มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

ภาคหนึ่ง เจ้าหญิงแห่งทัพอสูรใหม่

เนฟเวอร์แลนด์เดือนสี่ปีที่ 997: สาส์นจากอัศวินดำ

"อย่างไรก็ตาม วันนี้ เรายังมีอาคันตุกะอีกคณะหนึ่ง" ประมุขแห่งนีโอกลาดประกาศ

"หือม์ ยังมีอีกเหรอนี่?" ซาโต้อุทานขึ้นทันที

"ใครกันครับ องค์หญิง" เป็นคำถามของกุนซือร่างเล็กผู้สวมแว่น

"ในโอกาสที่พวกเจ้ามาพร้อมกันที่นี้ เราจะเชิญมันมาเดี๋ยวนี้เลยก็แล้วกัน" ฮิโระกล่าวแล้วก็ลุกขึ้นยืนทำท่าจะก้าวออกมาเบื้องหน้า แต่แล้วก็ชะงักเมื่อคลาอุสก้าวเท้าออกมาจากที่ของตนอย่างรวดเร็ว แล้วยกมือปรามเจ้าหญิงของเขาไว้

"ช้าก่อน เจ้าหญิง ข้ารับรู้ถึงการมาของ 'มัน' ได้แล้วเช่นกัน ขอให้ข้าจัดการเองเถิด เรื่องเท่านี้มิสมควรต้องให้เจ้าหญิงออกแรงเองหรอก"

"..." ฮิโระหยุดมองคลาอุสอึดใจหนึ่ง ก่อนถอยตัวเองกลับไปทรุดนั่งบนบัลลังก์อสูร "ได้ ขอบใจนะ..." สามพยางค์ท้ายแผ่วเบาจนเกือบจะไม่ได้ยิน

คลาอุสก้มศีรษะแสดงความเคารพอีกครั้งก่อนจะสาวเท้ามายืนกลางห้องท้องพระโรงนั้น แล้วเขาก็หลับตาลงสำรวมจิต ทุกคนในห้องรับรู้ได้ถึงพลังเวทย์ที่ก่อตัวกันหนาแน่นภายในกายขุนพลแวมไพร์หนุ่มผู้นี้ได้ทันที อีกอึดใจถัดมา คลาอุสก็ลืมตาขึ้น กางแขนทั้งสองออก พร้อมท่องคาถาไปด้วย เท่าที่ชาวมนุษย์พอจะจับความจากภาษาโบราณของเผ่าอสูรนั้นได้ความว่า

"... ขออำนาจแห่งสนธยา ... จงเบิ่งเปิดประตูมิติ ... อนุญาตให้ผู้มีชีวิตควบสองภพ ... จงปรากฏกายขึ้น ณ ประตูดวงดาว ที่ข้าจักเปิดขึ้น ในบัดนี้เถิด"

สิ้นคำร่ายมนต์ คลาอุสกระโดดไปมาเป็นวงกลม หากแต่ทุกคนสังเกตได้โดยง่ายว่า มือทั้งสองของเขาวาดไปบนอากาศเป็นรูปวงกลมอาถรรพ์พร้อมสลักลวดลายอักขระโบราณไว้ภายใน เมื่อวงกลมอาถรรพ์ถูกวาดสมบูรณ์แล้ว ก็ปรากฏเป็นแสงสว่างแสดงรูปของวงกลมอาถรรพ์นั้นอย่างชัดเจน แล้วลอยอย่างช้า ๆ เลื่อนจากตัวคลาอุส ไปทาบอยู่บนพื้นเบื้องหน้าบัลลังก์

"ครืน... ๆ ๆ ๆ" เสียงฟ้าร้องดังขึ้นจากเบื้องนอกปราสาทอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ภายในวงกลมอาถรรพ์บังเกิดเป็นเงาดำขึ้น แล้วร่างร่างหนึ่งก็ผุดขึ้นจากใจกลางวงกลมนั้นประดุจดำดินแล้วมาผุดขึ้นจากพื้นท้องพระโรงกระนั้น เป็นร่างที่หากมนุษย์ทั่วไปมาเห็นย่อมต้องหวีดร้องด้วยความสะพรึงกลัว-ร่างของปิศาจโครงกระดูก หากแต่รายละเอียดบนร่างนั้น และเสื้อเกราะชั้นดีที่สวมใส่ บ่งบอกให้ทราบว่ามันผู้นี้ต่างจากสเกลตันธรรมดาทั่วไป

"ข้าฯน้อย สเกลต้าแม่ทัพแห่งไกเซอร์โอน ขอคารวะเจ้าหญิงอสูรขอรับ"

พลันที่ปิศาจโครงกระดูกนั้นโผล่ร่างทั้งหมดพ้นพื้นขึ้นมา วงกลมอาถรรพ์ก็หายวับไป และผู้มาใหม่ก็ทรุดกายลงคุกเข่าแสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อร่างที่อยู่บนราชบัลลังก์

"ลุกขึ้นก่อนเถิด สเกลต้า ไม่ได้พบกันนาน สบายดีรึ ไกเซอร์ว่าอย่างไรบ้าง" ฮิโระผายมือเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน พลางถามคำถามไป

"ขอบพระคุณเจ้าหญิงฮิโระขอรับ ด้วยบารมีของเจ้าหญิง ข้าฯน้อยสบายดีขอรับ" ขุนพลสเกลต้า กล่าวตอบ "ข้าฯน้อย มาในวันนี้ ในฐานะทูตจากท่านไกเซอร์ขอรับ"

"อืมห์" เจ้าหญิงอสูรพยักหน้าเป็นเชิงให้อีกฝ่ายกล่าวต่อ

"ท่านไกเซอร์กรุณาส่งข้าฯน้อยให้กลับมารับใช้เจ้าหญิง พร้อมด้วยกองกำลังสเกลตันสี่ร้อยตนขอรับ ส่วนตัวของท่านไกเซอร์นั้นท่านฝากสาส์นมาดังนี้ขอรับ"

สเกลต้าหยุดนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แล้วจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

"หากแม้นเจ้าหญิง ผู้เป็นรัชทายาทแห่งจอมราชันย์อสูรจาเนส ปรารถนาอยากได้ตัวข้าอัศวินดำไกเซอร์ให้อยู่ใต้อาณัติอีกครั้งหนึ่งแล้วไซร้ ขอเจ้าหญิงจงยกพลมาแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์แก่ข้า ณ แคว้นไกเซอร์โอนด้วยเถิด แลข้าจักได้มีโอกาสบอกเล่าเรื่องราวสำคัญอันเกี่ยวกับความอยู่รอดและหายนะของมวลเผ่าอสูรและเผ่ามนุษย์ในเนฟเวอร์แลนด์นี้ ซึ่งข้าบังเอิญได้สืบทราบมาให้แก่เจ้าหญิงได้ร่วมรับทราบด้วย เพื่อหวังพึ่งบารมีของเจ้าหญิงจักได้ร่วมกันหาทางกอบกู้สถานการณ์สืบไป ลงนาม ไกเซอร์ แห่ง ไกเซอร์โอน"

"ฮึ!" "สามหาว" "บังอาจ" หลายเสียงดังประสานกันหลังจากที่สเกลต้าท่องสาส์นของนายเหนือของตนจบลง ในขณะที่ตัวผู้อยู่บนบัลลังก์เองเพียงแค่แค่นเสียงในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ตามแบบฉบับที่เธอชอบทำบ่อย ๆ

ชิก ซาโต้ คลาอุส และเสนาบดีอสูรทำท่าจะอ้าปากซักไซร้ความต่อ แต่ประมุขของพวกเขายกมือห้าม แล้วตัวเธอเองจึงเบือนหน้าไปถามสเกลต้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

"นั่นคือสาส์นจาก 'นายเหนือ' ของเจ้าใช่ไหม? มีอะไรอีกไหม?"

"ไม่มีแล้วขอรับ"

"แล้วโดยส่วนตัวล่ะ เจ้ามีอะไรจะกล่าวกับเราไหม?"

"การทั้งหมดสุดแท้แต่เจ้าหญิงขอรับ"

"อืมห์... เพราะดาบมารรังชไวก์สินะ ไกเซอร์จึงต้องการให้เราไปปราบเขาด้วยตนเอง"

"โอ! เจ้าหญิง ช่างทรงปัญญานัก" สเกลต้าเงยหน้าขึ้นมองผู้พูดอย่างตกตะลึงแล้วเขาก็คุกเข่าลงอีกครั้งหนึ่ง "ถูกต้องแล้วขอรับ ท่านไกเซอร์ขายวิญญานให้กับดาบมารเล่มนั้นไปแล้ว!"

"แสดงว่า... เรื่องที่ไกเซอร์ไปสืบรู้มานั้น... จะต้องใหญ่หลวงสาหัสสากรรจ์นักล่ะสิ ถึงกับต้องพึ่งอำนาจของรังชไวก์... เจ้าพอทราบบ้างไหม?"

"ข้าฯน้อยไม่มีโอกาสได้รับทราบขอรับ ทั้งหมดท่านไกเซอร์เก็บไว้เป็นความลับสุดยอด"

"... เข้าใจล่ะ เรายินดีรับเจ้าไว้ในกองทัพของเรา!" นั่นเป็นการตัดสินใจของเธอ

"องค์หญิง!" "เจ้าหญิง!" ชิก, คลาอุส และตัวสเกลต้าเองอุทานออกมาพร้อมกัน สองเสียงแรก เพื่อทัดทานการตัดสินใจครั้งนี้ แต่เสียงสุดท้ายของสเกลต้าย่อมเต็มไปด้วยความตื้นตันที่เจ้าหญิงให้ความไว้วางใจแก่เขาเช่นนี้

"สเกลต้าเป็นขุนพลของเรานับแต่บัดนี้ไป!" ฮิโระลุกขึ้นยืนประกาศอีกครั้ง ชิกกับคลาอุสจึงได้ก้มหน้า แล้วถอยกลับเข้าที่ของตนตามเดิม สเกลต้าลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังเข้าไปยืนรวมกับเสนาบดีอสูร ห่างจากตำแหน่งของคลาอุสพอสมควร

"เอาล่ะ สำหรับวันนี้เรื่องที่จะเรียกประชุมก็มีเพียงเท่านี้ เมย์มี คลาอุส สเกลต้า พวกเจ้าเพิ่งเดินทางมาถึงเหนื่อย ๆ ก็จริง แต่ก็คงต้องขอรบกวนพวกเจ้าเรียกทหารเข้ามาในปราสาทนี้ก่อน แล้วค่อยแยกย้ายไปพักผ่อน"

"ค่ะ" "ขอรับ" ทั้งสามรับคำโดยพร้อมเพรียงกัน

"ส่วนคนอื่นแยกย้ายกันไปได้"

"ขอรับ" ที่เหลือน้อมศีรษะรับคำแล้วก็ต่างแยกย้ายกันออกไป

"ชิก ซาโต้ ซาฟิฟอนแล้วก็ลูเซย์เดอร์ด้วย" ฮิโระเดินเข้ามาหากลุ่มของทั้งสี่คนพลางส่งเสียงเรียกมา "หากไม่รังเกียจเจ้าจะมาดูพิธีเรียกพลของเผ่าอสูรด้วยก็ได้นะ พวกมนุษย์อย่างพวกเจ้าคงมีโอกาสได้ดูยาก"

"โอ้ว ยินดีซะอีก องค์หญิง" ชิกยิ้มรับทันที

"ข้าด้วย" เป็นคำตอบของนินจา และอีกสองอัศวินก็ตอบเช่นเดียวกัน

...

ฮิโระและขุนพลทั้งเจ็ดยืนอยู่บนระเบียงยื่นชั้นสองของปราสาท อันดับแรกเมย์มีก้าวเดินออกไปจากกลุ่มอย่างสง่างามแล้วร่างของเธอก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ ไปหยุดบนรั้วระเบียง เธอหันหลังให้กลุ่มคนดูอีกเจ็ดคนด้านหลัง กางแขนออกพลางร่ายเวทย์มนต์ซึ่งพอจะถอดความได้คล้าย ๆ กับเวทย์ที่คลาอุสเคยร่ายในท้องพระโรง

ฉับพลันนั้นเอง ท้องฟ้าซึ่งขมุกขมัวอยู่แล้วอันเป็นปกติวิสัยของนีโอกลาดก็กลับมืดครึ้มยิ่งขึ้นไปอีก วงกลมอาถรรพ์จำนวนนับไม่ถ้วนผุดปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือลานกว้างในสวนในปราสาทนีโอกลาด จากนั้น เงาสีดำจำนวนมากก็ผุดขึ้นจากวงกลมอาถรรพ์เหล่านั้น พวกมันคือเหล่าทหารสเกลตันในสังกัดของเมย์มีนั่นเอง รวมทั้งสิ้นสี่ร้อยตน

"อย่างนี้นี่เอง" ชิกพยักหน้าหงึก ๆ "สะดวกดีนี่องค์หญิง เมื่อกี้ข้ายังนึกอยู่เลยว่า ทั้งสามท่านนี่จะพาทหารเล็ดลอดแคว้นต่าง ๆ ตามรายทางมาจนถึงแคว้นเราได้ยังไง ที่แท้ก็เดินทางผ่านมิติสนธยามานี่เอง"

"ใช่แล้ว" ฮิโระพยักหน้ารับ "เพราะฉะนั้น จึงจำกัดว่าพามาได้เฉพาะทหารประเภทสเกลตันและสัตว์อาคมเท่านั้น ยังไงล่ะ"

ลำดับต่อไปเป็นทีของคลาอุส เขาเดินไปขอบระเบียง แล้วล้วงมือเข้าไปในย่ามที่ติดตัวมา จากนั้นก็หยิบ 'อะไรบางอย่าง' ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนกรวดเล็ก ๆ เต็มกำมือแล้วสะบัดโปรยกระจายไปกลางอากาศ พลางท่องมนต์ไปด้วย

"มนต์ปลุกเสกสัตว์อาคม" ฮิโระอธิบายให้ขุนพลชาวมนุษย์ทั้งสี่ฟัง "คลาอุสเป็นแค่แวมไพร์ลอร์ด จึงไม่สามารถทำพิธีเรียกวิญญานจากสัมปรายภพมาเป็นสเกลตันให้กับตนเองได้ เขาเลยใช้สัตว์ปลุกเสกพวกนี้เป็นทหารแทน"

เบื้องหน้า บรรดาก้อนกรวดที่ถูกขว้างกระจายไปในอากาศต่างเปล่งแสงวูบวาบขึ้น เมื่อมันตกลงบนพื้นก็ปรากฏเป็นควันพวยพุ่งขึ้นอย่างหนาแน่น ในที่สุดกลุ่มควันเหล่านั้นก็รวมตัวกันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าสัตว์อาคม มีลักษณะดุร้าย ยืนด้วยเท้าสองข้าง เต็มไปด้วยอวัยวะที่จะเป็นอาวุธได้ทั้งตัว นับตั้งแต่กะโหลกศีรษะแข็งแกร่ง เขี้ยวแหลมคม เล็บยาวคมกริบ หางที่มีเกล็ดแข็งและเกล็ดตามลำตัวที่เปรียบเสมือนเกราะคุ้มกันกายอย่างดี

"จำนวนของสัตว์อาคมที่จะปลุกเสกได้ ขึ้นกับตบะของผู้ปลุกเสก" ฮิโระอธิบายต่อ โดยมีชิกรับฟังอย่างสนอกสนใจ "นี่แสดงว่า ก่อนออกเดินทางจากเชมบะ คลาอุสต้องคืนสภาพสัตว์อาคมทั้งหมดที่เขาปลุกเสกไว้แล้ว แล้วมาปลุกเสกใหม่ที่นี่" จำนวนสัตว์อาคมที่ปรากฏกายในสวนมีถึงสามร้อยตน ตามคำในสาส์นของไบอาตที่สิบสาม

"อืมห์ เข้าใจล่ะ"

สุดท้ายก็ถึงทีของสเกลต้า มันเดินตรงไปยังปลายระเบียงแล้วก็กระโดดข้ามรั้วลงไปยังพื้นเบื้องล่าง เดินต่อไปถึงกลางที่ว่างในสวนที่เหลืออยู่แล้วเริ่มพิธีร่ายมนต์ วงกลมอาถรรพ์ขนาดใหญ่อันมีจุดศูนย์กลางที่ตัวผู้ร่ายมนต์ก็พลันปรากฏขึ้นบนพื้น ถัดจากนั้นอีกอึดใจ เงาดำจำนวนมากก็ผุดปรากฏขึ้นจากพื้นดิน และในที่สุดก็ปรากฏเป็นผีโครงกระดูกสเกลตันจำนวนสี่ร้อยตน

"สเกลต้าเป็นข้อยกเว้น" ฮิโระอธิบายให้ชิกที่ทำหน้าสงสัย "เขาเป็นอสูรชั้นสูงที่วิวัฒนาการมาจากผีโครงกระดูก เพราะฉะนั้น จึงมีอำนาจเรียกสเกลตันมาเป็นทหารให้ตนเองได้"

"อ้อ ถึงได้ชื่อสเกลต้าด้วยใช่ไหม" หนุ่มร่างเล็กพยักหน้าหงึกหงัก

บัดนี้ ภายในสวนของปราสาทนีโอกลาดคลาคร่ำไปด้วยทหารปิศาจ สเกลตันของเมย์มีจำนวนสี่ร้อยตน สัตว์อาคมของคลาอุสจำนวนสามร้อยตัวและสเกลตันของสเกลต้าจำนวนสี่ร้อยตน แน่นอน เมื่อรวมเข้ากับกำลังทหารสเกลตันของฮิโระเองอีกแปดร้อยตน ย่อมชวนให้นึกถึงบรรยากาศความเกรียงไกรของทัพอสูรในสมัยก่อน

"บัดนี้ เราพร้อมแล้วที่จะให้บทเรียนแก่เจ้าพวกกอบลินที่กลับกลอกเหล่านั้น" ฮิโระประกาศ "ขึ้นเดือนหน้าเมื่อไร เราจะยกทัพไปตีบาร์ฮารา!"

...

และการณ์ก็เป็นไปตามคำประกาศของเธอ

เดือนห้า ปีอสุรศักราชที่ 997 ทัพใหญ่ของกองทัพอสูรใหม่ก็เคลื่อนพลออกจากปราสาทนีโอกลาด มุ่งตรงไปยังแคว้นบาร์ฮารา ประกอบด้วยทัพหน้าสเกลตันจำนวนสี่ร้อยภายใต้การควบคุมของขุนพลปิศาจสเกลต้า ปีกขวาอัศวินจำนวนหนึ่งร้อยอันเป็นกองกำลังผสมระหว่างอัศวินของนีโอกลาดเดิมกับอัศวินจากกองกำลังโรซ่าเดิม ทั้งหมดอยู่บนหลังม้าและอยู่ภายใต้การควบคุมของนายกองลูเซย์เดอร์ ปีกซ้ายสเกลตันจำนวนสี่ร้อยภายใต้การควบคุมของเมย์มี ทัพหลวงสเกลตันแปดร้อยและสัตว์อาคมสามร้อยภายใต้การนำทัพของฮิโระและคลาอุส โดยศึกครั้งนี้คลาอุสรั้งตำแหน่งเสนาธิการศึกด้วยอีกหนึ่งตำแหน่ง รวมกำลังพลฝ่ายทัพอสูรใหม่ทั้งสิ้นสองพัน

เป็นที่น่าสังเกตว่า สามสหายชาวมนุษย์แห่งทัพอสูรใหม่หายไปไหน? แน่นอน การณ์นี้ย่อมมีคำตอบอยู่ในตัวของมันเอง และเป็นไปตามแผนอันลึกล้ำของยอดผู้นำแห่งนีโอกลาด

อย่างไรก็ตาม ณ เวลานั้น ไม่มีผู้ใดจักหยั่งรู้ได้เลยว่า การศึก ณ บาร์ฮารา ซึ่งมองเผิน ๆ เหมือนจะเป็นการโจมตีทำลายล้างเพียงฝ่ายเดียวของทัพอสูรใหม่ต่อทัพบาร์ฮาร่าซึ่งมีกำลังแตกต่างกันมาก จะดำเนินไปโดยเกิดเหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมายนานับประการที่ประดังถาโถมเข้ามา ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งจบศึก รวมทั้งวีรกรรม, โศกนาฏกรรมที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป
1