ตัวละครใหม่ : คาร์มา เลอ ลู (กาหลิบ, นักรบทะเลทราย) ท่านแม่! ท่านแม่! ร่างของชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวพรรณผ่องใส แต่งกายในชุดสูงศักดิ์วิ่งเข้ามาในห้องนั้นอย่างรีบร้อน พลางส่งเสียงเรียกหาใครบางคนที่เขาคาดหวังว่าจะพบในห้อง เมื่อพบว่า ท่านแม่ ของเขานอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ก็ถลาตรงเข้าไปทรุดกายนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง แล้วประคองร่างนั้นขึ้นมาในท่านั่งทันที ท่านแม่... เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ... คาร์มา...ลูกรัก... ช่วยแม่... น้ำเสียงขาดห้วงดังออกจากร่างผู้บาดเจ็บอย่างตะกุกตะกัก คาร์มา เลอ ลู เจ้าชีวิตเหนือผู้คนนับหมื่นบนผืนทะเลทรายบรรจงกอดร่างแบบบางนั้นเข้าแนบอก พลางระล่ำระลัก ลูกอยู่นี่แล้ว ท่านแม่ ไม่ต้องกลัว แล้วเขาก็ชำเลืองสายตาไปข้าง ๆ เพื่อพบกับปลายเท้าของใครบางคนที่ยืนอยู่ในห้องตั้งนานแล้ว อา... ความรู้สึกกดดันที่เขารู้สึกตั้งแต่ยังอยู่ในระยะไกล มาจากเจ้าของเท้าคู่นี้เอง สายตาของกาหลิบหนุ่มไล่ขึ้นไปสูง และสุดท้ายก็ประสานเข้ากับสายตาของฝ่ายตรงข้ามที่จ้องมองมาก่อนแล้วอย่างเย็นชาเข้าอย่างจัง เจ้า?... หึ เจ้าคือ กาหลิบองค์ใหม่แห่งจาปิโตสหรือ? เจ้าเป็นใคร? อสูรนามจาโด้! คำตอบเพียงสั้น ๆ แต่ได้ใจความ คาร์มา เลอ ลูนิ่งคิดไปชั่วอึดใจ ก่อนจะสาวใยข้อมูลในสมองของตนพบว่า จาโด้ผู้นี้คือใคร เจ้าชายอสูรรึ? ... เจ้าชายอสูรมาทำอะไรแถวนี้... ตอนท้ายเขาพูดเหมือนพึมพำกับตนเอง หากอีกฝ่ายเป็นเจ้าชายอสูรซึ่งเขาได้ยินข่าวมาอย่างเลือนลางแล้วจริง ก็เป็นอันเข้าใจได้ถึงความกดดันและรังสีอำมหิตที่เขารับรู้ได้ตั้งแต่เมื่อครู่ แต่อย่างไรก็ตาม กาหลิบหนุ่มผู้นี้ก็สมกับเป็นกษัตริย์ ยังคงไม่แสดงท่าทีหวาดหวั่นต่ออสูรชั้นสูงตรงหน้า แต่เมื่อเขานึกอะไรได้ ก็พูดเกือบตวาดว่า เจ้าทำอะไรแม่ข้า?! หึ เจ้าถามมันก่อนเถิด ว่ามันทำอะไรกับเจ้าและผืนแผ่นดินจาปิโตสอันมีเกียรติประวัติยาวนานในเนฟเวอร์แลนด์นี้ไว้บ้าง ?!!! คำตอบที่ไม่คาดฝันของอีกฝ่าย ทำเอากาหลิบหนุ่มอึ้งไป แล้วก้มลงมองใบหน้าของมารดาซึ่งกำลังอยู่ในอ้อมแขนตน เอ๊ะ?... ใบหน้านั้น... ใบหน้าอันสวยงามที่เขาลุ่มหลงบูชาเทิดทูนมาตลอด นับแต่จำความได้ บัดนี้ดูร่วงโรย แก่กว่าเดิมนับหลายสิบปี ร่างทั้งร่างขาดซึ่งความมีชีวิตชีวาซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของเขามาโดยตลอด นี่... นี่คือท่านแม่หรือนี่? ไม่จริง! ไม่จริง! ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ท่าทางมนต์เสน่ห์ที่นางร่ายไว้กับเจ้าก็จะเสื่อมลงแล้วด้วยนะ กาหลิบเอย... นอกจากมนต์ต่าง ๆ ที่มันร่ายไว้กับตัวเอง น้ำเสียงเหยียดหยามดังมาจากร่างอสูรหนุ่มอีก เขาสำรวมตบะเพ่งมองร่างของมนุษย์ทั้งสองตรงหน้า แล้วก็จับกระแสเวทย์ไสยดำดังกล่าวได้ มนต์เสน่ห์หรือ?... อา... คาร์มา เลอ ลูทวนคำอย่างเลื่อนลอย เหมือนมีเส้นใยอะไรบางอย่างขาดผึงในห้วงลึกของจิตใจเขา ภาพความหลังผุดขึ้นในความทรงจำ ชัดเจน แต่ก็ไหลผ่านห้วงมโนไปอย่างรวดเร็วประดุจสายน้ำเชี่ยวกราก ...
คาร์มาลูกรัก เจ้าต้องโตขึ้นอย่างเข้มแข็ง แล้วช่วยแม่ด้วยนะลูก
ตั้งแต่เด็กแล้ว คาร์มาก็โตขึ้นมาพร้อมคำพูดเช่นนี้ของมารดาตน- นางสนมจามิโตส ในฮาเร็มของกาหลิบเลอลูองค์ก่อน ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในรอบหลายร้อยปีของจาปิโตส กษัตริย์ผู้วางรากฐานอันมั่นคง ด้วยแสนยานุภาพทางการทหาร-ซึ่งมีบาลโดสเป็นเสาหลัก- และทางการทูต- ซึ่งมีบิดาของชาร่าเป็นเสาหลัก
นับแต่โบราณ มีคำกล่าวว่า วีรบุรุษย่อมเคียงคู่กับหญิงงาม และสำหรับกษัตริย์เลอลูผู้นี้ ก็ดูจะเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาวจาปิโตส และห้อมล้อมด้วยบรรดานางสนมนับครึ่งร้อยในฮาเร็มของตน โดยที่มิได้ตั้งใครเป็นชายาเอก- ซึ่งความหมายของ ชายาเอก ย่อมไม่เพียงเป็นคู่ชีวิตตัวจริงขององค์กาหลิบ หากแต่ทายาทอันเกิดแต่ชายาเอก ย่อมเป็นรัชทายาท-ผู้ได้สิทธิ์ครองบัลลังค์ต่อไป
ตัวจามิโตสเอง ก็เป็นบุตรีแห่งอดีตหัวหน้าเผ่าทะเลทรายเผ่าหนึ่งซึ่งถูกจาปิโตสกลืนชาติไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีใครเลยจักรู้ว่า ชนเผ่านี้ ได้ครอบครองตำราไสยดำหายากเล่มหนึ่ง ... ซึ่งคนในเผ่าเองก็คาดว่าตำรานี้มีที่มาจากแคว้นเอจู โดยอาจจะเป็นศิษย์คนใดคนหนึ่งของเอจูแอบนำตำรานั้นติดตัวมาด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ไสยดำเหล่านั้นถูกถ่ายทอดสู่เด็กสาวนามจามิโตส ผู้กำลังถูก เชิญตัว เข้าไปในวังหลวงจาปิโตส แน่นอน คำว่า เชิญตัว ในที่นี้ย่อมเป็นคำกล่าวของฝ่ายจาปิโตส หากแต่มองในมุมของฝ่ายถูกเชิญแล้ว คงกล่าวว่า มันเป็นการพรากตัวเสียมากกว่า
จามิโตสใช้ชีวิตอย่างขมขื่นอยู่ในฮาเร็มถึงสามปี เธอตระหนักถึงการแก่งแย่งชิงดีในฮาเร็มเพื่อที่ตนจะได้เป็นคนโปรดของกาหลิบ และจะได้มีโอกาสเป็นชายาเอก เพื่อเป็นหลักรับประกันความมั่นคงของชีวิตตน และในปีที่สามนั้นเอง กาหลิบก็อนุญาตให้นางสนมจำนวนหนึ่งมีบุตรกับตนได้- หนึ่งในจำนวนนั้นมีจามิโตสด้วย- ทั้งนี้ ในฮาเร็ม นางสนมย่อมมีหน้าที่เพียงบำเรอความสุขแก่กาหลิบเท่านั้น และไม่มีหน้าที่ที่จะต้องตั้งครรภ์เพื่อสืบสายเลือดกาหลิบแต่อย่างไร
และนี่คือโอกาสของจามิโตส แต่ในขณะเดียวกันมันก็มาพร้อมกับความริษยาและภัยมืดที่เริ่มคุกคามเธอเช่นกัน หากใครสักคนกำจัดเธอได้ คู่แข่งในการดำรงตำแหน่งชายาเอก คู่แข่งในการดำรงตำแหน่งรัชทายาท ก็น้อยลงไป แต่... ด้วยไสยดำของจามิโตสซึ่งบ่มตบะแข็งกล้าขึ้นทุกขณะ ทำให้เธอเอาตัวรอดมาได้ มิหนำซ้ำ ยังใช้ไสยดำกำจัดศัตรูไปทีละคน ๆ
แต่ปัญหาคือ ตัวกาหลิบเอง มีตบะเข้มแข็งและพลังเวทย์สูงส่งนัก สมกับเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งทะเลทราย จามิโตสรู้ดีว่า เวทย์ของตนใช้การกับกาหลิบผู้นี้มิได้ผล แต่กับทารกของตนที่ตนเป็นผู้เลี้ยงดูมาแต่แบเบาะนั้นเล่า...ย่อมใช้ได้ผลแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ คาร์มาจึงเป็นเด็กที่ติดแม่และเชื่อฟังแม่เป็นพิเศษในสายตาของคนทั่วไป ยกเว้นเวลาอยู่ต่อหน้าบิดา เด็กน้อยจะไม่แสดงอาการใกล้ชิดมารดาจนออกนอกหน้า ด้วยได้รับคำสั่งจากมารดาไว้ให้ทำเช่นนั้นนั่นเอง
เวลาผ่านไป...
องค์กาหลิบซึ่งชราภาพลง แต่ก็ไม่ได้มีพลังเวทย์และราศีร่วงโรยไปด้วยเลย กลับทำให้จามิโตสร้อนใจขึ้นทุกขณะ แม้ขณะนี้ ฐานะของนางในวังหลวงจาปิโตสจะเข้มแข็งแล้วก็ตาม รวมทั้งคาร์มาก็ดำรงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทด้วย แต่สภาพการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในวังหลวงนั้นก็หาได้สงบลงไม่ อีกทั้ง... องค์กาหลิบเลอ ลูเองก็เริ่มระแคะระคายถึงพลังเวทย์แห่งความมืดของนางแล้ว โดยคืนหนึ่งอันเป็นวันที่คาร์มาอายุครบ 18 ได้ไม่นาน คำกล่าวเปรยของกาหลิบที่ว่า
เอ เจ้านี่สวยไม่สร่างเลยนะ จามิโตสเอย เจ้ามีเคล็ดลับในการรักษาความงามอย่างไรรึ?
ก็กลายเป็นคำตัดสินประหารชีวิตของตนเอง!
คืนนั้น หลังจากองค์กาหลิบผู้ยิ่งใหญ่เสพรสกามารมย์ที่ชายาเอกของตน- ผู้มีรูปโฉมสวยงามหาได้ร่วงโรยไปตามวัยไม่- ปรนเปรอให้อย่างถึงใจแล้ว ท่านก็พบว่า หลังผ้าม่านของหน้าต่างห้องนั้นมีบุคคลผู้หนึ่งยืนแอบอยู่ และกำลังเขม็งมองมาทางตนด้วยความเคียดแค้น
ใครกัน... เจ้าเองรึ?
น้ำเสียงตวาด ต้องพลันเปลี่ยนเป็นงงงวย เมื่อพบว่าผู้ที่ซ่อนอยู่คือ บุตรชายของตนเอง
เจ้า... เจ้าบังอาจ... บังอาจแย่งท่านแม่ไปจากข้า!!
คาร์มา?!!!
ท่านแม่เป็นของข้าเพียงผู้เดียว ข้าไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องท่านอีก!!!
กว่ากาหลิบผู้ยิ่งใหญ่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็สายเกินไปเสียแล้ว ร่างของเขาถูกตรึงไว้ด้วยไสยดำที่ถูกร่ายมาจากด้านหลังตน... จากสตรีที่นอนข้างเคียงตนเมื่อครู่นี้เอง ส่วนด้านหน้านั้นเล่า บัดนี้มองต่ำลงไปเบื้องหน้าตน ร่างของหนุ่มน้อยที่เป็นบุตรชายแท้ ๆ กำลังกำด้ามมีดด้ามหนึ่งอย่างแน่นหนาและปลายมีดเล่มนั้นกำลังจมอยู่ในท้องขององค์กาหลิบนั่นเอง!
... คืนวิปโยคโดยแท้!
ขั้วอำนาจในจาปิโตสเปลี่ยนไปโดยทันที กลุ่มนางสนมที่เป็นปรปักษ์กับจามิโตสถูกจับประหารชีวิตแบบถอนรากถอนโคน ด้วยข้อหาลอบปลงพระชนม์องค์กาหลิบ และรัชทายาทคาร์มาก็ได้ขึ้นครองบัลลังค์แห่งจาปิโตส และใช้นามแห่งเกียรติยศว่า เลอ ลู ต่อท้ายนามของตน ดั่งเช่นกาหลิบองค์ก่อน ๆ
...
หลังจากผลัดแผ่นดินได้ไม่นาน...
ในคืนหนึ่ง มารดาผู้ยังสาวสะพรั่งของตนก็มาเคาะประตูเรียกหากาหลิบหนุ่มด้วยสีหน้าร้อนรน
คาร์มา คาร์มาของแม่
ท่านแม่?... เชิญเข้ามาก่อนสิขอรับ มีธุระอันใดกับลูกหรือ จึงได้รีบร้อนมากลางดึกเช่นนี้
แม่ฝันร้าย
ฝันร้าย?
แม่ฝันว่าเลอ ลูคนก่อนกำลังจะมาเอาชีวิตของแม่ ไปอยู่กับมันในโลกอันมืดมิด ลูกเอ๋ย...
ท่านแม่...
ร่างของทั้งสองกอดแนบแน่นเข้าหากัน... เป็นอากัปกริยาที่เกินกว่าความเป็น แม่ลูก!
ลูกรัก คืนนี้ให้แม่นอนด้วยนะ อย่าทิ้งแม่ไปไหน!
ขอรับท่านแม่ ใจเย็น ๆ ลูกอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องห่วง ลูกเคยสัญญาไว้แล้วนี่ขอรับว่า ลูกจะไม่ทิ้งท่านแม่ไปไหนเด็ดขาด
ดีมาก และลูกคงยังจำได้นะ ว่าลูกสัญญากับแม่ไว้นอกจากเรื่องนี้ว่าอย่างไร
... ขอรับลูกจำได้ นัยน์ตาของกาหลิบหนุ่มทอแววเลื่อนลอย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ใน คืนวิปโยค นั้น เหตุการณ์หลังจากที่เขาสังหารบิดาบังเกิดเกล้าด้วยมือของตนเอง และแย่งชิงเอาสตรีที่เขารักที่สุดในชีวิตมาเป็นของตน!
ท่านแม่ไม่ต้องห่วง มือสองข้างของลูกเปื้อนเลือดไปแล้ว... จะเปื้อนอีกเท่าไรก็เหมือนกัน... ลูกจะทำสงครามขยายดินแดน ให้จาปิโตสเราเป็นเจ้าเหนือหัวของคนทั้งมวลบนเนฟเวอร์แลนด์ให้จงได้
ให้เราสองแม่ลูกต่างหาก... หาใช่จาปิโตสไม่
ขอรับ... เพื่อเราสองคน ... ... ขะ...ข้า... ข้าทำอะไรลงไปนี่? น้ำเสียงแหบพร่าหลุดออกจากริมฝีปากของกาหลิบหนุ่มในที่สุด ร่างทั้งร่างสั่นเทา แต่ก็ยังประคองกอดร่างที่ไม่ได้สติไปแล้วของมารดาตนไว้ไม่ยอมปล่อย รังสีอำมหิตที่กดดันมาจากร่างของอสูรหนุ่มใกล้ ๆ เป็นสิ่งเดียวที่ช่วยดึงให้เขายังคงต้องยอมรับความจริงในชีวิตตนที่ผ่านมา... ความจริงอันโหดร้าย! ท่าทางจะ ได้สติ อย่างสมบูรณ์แล้วสินะ จาโด้พูดเบา ๆ แล้วก็หันหลังกลับ ดะ... เดี๋ยวก่อน! เป็นคาร์มา เลอ ลูที่หันขวับมาร้องเรียกไว้ ? เจ้า...ท่านจะไปไหน? หึ ข้าหมดอารมณ์ที่จะละเลงเลือดเสียแล้ว... ถึงอย่างไร บาปกรรมที่นางผู้นี้ทำไว้ก็หนักหนานัก จาปิโตสคงถึงกาลอวสานในคราวนี้เอง คาร์มา เลอ ลูเอย... น่าเสียดายจริง ... คราวนี้กาหลิบหนุ่มเป็นฝ่ายอึ้งไปแทน ขณะที่เขาขยับปากจะเอ่ยอะไรออกมา เจ้าชายแห่งความมืดก็ยกมือปรามไว้ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น... ข้า ขี้เกียจ ฟัง ... คาร์มา เลอ ลูอึ้งไปเล็กน้อย แต่แล้วก็แค่นยิ้มขื่น ๆ จริงสินะ ท่านไม่เกี่ยวกับเรื่องของข้ากับแม่ข้ามาแต่แรกแล้ว... และยิ่งไม่เกี่ยวกับจาปิโตส หึหึหึ เอาเถิด ถึงอย่างไร ข้าก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าสตรีผู้นี้เป็นแม่ของข้า และข้าก็ต้องรับผิดชอบสิ่งต่าง ๆ ที่นางทำขึ้น เรื่องของเจ้า! ขาดคำ ร่างของเจ้าชายอสูรหายวับไปต่อหน้าทันที กาหลิบหนุ่มเหม่อมองพื้นว่างเปล่าที่จาโด้เคยยืนอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะก้มลงมองร่างของมารดาตน เพียงเพื่อพบว่านางยังเหลือลมหายใจเพียงรวยริน ท่านแม่... เขาช้อนร่างแบบบางนั้นขึ้นไว้ในวงแขน ลุกขึ้นยืนแล้วอุ้มร่างนั้นเดินออกไปทางประตู ... ขอบฟ้าเริ่มทอแสงสีทองรำไร อีกไม่นานก็จะสว่างแล้ว
เท้าที่ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวของจาโด้ หลังจากที่เขาพาตัวเองลงจากเบื้องบนสู่พื้นทางเดินในสวนกลางวัง ไม่อยู่? เจ้าของปราสาทหลังนี้ไม่อยู่! เจ้าชายอสูรหลับตาลงสำรวมสมาธิอีกครั้ง แต่ผลก็เหมือนเดิมกับที่เขาสัมผัสได้ด้วยจิตเมื่อชั่วขณะก่อนหน้านี้ นั่นคือ เจ้าของพลังเวทย์แสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ไม่อยู่ในบริเวณนี้ เกิดอะไรขึ้นอีก? แวววิตกฉายทับบนใบหน้าเย็นชาของเขาแวบหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบสาวเท้ายาว ๆ สองสามก้าว แล้วทะยานร่างขึ้นกลางอากาศ มุ่งหน้าสู่ห้องนอนของลิตเติลสโนว์ในทันที... สถานที่สุดท้ายที่เขาพบเธอนั่นเอง ! สภาพภายในห้องนั้น เท่าที่มองจากนอกหน้าต่าง พาให้อสูรหนุ่มใจหายวูบทันที เขากระโจนเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วเพียงเพื่อพิสูจน์ให้แน่ใจว่า... นอกจากร่างของนางกำนัลกิตติมศักดิ์ที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นข้างเตียงในห้องนั้นแล้ว ไม่มีร่องรอยใด ๆ ของเจ้าของห้องแม้แต่น้อย! สโนว์!!! ... |