สำหรับตอนนี้เป็นตอนสำคัญ ซึ่งจะเปิดเผยปริศนาบางส่วนในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นสำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ผ่าน ๆ มาตั้งแต่ต้นจนหมด กรุณาอย่าเพิ่งอ่านครับ เพราะหากท่านทราบคำตอบปริศนาเหล่านี้ จะทำให้เสียอรรถรสในการติดตามเรื่องราวไป

รับทราบ และขออ่านตอนนี้      กลับหน้าสารบัญ

มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

ภาคสอง ราชินีศักดิ์สิทธิ์

มารผยอง: ผู้ชักใย

ตีพิมพ์ครั้งแรก 25 ก.พ 46

ตัวละครใหม่ :
rudora.jpg
รุโดร่า (อสูรชั้นสูง)
เจ้าครองแคว้นเอลิซิตัท อดีตหนึ่งในห้าขุนพลแห่งนีโอกลาด (ทัพอสูรภายใต้การนำของจอมราชันย์อสูรจาเนส)


ราชินีศักดิ์สิทธิ์แห่งแพลททิเซลเวอร์มองไปยังผู้มาใหม่อย่างพินิจ จากรูปกายภายนอก เขาเป็นชายฉกรรจ์ผิวดำคล้ำ ใบหน้าเคร่งขรึม ดูมีราศีน่าเกรงขามอย่างประหลาด ซึ่งก็สมควรแก่ฐานะเจ้าครองแคว้นเอลิซิตัทและตำแหน่งอดีตหนึ่งในห้าขุนพลแห่งกองทัพอสูร สิ่งที่ดูแปลกตาและเป็นจุดเด่นในตัวอสูรชั้นสูงผู้นี้ก็คงจะเป็นดวงตาที่สามที่งอกเงยอยู่กลางหน้าผากนั่นเอง แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดแล้วจะพบว่าที่หลังมือของอสูรบุรุษผู้นี้ก็มีดวงตางอกเงยอยู่ข้างละดวงเช่นกัน เท่าที่เห็นอสูรผู้นี้มีดวงตารวมถึงห้าดวงแล้ว และนี่ก็คงเป็นสิ่งที่จาโด้กล่าวถึงเมื่อครู่นี้ว่า ดวงตาที่หลังมือของอสูรสาวร่างพิสดารนามอิลฮาร์ตนี้ เป็นดวงตาที่เชื่อมโยงกับดวงตาดวงหนึ่งของรุโดร่าซึ่งมีดวงตาถึงเจ็ดดวง

อสูรสาวผู้นั้นเล่า นับแต่เจ้านายของเธอปรากฏตัวมา ก็พลันสลายกายเนื้อลง คงเหลือเพียงดวงอัญมณีเม็ดนั้น ลอยเด่นอยู่กลางอากาศส่องแสงประกายวาววับ

ในสายตาของเด็กสาวจากต่างภพ เธอหยั่งรู้ได้อย่างประหลาดว่า อิลฮาร์ตกำลังอยู่ในสภาพจิตใจที่หวาดกลัว... ทั้งต่อศัตรูและต่อเจ้านายตน นอกจากนี้ อสูรสาวผู้นี้ยังรับบาดเจ็บหนักและกำลังพยายามรวบรวมพลังชีวิตตนซึ่งได้จากเม็ดอัญมณีนั้น มาซ่อมแซมร่างกายตนที่เสียหายอยู่อย่างที่เรียกได้ว่า ดิ้นรนสุดชีวิต

รุโดร่าเพียงโบกมือซ้ายในระดับเอวของตนคราหนึ่ง อัญมณีนั้นก็ลอยพุ่งวูบไปทางทิศใต้อย่างรวดเร็ว โดยที่จาโด้เองก็ไม่มีทีท่าสนใจแต่ประการใด

“หึหึหึ เจ้าชายอสูรจาโด้ ข้าฯน้อยได้ยินกิตติศัพท์มานานแล้ว เพิ่งมีโอกาสได้พบท่านในคราวนี้เอง นับเป็นเกียรติของข้าฯน้อยยิ่งนัก”

“เฮอะ” อีกฝ่ายกลับแค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่ต้องมาทำเป็นนอบน้อมหรอก ตัวเองคิดอะไรอยู่ในใจเจ้าย่อมรู้ดี”

“ข้าฯน้อยมิได้คิดอะไรขอรับ เจ้าชายแห่งอสูร”

“หึ เจ้ากำลังวางแผนชั่วอะไรอยู่?” จาโด้ถามตรง ๆ

“หึ ๆ ๆ” อสูรผู้มีตาที่สามที่หน้าผาก เหลือบสายตามาทางเด็กสาวที่ปลอดภัยอยู่ในผลึกน้ำแข็งแวบหนึ่ง แล้วก็ตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อมเหมือนเมื่อครู่ว่า “ข้าฯน้อยคงกำลังวางแผนเช่นเดียวกับท่านกระมังขอรับ”

“อย่าได้เอาข้าไปเปรียบกับเจ้า อสูรถ่อยเอย”

ลิตเติลสโนว์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย นี่จาโด้กำลังท้าตีท้าต่อยหาเรื่องเขาชัด ๆ นี่ ... หรือเขามีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น

แต่ความสงสัยของลิตเติลสโนว์ก็ได้รับการคลี่คลายในแทบจะทันที

“ข้าฯน้อยทำอะไรผิดหรือขอรับ เจ้าชายถึงได้บริพาษข้าฯน้อยรุนแรงนัก?”

“ฮึ่ม อย่ามาทำเฉไฉเลย รุโดร่า เจ้านึกว่าพฤติกรรมของเจ้าไม่มีใครล่วงรู้กระนั้นหรือ? สำหรับกรณีของราชินีแห่งแพลททิเซลเวอร์ผู้นี้ เจ้ายังไม่ทันสัมฤทธิ์ความตั้งใจก็จริง แต่ เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าลืมสิ่งที่เจ้าทำเมื่อสิบสองปีก่อนไปแล้ว”

“เจ้าชายอสูร ท่านกำลังพูดอะไรขอรับ? ข้าฯน้อยด้อยปัญญานัก ไม่อาจจะเข้าใจได้เลย” น้ำเสียงของรุโดร่ายังคงราบเรียบและอ่อนน้อมเหมือนเดิม แต่ลิตเติลสโนว์ สำเหนียกได้ถึง ‘อะไรบางอย่าง’ ที่เปลี่ยนไป

“ฮึ ต้องให้ข้าบอกตรง ๆ รึ” เจ้าชายอสูรมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอีก ก่อนจะพูดเน้นอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้าหมายถึงเรื่องที่เจ้าพรากแม่ลูกคู่นั้นจากกันนะสิ... เจ้าคงไม่ด้อยปัญญาขนาดจะไม่ทราบนะ ว่าข้าหมายถึง นางมนุษย์มาเรียและเด็กเมื่อวานซืนฮิโระน่ะ!!!”

ลิตเติลสโนว์ชาวาบไปทั้งตัว เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเนฟเวอร์แลนด์ เธอเองก็ได้ศึกษาเรียนรู้มา จนรอบรู้พอ ๆ กับที่เจ้าครองแคว้นสำคัญของมนุษย์ผู้หนึ่งพึงรับรู้จากการบอกเล่าของมหาเทพโคเรียซึ่งบอกผ่านจักรพรรดิโดริฟานแห่งโคเรียสะทีนอีกทอดหนึ่ง เหตุการณ์เกี่ยวกับศึกร้อยวัน และข่าวที่ไม่ได้รับการยืนยันที่ว่า มาเรีย- ชายาชาวมนุษย์ในจอมราชันย์อสูรจาเนส- หายสาบสูญไปหลังจากศึกร้อยวันนั้น ... บัดนี้ จาโด้กำลังประกาศความจริงที่น่าตระหนก ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง คือ รุโดร่า ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าขุนพลคู่ใจของจอมราชันย์อสูรจาเนสนั่นเอง

ทางฝ่ายผู้ถูกกล่าวหานั้นเล่า ในสายตาของเด็กสาวที่มองผ่านม่านน้ำแข็งใสแจ๋วนั้นออกไป เธอรู้สึกได้ถึงบรรยากาศรอบตัวรุโดร่าที่เปลี่ยนไปทันทีเมื่อถ้อยคำของจาโด้จบลง

“....“ อสูรแห่งเอลิซิตัทนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ หัวเราะในลำคอ “หึหึหึ... ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

ทีแรก เสียงหัวเราะก็เพียงอยู่ในลำคอเบา ๆ แต่ในที่สุดมันก็ดังขึ้น ๆ และตอนท้ายเจ้าตัวถึงกับแหงนหน้าหัวเราะอย่างสะใจ ท่าทีนอบน้อมไม่มีเหลืออีกแล้ว สิ่งที่เหลือคงมีเพียงท่าทีมุ่งร้ายเท่านั้น

“ที่แท้เจ้าทราบเรื่องนี้แล้วหรือนี่? จาโด้!”

“เฮอะ อาศัยปัญญาอันตื้น ๆ ของเจ้าจะคิดแผนการอะไรได้มากมายกว่านี้เล่า?”

“ดี” อสูรผิวดำเค้นเสียงหนัก แน่นอน คำว่า ‘ดี’ ย่อมไม่ดีสำหรับผู้ฟังแน่ บรรยากาศรอบตัวเขาแทบจะควบแน่นด้วยละอองแห่งความโกรธเกรี้ยว “ในเมื่อเจ้ารู้ถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องมาเสแสร้งอะไรกันอีก เตรียมตัวตายซะ เจ้าเด็กนรก!”

จากสายตารุโดร่าที่อายุนับได้หลายร้อยปีแล้ว จาโด้ย่อมเป็นเพียง ‘เด็กเมื่อวานซืน’ เท่านั้น ยิ่งในกรณีที่ไม่มีความเกรงใจกันแล้วเช่นนี้ด้วย

“แสดงธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ เจ้าอสูรวิตถาร”

“วิตถารรึ? หึ เจ้าพูดได้แค่นี้ใช่ไหม?” พลังเวทย์ในตัวรุโดร่าถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว ประดุจสายน้ำที่ไหลทะลักทำนบอย่างบ้าคลั่ง “ข้าจะใช้พลังที่ได้จากนางมาเรียผู้นั้น สั่งสอนให้เจ้ารู้เองว่า ผู้ที่บังอาจหยามข้า จักต้องเป็นเยี่ยงใด!!!”

ลิตเติลสโนว์ถึงกับตะลึงไปทันที

--พลังที่ได้จากนางมาเรียผู้นั้น--

หมายความว่าอะไร?!!!

เท่าที่จับคำพูดของทั้งสองได้ รุโดร่านี่เองคือผู้ที่ลักพาตัวมาเรียไปตอนที่เกิดศึกร้อยวันเช่นนั้นหรือ? แล้วหลังจากนั้นล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวชาวมนุษย์ แม่ของฮิโระผู้นั้น ? และ ที่ว่า รุโดร่าได้รับพลังจากเธอแปลว่าอะไร?

ลิตเติลสโนว์ประมวลความคิดของตนอย่างรวดเร็ว แล้วก็ใจหายวาบ เมื่อเธอนึกถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง...

ความเป็นไปได้ ที่เธออยากจะจบอยู่เพียงในความคิดเธอ อย่าได้เป็นความจริงเลย...

ความจริงอันน่าขยะแขยง...

ด้านนอกผลึกน้ำแข็ง พลังของอสูรทั้งสองฝ่ายที่ประจันหน้ากันอยู่ ค่อย ๆ ขยายตัวเป็นทรงกลมห่อหุ้มตัวอสูรแต่ละตนไว้ ทรงกลมที่แฝงด้วยพลังความเย็นผสมกับความมืด กับทรงกลมอีกลูกหนึ่งที่แฝงด้วยพลังความมืดเพียงอย่างเดียว ในตอนนี้ หากสิ่งมีชีวิตอื่นใด มาอยู่ในรัศมีห้าร้อยเมตรรอบนี้ ย่อมถูกบรรยากาศกดดันนี้ ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ง่าย ๆ

แต่จากที่เด็กสาวผู้ปลอดภัยอยู่ในผลึกน้ำแข็งสามารถรับรู้ได้ พลังของฝ่ายแรกดูจะด้อยกว่าฝ่ายหลังอยู่ส่วนหนึ่ง...

อา! ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ... ก็เพราะเขาแบ่งพลังของตนถึงกว่าค่อนมาสร้างและคอยคุ้มครองผลึกน้ำแข็งที่ห่อหุ้มตัวเธออยู่นี่เล่า

“จาโด้...” เสียงแผ่ว ๆ หลุดจากริมฝีปากซึ่งยังคงเป็นอัมพาต ด้วยมนต์สะกดของอิลฮาร์ต

--เจ้าชายอสูรจะแพ้หรือ?--

เด็กสาวรู้สึกได้ถึงหัวใจตนที่แทบจะหยุดเต้น ในอาการที่เรียกว่า ‘ใจหายวาบ’ เมื่อตระหนักได้ถึงความจริงในข้อนี้

แต่ไม่ว่าผู้สังเกตการณ์จะรู้สึกใจเสียสักเพียงใด ด้านนอก การประทะกันของสองอสูรก็ยังคงดำเนินต่อไป บัดนี้ ผิวทรงกลมทั้งสองเริ่มสัมผัสกันแล้ว และในสายตาของผู้สังเกตการณ์อย่างลิตเติลสโนว์ รู้สึกได้ถึงการไหลของพลังเวทย์ของทั้งสองตนที่พุ่งเข้าไปยันกัน ณ บริเวณที่ทรงกลมแห่งเวทย์สัมผัสกันอยู่นั้น

“หึหึหึ จะดิ้นรนสู้ไปถึงไหน จาโด้เอย” รุโดร่าเอ่ยข่มขวัญ

สีหน้าของเจ้าชายแห่งรัตติกาลเริ่มทอแววหนักใจ เขากัดฟันกรอด ไม่ตอบแต่อย่างใด

เป็นความประมาทของเขาโดยแท้จริง ในคืนนี้ เขาใช้พลังเวทย์ด้วยความหุนหันไปครั้งหนึ่งแล้ว คือ การใช้เวทย์ค่ายกลวิญญาณดำแห่งภพอสูร เพื่อที่จะย้อนรอยเวทย์ดำของจามิโตสผู้นั้น... เป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนโดยแท้ และบัดนี้เล่า เขาก็กำลังสู้กับอดีตหนึ่งในห้าขุนพลแห่งนีโอกลาดโดยมีแต้มต่อที่ใหญ่หลวงเสียด้วย...

ใช่ แต้มต่ออันเนื่องจาก เขาแบ่งพลังไปคุ้มครองลิตเติลสโนว์นั่นเอง... ด้วยพลังนี้ ไม่ว่าใคร ต่อให้จอมราชันอสูรจาเนสฟื้นคืนชีพมาก็ตาม จะไม่สามารถขยับเขยื้อนผลึกน้ำแข็งนั้นไปได้แม้แต่น้อย โดยไม่ฆ่าเขาให้ตายก่อน หรือแม้แต่จะใช้พลังเวทย์ใดทำร้ายลิตเติลสโนว์ก็ทำได้ยากเช่นกัน และนี่ย่อมเป็นพลังเวทย์มหาศาลที่เขาแบ่งไปคุ้มครองเด็กสาว... แต่จะไม่คุ้มครองก็มิได้ ด้วยเขาเองย่อมตระหนักดีว่า เป้าหมายแท้จริงของฝ่ายตรงข้าม คือ การชิงตัวลิตเติลสโนว์ไป หาใช่การรบให้แตกหักกับเขาไม่... หากมันชิงตัวราชินีแห่งแพลททิเซลเวอร์ไป และทำตามความประสงค์สำเร็จแล้ว วันหลังการจะฆ่าเขาย่อมไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมันอีกต่อไป

“...” เจ้าชายอสูรขมวดคิ้ว หรี่ตาอย่างหนักใจ ตรงกันข้ามกับคู่ต่อสู้ซึ่งยังคงกระหยิ่มยิ้มย่อง

“เจ้าช่างด้อยปัญญากว่าข้าเสียอีก ไม่สมกับเป็นเจ้าชายอสูรที่ข้าได้ยินกิตติศัพท์มาเลย...” น้ำเสียงนั้นมีแววดูหมิ่นอย่างชัดเจน ด้วยความกระหยิ่มที่ตนกำลังถือไพ่เหนือกว่า “เพียงแค่เจ้าร่วมสังวาสกับดวงวิญญาณต่างภพนี้ เจ้าก็คงมีพลังเวทย์เหนือกว่าข้าแล้ว ...”

“บัดซบ! บอกแล้วไงว่าอย่าเอาข้าไปเปรียบกับอสูรถ่อย ๆ เช่นเจ้า!!!” จาโด้ตวาดอย่างเกรี้ยวกราดด้วยน้ำเสียงที่ลิตเติลสโนว์ฟังออกว่า เขาโกรธอย่างสุดขีดจริง ๆ อารมณ์ของเขาที่อ่านได้ในตอนนี้ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ดูหมิ่นเหยียดหยาม ขยะแขยง โกรธเกรี้ยว... และ เจ็บใจ? จนเด็กสาวแม้อยู่ในผลึกน้ำแข็งอันปลอดภัยนี้ ยังอดไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกพรั่นพรึงขึ้นมา

แต่เหนืออื่นใด สิ่งที่เธอต้องตระหนกอีกครั้งหนึ่งก็คือคำพูดของอสูรเจ็ดตาผู้นี้

--เพียงแค่เจ้าร่วมสังวาสกับดวงวิญญาณต่าางภพนี้ เจ้าก็คงมีพลังเวทย์เหนือกว่าข้าแล้ว—

หมายความว่า สิ่งที่เธอฉุกคิดถึงเมื่อครู่นี้เป็นความจริงหรือนี่?!!!

ในเนฟเวอร์แลนด์ โดยปกติ สิ่งมีชีวิตแต่ละชีวิต กำเนิดมาโดยมีตบะหรือฐานพลังเวทย์อยู่ในกายมาพร้อมกัน ซึ่งตบะนี้บางคนก็ลึกล้ำ สามารถ ‘บรรจุ’ พลังเวทย์ได้มาก บางคนก็มีเพียงตื้น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม พลังเวทย์ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีอยู่ในตบะนั้นจนเต็มความจุ หากต้องอาศัยความเข้มแข็งของจิต และการฝึกฝนพลังเวทย์ที่ถูกทาง จึงจะค่อย ๆ บรรจุพลังเวทย์เข้าในตบะของตนจนเต็มความจุได้ แน่นอน ผู้มีตบะสูงกว่า ย่อมมีขีดจำกัดของพลังเวทย์ที่สูงกว่า ผู้ที่ตบะต่ำ เมื่อฝึกฝนจนเต็มขีดความสามารถของตนแล้ว ก็ไม่สามารถจะมีพลังเวทย์สูงไปกว่านั้นได้อีก เว้นแต่ละยกระดับตบะของตนให้สูงขึ้นไป ซึ่งหาใช่เรื่องง่าย ๆ ไม่

ดังนั้นผู้ที่มีตบะสูงจึงมีความได้เปรียบสองประการคือ หนึ่ง ‘ความจุ’ หรือขีดจำกัดของพลังเวทย์ที่ตนจะมีในกายได้ มีสูงกว่า และสอง ความรุนแรงของพลังเวทย์ยังมีพื้นฐานมาจากความลึกล้ำของตบะอีกด้วย

วิธีการฝึกพลังเวทย์สามารถกระทำได้ไม่ยากนักก็จริง อย่างเช่นที่ลิตเติลสโนว์ใช้เวลาเรียนรู้หลักการพื้นฐานจนถึงขั้นใช้เวทย์ได้ เพียงแค่ชั่วข้ามคืนในตอนที่เธอ ‘เดินทาง’ มาถึงเนฟเวอร์แลนด์ และรวมทั้งหลังจากนั้นเพียงสอง-สามเดือน เด็กสาวก็มีพลังเวทย์สูงขึ้นจนเกือบเต็มขีดจำกัดของตน ในครั้งที่เธอลองใช้มหาเวทย์กรีนโนอาเป็นครั้งแรก (แต่ล้มเหลวในระดับหนึ่ง เพราะเวทย์ที่ใช้ ยังไม่เป็นมหาเวทย์กรีนโนอาอย่างแท้จริง)

แต่... ก็มีบันทึกในตำราโบราณ รวมทั้งในศาสตร์ของผู้ศึกษาไสยดำหรือเวทย์แห่งความมืดว่า มีวิธีลัดที่จะเพิ่มพูนได้ทั้งพลังเวทย์และตบะ โดยการ ‘ดูด’ เอาพลังเวทย์ของคนอื่นมา และหนึ่งในวิธีที่ใช้ ‘ดูด’ ก็คือ การร่วมสังวาสกับผู้มีพลังเวทย์ด้วยกัน...

สีหน้าของเด็กสาว ทอแววสับสน เมื่อคิดถึงตรงนี้

ดูท่าจาโด้ก็รู้เกี่ยวกับวิธีที่ว่านี้เช่นกัน หรือว่า?...

--ไม่ จาโด้ไม่ได้เรียกตัวเรามาเพื่อการนนั้นแน่--

เด็กสาวส่ายหน้าปฏิเสธในความคิดตัวเอง ใจส่วนลึกรีบเร่งหาเหตุผลมาค้านความคิดข้างต้นทันที

‘ใช่ จาโด้โกรธมากเพราะคำพูดนี้ของรุโรร่าไง... แสดงว่า จาโด้ไม่ได้คิดทำแบบนั้นกับเรา... อย่างที่ เอ๊ะ หมายความว่า รุโดร่าลักพาตัวแม่ของฮิโระไปเพื่อ.... ? ถ้างั้น ชะตากรรมของแม่ของฮิโระล่ะ?’

น่าแปลกที่เด็กสาวรู้สึกคุ้นเคยกับชื่อของฮิโระยิ่งนัก และยิ่งในตอนนี้ที่สามารถคาดเดาความเป็นไปในมุมมืดส่วนหนึ่งของเนฟเวอร์แลนด์ที่ผ่านมา เธอก็ยิ่งรู้สึกเห็นใจเด็กสาวชาวอสูรนาม ‘ฮิโระ’ ผู้นั้น ทั้งที่ไม่เคยพบตัวจริงกันมาก่อน

แต่ใจอีกใจหนึ่ง อันเป็นผลมาจากอดีตอันขมขื่นที่เธอไม่อาจจะไว้ใจใครได้ ในสมัยที่อยู่ในโลกเดิมของเธอ ก็เตือนว่า

‘อย่าไว้ใจจาโด้ไป ถึงอย่างไรเขาก็เป็นอสูรไม่ใช่หรือ และเราก็เห็นกับตาแล้วว่าเขาเป็นคนน่ากลัวเพียงใด และจนบัดนี้ เขาก็ยังไม่เคยบอกจุดประสงค์ที่เขาอัญเชิญเรามาเลย’

ที่จาโด้โกรธ อาจจะเพราะโกรธที่ถูกรุโดร่าเปิดเผยความจริงต่อหน้า ‘เหยื่อ’ ก็เป็นได้!

ในระหว่างที่ราชินีแห่งแพลททิเซลเวอร์ยังคงสับสนอยู่ในใจ ด้านนอกการสู้รบภายใต้การอยู่นิ่งก็ทวีความรุนแรงขึ้น ขอบฟ้าด้านตะวันออกเริ่มทอแสงเรื่อ ๆ ของอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ

ถึงตอนนี้ทรงกลมพลังเวทย์ที่ห้อมล้อมจาโด้เริ่มหดขนาดเล็กลง ๆ ตามลำดับ สีหน้าของเขายังคงบอกถึงความรู้สึกเคียดแค้นที่มีต่อคู่ต่อสู้ไม่แปรเปลี่ยน หากแต่เขาจะทำอะไรอีกฝ่ายได้เล่า ในเมื่อพลังเวทย์ของตนสู้ไม่ได้เช่นนี้!

ในสายตาของลิตเติลสโนว์ เธอมองเห็นการข่มกันที่บริเวณผิวทรงกลมทั้งสองที่สัมผัสกันได้อย่างชัดเจน ซึ่งตำแหน่งนั้น เลื่อนเข้าใกล้ตัวจาโด้เข้าไปทุกขณะ

รุโดร่ายังคงกระหยิ่มยิ้มย่อง ดูท่าก่อนพระอาทิตย์พ้นขอบปฐพี เขาจะได้ทำงานใหญ่สำเร็จถึงสองงานกระมัง

งานแรกคือการกำจัดเสี้ยนหนามต่อแผนการยึดครองเนฟเวอร์แลนด์ของเขา... เจ้าอสูรจาโด้ผู้นี้มีพลังเวทย์และพลังยุทธสูงเกินไป และที่สำคัญพิจารณาจากอุปนิสัยแล้วไม่มีทางก้มหัวให้เขาแน่นอน ดังนั้น ชิงกำจัดทิ้งได้เร็วเท่าไรยิ่งดี ... นึกไม่ถึงเลยว่าโอกาสจะมาเร็วถึงเพียงนี้ ที่จริง หากไม่เพราะมันแบ่งพลังไปคุ้มครองนางเด็กชาวมนุษย์นั่น ก็คงสู้กับเขาได้สูสีกว่านี้

ใช่สิ ... เด็กสาวชาวมนุษย์นี่ คือต้นเหตุแห่งความพ่ายแพ้ของเจ้าชายอสูรผู้กล้าแข็ง และนางคือ ของรางวัลชิ้นโตสำหรับฉลองชัยชนะของเขานั่นเอง

‘หึหึหึ อีกนิดเดียว เนฟเวอร์แลนด์ก็เสมือนอยู่ในกำมือของข้าแล้ว’

พลังเวทย์และตบะของราชินีศักดิ์สิทธิ์ เท่าที่เขาสังเกตการณ์ผ่านอิลฮาร์ตอยู่เงียบ ๆ ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ช่างมีเสน่ห์เย้ายวน ชวนให้เขาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการ ‘เร่งรัดวิวัฒนาการ’ เสียนี่กระไร ... แน่นอน นางนั้นก็งดงามนัก ยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากได้นางมากขึ้น!!!

ลิตเติลสโนว์มองภาพตรงหน้าอย่างหมดหวัง บัดนี้ รอบกายจาโด้เหลือเพียงม่านบาง ๆ สีดำที่หุ้มกายอยู่เท่านั้น ทรงกลมพลังเวทย์ของรุโดร่าขยายวงใหญ่จนขอบของมันมาถึงตรงหน้าจาโด้แล้ว

เธอจินตนาการได้ถึงสิ่งที่เกิดถัดไป เมื่อรุโดร่าเร่งพลังเวทย์เฮือกสุดท้าย ทรงกลมพลังเวทย์ของเขาก็จะกลืนกินร่างของจาโด้เข้าไป และอัดพลังทำลายเข้าใส่เจ้าชายอสูรนี้เป็นจุดเดียว

และนั่นคือ วาระสุดท้ายของจาโด้อย่างไม่ต้องสงสัย?!!!


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป
1