มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

บทนำ 1

สเปกตรัลทาวเวอร์ (1)

“ท่านจะ ‘ปีน’ มันจริง ๆ ใช่ไหม?....”

“อืมห์”

น้ำเสียงเศร้าสร้อยของสตรีสาวดังขึ้นก่อน ตามด้วยเสียงตอบรับอยู่ในทีของชายหนุ่ม

ทั้งสองยืนอยู่บนท้องทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยต้นหญ้ารก ๆ สูงเกือบถึงเอว ท้องฟ้าของเนฟเวอร์แลนด์เป็นสีคราม แสงอาทิตย์ในยามบ่ายสาดส่องเจิดจ้า หญิงสาวชาวบ้านในชุดพื้นเมืองเรียบ ๆ ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า เผ่ามนุษย์ใน “เนฟเวอร์แลนด์” แห่งนี้ยืนคู่อยู่กับชายในชุดนักสู้ (ไฟเตอร์) ซึ่งสะพายดาบเล่มขนาดกลางไว้กลางหลัง พร้อมหิ้วเป้บรรจุสัมภาระและเสบียงที่จำเป็น ชายนักสู้ก้มหน้าลงมองหญิงสาวนิดหนึ่ง ก่อนที่จะเบือนหน้าไปด้านหน้า ณ จุดห่างไกลออกไป ตั้งเด่นสง่าอยู่กลางทุ่งกว้างแห่งนั้น คือ สิ่งก่อสร้างสูงเยี่ยมเทียมฟ้า มีลักษณะเหมือนกับเป็นหอคอย แต่เป็นหอคอยมหึมาและที่สำคัญ มองไม่เห็นยอด!!!

หอสเปกตรัล (สเปกตรัลทาวเวอร์) สิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์และลี้ลับที่สุดของโลกเนฟเวอร์แลนด์แห่งนี้ มันถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ไม่มีหลักฐานปรากฏเด่นชัด ไม่มีแม้กระทั่งนิยายปรัมปราที่เกี่ยวข้องกับที่มาของมัน สิ่งที่ล่องลอยแฝงอยู่กับทุกอณูอากาศของเนฟเวอร์แลนด์นี้ คือ คำร่ำลือเกี่ยวกับ “จำนวนชั้น” ของหอคอยแห่งนี้ กับ ข่าวลือที่ว่าผู้ที่พิชิตมันได้-ซึ่งหมายถึงผู้ที่ “ปีน” หอคอยนี้ได้จนถึงชั้นบนสุด จักได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ ซึ่งประการหลังนี้มีผู้ตีความว่า ณ ชั้นบนสุดของมัน คือ ที่อยู่ของพระเจ้านั่นเอง พระเจ้าแห่งเนฟเวอร์แลนด์-โคเรีย อย่างไรก็ตาม นอกจากคำร่ำลือเหล่านี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นความ จริงอย่างที่สุดก็คือ “ยังไม่เคยมีผู้ใดที่ปีนหอคอยนี้แล้วมีชีวิตรอดกลับมา” (เป็นความจริงที่ได้รับการยืนยัน ณ ปัจจุบัน คือ ปีอสุรศักราชที่ 989) และ ความจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือ ยังไม่มีใครทราบว่าจำนวนชั้นของหอคอยนี้ มีเท่าไรกันแน่ ร้อยชั้น พันชั้น หรืออาจจะถึงหมื่น?

อย่างไรก็ดี หอคอยสเปกตรัลก็ยังคงตั้งยืนเด่นเป็นสง่า อยู่ในประเทศเล็ก ๆ ใจกลางทวีปเนฟเวอร์แลนด์ ท้าทายให้นักแสวงโชค นักผจญภัยในทุกคลาส (อาชีพ หรือความชำนาญการ เช่น นักสู้, นักดาบ, อัศวิน, จอมอาคม, โจร, โจรสลัด) หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตในเผ่าพันธุ์อื่น เช่น เผ่าอสูร, เผ่ามนุษย์นก, เผ่าแวมไพร์, เผ่าเอลฟ์ ฯลฯ ดั้งด้นมาผจญภัยในตัวมัน เป้าหมายของแต่ละคน (ตน) นั้นก็แตกต่างกันไป บ้างก็รักการผจญภัยและต้องการแสวงหาสถานที่สำหรับผจญภัยซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดันเจียนระดับสุดยอดอันตราย บ้างก็ต้องการแสวงโชค บ้างก็ต้องการศึกษาเกี่ยวกับมอนสเตอร์ (สัตว์ร้าย, สัตว์ประลาด) ที่อยู่ในหอคอยแห่งนี้ บ้างก็มุ่งมั่นที่จะพิชิตหอคอยนี้ด้วยการปีนขึ้นไปถึงยอดให้ได้

และ ชายหนุ่มผู้นี้-เวฟ ก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ตกลงใจที่จะ “ปีน” สเปกตรัลทาวเวอร์

“ถึงห้ามก็ไม่ฟังใช่ไหมค่ะ มาถึงที่นี้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอีกอย่างทำใจได้ “ข้าขออวยพรให้ท่านโชคดี และกลับออกมาได้นะคะ”

“ขอบใจมาก คามิเซีย” เวฟตอบ

นั่นเป็นบทสนทนาบทสุดท้ายระหว่างหนุ่มสาวทั้งสอง

...

“แกว๊กกกก” เสียงคำรามของมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายนกยักษ์ดังขึ้นพร้อมกับที่จะงอยปากอันแหลมคมของมันพุ่งตรงเข้ามา

เวฟสะบัดแขนแกว่งดาบสวนกลับไปทันที เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของสัตว์ร้ายดังขึ้น ก่อนที่มันจะทรุดตัวลงบนพื้นและสิ้นใจในที่สุด

“...” เวฟถอนหายใจ นี่นับเป็นมอนสเตอร์ตัวที่...ร้อยกว่าแล้วมั้ง ที่เขาต้องสังหารลง เพื่อแลกกับความอยู่รอดของเขาเอง นับตั้งแต่เขาก้าวย่างเข้ามาในหอคอยสเปกตรัลได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว

‘รู้สึกว่ายิ่งชั้นสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ สัตว์ร้ายจะดุร้ายและมีพลังมากขึ้นนะ’ เวฟคิดในใจ ‘และกับดักก็เริ่มมีมากขึ้น’

เป็นจริงตามที่เขารู้สึกได้ ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเวฟต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์นับครั้งไม่ถ้วน เมื่อเขาหาบันไดที่ขึ้นสู่ชั้นที่สี่ของหอคอยได้ เขาก็พบว่านับตั้งแต่ชั้นนี้ขึ้นไป นอกจากจะมีภยันตรายจากมอนสเตอร์แล้ว ยังมีกับดักที่ไม่ทราบผู้สร้างรอเขาอยู่อีก ไม่ว่าจะเป็นกับดักธนู, หลุมพราง, ควันพิษ แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่พบศพของนักแสวงโชคหรือนักผจญภัยเลยในห้าชั้นที่ผ่านมา ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของเขารวมกับวิชาการดำรงชีพ เขาสามารถ “ปีน” หอนี้ด้วยความเร็วห้าชั้นต่อหนึ่งสัปดาห์นี้ นับว่าเร็วมาก และเขาประเมินได้ทันทีว่า ห้าชั้นแรกนี้คงเป็นแค่ด่านทดสอบเพียงเบาะ ๆ เท่านั้น นักผจญภัยที่เข้ามาเสี่ยงชีวิตในสเปกตรัลทาวเวอร์ย่อมล้วนเป็นบุคคลมีระดับและไม่จบชีวิตเพียงห้าชั้นแรกนี้ง่าย ๆ แน่ หรือไม่ก็ ศพถูกกินไปแล้ว เวฟหัวเราะในใจเมื่อคิดถึงตรงนี้ ก่อนที่จะก้าวหน้าต่อไป

...

ผ่านมาได้สิบชั้นโดยใช้เวลาไปอีกสิบวัน เมื่อเทียบกับสัปดาห์แรกนับว่าอัตราเร็วในการคืบหน้าลดลงไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นผลที่สมควรเพราะมอนสเตอร์เริ่มมีจำนวนมากขึ้น บางพันธุ์อยู่รวมกันสามสี่ตัวขึ้นไป และตรงเข้ากลุ้มรุมทำร้ายเขา ทำให้เวลาในการต่อสู้เผด็จศึกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตำแหน่งของประตูที่จะทอดไปสู่บันไดนำขึ้นสู่ชั้นสูงขึ้นไปก็อยู่ในที่ที่ลับตา ต้องเสียเวลาในการเสาะหานานขึ้น

ณ ชั้นเก้า เวฟได้พบศพของนักผจญภัยเป็นศพแรก ศพที่พบเป็นของอัศวินผู้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นอาวุธพร้อมกับได้ทิ้งบันทึกเอาไว้ทำให้เวฟทราบว่า อัศวินผู้นี้เข้าหอคอยนี้เมื่อครึ่งปีก่อน และครั้งสุดท้ายที่เขาเขียนบันทึกคือเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เขาขึ้นไปถึงชั้นที่ห้าสิบห้า ก่อนที่จะตระหนักถึงความสามารถของตนเองว่าคงจะขึ้นไปสูงกว่านั้นไม่ได้ และได้ถอยกลับมา แต่อนิจจา... เวฟเดาว่า เขาคงรับบาดเจ็บจากกับดักก่อนที่จะถูกมอนสเตอร์ที่อยู่รวมกันเป็นฝูงปลิดชีพเอา เพราะไม่เช่นนั้น ผู้ที่มีความสามารถขึ้นไปจนถึงชั้นที่ห้าสิบห้า คงจะไม่กลับจบชีวิตในชั้นที่เก้าอย่างนี้

เวฟหยิบดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ตกอยู่ข้างศพขึ้นมา มันเป็นดาบที่ดีทีเดียวและตามบันทึกของอัศวินผู้ปราศจากลมหายใจ บอกว่าตัวเขาเองก็ได้ดาบนี้จากศพนักรบผู้หนึ่งที่ชั้นสามสิบ ตามธรรมเนียมของการผจญภัยของเนฟเวอร์แลนด์แล้ว การรับช่วงครอบครองสมบัติของผู้ตายระหว่างผจญภัยนั้น ไม่ถือเป็นสิ่งผิดศีลธรรมหรือจริยธรรมแต่อย่างไร มีข้อแม้ว่า จะต้องไม่ใช่สิ่งของที่ผู้ตายระบุจะมอบให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะเจาะจงเท่านั้น

เวฟพบว่าดาบศักดิ์สิทธิ์นี้มีอานุภาพร้ายแรงกว่าดาบที่เขาพกอยู่ก่อนจึงวางดาบของเขาไว้ข้างศพอัศวินแทนแล้วถือสิทธิ์ครอบครองดาบศักดิ์สิทธิ์นั้นตามธรรมเนียมการปฏิบัติของการผจญภัยในเนฟเวอร์แลนด์

...

ชั้นสิบสาม เวฟได้เรียนรู้ว่า มีไอเทม (อุปกรณ์) วิเศษที่จะช่วยลัดเส้นทางในหอคอยสเปกตรัลนี้ได้ กล่าวคือ มันจะช่วยให้เขากระโดดจากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบนได้อีกตั้งแต่ห้าถึงหนึ่งร้อยชั้นแล้วแต่อานุภาพของไอเทมที่พบ ซึ่งมันจะถูกใช้งานได้เพียงครั้งเดียวก็จะเสื่อมพลังไป

อย่างไรก็ตาม เวฟเริ่มเพิ่มวัตถุประสงค์ในการสำรวจหอคอยนี้อีกอย่างหนึ่งคือ สะสมไอเทมสำหรับก้าวกระโดดนี้ เพื่อใช้ในยามคับขัน

...

ชั้นสี่สิบ เพื่อนนักผจญภัยคนแรกที่พบกลับเป็นนักสู้ที่ขึ้นสเปกตรัลทาวเวอร์ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อหาทรัพย์สมบัติ เขาผู้นั้นขอร่วมทางกับเวฟ แต่เวฟปฏิเสธเพราะ “วัตถุประสงค์ต่างกัน” และ “ไม่ไว้ใจ” สำหรับเวฟแล้วผู้ที่โลภในทรัพย์สมบัติย่อมเป็นผู้ที่ไว้ใจไม่ได้ยิ่งกว่าพวกมอนสเตอร์เสียอีก ประสบการณ์จากการผจญภัยในดันเจียนอื่น ๆ สอนเขาอย่างนั้น

...

หกเดือนผ่านไป โดยที่เวฟรู้ตัวเลยว่าฝีมือการต่อสู้ของเขารุดหน้าขึ้นกว่าก่อนที่จะเข้าสู่สเปกตรัลทาวเวอร์มากมายนัก รวมทั้งอำนาจเวทย์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุจนน่ากลัวมากกว่าน่าดีใจ เวทย์มนต์ระดับพื้น ๆ เช่น คาถาเรียกไฟ (Fire), คาถาปล่อยดวงไฟ (Fire Ball) ซึ่งใช้โจมตีใส่คู่ต่อสู้ได้ทีละคน หรือเวทย์มนต์ระดับสูงขึ้น เช่น คาถาพ่นไฟ (Burn) ที่ใช้โจมตีคู่ต่อสู้ได้คราวละหลาย ๆ คน มีอานุภาพสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ก่อนที่จะเข้าสู่สเปกตรัลทาวเวอร์ เวฟเป็นพวกนักสู้ที่พึ่งพาพละกำลังและการโจมตีด้วยอาวุธคู่มือเป็นหลัก และอาศัยเวทย์มนต์น้อยมากอันเป็นเพราะทักษะในการใช้เวทย์มนต์ของตนเองไม่สูงพอหนึ่ง และเพราะพลังเวทย์หรือความแก่กล้าในคาถาอาคมของตนเองไม่สูงพออีกหนึ่งทำให้หวังผลจากการใช้เวทย์มนต์ได้ยาก แต่มาถึงตอนนี้ เวฟเริ่มใช้เวทย์มนต์มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเรียนรู้ว่ามอนสเตอร์คู่ต่อสู้นั้นมีจุดอ่อนอยู่ที่การโจมตีด้วยฤทธิ์ใด ก็จะใช้เวทย์มนต์ที่มีฤทธิ์นั้นโจมตีเข้าใส่มันอย่างได้ผล (ฤทธิ์ คือ เป็นคุณสมบัติหรือเป็นลักษณะทางกายภาพที่แสดงออกมาของการโจมตีนั้น ๆ ในโลกของเนฟเวอร์แลนด์นี้ แบ่งการโจมตีเป็นสองลักษณะใหญ่ ๆ คือ การโจมตีทางกายภาพด้วยอาวุธ และการโจมตีด้วยเวทย์มนต์ ซึ่งทั้งสองลักษณะก็แบ่งเป็น 9 ฤทธิ์ คือ ฤทธิ์เป็นกลาง (มีค่าเท่ากับการโจมตีทางกายภาพ หรือถ้าเป็นเวทย์ฤทธิ์เป็นกลาง ก็จะมีค่าเท่ากับการโจมตีด้วยระเบิด), ฤทธิ์เป็นไฟหรือความร้อน, ฤทธิ์เป็นน้ำ, ฤทธิ์เป็นน้ำแข็ง, ฤทธิ์เป็นพสุธาหรือหิน, ฤทธิ์เป็นลม, ฤทธิ์เป็นสายฟ้าหรือไฟฟ้า, ฤทธิ์เป็นแสงสว่างหรืออำนาจศักดิ์สิทธิ์ และฤทธิ์เป็นรัตติกาลหรืออำนาจมืด)

ในระหว่างทางนี้ เวฟยังคงพบกับพวกนักผจญภัยด้วยกันเป็นระยะ ๆ แต่ก็มีอันให้ปฏิเสธการร่วมเป็นเพื่อนเดินทางไปเสียทุกรายด้วยเหตุผลเดิมคือ “วัตถุประสงค์ต่างกัน” และมีถึงสองครั้งที่เขาต้องประหัตประหารกับมนุษย์ด้วยกัน เพราะสถานที่ที่พบกันเป็นสถานที่ที่ไม่สมควร กล่าวคือ ไปพบกันที่บริเวณที่มีหีบสมบัติ (รายหลังนั้น ฝ่ายตรงข้ามอ้างว่า มีหีบสมบัติซ่อนอยู่บริเวณนั้น ทั้งที่ ยังไม่มีการยืนยันว่ามีอยู่จริง ๆ ด้วยซ้ำ) ทำให้ฝ่ายตรงข้ามตรงเข้ากลุ้มรุมจะสังหารเขาเพื่อมิให้เขาแย่งสมบัตินั้นไป แต่ อนิจจา ผู้ตายคือ ฝ่ายนักแสวงโชคเหล่านั้น ทั้งที่เวฟไม่มีความคิดเรื่องหาสมบัติอยู่ในหัวของเขาแม้แต่เศษธุลีเลย (แต่ แน่นอน ถ้าในสมบัติที่ว่านี้ มีอาวุธที่มีอานุภาพรวมอยู่ด้วยละก็ เขาก็จะขอครอบครองมันล่ะ)

...


back index next
1