ฝูงสัตว์อาคม รวมทั้งกบยักษ์นับสิบถาโถมเข้าหาสองสาวอย่างกระหายเลือด ทั้งคาลดิน่าและเอลทิน่าต่างเกร็งตัว คาลดิน่านั้นหมดหวังจะรอดชีวิตจากการศึกครั้งนี้ไปแล้ว เพราะเธอเองไม่มีวิชาการต่อสู้ติดตัวเลยแม้แต่น้อย ส่วนสาวนักบู๊เอลทิน่าก็เกร็งกำลังเฮือกสุดท้าย พลางนึกหนักใจว่าคงต้านได้ไม่กี่มากน้อย เพราะเธอเองก็เหนื่อยอ่อนเต็มทีแล้วเช่นกัน เด็กสาวอันตรายจากแคว้นเอจู ยืนยิ้มอย่างสะใจอยู่ห่างออกไป จบสิ้นจากการละเลงเลือดครั้งสุดท้ายสำหรับสมรภูมินี้แล้ว ตัวเองก็จะได้เดินทัพต่อไปยังวังหลวงของแพลททิเซลเวอร์เสียที ดาบในมือกบยักษ์และคมเล็บของสัตว์อาคมที่ใกล้ตัวเข้ามาทำให้หมอสาวพยายามก้าวถอยหลังไปแต่ทำไม่ได้ เพราะขณะนี้เธอก็หันหลังชนกันกับหญิงสาวผมแดงกันแนบแน่นอยู่แล้ว อา... วาระสุดท้ายแล้วสินะ ขอโทษด้วยราชินีลิตเติลสโนว์ ข้าคงมีบุญได้ช่วยงานท่านเพียงเท่านี้ วูบหนึ่งที่คิดอย่างนั้น แต่แล้ว... เคนมะเรนเซัน! (ดาบเล็บมังกรขั้นสูง) เสียงใครคนหนึ่งร้องตะโกนมาแต่ไกล ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! อ๊าก ฯลฯ เสียงต่ำ ๆ เหมือนของมีคมฟันฉับเข้ากับเป้าหมายดังขึ้นรอบข้าง ตามด้วยเสียงร้องไม่เป็นศัพท์ของบรรดากบยักษ์ที่จู่ ๆ ก็เสมือนถูกฟันด้วยดาบเล่มใหญ่ที่มองไม่เห็น ร่างกายขาดเป็นสองส่วนทันที เลือดสีเข้ม ๆ สาดกระจายเต็มพื้น สัตว์อาคมอีกหลายตัวเช่นกันที่ถูกฟันฟาดสองท่อนแล้วร่างกายท่อนบนก็ร่วงไปบนพื้นด้วยแรงเฉื่อยจากการที่พวกมันกำลังวิ่งเข้ามา แต่สำหรับสัตว์อาคมเหล่านี้ เมื่อเสียชีวิตก็กลับไปเป็นเม็ดทรายอาคมอีกครั้ง กองอยู่บนพื้นนั้นเอง ?!!! สองสาวผู้รอดตายหวุดหวิดหันไปมองทางต้นเสียง แล้วคาลดิน่าก็อุทานขึ้นอย่างดีใจ เหมือนตายแล้วได้เกิดใหม่ ท่านบ๊ากแบท! ไกลออกไป ในสายตาของเปเป้ และเอลทิน่าที่มองไปทางเดียวกัน ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้หนึ่งกำลังกระโจนลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว ในมือถือดาบที่เมื่อครู่เขาคงใช้กวัดแกว่งเพื่อส่งคลื่นดาบสุญญากาศเข้าจู่โจมหยุดความเคลื่อนไหวของไพร่พลในอาณัติของเปเป้นั่นเอง เขายังอยู่ห่างไกลออกไปถึงร้อยเมตรทีเดียว แต่กลับใช้ท่าไม้ตายให้คลื่นสุญญากาศวิ่งมาโจมตีฝ่ายศัตรูได้อย่างแม่นยำ สมแล้วที่เป็นอัศวินมือหนึ่งแห่งแคว้น มือขวาของอดีตราชารูเนจจูและของราชินีคนปัจจุบัน .... บ๊ากแบทนั่นเอง ม้าของบ๊ากแบท ยืนซอยเท้ากุบกับอยู่สองสามที ก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงหมอบราบกับพื้นราวกับหมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรงทั้งปวง ท่านคาลดิน่า ข้ามาช่วยแล้ว! ... ย้อนหลังกลับไป ประมาณสองชั่วโมงก่อนหน้า จู่ ๆ ลิตเติลสโนว์ก็สะดุ้งกายขึ้นเล็กน้อย ขมวดคิ้วเรียวงามเข้าหากัน พลางยกมือขวาขึ้นบริเวณระดับสายตา หันฝ่ามือเข้าหาตนเอง บนฝ่ามือของเธอ ปรากฏแผ่นน้ำแข็งใส ๆ ขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ และบนนั้น จารึกไว้ด้วยอักษรภาษาเนฟเวอร์แลนด์ เด็กสาวอ่านข้อความจบ น้ำแข็งนั้นก็พลันหายไป ดุจมันสลายตัว ระเหิดเป็นไอแล้วมลายไปกับอากาศ ราชินีแห่งแพลททิเซลเวอร์มองไปทางอาคันตุกะต่างแคว้นแวบหนึ่งก่อนจะตัดสินใจ ขออภัย ท่านแม่ทัพบาลโดสและท่านชาร่า เรามีธุระต้องสะสางสักเล็กน้อย ขออย่าได้ถือสา หามิได้ แต่... บาลโดสยกมือทำท่าคารวะพลางก้มศีรษะให้เล็กน้อย เรายังอยู่ที่นี่... ลิตเติลสโนว์ตอบด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายกังวลเรื่องใด จากนั้นเธอก็หันกายไปทางขุนพลคู่ใจ แล้วสั่งขึ้นเบา ๆ พอได้ยิน... แน่นอน ว่าทุกคนในที่นั้นจ้องมองเธอเป็นจุดเดียวและก็ได้ยินคำพูดของเธอด้วย รวมทั้งบรรดาอาคันตุกะจากทะเลทรายก็เช่นกัน แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ท่านบ๊ากแบท เราขอออกคำสั่งให้ท่านนำกำลังทหารม้าสองร้อย เร่งฝีเท้าไปช่วยท่านคาลดิน่าด่วนที่สุด เดี๋ยวนี้! ?!!! สีหน้าของยอดขุนพลแสดงความพิศวงอย่างที่สุด แต่แล้วก็คุมสติได้ เขากลับชำเลืองไปทางทัพจาปิโตสอย่างหนักใจแวบหนึ่ง ท่านไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก เราเชื่อว่าจะไม่มีเหตุนองเลือดเกิดขึ้น ท่านรีบไปเถิด ช้าจะไม่ทันการณ์ ลิตเติลสโนว์สำทับ ขอรับ บ๊ากแบทประสานมือคารวะ พลางก้มศีรษะต่ำ จากนั้นก็หันกายไปสั่งการอย่างรวดเร็ว กองทหารม้าที่หนึ่งและที่สอง ติดตามข้าไปเดี๋ยวนี้! ขอรับ! ช่างสมกับเป็นทหารที่ปรึกปรือมาอย่างดีเยี่ยม เสียงขานรับดังพร้อมเพรียงเป็นเสียงเดียวกันดังกระหึ่มชวนให้น่าเกรงขาม ลิตเติลสโนว์พลันยกมือขวาขึ้นหันฝ่ามือไปทางบรรดากองทหารม้าเหล่านั้น แล้วเปล่งแสงสีขาวบริสุทธิ์ออกจากฝ่ามือ ฉายไปบนร่างของกองทหารเหล่านั้น... หรือจะกล่าวให้ถูกต้องคือ... บนร่างของม้าที่เป็นพาหนะของทหารเหล่านั้น เวทย์เสริมกำลัง! เด็กสาวประกาศนามของเวทย์ที่ตนใช้ บ๊ากแบทสบตาราชินีของเขาแวบหนึ่งก็เข้าใจจุดประสงค์อีกฝ่ายได้ทันที เขาน้อมกายแสดงความขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง แล้วหันม้าไปพลางสั่งการเสียงลั่น ให้ทหารในสังกัดควบม้าตามมาเต็มกำลังม้า แล้วตัวเองก็วิ่งนำออกไป ตัดผ่านถนนกลางชุมชนหน้าปราสาทแพลททิเซลเวอร์ขึ้นเหนือไปทันที ทหารม้านับสองร้อยควบม้าตามไปอย่างร้อนรน ในสายตาทุกผู้ย่อมรู้สึกได้ถึงความเร็วของม้าที่ผิดปกติ และย่อมตระหนักได้ว่านี่เป็นผลของเวทย์เสริมกำลังที่ราชินีศักดิ์สิทธิ์ร่ายใส่บรรดาม้าเหล่านั้นนั่นเอง ร่างของบรรดากองทหารม้าเหล่านั้นหายวับไปกับสายตาอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงกลุ่มควันโขมงอันเกิดจากฝุ่นที่คลุ้งขึ้นเนื่องจากฝีเท้าม้าเหล่านั้น หึหึหึ ดูท่า แคว้นแพลททิเซลเวอร์จะมีแขกมาเยือนพร้อมกันหลายคณะนะ เสียงของนักรบทะเลทรายเปรยขึ้น ขออภัย ที่แสดงอาการไม่สมควร ลิตเติลสโนว์หันกลับมาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย บาลโดสอดหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างพินิจไม่ได้... นี่นางไม่กลัวข้าฉวยโอกาสนี้บุกแพลททิเซลเวอร์เลยหรือนี่? ที่ผ่านมา กองทหารนักรบทะเลทรายเรือนพันของเขา หากประทะกับทหารของอีกฝ่ายก็คงทำได้สูสีเท่านั้น เพียงแต่เขารู้ดีว่า อีกฝ่ายตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ เพราะไม่ต้องการให้ไฟสงครามลุกลามเข้าไปถึงในชุมชนของราษฎร หากแต่ตอนนี้... ทหารม้านับสองร้อยคน...ซึ่งก็คงเป็นกองกำลังหลักที่เข้มแข็งที่สุด ถูกแบ่งออกไปอีกทางหนึ่งเสียแล้ว พร้อมกับยอดอัศวินบ๊ากแบทเสียด้วย กำลังของแพลททิเซลเวอร์ที่เหลือประจันหน้ากับเขาอยู่ อ่อนด้อยลงไปในทันที --หรือว่า แม้แต่สภาพนี้ก็ตาม นางก็มั่นใจจว่าข้าทำอะไรนางไม่ได้?-- ความคิดของบาลโดสมาสะดุดอยู่ตรงนี้ เขามองสีหน้าเรียบเฉยของราชินีแห่งแพลททิเซลเวอร์อีกครั้งหนึ่ง แล้วกวาดตามองบรรดาไพร่พลที่เหลืออยู่ของฝ่ายนั้น พลางคำนวณในใจ... เอาเถิด ภารกิจที่แท้จริงของข้าไม่ใช่การยกทัพมารบซะหน่อยนี่นะ ทำตามแผนเดิมก็แล้วกัน พอดีกับที่ลิตเติลสโนว์ก็เอ่ยปากเร่งมาพอดีเช่นกัน ท่านแม่ทัพบาลโดส ในเมื่อทางเราทำตามเงื่อนไขของท่านเรียบร้อยแล้ว ท่านก็จงดำเนินการต่อไปเถิด หรือว่า ท่านยังมีเหตุผลอื่นในการมาเยือนแคว้นเราอีก? ตอนท้ายของน้ำเสียง เต็มไปด้วยความมั่นใจ เหมือนหนึ่งท้าทายอยู่ในทีว่า หากสุดท้ายแล้ว ต่อให้ทางจาปิโตสดึงดันจะเปิดสงคราม ฝ่ายตนก็รับมือได้อยู่ดี... หามิได้ ท่านราชินี ภารกิจของข้าคือ คุ้มกันตะบองเพชรวิเศษนี้มามอบให้แก่ท่านเท่านั้น ในเมื่อท่านได้แสดงให้ประจักษ์แล้วว่าท่านสมควรเป็นผู้ครอบครองมัน ข้าก็จะส่งมอบให้ท่าน ณ บัดนี้ ... ชาร่า! เจ้าค่ะ หญิงสาวนาม ชาร่า เอี้ยวกายกระโดดลงจากหลังอูฐอย่างคล่องแคล่ว ทั้งที่สองมือยังประคองกระถางต้นกระบองเพชรวิเศษนั้นอยู่ เธอก้าวเดินตรงมายังรถม้าของลิตเติลสโนว์อย่างสำรวม ซากุโระ เสียงราชินีศักดิ์สิทธิ์เรียกหาเบา ๆ หญิงสาวแสนงามก้าวเยื้องกายออกจากกลุ่มข้าราชบริพารที่ติดตามลิตเติลสโนว์ออกมาจากวังในชุดหลัง (หลังจากที่บ๊ากแบทคุมทหารชุดแรกออกมา) เธอคือซากุโระนั่นเอง ชาร่าส่งมอบกระถางกระบองเพชรให้ซากุโระ แล้วตนก็ก้าวถอยหลังสองก้าวก่อนจะหันหลังกลับ ในขณะที่เสนาบดีสาวเป็นฝ่ายส่งมอบกระถางนั้นยื่นมาตรงหน้าของลิตเติลสโนว์ เป็นกระบองเพชรที่งามสมบูรณ์มาก ท่านแม่ทัพ... ว่าแต่ความวิเศษของมันอยู่ที่ใดหรือ? ลิตเติลสโนว์พินิจของบรรณาการอยู่สองสามอึดใจ แล้วก็เงยหน้าขึ้นถามอาคันตุกะ ฮา ฮา หากราชินีต้องใจในของบรรณาการนี้ ข้าก็ดีใจ แต่ต้นกระบองเพชรนี้มีความวิเศษเพียงใด ก็ขอเชิญท่านราชินีค่อย ๆ ค้นหาด้วยตัวเองเถิด... หมดภารกิจของข้าแล้ว ข้าขอลาก่อนล่ะ ขอบคุณท่านมาก เราคงขอส่งท่านเพียงเท่านี้แหละนะ มิต้องเกรงใจไป ราชินี ขออภัยที่พวกข้ามารบกวนแต่เช้า... หวังว่าเราจะได้พบกันอีก บาลโดสยกมือขึ้นประสานแล้วก้มศีรษะคำนับอย่างนอบน้อมเป็นครั้งแรก เมื่อเขายืดตัวขึ้น ก็หันหลังกลับไปทางไพร่พลของตน สั่งการว่า ทัพจาปิโตส เคลื่อนทัพกลับ! เสียงโห่ร้องสั้น ๆ รับคำสั่งนั้น แล้วบรรดาไพร่พลของจาปิโตสก็เริ่มถอนตัว เคลื่อนทัพบ่ายหน้ากลับไปทางชายแดนทันที โดยมีแม่ทัพหนวดเข้มยืนรั้งท้าย พวกลิตเติลสโนว์ยังคงยืนปักหลักอยู่เช่นนั้น เหมือนยืนส่งแขกจนกระทั่งฝ่ายหลังเดินลับหายไปจากสายตา เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากหลาย ๆ คนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ซากุโระ ฝากเจ้าถือต้นนั่นกลับไปด้วยนะ ลิตเติลสโนว์หันไปสั่ง เจ้าค่ะ... กลับเข้าวังแล้วจะให้วางไว้ไหนเจ้าค่ะ? เจ้าปรึกษากับเสนาบดีการวังก็แล้วกัน ว่าตามธรรมเนียมแล้ว ของบรรณาการเช่นนี้จะเก็บหรือจะตั้งแสดงไว้ที่ใด ทราบแล้วเจ้าค่ะ จากนั้น ลิตเติลสโนว์สั่งการให้กองกำลังทั้งหมดกลับเข้าฐานที่ตั้ง และที่สำคัญ เธอให้นายทหารผู้หนึ่งคุมกองลาดตระเวณจำนวนร้อยนายออกไปตรวจสอบตามเส้นทางไปสู่ชายแดนด้านจาปิโตส... พวกจาปิโตสสามารถยกทัพล่วงล้ำเข้ามาประชิดวังได้ในเวลาคืนเดียวเช่นนี้ ออกจะเป็นเหตุผิดปกติ บรรดายามบอกเหตุและกองทหารลาดตระเวณที่เฝ้าอยู่ตามรายทางเหล่านั้นหายไปไหนเล่า? เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา จึงปล่อยให้กองทัพ ศัตรู ผ่านเข้ามาง่ายดายเช่นนี้ โดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งข่าวแจ้งเข้ามา? นี่เป็นสิ่งที่เธอจะต้องหาคำตอบให้ได้.... เด็กสาวใช้สายตาส่งกองลาดตระเวณที่เพิ่งแต่งตั้งขึ้นใหม่ จนพวกนั้นลับสายตาไป แล้วยังพวกคาลดิน่าอีก... คราวนี้ราชินีสาวหันไปมองทางทิศเหนือบ้าง ดวงตาคู่งามทอแววกังวลใจ หวังว่าท่านจะไปทันเวลานะ ท่านบ๊ากแบท ... เคนมะเรนซัน! (ดาบเล็บมังกรขั้นสูง) เสียงตวาดก้องดังจากปากของบ๊ากแบทพร้อมกับที่เขากวัดแกว่งดาบคู่มืออย่างหนักหน่วงทั้งที่ยังวิ่งอยู่ คลื่นสุญญากาศพุ่งเข้าหาบรรดาไพร่พลของฝ่ายตรงข้ามที่เขาเห็นว่าเป็นกองกำลังผสมระหว่างสัตว์อาคมและกบยักษ์ ร่างของพวกนั้นถูกคลื่นดาบตัดขาดเป็นสอง-สามท่อน ล้มตายลงระเนระนาดนับได้สิบกว่าราย ในขณะที่ขุนพลแห่งแพลททิเซลเวอร์ยังคงวิ่งเข้าไปโดยไม่ลดความเร็ว ใครน่ะ? หญิงสาวนักบู๊หันหน้ามาถามแพทย์สาว ท่านบ๊ากแบท แม่ทัพใหญ่ของแคว้นนี้ เป็นคำตอบของคาลดิน่า โอ งั้นเราก็รอดแล้วสิ โอย....เหนื่อย เอลทิน่าแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ระหว่างนั้นบ๊ากแบทก็บุกเข้ามาสมทบกับสองสาวได้พอดี ท่านบ๊ากแบท! เป็นคาลดิน่าที่ร้องทักอย่างดีใจ ปลอดภัยดีใช่ไหมท่าน.... ขออภัยที่มาช้า ไม่หรอก ข้า... ข้าไม่คิดว่าจะมีคนมาช่วยเสียด้วยซ้ำ พวกมันบุกมากระทันหันเหลือเกินจนไม่มีเวลา....... --ไม่มีเวลาส่งข่าว-- เธอตั้งใจจะพูดเช่นนั้น แต่แล้วก็กลืนคำพูดตนเองลงเมื่อนึกถึง... เพื่อนพ้องร่วมชะตากรรมที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันตั้งแต่เมื่อคืน... บัดนี้ล้วนล้มหายตายจากไปหมดแล้วเหลือเพียงเธอ และนักบู๊สาวที่มาทีหลังเพียงสองคนเท่านั้น... ท่านทำดีที่สุดแล้ว ขุนพลผู้ห้าวหาญเข้าใจอากัปกริยาของอีกฝ่ายได้ทันที จากประกายหม่นหมองในดวงตาอีกฝ่าย เขาเอื้อมมือซ้ายไปตบบ่าอีกฝ่ายอย่างปลอบใจพลางหันหลังให้ ราวกับจะใช้ร่างของตนกำบังภัยให้อีกฝ่ายพ้นจากพวกข้าศึก เฮ้อ... ท่านแม่ทัพใหญ่... มาทั้งทีทำไมมาคนเดียวล่ะ... อย่าบอกนะว่าจะรับมือพวกมันด้วยตัวท่านเพียงคนเดียวนะ น้ำเสียงใส ๆ ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นเสียงของสาวผมแดงที่เขายังไม่รู้จักนั่นเอง ก็ทำนองนั้นแหละ... ท่านยังพอมีแรงหรือไม่ ช่วยคุ้มกันท่านคาลดิน่าด้วย ข้าจะจัดการพวกมันเอง! หา? อะไรนะ?.... เอลทิน่าร้องเสียงหลง รู้สึกหมดแรงอีกครั้ง จะว่าไปต่อให้เธอยังมีแรงอยู่ แต่การคุ้มกันแพทย์สาวที่ไม่มีฝีมือต่อสู้เลย ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธออยู่ดี เพราะตามธรรมชาติแล้ว นักบู๊เช่นเธอถนัดการต่อสู้แบบประชิดตัวมากกว่า ซึ่งไม่เหมาะกับกรณีที่ต้องคอยคุ้มกันใครอีกคนเช่นนี้ ฮึ่ม ........ เจ้าบ้า! เจ้าบ้า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงแหลมปี๊ดดังขัดจังหวะขึ้นจากเด็กสาวชุดดำที่บัดนี้หน้าตาเหยเกเหมือนเด็กถูกขัดใจ ตาแก่ล่ำบึ๊กโผล่มาอีกทำไมละเนี่ย ทำไมทุกคนชอบขัดขวางเปเป้กันนักนะ หา? ตาแก่.... ...ล่ำบึ้ก...เหรอ? หญิงสาวผมม่วงและผมแดงคิดทวนคำในใจ ทั้งสองคนต้องอาศัยเวลาถึงเกือบนาทีกว่าจะเข้าใจว่าเปเป้หมายถึงใคร? ฮะ ๆ..อุ๊บ เสียงหัวเราะหลุดจากปากสองสาวพร้อมกัน แต่แล้วก็พยายามกลั้นหัวเราะไว้ ส่วนเจ้าตัวคนถูกเรียกเช่นนั้นเล่า ยังคงยืนสีหน้าเคร่งเครียด ถลึงตามองเด็กสาวเสียงแหลมด้วยสายตาเย็นชา พลางครางเสียงต่ำ ๆ เป็นเชิงถาม นางเป็นใคร? (มาเรียกข้าแก่...) แน่นอนประโยคหลังไม่ได้พูดออกไป นางคือ เปเป้ ... เห็นว่าเป็นศิษย์เอกของแม่มดเกรชัทโทร่าแห่งเอจู เสียงคาลดิน่าตอบเบา ๆ อ้อ ที่แท้ศัตรูจากทางเหนือก็คือ เอจู จริง ๆ ด้วยรึ? ดี... เข้ามาเลย ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด ย๊ากกกกก ขาดคำ บ๊ากแบทก็กระโจนเข้าหากลุ่มข้าศึกทันที ดาบของเขาฟันฉัวะเข้าตรงไหน ร่างของกบยักษ์หรือสัตว์อาคมเคราะห์ร้าย ก็มีอันขาดเป็นท่อน ๆ ณ ที่นั้น เสียงอื้ออึงอลเวงดังขึ้นอีกครั้ง ฆ่ามัน ๆ จัดการมันให้ได้ เปเป้สั่ง... แต่ถึงไม่สั่งพวกไพร่พลของเธอก็ดาหน้าเข้าหาศัตรูผู้มาใหม่อยู่แล้ว อย่างไม่กลัวตาย ด้วยความถือดีว่าตัวเองพวกมากกว่า เอลทิน่าค่อย ๆ หันตัวมามองการตะลุมบอนระหว่างหนึ่งต่อร้อยอย่างสนใจ พลางนึกว่า โชคดีที่พวกมันหันเหความสนใจจากตัวเธอไปแล้วโดยสิ้นเชิง หากเป็นการรบกับทหารอาชีพละก็... ยังไงเสียเธอก็คงไม่รอดแน่... นึกพลางก็คิดไม่เข้าใจในตัวเปเป้ -- เด็กคนนี้ ตกลงเป็นคนโหดเหี้ยมหรือไม่กกันแน่นะ?-- จังหวะที่เริ่มมีสัตว์อาคมบางตัวหันมาจ้องจะทำร้ายแก่สองสาวนั่นเอง... เสียงหนึ่งก็ดังมาจากอีกฟากของหมู่บ้าน เสียงฝีเท้าม้าจำนวนมากกำลังวิ่งใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว... เมื่อเจ้าของเสียงปรากฏตัวขึ้นในระยะที่เห็นกันได้ เสียงใครบางคนในกลุ่มนั้นก็สั่งการขึ้น ช่วยท่านบ๊ากแบท ลุย! น่าแปลกที่พวกเขาล้วนลงจากหลังม้าเมื่อควบเข้ามาได้ระยะหนึ่งแล้วต่างดาหน้าวิ่งเข้ามา โอ้... มาแล้วหรือพวกเจ้า บ๊ากแบทหันหน้าไปมองบรรดาทหารของตนที่วิ่งเข้ามาสมทบ ดาบในมือของเขาเพิ่งฟันผ่าร่างของสัตว์อาคมตัวหนึ่งเป็นสองซีกสด ๆ ร้อน ๆ ร่างของสัตว์อาคมสลายเป็นทรายอาคมกองอยู่บนพื้นเบื้องหน้า... ลุย! ฆ่ามัน! ฯลฯ เสียงโห่ร้องของฝ่ายที่มาใหม่ดังขึ้นอย่างฮึกเหิม การตะลุมบอนครั้งสุดท้าย ณ หมู่บ้านนี้เปิดฉากขึ้น ณ บัดนั้นเอง... แล้วก็ปิดฉากอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง... ขณะที่สัตว์อาคมเหลืออยู่ยี่สิบตัวสุดท้าย... กบยักษ์ตายเรียบไปแล้ว เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในใจของเปเป้ -- เด็กโง่ รีบหนีกลับมาเร็ว เจ้าอยากตายรรึไง? -- ท่านอาจารย์! -- ที่จริงเข้ายามสายแล้ว เวทย์มนต์ของข้าาก็เสื่อมลง ต่อให้เจ้าบุกไปก็ไม่มีประโยชน์ เด็กโง่เอ๊ย....... กลับมา!-- .... ค่ะ อาจารย์ พลันที่สัตว์อาคมตัวสุดท้ายล้มลง และทหารของแพลททิเซลเวอร์ขยับวงล้อมอยู่รอบเด็กสาวชุดดำ ... โดยที่ยังไม่กล้าผลีผลามเพราะ หนึ่ง ทางพวกเขาเองต้องการจับเป็นบุคคลระดับหัวหน้าของฝ่ายตรงข้าม และสอง คำว่าเอจูเป็นเกราะคุ้มกันให้กับเปเป้อยู่.... แม่มดแห่งเอจู มีชื่อเสียงในด้านผู้เชี่ยวชาญเวทย์ด้านมืดรวมทั้งคำสาปแช่งต่าง ๆ นั่นเอง... ฮึ ฝากไว้ก่อนเถอะ เปเป้จะต้องมาเอาคืนแน่! ว่าไงนะ... ทหาร จับนางไว้! บ๊ากแบทสำเหนียกถึงความหมายในคำพูดนั้น แต่ก็สายไปแล้ว ก่อนที่จะมีใครขยับตัว ร่างของเด็กสาวพลันมีกลุ่มหมอกหนาลอยขึ้นจากพื้นมาบดบังไว้จนหมดสิ้น แล้วหมอกนั้นก็สลายไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงความว่างเปล่าเหนือพื้นดินบริเวณนั้น ... ร่างของเปเป้หายไปอย่างไร้ร่องรอย!
|