สายรุ้ง... แสงสีรุ้ง... แสงหลากสี... สรรพวิจิตรที่วิ่งผ่านรอบตัวไป ทำให้เด็กสาววัยรุ่นห่อตัวอย่างหวาดหวั่น เธอกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ... ไม่สิ จะเรียกว่ากลางอากาศก็ไม่เชิงนัก เพราะสรรพสิ่งรอบข้างเต็มไปด้วยแสงสีวิจิตรตระการตาล้อมรอบตัวของเด็กสาวทั้งสิบทิศ จนไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้แม้กระทั่งขณะนี้ตนกำลังยืนตัวตั้งขึ้น หรือกำลังยืนห้อยศีรษะกันแน่! หากสิ่งหนึ่งที่เด็กสาวรู้สึกได้คือ ร่างกายของตนกำลังล่องลอยไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูงทีเดียว ที่จริงความเร็วขนาดนี้ควรจะทำให้รู้สึกเวียนศีรษะหรือตาลายบ้าง แต่... ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่ประดังเข้ามาในร่างกายและจิตวิญญาน ทำให้เธอลืมความรู้สึกไม่สบายจากการเดินทางด้วยความเร็วสูงนั้นไปเสียสนิทใจ สัญญาน... ความรอบรู้.... ภูมิปัญญา? เท่าที่เด็กสาวชาวมนุษย์สามารถนึกคำอธิบายได้ คงเป็นสามคำนี้กระมัง ตั้งแต่เธอหลงเข้ามาในมิติพิศวงแห่งนี้แล้ว เธอก็รับรู้ได้ว่า พร้อมกับที่ร่างของตนลอยล่องไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วอันน่าตระหนกบางสิ่งบางอย่างก็ไหลเข้าไปในสมองของเธอไม่ขาดสาย เนฟเวอร์แลนด์... ริมฝีปากจิ้มลิ้มคู่นั้นรำพึงออกมาเบา ๆ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ของเนฟเวอร์แลนด์...อันเต็มไปด้วยปริศนาลี้ลับของอารยธรรมโบราณ... การสิ้นสูญของเทพโบราณองค์สุดท้าย- มหาเทพเฮลกายเออร์... การตั้งตนเป็นใหญ่ของสามมหาเทพแห่งเนฟเวอร์แลนด์- โคเรีย, อิปซิลอน และ จาเนส... ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเนฟเวอร์แลนด์ผุดขึ้นในห้วงภวังค์แห่งความนึกคิดราวกับสายน้ำไหล เด็กสาวได้แต่ตกตะลึงและจมดิ่งกับความครุ่นคิดที่จะพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่หลั่งไหลเข้าสู่ภาวะจิตของตนอย่างแสนจะยากเย็น -- นี่มันอะไรกันนี่? -- การจุติของอดีตเทพจาเนสในนามของจอมราชันย์อสูรจาเนส... สงครามระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าอสูรอันกินเวลายาวนานนับเกือบพันปี... โลกของเนฟเวอร์แลนด์...ดินแดนแห่งมนต์มายา... ผืนดินที่เขียวชอุ่มปกคลุมด้วยป่าพฤกษาเขียวขจีกว้างใหญ่ไพศาล บางตอนก็เป็นทุ่งหญ้าไกลสุดลูกหูลูกตา... บางตอนก็เป็นทะเลทรายเวิ้งว้างกว้างใหญ่... บางตอนก็เป็นดินแดนแห่งเทือกเขาและหุบเขา... และบางตอนก็เป็นดินแดนหนองบึงอันแสงอาทิตย์ยากจะชอนไชผ่านใบไม้ของต้นไม้ใหญ่ลงไปสู่พื้นดินอันเป็นหนองและเลนได้... ชนเผ่าบนเนฟเวอร์แลนด์.... มนุษย์, อสูร, มนุษย์วิหค, เอลฟ์, กอบบลิน รวมทั้งชนเผ่าลี้ลับ เช่น มนุษย์มังกร, แมวยักษ์, กบยักษ์... เวทมนต์แห่งเนฟเวอร์แลนด์... เวทย์แห่งอัคคี, สายน้ำ, น้ำแข็ง, ภูผา, สายลม, สายฟ้า (ไฟฟ้า), แสงสว่างและมนต์ดำ... ความรู้ทั้งมวลประดากันเข้ามาในหัวของเด็กสาวอย่างไม่ขาดสาย ภายในช่วงเวลาที่เจ้าตัวรู้สึกว่านานนับหลายเพลา... ไม่ ... เราไม่อยากไป เราอยากกลับไปยังโลก! เสียงปฏิเสธการเดินทางดังขึ้นในใจในที่สุด -- มาเถิด โคะยุกิ...หิมะน้อย... ลิตเติลลสโนว์ จงมา... เนฟเวอร์แลนด์ต้องการเจ้า -- น้ำเสียงเย็นยะเยือกของบุรุษหนุ่มดังขึ้น เป็นน้ำเสียงที่ต่างจากเสียงของคนชราที่เธอได้ยินตั้งแต่ตอนแรกที่ยังอยู่บนโลกของตนเอง ไม่.... ความเร็วในการเดินทางลดลงกว่าครึ่ง ทันทีที่จิตใจเริ่มว้าวุ่นด้วยความอยากกลับสู่โลกของตนเอง แต่ในที่สุดเด็กสาวก็ตระหนักว่าไม่สามารถแข็งขืนต่อโชคชะตาของตนได้... ความมุ่งมั่นของอีกฝ่ายกล้าแกร่งเหลือเกิน และเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น... โอะก๊าจัง เสียงรำพึงอย่างถอดใจ มันคือการเรียกหาบุคคลที่ตนรักและยึดเป็นที่พึ่งพิงอันดับหนึ่งในชีวิตนั่นเอง... มารดาผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตนเองมา พิจิโตะนี้จัง... และนามถัดมาคือ นามของชายที่ตนนับถือและรักดุจพี่ชาย.... หากแต่เสียงเรียกของเธอจะถึงเขาทั้งสองหรือไม่นั้น... ยากที่จะหวังได้ ซาโยนาระ... เด็กสาวกล่าวคำร่ำลาบุคคลเพียงสองคนในโลกที่รักและห่วงใยตนออกมาในที่สุด บัดนี้เธอตัดใจแล้ว ว่าในเมื่อไม่สามารถปฏิเสธ คำอัญเชิญ อันมาพร้อมกับชะตากรรมอันหนักหน่วงได้แล้ว เธอก็คงจะต้องยอมไปเผชิญกับมัน ณ เนฟเวอร์แลนด์ล่ะ... ... สายรุ้งหลากสีที่วิ่งผ่านรอบตัวไปเพิ่มความเร็วสูงขึ้น ทำให้ทราบว่าตนกำลังพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงขึ้นด้วย... คงใกล้ถึงแล้วสินะ เด็กสาวนึกในใจ จะเป็นอย่างไรกันหนอ เนฟเวอร์แลนด์... ... โอ๊ก! ร่างในวัยชราของบุรุษผู้ทรงราศีผู้หนึ่งทรุดกายลงไปค้อมตัวอยู่ด้านหน้า หลังจากร้องอย่างปวดร้าวได้เพียงคำเดียว โลหิตสด ๆ ไหลทะลักออกจากริมฝีปาก เบื้องหน้าของท่านเป็นวงกลมอาคมที่ท่านผู้นี้เขียนขึ้นกับมือของตน ปรากฏลวดลายเด่นหราอยู่บนพื้น อีกด้านหนึ่งของวงกลมอาคม บุรุษหนุ่มร่างกำยำบึกบึน แต่งกายด้วยชุดสีม่วงเข้ม แลดูในความมืดแล้วเหมือนเป็นสีดำสนิทยืนสงบนิ่งอยู่ และกลับไม่มีทีท่าอาทรร้อนใจต่ออาการของฝ่ายแรกแต่อย่างไร ... อย่างลำบากยากเย็น ชายสูงอายุใช้แขนชันร่างตัวเองขึ้น ใบหน้าอันอิดโรยบ่งบอกให้ทราบว่า ท่านผู้นี้ใช้พลังเวทย์ของตนอย่างหนักเกินขีดพิกัด เป็นอย่างไรบ้าง น้ำเสียงเย็นชาดังจากอีกหนึ่งบุรุษที่ยืนนิ่งอยู่ราวกับแฝงกายอยู่กับความมืดภายในห้องพิธีนั้น ...อืม... เกือบไม่สำเร็จ ซาตานเอย น้ำเสียงแหบพร่าตอบ พลางใช้ผ้าเช็ดเลือดที่ติดอยู่ที่ปากออกช้า ๆ หมายความว่าสำเร็จ... เช่นนั้นรึ? ราชารูเนจจู ซาตานหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถาม น้ำเสียงของเขาทอประกายความยินดีที่ซ่อนเร้นไว้ไม่อยู่ ถูกต้องแล้ว แต่...เราคง... ราชารูเนจจูตอบ แล้วหรุบตาลงพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ข้าหาได้บังคับท่านไม่นะ ราชาแห่งแดนมนุษย์เอย ตอนท้าย นางแข็งขืนไม่อยากเดินทางข้ามมิติมา ทำให้เราต้องใช้พลังเวทย์มากกว่าที่คาดไว้... แต่เอาเถิด มันก็ไม่แตกต่างกันเท่าไรหรอก ในเมื่อพิธีกรรมนี้ เสี่ยงต่อชีวิตของเราตั้งแต่ต้นที่เราลงมือประกอบพิธีแล้ว... แต่เราก็เลือกที่จะทำเอง แค่ก ๆ ๆ สุดท้ายท่านค่อมกายไอโขลกออกมาหลายครั้งติด ๆ ก่อนจะกล่าวต่อว่า เราผู้เฒ่าคงช่วยท่านได้เพียงนี้... อย่าลืมสัญญาล่ะ ท่านจาโด้ อืมห์ ข้าให้สัญญาเจ้า จงนอนหลับให้สบายใจเถิด เป็นคำตอบด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกไร้ความรู้สึกใด ๆ ให้สำเหนียกได้ หากแต่ใบหน้าที่ก้มลงเพียงเล็กน้อยนั้น ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ราชาแห่งแคว้นแพลททิเซลเวอร์คลายใจ ไม่จำเป็นต้องมีการสนทนาใด ๆ ระหว่างบุคคลต่างเผ่าพันธุ์ทั้งสองอีก ฝ่ายมนุษย์ผู้ใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตค่อย ๆ ลุกขึ้นจากท่านั่งขัดสมาธิอย่างยากเย็นแล้วหันกายเดินออกจากห้องพิธีอย่างช้า ๆ จาโด้หลับตาลงสำรวมสมาธิแล้วเริ่มเพ่งกระแสจิตแทนราชารูเนจจูที่ได้นำทางให้ก่อนแล้ว ด้วยอำนาจแห่งความมืด ข้าขออัญเชิญเจ้า ผู้มาจากต่างภพ จงมาปรากฏ ต่อหน้าข้า ณ บัดนี้เถิด...
เขาลืมตาขึ้น อีกอึดใจถัดมา เบื้องหน้าก็ปรากฏลำแสงวงกลมสว่างจ้า ฉายสาดส่องจากเบื้องบน ลงสู่วงกลมอาคมที่ราชารูเนจจูวาดไว้บนพื้นอย่างเหมาะเหม็ง ดวงตาทั้งสองของเจ้าชายอสูรหรี่มองแสงสว่างนั้นอย่างสนใจ เพียงครู่เดียวขนาดของลำแสงก็ค่อย ๆ ลดลงจนหายวับไป ที่ปรากฏยืนอยู่บนวงกลมอาคมคือ... ร่างของเด็กสาวชาวมนุษย์โลก นามว่า ไซโต้ โคะยุกิ.... น่าประหลาดนัก เส้นผมของเด็กสาวซึ่งเดิมเป็นสีน้ำตาล บัดนี้ กลายเป็นสีเงินสลวย ทอประกายในความมืดสลัวอย่างสวยงาม ดวงตาทั้งสองของเด็กสาวยังหลับพริ้มอยู่ หากแต่เธอยังคงยืนตรงอยู่ได้ จาโด้รออยู่ชั่วครู่ ให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวเอง แต่กลับไม่มีวี่แววที่สาวน้อยเบื้องหน้าจะลืมตาขึ้น ... จาโด้หรี่ตาจ้องมองร่างอรชรตรงหน้าอย่างครุ่นคิด จิตของเขาเริ่มสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ในห้องนี้... ไม่สิ ที่อยู่ในหอคอยแห่งนี้ต่างหาก...หอคอยควีนส์โร้ด...หอคอยเก่าแก่คู่แคว้นแพลททิเซลเวอร์ ใครกันอยู่ ณ ที่นี้ จงสำแดงตัวออกมา! เสียงเย็นเฉียบแผ่ผ่านริมฝีปากบางสีขาวซีดได้รูปของเจ้าชายแห่งรัตติกาลเพียงแผ่วเบา เสียงตอบดังก้องมาทันใด เป็นน้ำเสียงของอิสตรี! ข้าเอง บุตรชายแห่งจาเนสเอย พลังเวทย์ที่เริ่มกดดันในบรรยากาศรอบข้าง ทำให้จาโด้สัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของเจ้าของเสียง เทพมังกรรึ?... ถ้าเช่นนั้น เจ้าคงเป็นเทพมังกรเงินซิลเวียส ผู้ดูแลภูมิปัญญาแห่งเนฟเวอร์แลนด์สินะ ถูกต้องแล้ว บุตรชายแห่งจาเนส ข้าคือ เทพมังกรเงินซิลเวียส! ในบรรดาเทพมังกรทั้งหกในปวงเทพยุคโบราณ เทพมังกรที่เป็นอิสตรีมีเพียงองค์เดียวเท่านั้น คือ เทพมังกรเงิน จาโด้เริ่มเข้าใจทันที ที่แท้ เจ้ามาหลบซ่อนอยู่ในหอคอยควีนส์โร้ดนี่เอง ซิลเวียส อืม หากมิใช่หอคอยสเปกตรัลแล้ว ที่สิงสถิตย์แห่งข้า ก็ย่อมเป็นหอคอยแห่งนี้แหละ ที่จริง ข้าไม่คิดจะปรากฏตัวอีกครั้งหรอก...หลังจากพ่ายแพ้ต่อชายหนุ่มชาวมนุษย์นามว่า เวฟ ผู้นั้น แต่ด้วยแผนการณ์ของเจ้าที่ข้าบังเอิญรับรู้ได้ ทำให้ข้ามิอาจอยู่เฉยได้ หึ แล้วเจ้าจะเป็นปฏิปักษ์ต่อข้า หรือจะเป็นผู้สนับสนุนเล่า? จาโด้ยังมีสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน แม้ยามได้ยินว่าอีกฝ่ายทราบแผนการณ์ของตนเอง หากกลับเอ่ยปากถามตรง ๆ ด้วยความทรนงว่า ถึงแม้นอีกฝ่ายจะเป็นปฏิปักษ์ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับตน หึ หึ หึ เทพมังกรเงินหัวเราะบ้าง สิ่งที่ข้าสนใจ หาใช่ชะตาของเผ่ามนุษย์หรือเผ่าอสูรไม่ ข้าสนใจการรักษาสมดุลของแผ่นดินแม่เนฟเวอร์แลนด์ต่างหากเล่า... แลข้าก็คิดว่า แผนการณ์ของเจ้าก็ไม่เลวนัก ข้าจึงได้ช่วยผสานพลังกับราชารูเนจจูผู้นั้น ในการอัญเชิญอาคันตุกะจากต่างภพมา... ลำพังพลังของเจ้าทั้งสอง ไม่เพียงพอทีจะเปิดอุโมงค์มิติหรอก บุตรของจาเนสเอ๋ย เช่นนั้นดอกหรือ แลบัดนี้ นางผู้มีนามตรงกับที่ส่วนลึกของใจเจ้าเรียกหา... ก็ได้มาปรากฏตัวแล้ว ข้าอยากออกไปสู่โลกภายนอกพร้อมกับนางสักหน่อย หมายความว่า เจ้าจะยินยอมลดตัวลงมาเป็นเทพอารักษ์ให้สาวน้อยผู้มาจากต่างภพนางนี้หรือ ถูกต้องแล้ว บุตรแห่งจาเนสเอย และนั่นหมายความว่า ข้าจะไม่ขัดขวางแผนของเจ้า หากแต่ข้ามีเงื่อนไขสองประการ เชิญกล่าว หนึ่ง นางผู้นี้ บัดนี้กำลังอยู่ในโลกมายาที่อยู่ในจิตใจของนางเอง...นางจะต้องหาทางออกจากโลกนั้นเสียก่อน เพื่อได้มาซึ่งอำนาจเวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง แลเพื่อพิสูจน์ว่า นางคู่ควรที่ข้าจะเป็นเทพอารักษ์ให้ อืม... ข้อสองเล่า? ข้อสอง ภายในอีกสองปีนับจากนี้ มนุษย์นามเวฟ ผู้พิชิตหอคอยสเปกตรัล จะต้องปรากฏตัวในเนฟเวอร์แลนด์ และมันย่อมต้องเข้าร่วมวงไพบูลย์ในมหาสงครามอันจักเกิดขึ้นในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน.... น้ำเสียงนั้นกล่าวต่อ จาโด้จับได้ว่ามีแววเคียดแค้นปนอยู่ในน้ำเสียงนั้นด้วย หากพวกเจ้าได้พบมัน ขอชีวิตมันให้กับข้าด้วย.... จะแก้แค้นที่เคยพ่ายแพ้ต่อมนุษย์ผู้นั้นรึ? มิใช่แก้แค้น... สิ่งที่ข้าต้องการคือ เรียกพลังขององค์จักรพรรดิ์มังกรที่ถูกถ่ายทอดเข้าไปในตัวมนุษย์ต่ำต้อยผู้นั้นคืนมาต่างหากเล่า... ... คราวนี้ จาโด้นิ่งคิดไปนานพอสมควร ในที่สุดก็เอ่ยปากว่า ได้ หากข้าพบกับมนุษย์นามเวฟที่เจ้าเอ่ยถึง ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า...ว่าแต่ บัดนี้องค์จักรพรรดิมังกรของพวกเจ้าหายไปไหนเล่า? ถึงได้มอบพลังให้กับมนุษย์นามเวฟที่เจ้ากล่าวถึง หึหึหึ สมกับเป็นบุตรแห่งอดีตจอมราชันย์อสูร ข้าเอ่ยไปเพียงนั้นก็คาดเดาเรื่องราวได้เกือบหมดทีเดียว เอาเถิด องค์จักรพรรดิ์มังกรอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไร้การติดตามจากโคเรียและมุเง็น... เอาไว้เมื่อถึงเวลา พวกเราก็จะได้พบท่านเอง ... จาโด้ไม่ตอบกระไรหากแต่หรี่ตาลง... เมื่อถึงเวลาหรือ แล้วถึงตอนนั้น หกเทพมังกรบวกกับจักรพรรดิ์มังกร จะอยู่ในฐานะพันธมิตรหรือศัตรูเล่า? เทพมังกรหัวเราะเบา ๆ ดุจจะเย้ยความคิดของซาตานหนุ่ม นางกล่าวต่อว่า เป็นอันว่าการเจรจาของเราตกลงตามนี้ เจ้าจงรอให้พ้นราตรีนี้ไปก่อนเถิด นางผู้นี้คงต้องใช้เวลาทั้งคืน สำหรับการหาทางออกจากจิตใจของตนเอง... ... มืด! มืดสนิทจนกระทั่งยกมือของตนขึ้นมายังมองไม่เห็นเลย... ไซโต้ โคะยุกิ เด็กสาวมัธยมปลายจากโลกมนุษย์พบว่าตนเองตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิดนี้ ทันทีที่รู้สึกตัวว่าสิ้นสุดการเดินทางลง... เกิดอะไรขึ้นนี่? เนฟเวอร์แลนด์เป็นเช่นนี้เองหรือ? หามิได้... ที่นี่ย่อมมิใช่เนฟเวอร์แลนด์ เด็กสาวใช้สติปัญญาไตร่ตรองดูเพียงครู่ ก็ตระหนักว่า ตนกำลังอยู่ในสภาวะ ฝัน ร่างกายเหมือนขยับได้ก็จริง แต่เป็นการขยับด้วยอำนาจแห่งความคิดของตนต่างหาก มิได้เป็นการขยับด้วยการสั่งงานผ่านเส้นประสาทตามปกติไม่.... ที่นี่คือ... ในความมืด ดวงตาคู่งามเริ่มทอประกายแวววับ โลกแห่งจิตสำนึกที่อยู่ภายในจิตใจเราเองสินะ.... เราถูกทดสอบเสียแล้ว... ความรู้เกี่ยวกับเนฟเวอร์แลนด์ รวมทั้งความรู้เกี่ยวกับระบบโครงสร้างธรรมชาติและเวทย์มนต์ในเนฟเวอร์แลนด์ที่เธอซึมซาบรับรู้มันระหว่างเดินทางข้ามมิติมา ทำให้เด็กสาวตระหนักถึงสถานการณ์ของตนในที่สุด ต้องหาทางออก นั่นเป็นคำตอบเบื้องต้นที่ตนค้นพบ มิฉะนั้นตนจะต้องติดอยู่ในที่นี้ตลอดกาล...นั่นหมายความว่า ตนจะหลับไหลไปไม่มีวันตื่น อย่างช้า ๆ เด็กสาวเริ่มชินกับการใช้ความคิด สั่งการให้ร่างของตนเคลื่อนที่ไปเบื้องหน้าบ้าง หันซ้าย หันขวาบ้าง... ในที่สุด ณ เบื้องขวาไกลออกไป ก็มีแสงสว่างสีขาวเป็นจุดเล็ก ๆ ปรากฏให้เห็น ที่นั่นเอง ไม่รอช้า เธอรีบพาร่างของตนไปยังทิศนั้นทันที หนึ่งนาที หนึ่งชั่วโมง หรือหนึ่งวัน ก็ไม่ทราบได้ ที่เด็กสาวต้องเสียเวลาเดินทางในความมืด เป้าหมายอันเป็นแสงสว่างเบื้องหน้าค่อย ๆ ทวีขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับ และในที่สุดเด็กสาวก็ไปถึงมันจนได้... ภาพที่ปรากฏในแสงสว่างนั้น คือ ภาพของหอคอยโบราณแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองใหญ่... ขณะนั้นเป็นยามวิกาล รอบข้างหอคอยล้วนเป็นความมืดมิด หากแต่สังเกตได้ว่ามีขบวนของมนุษย์ขบวนหนึ่งกำลังเร่งเดินทางออกห่างจากหอคอย... กลางขบวนเป็นเปลหามร่างของชายสูงอายุผู้หนึ่งที่นอนหน้าซีด รอวาระสุดท้ายอย่างสงบ... ดวงวิญญานจากต่างภพหยั่งรู้ได้ทันทีว่านั่นคือ ผู้อัญเชิญตนมาที่นี่...ราชารูเนจจู แห่งแคว้นศักดิ์สิทธิ์แพลททิเซลเวอร์ วูบหนึ่งที่นึกโกรธ ที่เขาพรากเธอมาจากแผ่นดินเกิด แต่แล้วก็ตระหนักว่า ราชาผู้นี้ใช้ชีวิตของตนเข้าแลกในการที่จะทำพิธีเรียกตัวเธอข้ามมิติมา... นั่นหมายความว่า... ภารกิจของเจ้าใหญ่หลวงนัก เด็กเอย เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้าง โคะยุกิสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองก็พบว่าเป็นร่างลาง ๆ ของมังกรขนาดใหญ่ สีเงินอร่าม ปรากฏตัวซ้อนอยู่ในความมืด ท่านคือ... เทพมังกรเงิน ซิลเวียส... เจ้าคงมีความรู้เกี่ยวกับข้าบ้างไม่มากก็น้อยกระมัง เด็กสาวผู้มาจากต่างภพเอย เทพมังกรเงินซิลเวียส... อา ข้านึกได้แล้ว สำนวนการพูดของเด็กหญิงกลายเป็นสำนวนภาษาแบบเนฟเวอร์แลนด์โดยไม่รู้ตัว... ในห้วงความคิด เธอนึกออกถึงข้อมูลเกี่ยวกับหกเทพมังกรโบราณ รวมทั้งเทพมังกรเงินผู้นี้ด้วย เอาล่ะ เจ้าพร้อมหรือยัง เด็กน้อย... ที่จะก้าวสู่เนฟเวอร์แลนด์? น้ำเสียงท้าทายดังจากปากของมังกรโดยไม่อ้อมค้อม... การผจญภัยในเนฟเวอร์แลนด์ของไซโต้ โคะยุกิ สาวน้อยจากโลกมนุษย์เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง ณ บัดนั้น |