มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

ภาคสอง ราชินีศักดิ์สิทธิ์

ศึกจาปิโตส: รัตติกาลนองเลือด

ตีพิมพ์ครั้งแรก 27 ม.ค 2547

กองทัพของลิตเติลสโนว์พักแรมอยู่ในบริเวณโอเอซิส ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่รายล้อมตัวปราสาทจาปิโตส

ราชินีผมเงินเรียกประชุมนายกองทั้งหมด ซึ่งนำโดยเซลเอดอะดลัสและเอลทิน่าทันทีหลังจากเสร็จศึกประทะคาร์มา เลอ ลูครั้งแรก หัวข้อหลักคือ แนวยุทธศาสตร์ในลำดับต่อไป ซึ่งแบ่งเป็นสองเรื่อง ได้แก่ การรับมือกับกาหลิบแห่งจาปิโตสที่จะมาอีกพร้อมกับซามอน บาจิอัลด์ กับการบุกโจมตีฐานที่มั่นสุดท้ายของกองกำลังจาปิโตสอันได้แก่ วังหลวงจาปิโตสนั่นเอง

ด้วยข้อมูลจากเซลเอดอะดลัส ซึ่งรู้จักธรรมชาติของสัตว์อสูรแห่งทะเลทรายตนนั้นดีที่สุดในกองทัพแพลททิเซลเวอร์ ลิตเติลสโนว์จึงออกคำสั่งเบื้องต้นทันทีให้กองทัพทั้งหมด (ไม่รวมทัพหลังของยิปสีดที่ทิ้งไว้ในระยะทางไกลพอควร) เข้ายึดที่พำนักในโอเอซิส

--การเผชิญหน้ากับบาจิอัลด์ในทะเลทราย ก็มีแตต่เสียเปรียบด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะทางภูมิประเทศ เพราะถิ่นทะเลทรายย่อมเป็นถิ่นของแมงป่องยักษ์ตัวนั้น ไหนเลยเราจะยอมให้มันได้เปรียบเชิงภูมิประเทศ (จิโนะริ- 地の利) นี้ไปไยเล่า?--

นี่เป็นเหตุผลของราชินีที่ให้ไว้ และทำให้ก่อนค่ำ บรรดาทหารน้อยใหญ่แห่งแพลททิเซลเวอร์ก็เคลื่อนพลที่เหลือทั้งหมดสามพันคนเข้ายึดบ้านเรือนที่ไร้เจ้าของในบริเวณโอเอซิสแห่งนี้เป็นที่พำนัก

และแผนยุทธศาสตร์สุดท้ายก็ถูกถ่ายทอดออกจากปากของเด็กสาวจากต่างภพ

รอเวลาที่คาร์มา เลอ ลูจะมาปรากฏกายอีกครั้งหนึ่ง

...

กลางดึกคืนนั้นเอง

ลิตเติลสโนว์ซึ่งเอนหลังพิงผนังในท่ากึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงนอนในบ้านหลังหนึ่งที่บรรดาทหารจัดไว้ให้เธอ ก็ต้องลืมตาขึ้นจากภวังค์ เมื่อได้ยินเสียงโกลาหลจากเบื้องนอก

เด็กสาวคว้าไม้เท้าปัญญามาถือด้วยมือซ้ายทันที ขณะที่มือขวาก็เอื้อมไปแตะด้ามดาบที่สะพายอยู่ที่สะโพกซ้ายของตนแม้ในยามเข้านอนนี้

‘ดูท่า เขาจะมาแล้วกระมัง? เด็กเอย’

เสียงของเทพมังกรซิลฟีดดังขึ้นในใจ

‘ก็คงเป็นเช่นนั้นแหละค่ะ’

ตอบไป เด็กสาวก็อดนึกเรื่อยเปื่อยไม่ได้ว่า มังกรเขานอนตอนกลางคืนกันหรือไม่หนอ ดูเหมือนซิลฟีดนางนี้จะตื่นอยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว

ณ ประตูห้องนั้น เด็กสาวก็ได้รับรายงานจากนายทหารที่วิ่งเข้ามา

“เรียนท่านราชินี แมงป่องยักษ์บุกขอรับ!”

“แล้วพวกเจ้า ดำเนินการตามแผนที่เราได้บอกไว้หรือไม่?”

เด็กสาวถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ หากแต่ลึกลงไป หัวใจของเธอกำลังเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้

“ขอรับ ท่านเซลเอดอะดลัส กับท่านเอลทิน่ากำลังพยายามกันอยู่ขอรับ”

“อืม”

ราชินีสาวทำเสียงรับทราบ แล้วก็สาวเท้ายาว ๆ ออกไปยังถนนหน้าบ้าน

สถานการณ์เบื้องนอก ทหารของแพลททิเซลเวอร์กำลังแตกตื่นกับการโจมตีกลางดึกของสัตว์ยักษ์แห่งทะเลทราย ซึ่งบัดนี้ มันไม่สามารถโจมตีจากใต้พื้นทรายอีกต่อไป ด้วยสภาพพื้นดินของบริเวณโอเอซิสทำให้มันดำลงไปใต้พื้นทรายไม่ได้ บัดนี้ ซามอน บาจิอัลด์เปิดเผยร่างกายทั้งหมดอยู่บนพื้นดิน แสดงให้เห็นร่างอันน่าสะพรึงกลัวของมัน ที่ประกอบด้วยขาทั้งหมดนับได้ราวสิบคู่ที่แบกร่างยาวกว่าสิบเมตรของมันไว้ ขาหน้าอันแข็งแกร่งประดับไว้ด้วยก้ามยักษ์อันเต็มไปด้วยพิษสง บัดนี้กำลังกวัดแกว่งเข้าหาเหยื่อ อันได้แก่ บรรดาทหารของแพลททิเซลเวอร์อย่างบ้าคลั่ง หากด้วยสภาพของสิ่งปลูกสร้างในโอเอซิส ทำให้การเคลื่อนไหวของสัตว์ยักษ์ถูกจำกัดลง แต่มันก็ถึงกับใช้ก้ามยักษ์ทั้งสองข้าง ไล่พังทลายหลังคา กำแพงของบ้านเรือนจนกลายเป็นกองอิฐไปหลังแล้วหลังเล่า พลางไล่ล่าหาเหยื่อมาสังเวยก้ามคมกริบและเต็มไปด้วยพิษร้ายของมันอย่างไม่ลดละ ขาแต่ละข้างของมันนอกจากจะใช้ในการเคลื่อนที่แล้ว ยังสามารถเหยียบย่ำอย่างแรงบนร่างของมนุษย์ตัวน้อยได้ ราวกับมันมีตาอยู่ที่ขาแต่ละข้างกระนั้น อีกทั้งยังหางของมันที่เฝ้ากวัดแกว่งไล่แทงเหล็กไนเข้าใส่มนุษย์ที่อยู่ทางด้านหลังของมันอีกเล่า ช่างเป็นอสุรกายมฤตยูสำหรับเหล่าทหารแพลททิเซลเวอร์โดยแท้

ฝ่ายมนุษย์จากต่างแคว้นนั้นเล่า บัดนี้ ล้วนพยายามกระจายกำลังหลบซ่อนตามซอกหลืบของสิ่งก่อสร้าง พวกเขาพยายามอาศัยความได้เปรียบในเชิงสถานที่ หรือ สิ่งที่ราชินีของพวกเขาเรียกว่า จิโนะริ อย่างเต็มที่ พลางสาดธนูเพลิงเข้าใส่ร่างของมฤตยูยักษ์อย่างไม่ลดละ ทั้งหมดนี้ ลิตเติลสโนว์ทราบดีว่า อยู่ในความควบคุมของเอลทิน่า นักบู๊สาวผมแดงผู้นั้นนั่นเอง

ส่วนเซลเอดอะดลัสเล่า บัดนี้ เขาคุมกองกำลังนักรบทะเลทรายทั้งหมดและอัศวินอีกส่วนหนึ่ง ตรงเข้าบุกปล้นวังหลวงของจาปิโตสในทันที

แผนของลิตเติลสโนว์ก็คือ จับตัวคาร์มา เลอ ลู ซึ่งเป็นผู้ร่ายคาถาควบคุมซามอน บาจิอัลด์นี้ให้ได้ หากเขาอยู่ในวัง ก็ย่อมเป็นภารกิจของเซลเอดอะดลัสที่จะจัดการกับบุคคลผู้นี้

แต่หากคาร์มา เลอ ลูมิได้อยู่ในวังเล่า? นั่นก็ย่อมไม่เป็นปัญหา เพราะเซลเอดอะดลัสเมื่อยึดวังได้ บรรดาทหารของลิตเติลสโนว์ก็จะทยอยถอนตัวเข้าไปในวังภายหลัง และตามข้อมูลของนักรบทะเลทรายผู้มาสวามิภักดิ์กับแพลททิเซลเวอร์ผู้นี้ บาจิอัลด์จะไม่สามารถบุกเข้าวังหลวงจาปิโตสได้ เนื่องด้วยติดเขตอาคมของกำแพงวังนั้น และในกรณีหลังนี้ ทัพแพลททิเซลเวอร์ก็จักได้ยึดวังหลวงจาปิโตสเป็นฐานมั่นในการสู้รบขั้นแตกหักกับคาร์มา เลอ ลูอีกพักหนึ่ง... จนกว่ากาหลิบหนุ่มจะสิ้นพลังชีวิตไปเอง อันเนื่องจากการฝืนใช้คาถาซามอนอันร้ายกาจนี้ติดต่อกันนาน ๆ

แต่ปัญหาคือ...

ลิตเติลสโนว์กวาดตามองสถานการณ์โดยรอบอีกครั้ง เธอย่อมตระหนักแก่ใจถึงประเด็นจุดอ่อนในแผนการของตน นั่นคือ การปฏิบัติการของเซลเอดอะดลัส ต้องการความรวดเร็วแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการบุกยึดวังก็ดี หรือการจับกุมตัวคาร์มา เลอ ลูก็ดี ขีดเส้นตายด้านเวลา (ไทม์ลิมิต) ที่เขามี ก็ย่อมขึ้นกับการรบต้านทานการอาละวาดของซามอน บาจิอัลด์ของเอลทิน่า ว่าจะต้านได้นานเพียงใด โดยให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด หาก... เซลเอดอะดลัสยึดวังจาปิโตสได้ หลังจากที่กองทหารของเอลทิน่าล้มตายเป็นจำนวนมาก ก็ย่อมไร้ความหมาย... อย่าว่าแต่ ตัวราชินีลิตเติลสโนว์และเอลทิน่าเอง ก็ยังอยู่ในสนามรบเดียวกับแมงป่องยักษ์นี้เลย

ในฐานะผู้นำทัพ ลิตเติลสโนว์เลือกที่จะอยู่เป็นขวัญกำลังใจให้ทหารชาวมนุษย์ที่ต้องเผชิญกับสัตว์ร้ายที่เหนือกว่านี้ มากกว่าจะไปหลบอยู่ในที่ปลอดภัยกว่า ด้วยการไปบุกวังหลวงจาปิโตส

“ราชินี หลบมาทางนี้เถิด มันเปลี่ยนทิศทางมาทางนี้แล้วขอรับ!”

เสียงนายทหารผู้หนึ่งซึ่งวิ่งมาจากทางขวา ดังแทรกเข้าไปในภวังค์ความคิดของราชินีสาว จริงอย่างที่เขาว่า แมงป่องยักษ์กำลังมุ่งตรงมาทางเธอ ราวกับมีตาทิพย์กระนั้น ทั้งที่ ระหว่างมันและเธอมีบ้านเรือนคั่นกลางอยู่ถึงสามหลัง เสียงพังทลายของบ้านดังโครม ๆ ใกล้เข้ามาทุกขณะ พร้อมกับเปลวความร้อนของพระเพลิงที่กำลังลุกโชน

--โอ! ถึงแม้จะไม่มีพลเรือนของจาปิโตสอยู่ในสสมรภูมินี้ก็ตาม แต่เสร็จศึกนี้แล้ว บ้านเรือนพวกเขาก็เสียหายไปไม่ใช่น้อยเลย คงต้องบูรณะกันขนานใหญ่เป็นแน่--

ลิตเติลสโนว์คิดอย่างเศร้าใจ ขณะที่วิ่งตามนายทหารผู้นั้นเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของตนเอง ถึงแม้ว่าเธอจะทราบแก่ใจว่า ไฟไม่สามารถทำอะไรเจ้าสัตว์อสูรนี้ได้ก็ตาม- เพราะแม้นแต่คาถา ‘ระเบิดเพลิงอสูรฟ้า’ ของเซลเอดอะดลัสก็ยังหาได้กล้ำกรายผิวของมันไม่นี่- แต่ไฟก็เป็นสิ่งจำเป็นในการต้านรับการอาละวาดของมัน

ไฟทำให้การเคลื่อนไหวของแมงป่องยักษ์ทะเลทรายนี้เชื่องช้าลงในระดับหนึ่ง อีกทั้งยังช่วยทำให้ทัศนวิสัยของฝ่ายมนุษย์ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย เนื่องเพราะขณะนี้เป็นยามรัตติกาลอันมืดมิดย่อมเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของเหล่ามนุษย์ หากแต่เจ้าสัตว์อสูรอันเต็มไปด้วยสัญชาตญาณแห่งนักล่านั้นกลับตรงกันข้าม

ในอีกทางหนึ่ง ทะเลเพลิงที่โหมกระหน่ำในบริเวณนี้ ย่อมส่งผลให้สภาพจิตใจของกองกำลังทหารของจาปิโตสที่เฝ้าวังอยู่เกิดความพะวักพะวนได้บ้าง และนั่นย่อมเอื้ออำนวยต่อการโจมตีของเซลเอดอะดลัส

อีกทั้งไฟยังช่วยพรางการเคลื่อนไหวของนางผู้นั้นอีกด้วย

...

ในจังหวะหนึ่งนั้นเอง เงาร่างสีดำเงาหนึ่งก็พุ่งพรวดเข้าประชิดลำตัวของบาจิอัลด์จากซอกหลืบของตึกแห่งหนึ่ง

เงาของนักบู๊สาวผมแดงนามเอลทิน่าผู้นั้น

ในมือทั้งสองของหญิงสาวสวมไว้ด้วยสนับมือคู่ใหม่ แน่นอนว่า อาการบาดเจ็บของเธอได้รับการบำบัดจากราชินีศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ตอนกลางวัน บัดนี้ร่างของนักบู๊สาวห่อหุ้มด้วยออร่าบาง ๆ สีส้ม ซึ่งในความเป็นจริงควรจะเป็นที่เตะตาในความมืดแห่งรัตติกาลเยี่ยงนี้ อีกทั้งพลังลมปราณที่มาหลอมรวมกันหนาแน่นในร่างของเธอย่อมทำให้เจ้าสัตว์อสูรน่าจะสำเหนียกถึงความคงอยู่ของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นด้วยการคาดการณ์อันแม่นยำของราชินีสาวแท้ ๆ

--เพลิงช่วยพรางร่างข้าจากเจ้าแมงยักษ์จริิง ๆ ด้วย--

เอลทิน่าคิดในใจอย่างชื่นชม หมัดขวาอันเป็นแขนข้างถนัดถูกเงื้อไปด้านหลัง แล้วชกออกไปเต็มแรง

เป้าหมายคือ โคนขาข้างหนึ่งของซามอน บาจิอัลด์

“หมัดลมปราณ!”

การตะโกนชื่อท่าไม้ตาย ช่วยให้เธอรวบรวมสมาธิไว้ที่หมัดได้เป็นจุดเดียว ออร่าที่เข้มข้นกว่าที่ปกคลุมร่างของเธอบังเกิดขึ้นที่หมัดนั้นราวประหนึ่งนวมอันใหญ่ที่ห่อหุ้มกำปั้นอยู่ เสียง “พลั่ก!” เมื่อหมัดลมปราณกระทบเข้ากับเป้าหมายอย่างจัง และพลันเกิดแสงสว่างวาบขึ้นแวบหนึ่ง ร่างของแมงป่องยักษ์เซไปชั่วขณะ ขาข้างนั้นของมันหลุดออกจากร่างทันที

--ได้ผล!!--

เอลทิน่าคิดในใจอย่างลิงโลด ออร่าที่หุ้มร่างทอประกายสว่างเข้มขึ้นตามกำลังใจของเธอ โคนขาของเจ้าสัตว์อสูรนี้กลับเป็นจุดอ่อนจุดเดียวเท่าที่ราชินีของเธอวิเคราะห์ได้จริง ๆ ด้วย

ถ้าเช่นนั้นละก็... ไม่ต้องออมมือกันแล้ว! หญิงสาวแค่นยิ้มอย่างคึกคะนอง หมัดลมปราณถูกชกออกอีกสามหมัดติดกัน โดยที่เจ้าตัวก็ขยับขาพาร่างเคลื่อนที่หลบหลีกปลายขาของสัตว์อสูรยักษ์ที่เหยียบย่ำมาทางเธออย่างเกรี้ยวกราดไปด้วย

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

ขาข้างเดียวอันอีกสามข้างถูก ‘หัก’ ด้วยหมัดลมปราณอีก นี่ก็เป็นคำแนะนำของลิตเติลสโนว์เช่นกัน ที่ให้จัดการกับขาข้างใดข้างหนึ่งไปเลย เพื่อทำลายสมดุลการทรงตัวของเจ้าสัตว์ทะเลทรายนี้

เสียงหวีดคำรามของเจ้าสัตว์อสูรแห่งจาปิโตสแหลมดังลั่นรัตติกาล ร่างของมันบิดงอและอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง พลางบิดลำตัวหมายจะหันหน้าเข้ามาหาร่างของเจ้ามนุษย์ตัวจ้อยที่บังอาจมาหักขาของมันไปถึงสี่ข้างได้ ขาแหลม ๆ ที่ยกขึ้นแล้วย่ำลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เอลทินาต้องคอยหลบหลีก โดยที่เธอก็พยายามเกาะติดสีข้างของมันตรงบริเวณที่ถูกหักขาทิ้งไปแล้วตลอดเวลา เพราะนั่นเป็นตำแหน่งที่ปลอดการโจมตีจากมันมากที่สุด

ฟิ้ว!

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น หากเป็นยามปกตินักบู๊เช่นเอลทิน่าย่อมสำเหนียกถึงภยันตรายนี้ได้เป็นแม่นมั่น หากแต่ยามนี้เมื่อเธอทุ่มเทสมาธิไปกับเจ้าสัตว์ร้ายที่กำลังอาละวาดอยู่นี้เล่า ยามเมื่อเธอรู้สึกถึงอาวุธที่กำลังมุ่งร้ายต่อตน ก็สายไปเสียแล้ว แต่กระนั้นด้วยสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอด ก็ทำให้เธอบิดร่างไปเพียงเล็กน้อย พอให้จุดสำคัญในร่างรอดพ้นไปได้

“ฉึก!”

มีดสั้นคมกริบปักเข้าที่ร่องไหล่ซ้ายลึกทีเดียว เสียงร้องของหญิงสาวดัง “อ้าก!” พร้อมกับการเคลื่อนที่ของเธอหยุดชะงักทันที ใบหน้างามซึ่งบัดนี้ซีดเผือดไปเล็กน้อย หากแต่เต็มไปด้วยแววตระหนกและแววเจ็บใจที่ตนเองไม่ทันสำเหนียกถึงอาวุธที่ประทุษร้ายนี้ไปได้อย่างไร วูบหนึ่งที่เธอตำหนิตนเองในใจว่า อย่างนี้เล่า จึงไม่สามารถเป็นบักบู๊ชั้นยอดได้เสียที พลางก็แหงนหน้าขึ้นมองไปยังร่างของเจ้าซามอน บาจิอัลด์ซึ่งบัดนี้ได้เคลื่อนกายถอยห่างออกไปจากเธอแล้ว และกำลังหันส่วนหัวมาทางเธออย่างมาดร้าย ก้ามใหญ่ทั้งสอง ทอประกายสีแสดในเปลวไฟอย่างน่าสะพรึงกลัว หากแต่ที่น่าตระหนกกว่านั้นคือ

ที่ส่วนศีรษะของบาจิอัลด์ ร่างท่อนบนของมนุษย์ปรากฏขึ้น ... ร่างของมนุษย์ที่ท่อนล่างของเขาจมหายลงไปในต้นคอของแมงป่องบาจิอัลด์

เจ้าของร่างนั้นคือ กาหลิบแห่งจาปิโตส- คาร์มา เลอ ลู!

“เจ้า!...”

คำพูดหลุดจากปากที่กำลังสั่นระริกของเอลทิน่าได้เพียงเท่านั้น

“ฮึ”

กาหลิบหนุ่มแค่นเสียงเย้ยหยันแล้วพูดต่อ น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นประดุจผีร้ายที่กำลังเตรียมคร่าชีวิตมนุษย์อย่างเลือดเย็น... และในความจริงเขาก็กำลังคร่าชีวิตเจ้าพวกผู้บุกรุกอยู่จริง ๆ

“เราขอชมเชยในแผนการรบของพวกเจ้า ประทะกันเพียงครั้งเดียว ก็จับจุดอ่อนของบาจิอัลด์ได้ถึงเพียงนี้... แต่”

ประกายตาของเลอ ลูทอแววอำมหิตขึ้นวาบหนึ่ง และต่อหน้าต่อต่อของเอลทิน่าที่ยืนตะลึงอยู่เบื้องล่างนั้นเอง ร่างของเขาก็ค่อย ๆ จมหายลงไปในร่างของบาจิอัลด์ ทิ้งไว้เพียงคำพูดที่ว่า

“ในยามที่ข้าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับซามอน บาจิอัลด์นี้เสียแล้ว พวกเจ้าก็ทำได้เพียงอย่างเดียวคือ เตรียมตัวตาย!”

…


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป
1