เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เสียงใบดาบกระทบกันถึงสามคำรบ ร่างของคาร์มา เลอ ลู กษัตริย์หนุ่มแห่งทะเลทรายโหมทุ่มเทแรงของตนลงบนดาบเล่มยาวที่ถืออยู่อย่างเต็มที่ เห็นได้จากการที่ร่างกายท่อนบนของกาหลิบหนุ่มชะโงกเอียงออกมาจากหลังอูฐสุดตัว ขณะที่มืออีกข้างของเขาก็คอยเหนี่ยวรั้งบังเหียนของอูฐที่ตนขี่เอาไว้ ในอีกทางหนึ่งราชินีศักดิ์สิทธิ์แห่งแพลททิเซลเวอร์กำลังยืนทรงกายอยู่บนรถศึกซึ่งกำลังหันข้างให้กับคู่ต่อสู้ เด็กสาวใช้ดาบอัศวินผ่อนรับดาบที่หวดมาเต็มแรงของอีกฝ่ายได้อย่างดูเหมือนไม่ยากเย็นนัก รอบข้างของทั้งสอง ทหารอัศวินกำลังประทะกับเหล่ากองกำลังนักรบทะเลทรายบนหลังอูฐอย่างแตกตื่นไม่เป็นขบวน อานุภาพการโจมตีของกองกำลังภายใต้การนำของกาหลิบหนุ่มช่างร้ายกาจจริง ๆ และเลือกจังหวะการโจมตีได้อย่างเหมาะเหม็ง แม้แต่ทหารอัศวินส่วนหนึ่งซึ่งเป็นระดับหัวกะทิและได้รับมอบหมายให้คอยอารักขาอยู่รอบกายของราชินีโดยตรง ก็ยังแตกพ่ายและถูกต้อนให้ตั้งรับศึกเฉพาะหน้าของแต่ละคน จนเป็นเหตุให้ราชินีสาวต้องจับดาบรบเองเยี่ยงนี้ คาร์มา เลอ ลูขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ฝีมือดาบของราชินีสาวเหนือกว่าที่ตนคาดการณ์ไว้หลายสิบเท่านัก หากทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาด ป่านนี้ เขาควรจะได้บั่นศีรษะของอีกฝ่ายและชูมันขึ้นประกาศชัยไปนานแล้ว ดวงตาทรงปัญญาของเด็กสาวผมเงินจ้องมองคู่ต่อสู้นิ่งนาน ก่อนที่เจ้าของดวงตานั้นจะเอ่ยเอื้อนวาจาว่า น่าสงสารเหลือเกิน... กาหลิบ ที่แท้ท่านยอมสละชีวิตแล้วนี่เอง ถึงได้กระทำการบ้าบิ่นเพียงนี้... กาหลิบหนุ่มเลือดขึ้นหน้าทันที เขาแค่นเสียงดัง เชอะ! ก่อนจะตะคอกถามว่า พูดอะไรของเจ้า ข้าวางกลยุทธเช่นนี้ เพราะเชื่อว่าจักเผด็จศึกเจ้าได้หรอก ... หากเจ้ามีฝีมือในเชิงดาบเลวกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อย เจ้าต้องตายในน้ำมือของข้าแล้ว หาใช่การกระทำบ้าบิ่นอันใดไม่ ไม่... กลศึกนี้ของท่าน ไร้ความหมายแต่ต้นแล้ว... เพราะท่านต้องแบ่งพลังเวทย์ไปควบคุมซามอนบาจิอัลด์นั้นอย่างใหญ่หลวง ต่อให้ท่านเอาชีวิตข้าได้ และไล่ทัพข้าแตกพ่ายกลับไป ท่านก็ต้องถึงแก่กาลอายุขัยหลังจากนี้ไม่นานอยู่ดี... เจ้า?!!!...
--มันหยั่งรู้สถานการณ์ของข้าได้อย่างไร?--
และความจริงก็เป็นเช่นที่เซลเอดอะดลัสทราบดีนั่นเอง เวทย์อัญเชิญสัตว์อสูร- ซามอน บาจิอัลด์นี้ มีเพียงกาหลิบของจาปิโตสเท่านั้นที่รู้วิธีใช้ได้ และพลังเวทย์ที่ต้องการสำหรับการเปล่งอานุภาพของเวทย์บทนี้ก็หาใช่น้อย ๆ ไม่ ในอดีตจึงมีเพียงกาหลิบที่ยิ่งใหญ่ของจาปิโตสเท่านั้นที่ใช้เวทย์นี้ให้ปรากฏจารึกในประวัติศาสตร์ของเนฟเวอร์แลนด์ ดังนั้นการที่คาร์มา เลอ ลู- ซึ่งถือว่ายังเยาว์วัยและมีพลังตบะอ่อนไปเล็กน้อยสำหรับการใช้เวทย์นี้- ฝืนใจใช้มันเข้า ก็ย่อมหมายถึงการบั่นทอนพลังชีวิตของตนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง และยิ่งในกรณีที่เขาออกมารบด้วยตนเองเช่นนี้ แทนที่จะอยู่เฉย ๆ สำรวมสมาธิเพื่อส่งป้อนพลังเวทย์ไปควบคุมสัตว์อสูรตัวนั้น ย่อมเป็นการเพิ่มภาระให้ตนเองแบกรับหนักขึ้นไปอีก
ท่านถอนทัพกลับไปก่อนเถิด กาหลิบ... แล้วค่อยออกมารบใหม่ หากท่านจะส่งบาจิอัลด์ก็เชิญส่งมา หรือท่านจะออกมารบด้วยตัวเอง ข้าก็ยินดีจะเป็นคู่ต่อสู้ให้ท่านเอง แต่อย่าได้ทำการพร้อมกันเยี่ยงนี้เลย...
น้ำเสียงของราชินีผู้บุกรุกสำทับมาอีก
ฮึ!
กาหลิบหนุ่มแค่นเสียงอย่างถือดี แล้วกระตุกบังเหียนบังคับอูฐเข้าใกล้เด็กสาวอีกคำรบหนึ่ง ดาบในมือของทั้งสองประทะกันอีกเกือบสิบครั้งด้วยความเร็วที่สูงกว่าในระลอกแรก และการณ์ก็ยังคงเป็นในทำนองเดิม ลิตเติลสโนว์ซึ่งเสียเปรียบในด้านแรงประทะ ยังคงสามารถใช้ดาบของตนเบี่ยงเบนวิถีดาบสังหารของคู่ต่อสู้ได้ทุกครั้งที่เขาโถมแรงเข้ามา หากกาหลิบหนุ่มจักได้มีสมาธิมากกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อย เขาก็คงสังเกตออกได้ไม่ยากเย็นนักว่า ลิตเติลสโนว์ล่วงรู้ล่วงหน้าแล้วว่าเขาจะพุ่งดาบเข้าโจมตีอย่างไร เธอจึงสามารถตั้งรับได้ทัน และถึงกระนั้นตาม การที่เธอไม่สามารถพลิกเป็นฝ่ายรุกไล่กลับคืนได้ ก็เพราะเชิงดาบของเธอยังไม่ถึงขั้นต่างหาก บวกกับสภาพจิตใจที่ยังคงลังเลในการที่จะลงมือทำร้ายผู้อื่นโดยตรงด้วยน้ำมือของตัวเอง
จังหวะที่กาหลิบหนุ่มบังคับอูฐให้ถอยห่างออกไป ลิตเติลสโนว์ก็หันไปสั่งการกับบรรดาทหารของตน
พวกนายกองที่ขี่ม้าน่ะ ขึ้นหน้าไปสิ! พวกเจ้าจะออมแรงไว้ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ไปไยเล่า!
น้ำเสียงใส ๆ ที่ดังลั่นขึ้นท่ามกลางความชุลมุน ส่งผลให้สถานการณ์การรบเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นสำหรับแพลททิเซลเวอร์ นายกองอัศวินซึ่งได้สิทธิ์นั่งบนหลังม้าระหว่างออกศึกและเอาแต่ลังเลไม่ยอมเข้าร่วมการตะลุมบอนที่ดุเดือดนี้อย่างเต็มตัว เมื่อได้ยินเสียงสั่งการของราชินีสาว ต่างก็พากันควบม้าเข้าประทะกับข้าศึกในแนวหน้าของการรบอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป ความได้เปรียบของพวกนักรบทะเลทรายบนหลังอูฐค่อย ๆ หมดไปในจังหวะนี้เอง
คาร์มา เลอ ลูกวาดตามองรอบสมรภูมิเลือดอีกครั้งหนึ่ง ไกลออกไป ร่างของแมงป่องทะเลทรายยักษ์ที่เขาอัญเชิญมาช่วยรบ โดยแลกกับการทุ่มเทพลังเวทย์ไปสุดตัว กำลังถูกเผาด้วยเวทย์ของมันผู้นั้น- เซลเอดอะดลัส แต่เขาทราบดีว่าพลังเวทย์ระเบิดเพลิงเพียงเท่านี้ หาทำให้บาจิอัลด์เป็นอันตรายได้ไม่
และก็จริงดั่งคาด เมื่อไฟจากเวทย์ของเซลเอดอะดลัสมอดลง ดูเหมือนว่าบริเวณนั้นร่างของสัตว์อสูรเจ้าทะเลทรายจะอันตรธานหายไป ประดุจถูกเผาผลาญด้วยระเบิดเพลิงอสูรฟ้าไปแล้วกระนั้น หากแต่ในอีกอึดใจถัดมา ร่างของนักบู๊สาวผมแดงและนักรบทะเลทรายหนุ่มก็กระเจิงกันไปคนละทาง เมื่อก้ามขนาดยักษ์ทั้งสองอันแทงทะลุจากใต้ทะเลทรายขึ้นมาตรงตำแหน่งที่ทั้งสองอยู่เดิมอย่างมาดร้าย หากหลบไม่ทันมีหวังได้กลายเป็นศพไปแล้วทั้งคู่
...
กาหลิบคนปัจจุบันแห่งจาปิโตสถอนใจ ยุทธการของเขาในครั้งนี้ล้มเหลวเสียแล้ว หมดเวลาสำหรับเขาเพียงเท่านี้เอง
เขาหาใช่คนทู่ซี้รบโดยไม่ดูสถานการณ์รอบข้างที่เปลี่ยนแปลงไปแต่ประการใดไม่ ในเมื่อเป้าหมายหลักคือ ราชินีลิตเติลสโนว์ยังคงปลอดภัยดีอยู่ โดยที่เขาไม่อาจจะทำอันตรายเธอได้ และบัดนี้กองกำลังอัศวินบนหลังม้าก็กำลังสู้กับกองกำลังรักษาวังของเขาอย่างสูสี หากปล่อยไว้จนกระทั่งบรรดาพลเดินเท้าของฝ่ายศัตรูตั้งหลักได้ละก็ สถานการณ์ก็คงเปลี่ยนไปในทางร้ายสำหรับเขาแน่
ทหารข้า ถอนกำลังเดี๋ยวนี้!
กาหลิบหนุ่มออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดทันที พร้อมกันนั้นเขาก็ถอนพลังเวทย์ที่ใช้บังคับเจ้าบาจิอัลด์ด้วย
หากแต่อาการขมุบขมิบปากของกาหลิบหนุ่มจะรอดพ้นการสังเกตของราชินีศักดิ์สิทธิ์ไปก็หาได้ไม่
ขณะที่กองกำลังนักรบทะเลทรายทยอยผละออกจากสมรภูมินั่นเอง บรรดาอัศวินซึ่งทำตามจะไล่ตามศัตรูไป ตามจังหวะการรบเมื่อตนเองได้เปรียบ ก็ย่อมต้องไล่ตามตีศัตรูที่กำลังจะหนี เสียงปรามของลิตเติลสโนว์ก็ดังขึ้น
พวกเจ้า! ห้ามตามไป!
พลางเด็กสาวก็แผ่พลังเวทย์แสงสว่าง เพื่อเสริมภูมิต้านทานต่อเวทย์มนต์ให้แก่ทหารฝ่ายตน
อีกอึดใจถัดมา คาร์มา เลอ ลูก็ประกาศเวทย์ที่ร่ายมนต์เสร็จแล้ว
พลังระเบิดแห่งปฐพี! (大地の呪文 ไดจิ โนะ จุมง)
บริเวณแนวรบเมื่อครู่ เกิดระเบิดขึ้นเป็นหย่อม ๆ ทันที หากบรรดาอัศวินยกขบวนกันไล่ตามตีนักรบทะเลทรายที่ถอนตัวแล้วละก็ พวกเขาจักต้องโดนระเบิดเหล่านี้เข้าเต็มที่อย่างแน่นอน และด้วยพลังเวทย์คุ้มครองที่พวกเขาได้รับจากราชินีของตน ทำให้ผู้ที่เคราะห์ร้ายเสียชีวิตจากเวทย์ของกาหลิบจาปิโตสนี้ มีเพียงไม่กี่สิบคน ซึ่งเป็นพวกชะตาขาดถูกระเบิดเข้าเต็มร่างตรง ๆ แต่บรรดาผู้ที่อยู่ไกลออกมาจากศูนย์กลางจุดระเบิด ล้วนไม่ได้รับอันตรายใด ๆ
คาร์มา เลอ ลูสบถหนัก ๆ ในคออย่างขัดใจ เขาเสียพลังเวทย์ไปมากโขเพียงเพื่อแลกกับชีวิตทหารเลวฝ่ายตรงข้ามเพียงกระหยิบมือเท่านั้นเองหรือ?
ราชินีแห่งแพลททิเซลเวอร์ดูจะร้ายกาจกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้เสียแล้ว นางถึงกับสามารถสั่งการล่วงหน้า เหมือนหยั่งรู้ว่าเขาจะโจมตีอย่างไรต่อไปกระนั้นแหละ หากมิใช่การสั่งการที่ถูกต้อง แม่นยำ และที่สำคัญ- ทันการณ์ ของนางแล้ว ยุทธการครั้งนี้เขาต้องฝากความเสียหายให้แก่ทัพแพลททิเซลเวอร์ได้มากกว่านี้อีกหลายเท่าตัวนักแม้จะเอาชีวิตนางไม่ได้ก็ตาม แต่นี่...
อย่างไรก็ตาม นี่หาใช่เวลาที่จะมานั่งเสียดายโอกาสไม่ คาร์มา เลอ ลูบังคับอูฐของตนให้วิ่งผละออกจากแนวรบอย่างรวดเร็ว
อีกทางหนึ่ง ไม่ต้องบรรยายก็คงทราบว่า ทันทีที่เวทย์บังคับถูกถอนออก แมงป่องทะเลทรายยักษ์ก็ไม่ตระหนักอีกต่อไป ถึงความจำเป็นที่มันจะต้องไล่ฆ่าฟันมนุษย์ตัวกระจ้อยร่อยซึ่งหาใช่อาหารของมันไม่ ร่างของมันหายลงไปในพื้นทะเลทรายโดยไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีก ทิ้งให้เอลทิน่าและเซลเอดอะดลัสซึ่งยืนระมัดระวังจนตัวเกร็งอยู่ครู่หนึ่ง ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
...
ผลจากการโจมตีของทัพจาปิโตสในครั้งนี้
อัศวินในสังกัดของเอลทิน่า เสียชีวิตสังเวยซามอน บาจิอัลด์ไปถึงแปดสิบนาย
อัศวินและนักรบทะเลทรายซึ่งมารวมตัวกันภายใต้การสั่งการของลิตเติลสโนว์ เสียชีวิตรวมกันกว่าสองร้อยนายจากการประทะกับกองกำลังรักษาวังซึ่งเป็นกองกำลังที่ล้วนแต่มีฝีมือการรบร้ายกาจที่สุดในบรรดาทหารของจาปิโตส
ที่จริงตัวเลขนี้คงจะสูงกว่านี้หลายเท่าหากมิใช่เพราะบรรดาผู้ที่รับบาดเจ็บหนักและนอนหายใจรวยริน จะได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งด้วยเวทย์รักษาอันทรงอำนาจของราชินีศักดิ์สิทธิ์
ซากศพของทหารรักษาวังจาปิโตสที่พบในสนามรบ นับได้กว่าสองร้อยนาย และมีเชลยซึ่งเป็นทหารบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
...
ร่างของกาหลิบแห่งจาปิโตสยืนจ้องมองหีบสี่เหลี่ยมที่ตั้งอยู่ท่ามกลางมวลดอกไม้ที่ประดับประดาไว้รอบแท่นที่วางหีบอย่างสวยงาม ดอกไม้ซึ่งเป็นสิ่งหายากสำหรับชนทะเลทรายถูกนำมาประดับประดาอย่างไม่กลัวเสียดายเช่นนี้ ย่อมบ่งบอกถึงความสำคัญของหีบใบนี้เป็นอย่างดี
ท่านแม่...
น้ำเสียงเศร้า ๆ ของคาร์มา เลอ ลูดังขึ้น ที่แท้หีบใบนี้คือ โลงศพของจามิโตสนั่นเอง
ราชวงศ์จาปิโตสคงจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้... และนี่ก็คงสาแก่ใจท่านแม่แล้วกระมัง ลูกทราบดีว่าแท้จริงแล้วท่านแม่เกลียดชังราชวงศ์จาปิโตสนัก และปรารถนาจะให้มันล่มสลายไป... สิ่งนั้นกำลังจะกลายเป็นความจริงในรุ่นของลูกแล้ว ท่านแม่เอย...
กาหลิบหนุ่มผู้ทำปิตุฆาต ยังคงรำพึงต่อไปกับโลงศพของมารดาตน ใช่สิ บิดาของเขาเองที่เป็นคนกลืนเผ่าพันธุ์ของมารดา และพรากตัวนางมาตกระกำลำบากแต่ยังแรกรุ่น สมควรอยู่หรอกที่นางจะแค้นถึงเพียงนั้น
เราสองคนบาปหนานัก ตายไปดวงวิญญาณก็คงไม่ได้รับเลือกให้ไปอยู่บนสวรรค์กับท่านมหาเทพโคเรียหรอกกระมัง... เอาเป็นว่าท่านแม่รอลูกอยู่ในยมโลกก่อนนะขอรับ ลูกจะตามไปในไม่ช้าแล้ว
ศัตรูคราวนี้เข้มแข็งเกินไป นางผู้นั้น- ราชินีลิตเติลสโนว์!
แต่หากมองในทางกลับกัน ก็หมายความว่า ราษฎรผู้รอดชีวิตของจาปิโตส จักได้อยู่ใต้ความคุ้มครองของนาง ในยุคที่กำลังจะมีสงครามใหญ่เกิดขึ้นนี้ล่ะ ซึ่งก็น่าดีใจแทนพวกมันเหล่านั้นด้วย...
--เสียดายอยู่อย่างเดียว ที่ข้าคงไม่ได้มีโอกกาสเห็นยุคของมหาสงครามที่ว่านั้นเสียแล้ว มหาสงครามอันมีสาเหตุจากกองกำลังอสูรใหม่ของเจ้าหญิงอสูรผู้นั้น!--
กาหลิบหนุ่มยกมือขึ้นชี้ไปยังโลงศพ พลันก็บังเกิดไฟเจิดจ้าลุกขึ้นท่วมโลง เขารอจนกระทั่งไฟเผาทั้งโลงและศพไหม้เป็นเถ้าถ่าน จึงหันหลังกลับ เดินออกจากห้องนั้น
ที่ทางเดินนอกห้อง สตรีนางหนึ่งรอพบเขาอยู่แล้ว
ท่านกาหลิบเจ้าคะ
... เจ้าเองหรือ ชาร่า... มีเรื่องอะไร?
ข้าเกณฑ์คนมาเพิ่มแล้วเจ้าค่ะ ทุกคนล้วนเป็นกองกำลังป้องกันหมู่บ้าน ที่พร้อมจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าเพื่อปกป้องจาปิโตสของเรา...
พอเถิด ชาร่า... ไม่ต้องสู้อีกแล้ว!
เอ๊ะ?
เจ้าก็เห็นมิใช่รึ แม้แต่ทหารสี่พันของบาลโดส... ทหารรักษาวังอันเข้มแข็งที่สุดจำนวนห้าร้อยของข้า... ยังรบพ่ายกลับมาเลย เจ้าเกณฑ์กองกำลังรักษาหมู่บ้านซึ่งก็หาได้เชี่ยวชาญการรบไม่ มาเช่นนี้ ก็เสมือนหนึ่งเกณฑ์พวกเขามาหาที่ตายเสียเปล่า...
แต่...
ไม่มีแต่!... คืนนี้ ข้าจะออกไปรบกับพวกมันเป็นครั้งสุดท้าย หากข้าเสียชีวิตละก็ เจ้าจงยอมจำนนเสีย นางผู้นั้นหาใช่คนโหดร้ายแต่ประการใดไม่ ย่อมต้องให้ความเมตตากับเจ้าและบรรดาราษฎรของเราอย่างแน่นอน คนที่จะตายเพิ่มจากนี้ไป ให้มีเพียงข้าแต่ผู้เดียวก็พอ!
... ไม่มีคำตอบจากหญิงสาวผมทอง
กาหลิบหนุ่มเองก็มิได้รอคำตอบเช่นกัน เขาเดินผ่านหน้าหญิงสาวไป แต่แล้ว ก็หยุดชะงักหันกลับมาใหม่ แล้วกล่าวว่า
ชาร่า... ถึงบัดนี้แล้ว ข้ามีเรื่องจะสารภาพกับเจ้าอีกประการหนึ่ง
?
พ่อของเจ้า... ตายด้วยคำสั่งของข้าเอง...
เอ๊ะ?!!!
แต่เสียใจด้วยนะ ข้าคงจะให้เจ้าแก้แค้นไม่ได้หรอก ชีวิตข้าต้องเก็บไว้สำหรับเป็นเครื่องสังเวยให้กับชัยชนะทัพแพลททิเซลเวอร์เสียแล้ว
กล่าวจบ กาหลิบหนุ่มก็หันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันมามองอีก
ทิ้งหญิงสาวให้ยืนตัวแข็ง กัดฟันและกำหมัดทั้งสองข้างแนบลำตัวแน่น ร่างของเธอสั่นเทิ้มด้วยความรู้สึกรุนแรงที่อัดแน่นอยู่ภายในเมื่อได้รับทราบความจริงอันแสนโหดร้ายนี้
ชาร่ารู้สึกเหมือนพื้นที่ยืนอยู่จะโคลงเคลงสั่นคลอนไปมา ดั่งเช่นตัวเธอที่ขาดหลักยึดเหนี่ยวเสียแล้ว...
ทั้งที่บิดาและตัวเธอเอง จงรักภักดีต่อจาปิโตสมาโดยตลอด... ทั้งที่ตัวเธอเองทำทุกอย่างเพื่อจาปิโตสมาตลอด แต่สิ่งตอบแทนที่ได้รับกลับเป็นความตายอันไร้เหตุผลของบิดากระนั้นหรือ
--โอ! ข้าควรทำเช่นใดต่อไปดี?!!!--
|