใส่ ทำให้ยังแหยง ๆ พิษและมนต์ดำที่มากับตัวกบนี้ รวมทั้ง “แล้วยังหมู่บ้านนี้อีกล่ะท่าน ถึงเรารู้ต้นเหตุของภัยพิบัติแล้ว แต่เรายังไม่ได้แก้สิ่งที่เกิดขึ้นนะ”

“จริงของท่าน....” ลิตเติลสโนว์นึกได้ เมื่อครู่เธอเองก็ใจร้อนไปเช่นกัน เพราะพลันที่ตีปัญหาทุกอย่างได้หมด ก็สำเหนียกถึงมหันตภัยที่กำลังคุกคามแคว้นของเธอทันที

ราชินีศักดิ์สิทธิ์มองไปรอบด้าน แล้วพลางกางแขนทั้งสองข้างออก หงายฝ่ามือขึ้นด้านบน ทุกคนรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นการสำรวมจิตเพื่อประสานเข้ากับธรรมชาติ เพื่อใช้เวทย์ชั้นสูง หรือไม่ก็เพื่อหยั่งรู้ถึงสัญญาณจากธรรมชาติ แต่ในที่นี้ ราชินีกำลังจะทำทั้งสองอย่าง....

“เอาล่ะ เราจับกระแสของธรรมชาติที่นี่ได้แล้ว ป่าไม้กำลังร้องไห้และเรียกร้องให้คืนความชุ่มชื่นแก่พวกเขา ... วิญญาณแห่งป่าไม้กำลังจะให้เรายืมพลัง.... ได้การแล้ว”

เด็กสาวเงยหน้าขึ้นเบื้องบนแล้ว ปล่อยไม้เท้าปัญญาให้ตั้งอยู่ข้างลำตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์ มือของเธอประสานกันที่ทรวงอก จากนั้นก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย หลับตาพลางสำรวมจิตอธิษฐาน

“ด้วยพลังแห่งวิญญาณของป่าเขาลำเนาไพร.... ข้าลิตเติลสโนว์ขออธิษฐานให้สรรพสิ่ง หวนคืนสู่สภาพที่ควรจะเป็นอยู่ดั้งเดิมด้วยเถิด........” เธอลืมตาขึ้นแล้วประกาศก้อง “เวทย์ฟื้นฟูขั้นสูงสุด กรีน โนอาห์!”

“โอ!” เสียงหลายเสียงประสานกันทันที บรรดาทหารและคาลดิน่าก้มตัวลงคุกเข่าโดยไม่ได้นัดหมาย บ๊ากแบทเองก็รีบทรุดกายลงคุกเข่ารับเวทย์กรีนโนอาห์เช่นกันหลังจากหายจากภวังค์ตกตะลึง

อา!... เวทย์ฟื้นฟูขั้นสูงสุด กรีน โนอาห์ อันเป็นมหาเวทย์ขั้นสุดยอด ในแขนงของเวทย์ฟื้นฟู เวทย์ที่ต้องอาศัยพลังตบะอันกล้าแกร่ง จิตใจอันดีงามบริสุทธิ์ผุดผ่องของผู้ใช้ ผนวกเข้ากับพลังแห่งจิตวิญญานของป่าไม้และธรรมชาติ รวมทั้งพลังจากแผ่นดินแม่เนฟเวอร์แลนด์ เพื่อผสานเป็นพลังเวทย์ที่ให้ผลในการฟื้นฟูรักษาสิ่งชั่วร้ายหรืออาการบาดเจ็บ รวมทั้งความเสื่อมสภาพทั้งปวงให้กลับสู่สภาพเดิม...

ทอดสายตาทั่วเนฟเวอร์แลนด์ ผู้ใช้เวทย์นี้ได้ บัดนี้มีเพียงราชินีแห่งเอลฟ์ป่า-อาร์เซเรียเพียงผู้เดียว

นึกไม่ถึงเลยว่า เด็กสาวตรงหน้าของทุกคน- ราชินีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ก็สามารถใช้เวทย์นี้ได้ด้วย....

ท้องฟ้าที่ขมุกขมัวพลันสว่างไสว เมฆดำ หมอกอึมครึมที่ปกคลุมหมู่บ้านพลันจางหายไป ลำแสงสว่างรูปทรงกระบอกฉายสาดส่องจากบนท้องฟ้าลงสู่กลางลานกว้างของหมู่บ้านนั้น แล้วขยายตัวกว้างออกไป ๆ ทุกที จนกระทั่งทั่วหมู่บ้านตกอยู่ใต้แสงนั้น

ทุกคนรู้สึกถึงพลังชีวิตที่ถูกเติมเต็มขึ้นมาใหม่ ใบหญ้าที่ลู่ติดดินอยู่บนพื้น ชูใบตั้งตรงขึ้นช้า ๆ ไม้ดอกเริ่มผลิดอกอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตาผู้คนที่เฝ้าสังเกตอยู่ แล้วดอกไม้ก็บานออก รอบ ๆ หมู่บ้านและในหมู่บ้านนั้นเอง ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนตายแห้งเหี่ยวกลับเขียวขจีดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่ ไกลออกไปจากบริเวณลาน ร่างของชาวบ้านที่นอนโซอยู่ตามที่ต่าง ๆ ด้วยลำตัวอันเหลืองซีด พลันมีเลือดฝาดขึ้น แล้วก็เริ่มลืมตาลุกขึ้นนั่งและยืนได้ จากหนึ่งคนเป็นสอง สาม สี่ เป็นร้อยคน...

ชาวบ้านที่ฟื้นจากโรคร้ายได้ เริ่มสำเหนียกถึงมหาเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีทิศทางต้นกำเนิดจากลานกลางหมู่บ้าน พวกเขาพากันออกจากบ้านของตนเดินช้า ๆ มาถึงลาน แล้วก็คุกเข่าลงต่อหญิงสาวที่พวกเขาเห็นว่ากำลังประสานมือสวดคาถาศักดิ์สิทธิ์จนตลอดร่างของนางเปล่งรัศมีระยิบระยับ แต่ดูแล้วสบายตาผู้นี้

เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ ลิตเติลสโนว์จึงลดมือที่ประสานอยู่ที่หน้าอกลง มือข้างซ้ายหันไปคว้าไม้เท้าปัญญาขึ้นมาถือด้วยความเคยชิน เธอเดินตรงไปทางกลุ่มของบ๊ากแบท แสงสว่างที่ครอบคลุมหมู่บ้านค่อย ๆ เลือนหายไป คงไว้แต่ความรู้สึกเหมือนได้พลังชีวิตใหม่ที่สร้างความกระปรี้กระเปร่าให้ทุกคน

“เอาล่ะ หมู่บ้านนี้ฟื้นแล้ว เดี๋ยวเราไปรวมกับพวกที่อยู่ที่โบสถ์แล้วค่อยวางแผนงานกัน”

“ขอรับ”

...

และที่โบสถ์นี้เอง ทุกคนก็ได้สมทบกัน ทั้งฝ่ายราชินี บ๊ากแบทและหมอหลวง, หัวหน้าหมู่บ้าน, แพทย์หญิงต่างหมู่บ้าน และบรรดาชาวบ้านที่บัดนี้ฟื้นเป็นปกติดีแล้ว ทุกคนมองราชินีศักดิ์สิทธิ์อย่างชื่นชม

“ปัญหาคือ เราจะทำอย่างไรกับหมู่บ้านอื่น ๆ ดี....” ลิตเติลสโนว์เปิดประเด็น

“เราคงต้องแบ่งงานกันทำกระมังขอรับ” บ๊ากแบทตอบ “การกำจัดพวกกบที่เป็นพาหะของไสยดำเหล่านั้น ให้ข้าจัดการก็ได้ รวมทั้งพวกภูติที่มารวมตัวเพราะไสยดำนั้นด้วย... เพราะฉะนั้นข้าจะรีบย้อนกลับไปยังหมู่บ้านที่ผ่าน ๆ มาเพื่อรีบกำจัดกบเหล่านั้นเสีย... หากมันยังไม่ย้ายตัวออกไปนะขอรับ”

“เราคิดว่ามันคงอยู่ที่เดิมนั่นแหละ แม้เราจะเผาหมู่บ้านไปแล้วก็ตาม... พวกมันเป็นหมากที่ถูกทิ้งแล้วนี่... ผู้ส่งมันมาคงให้คำสั่งมันเพียงคำสั่งเดียว ว่าให้ไปหมู่บ้านใด คงไม่มีปัญญาคิดเองว่าหมดจากหมู่บ้านหนึ่งจะต้องเดินทางไปอีกหมู่บ้านหนึ่งหรอก... จนกว่าจะมีคำสั่งใหม่มาอีกทีซึ่ง...เราเชื่อว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังยังไม่ทันได้สั่งแน่...” ถึงเด็กสาวไม่ได้บอกเหตุผลที่เธอมั่นใจเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีใครหาเหตุผลมาคัดค้านความคิดของเธอได้อยู่ดี

“ปัญหาคือ หมู่บ้านที่เรายังไม่ได้ไปสำรวจ... หากมีคนที่ยังรอดตาย อย่างเช่นในหมู่บ้านนี้ การจะช่วยชีวิตพวกเขา ย่อมต้องอาศัยเวทย์ฟื้นฟู....”

“ข้าช่วยท่านได้ ราชินี” คาลดิน่าขัดขึ้น “ด้วยพลังกรีนโนอาห์ของท่าน บัดนี้พลังเวทย์ของข้าได้ฟื้นฟูกลับมาจนสมบูรณ์แล้ว ข้าขออาสาช่วยงานท่านเอง”

“ท่านคงร้อนใจจะรีบกลับไปดูบ้านเกิดละสิ เอาเถิดเราจะให้ทหารติดตามไปช่วยงานท่านจำนวนหนึ่งด้วย” ลิตเติลสโนว์ตอบ แล้วก็หันไปสบตาเป็นเชิงสั่งงานกับบ๊ากแบท เรื่องการจัดแบ่งกำลังทหารที่พามาให้แก่คาลดิน่าด้วย

“ขอบคุณท่านราชินี และก็... เอ้อ ข้าขอถวายตัวเป็นบริวารของท่าน ต่อจากนี้ไป ได้โปรดเรียกข้าเพียงแต่นามเฉย ๆ เถิด องค์ราชินีศักดิ์สิทธิ์”

“โอ เป็นเกียรติยิ่งนักที่เราจะได้คนดีมีฝีมือเช่นเจ้ามาช่วยงาน คาลดิน่า” ลิตเติลสโนว์ยิ้ม ตรงเข้าสวมกอดอีกฝ่ายอย่างหลวม ๆ ทันที

แพทย์หญิงซึ่งบัดนี้กลายเป็นหนึ่งในขุนพลของแพลททิเซลเวอร์ได้แต่ยิ้มด้วยความยินดี เสียงลิตเติลสโนว์ยังกล่าวต่อ

“ขออภัยเจ้าด้วย ที่พอเป็นพวกเรา ก็ถูกใช้งานเลย...”

“หามิได้... ข้ายินดีอาสาอยู่แล้ว”

“เอาล่ะ เดี๋ยวเจ้ารับกำลังทหารพร้อมม้าสำหรับเดินทางแล้วก็ออกเดินทางได้เลย ... วิธีทำลายไสยดำนี้ เจ้ารับทราบจากเมื่อครู่นี้ดีแล้วนะ”

“ค่ะ ข้าเข้าใจดีแล้ว”

ลิตเติลสโนว์นัดแนะหมู่บ้านที่แบ่งให้คาลดิน่าไปดูอีกสี่หมู่บ้าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านรอบนอกทั้งหมดรวมทั้งบ้านเกิดของแพทย์หญิงเองด้วย และในตอนบ่ายวันนั้น กำลังสามสายก็แยกย้ายกันออกเดินทางจากหมู่บ้านแห่งนั้น

...

ห้าวันถัดมา เป็นลิตเติลสโนว์ที่ยกขบวนกลับถึงปราสาทแพลททิเซลเวอร์ก่อน หลังจากสำรวจอีกหกหมู่บ้านที่อยู่บริเวณด้านในเข้ามาจนหมด หมู่บ้านเหล่านั้นกลายเป็นหมู่บ้านร้างไปเสียสี่แห่ง ส่วนอีกสองแห่งเธอไปได้ทันการณ์จึงสามารถช่วยชีวิตชาวบ้านไว้ได้ทั้งหมด

วันรุ่งขึ้น บ๊ากแบทก็ตามกลับมา เขาเสียเวลาค้นหากบอาถรรพ์เพื่อทำลาย จึงเดินทางกลับมาช้ากว่าราชินี

และบ่ายวันเดียวกันม้าเร็วก็ส่งข่าวมาบอกว่า คาลดิน่าทำงานสำเร็จเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะหมู่บ้านทั้งสี่แห่งกบเพิ่งเดินทางไปถึงได้ไม่นาน จึงยังไม่มีคนตาย แพทย์หญิงผู้มีเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ติดตัวจึงสามารถกำจัดกบเหล่านั้น และช่วยรักษาชาวหมู่บ้านได้ทันท่วงที...

ลิตเติลสโนว์โล่งใจไปหนึ่งเปลาะ หากแต่ก็ยังเหลือปัญหาต้องขบคิด ว่าผู้อยู่เบื้องหลังภัยพิบัติครั้งนี้เป็นใคร และเขาต้องการอะไร ซึ่งดูท่าทีคงไม่จบลงง่าย ๆ แน่

...

“ฟังว่าเจ้าบรรลุถึงขั้นสามารถใช้เวทย์กรีนโนอาห์แล้วหรือ?” เป็นเจ้าชายอสูรที่เอ่ยถาม ทันทีที่พบหน้ากันครั้งแรก หลังจากที่ลิตเติลสโนว์กลับจากภารกิจครั้งนี้

“ข่าวเร็วจริงนะ” เป็นคำตอบจากเด็กสาว

“ข้าอยู่ที่นี่ จับกระแสของเวทย์แสงสว่างขั้นสูงได้.... ซึ่งจากทิศทางแล้วก็เป็นบริเวณที่เจ้ากำลังไปนั่นเอง เลยคิดว่าเป็นเจ้า”

“อืม ... เรียนท่านตามตรง... เวทย์ที่ข้าใช้ยังมิใช่เวทย์กรีนโนอาห์อย่างแท้จริงหรอก”

“เจ้าว่ากระไรนะ?”

“พลังของข้า ยังไม่ถึงระดับที่จะประสานจิตเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้... ข้ายังไม่ได้รับการยอมรับจากแผ่นดินเนฟเวอร์แลนด์อย่างเพียงพอ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ข้ายังไม่สามารถเปล่งอานุภาพของกรีนโนอาห์ได้... ที่ผ่านมา เป็นเพียงเวทย์กรีนโนอาห์ที่ไม่ใช่กรีนโนอาห์”

“อืม เช่นนั้นหรอกหรือ?” จาโด้มีสีหน้าผิดหวังจนเด็กสาวสังเกตได้ชัดเจน แต่ก็แวบเดียวเท่านั้น แล้วเขาก็ทำหน้าเฉยเมยเหมือนเดิม กล่าวปลอบใจว่า

“เอาเถิด เจ้าทำได้แค่นี้ก็ดีแล้ว... อย่างน้อย งานครั้งนี้ก็สำเร็จลุล่วงด้วยดี มิใช่รึ?”

“ค่ะ”

“และเจ้าก็เพิ่งเดินทางมาโลกนี้ได้สองเดือนเศษเท่านั้นเอง.... นั่นหมายความว่าเจ้าเพิ่งหัดใช้เวทย์ด้วยระยะเวลาเดียวกันนี้เอง... ถ้าเจ้าใช้กรีนโนอาห์ได้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ ก็ออกจะเป็นอัจฉริยะเกินไปหน่อยแล้ว สโนว์เอ๋ย”

“หึหึ ท่านจะปลอบหรือจะเยาะเย้ยข้ากันแน่” สโนว์เผยอยิ้มเล็กน้อย “คราวนี้เป็นทีของท่านที่จะต้องฟังคำขอร้องของข้าบ้างนะ”

“จะให้ไปสืบข่าวที่เอจูละสิ”

ราชินีแห่งแพลททิเซลเวอร์ไม่ตอบ แต่อาการนิ่งก็เป็นคำยืนยันคำตอบของเธอแล้ว

“หึหึหึ ได้.... แต่ยังมิใช่เวลานี้นะ.... ข้ารับรองว่าข้าจะเอาข่าวมาให้เจ้าทันการณ์ก่อนที่พวกมันจะลงมือครั้งใหม่แน่นอน”

ขาดคำ ร่างของเจ้าชายอสูรก็หายไปกับความมืด

-- โอ! แปลว่าเขาก็คิดเหมือนเราหรือ ที่สงงสัยว่าเอจูเป็นตัวการในครั้งนี้ --

ลิตเติลสโนว์คิดในใจ พลางสาวเท้าออกเดินอีกครั้ง หลังจากเมื่อครู่หยุดคุยกับจาโด้อยู่พักใหญ่

...

ในห้องนอนของลิตเติลสโนว์ หญิงสาวรูปร่างค่อนข้างสูง ใบหน้าสวยอ่อนหวาน ผมยาวสีม่วงเข้มถูกผูกรวบเป็นมวยอย่างสวยงามประดับด้วยเครื่องประดับเต็มศีรษะกำลังจัดที่นอนให้แก่เจ้าของห้อง เมื่อลิตเติลสโนว์เปิดประตูเข้าไป ฝ่ายนั้นก็หันมายอบกายแสดงความเคารพ แล้วทักว่า

“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ราชินี”

“ซากุโระ” ลิตเติลสโนว์ทักตอบ “เราบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าไม่ต้องมาจัดความเรียบร้อยให้เราหรอก ปล่อยให้พวกนางกำนัลทำก็ได้”

“แหม ก็ข้าอยากรับใช้ท่านนี่ ราชินีลิตเติลสโนว์”

“เราคัดเลือกเจ้ามาเป็นข้าราชการในตำแหน่งเสนาบดีด้านการเงินนะ...”

“เจ้าค่า.... ข้าฯน้อยทราบแล้ว และงานด้านการเงินก็เรียบร้อยดี ข้าฯน้อยจึงมีเวลาเหลือมารับใช้ราชินีไงเจ้าคะ”

ลิตเติลสโนว์ส่ายหน้าแต่ดวงตายังทอประกายยิ้มแย้มอยู่ เธอเดินเข้าไปทรุดกายนั่งบนเตียง วางไม้เท้าลงข้างตัวแล้วหันมารับน้ำชาที่หญิงสาวแสนโสภาผู้นี้ยกมาเสริฟถึงที่

“ขอบใจ”

“ฮิฮิ...” ซากุโระตอบ หญิงสาวผู้นี้เป็นหนึ่งในผลของการปฏิรูประบบราชการที่ลิตเติลสโนว์ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วนั่นเอง ขึ้นปีใหม่ จัดระบบราชการใหม่ และก็เปิดรับสมัครคัดเลือกข้าราชการใหม่ ๆ มารองรับตำแหน่งที่เกิดขึ้นด้วย บางหน่วยงานก็อาศัยการถ่ายโอนจัดโครงสร้างองค์กรเสียใหม่

อนึ่ง ระบบคัดเลือกข้าราชการใหม่นั้น ก็ได้โละทิ้งระบบเดิมของแพลททิเซลเวอร์ซึ่งใช้กันมานานตั้งแต่ยุคสงครามธรรม-อสูรทิ้งไป ระบบเดิม เนื่องจากเป็นยุคสงคราม บ้านเมืองต้องการคนเก่ง จึงคัดเลือกเฉพาะผู้มีความสามารถจริง ๆ เท่านั้นที่จะผ่านเกณฑ์อันแสนยากมาได้ ทั้งนี้เนื่องจากราชารูเนจจูไม่มีเวลามาคัดด้วยตนเอง ดังนั้น เสนาบดีผู้ใหญ่ซึ่งไม่ต้องการตกอยู่ในสภาพคัดคนได้ไม่ถูกใจเจ้านาย จึงเสนอระบบคัดแบบพิถีพิถันขึ้นมา และราชารูเนจจูก็เห็นด้วย....

หากแต่บัดนี้ ระบบนั้นส่งผลเลวร้ายอย่างเห็นได้ชัด เมื่อในแต่ละปี จำนวนข้าราชการใหม่ลดน้อยลงไม่ทันกับอัตราการสูญเสียกำลังคนเดิมไป ไม่ว่าจะจากสงคราม หรือจากผู้เกษียณอายุก็ตาม....

ลิตเติลสโนว์จึงได้เปลี่ยนวิธีการทดสอบใหม่หมด โดยเน้นที่การพิจารณาทัศนคติ และโอกาสที่ผู้นั้นจะสามารถเติบโตหรือเรียนรู้ สร้างตนเองให้มีความสามารถสูงขึ้นไปอีก โดยที่เธอเป็นประธานการคัดเลือกด้วยตนเอง

ไม่มีใครรู้ว่า ลิตเติลสโนว์ หรือโคะยุกิ นำระบบการซื้อคนที่ “โอกาสที่ผู้นั้นจะเรียนรู้งานได้ในอนาคต” หรือ ขะโนเซอิ ( 可能性 ) มาจากโลกเดิมของเธอ (ประเทศญี่ปุ่น) นั่นเอง

ข้าราชการใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกในต้นปี จึงเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวไฟแรง.... และถูกจัดให้ประกบกับข้าราชการแก่ ๆ ใกล้เกษียณ เพื่อเรียนงานต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว

ซะกุโระเป็นหนึ่งในบรรดาข้าราชการรุ่นแรกที่เข้าทำงานในสมัยของราชินีลิตเติลสโนว์ แต่เธอต่างจากพวกตรงที่ เธอมีความรู้ด้านการบัญชีการคลังอย่างละเอียดถี่ถ้วน จึงได้รับตำแหน่งสำคัญคือ ผู้สอบบัญชีการคลัง ทันที เป็นตำแหน่งที่คานอำนาจกับเสนาบดีการคลังเดิม และเป็นผู้มีอำนาจเสนอแนวทางเกี่ยวกับระบบภาษีและการจัดสรรงบประมาณในแคว้นให้แก่ราชินีโดยตรง

และสาเหตุที่ซากุโระมาสมัครเป็นข้าราชการ ณ แพลททิเซลเวอร์ก็ต่างจากคนอื่น ๆ กล่าวคือ...

“นี่ท่านราชินี สนทนากับเจ้าชายอสูรตนนั้นมาอีกแล้วหรือเจ้าคะ?” ซากุโระทำจมูกฟุดฟิดพลางถามขึ้น

“ใช่แล้ว... ทำไม กลิ่นอสูรติดตัวข้ามารึ?” ลิตเติลสโนว์ถามกลับยิ้ม ๆ ด้วยอดขำท่าทางของหญิงสาวหน้าหวานผู้นี้ไม่ได้

“แหม ก็ไม่เชิงกลิ่นหรอกเจ้าคะ เป็น...อะไรน้อ เป็นคล้าย ๆ พลังชีวิตของอสูรต่างหาก มันติดตัวราชินีมาด้วยอย่างอ่อน ๆ น่ะเจ้าค่ะ”

“อืม” ลิตเติลสโนว์ไม่ตอบอะไรอีก พลางเสชวนคุยเรื่องจิปาถะเรื่องอื่นเสีย

เหตุผลที่ซากุโระมาอยู่กับเธอนั้น ทำไมเธอจะไม่รู้ เพราะซากุโระบังเอิญเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่จาโด้มาปรากฏตัวครั้งแรก และเธอเชิญให้เขาอยู่พำนักเป็นแขกบ้านแขกเมืองนั่นเอง

วันนั้นซากุโระอยู่ในคณะนางรำ ซึ่งทางวังแพลททิเซลเวอร์ว่าจ้างมาร่ายรำประกอบงานเฉลิมฉลองการขึ้นครองบัลลังก์ของราชินีคนใหม่

ซากุโระให้ความสนใจต่อทั้งลิตเติลสโนว์และจาโด้นับตั้งแต่บัดนั้น และเมื่อมีโอกาส เธอก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าใกล้ชิดสโนว์

สายตาของลิตเติลสโนว์ที่มองซากุโระอดทอประกายครุ่นคิดวูบหนึ่งไม่ได้... เธอรู้ดีว่า ซากุโระให้ความสนใจความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจาโด้มาก และคงเป็นผู้เดียวที่เอะใจว่า แท้จริงแล้วสโนว์กับจาโด้เคยพบกันมาก่อน ไม่ใช่พบกันครั้งแรกในวันนั้น....

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เด็กสาวยังไม่แน่ใจตัวเองก็คือ เธอกำลังหวังใช้ซากุโระเป็นกระจกส่องใจตนเอง ว่า แท้จริงแล้ว เธอเองนั่นแหละกำลังคิดอย่างไรกับเจ้าชายแห่งความมืดผู้นี้กันแน่....

...


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป
1