มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

บทนำ 1

สเปกตรัลทาวเวอร์ (3)

“ย้ากส์!” “ไป!” “แก๊กกกก!”

สามเสียงดังขึ้นเกือบจะในเวลาเดียวกัน เวฟ, เด็กสาวชาวอสูร และ... มังกรขนาดมหึมาเจ้าของเกล็ดสีแดงดั่งเปลวเพลิงกำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดมาเป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงแล้ว ดาบศักดิ์สิทธิ์และเคียวซาตานของฝ่ายสิ่งมีชีวิตที่ร่างเล็กกว่า ค่อย ๆ ทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่ตัวใหญ่กว่าทีละน้อย โดยที่เกล็ดหนาของมังกรเริ่มหมดสมรรถภาพในการปกป้องเจ้าของของมันเข้าไปทุกขณะ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้ามังกรก็สู้อย่างสุดฤทธิ์ เล็บแหลมคมของมันทั้งจากเท้าหน้าและเท้าหลังพร้อมที่จะตะกุยใส่ศัตรูร่างเล็กได้ทุกขณะที่มีโอกาส หางของมันนั้นเล่าก็พร้อมที่จะฟาดหวดเข้าใส่ได้ทุกเมื่อเช่นกัน และที่สำคัญคือ เปลวเพลิงที่พ่นจากปากของมันอันเป็นเปลวไฟที่ร้อนแรงนักหากหลบหรือสร้างบาเรียคุ้มกันกายไม่ทัน ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ท้าทายทั้งสองจักต้องตกเป็นฝ่ายปราชัยในชั่วพริบตาเดียว

... เหตุเริ่มจากราวสองชั่วโมงก่อนหน้า

“เจ้ากล้าไปกับเราไหมล่ะ”

“เอาซิ”

อสูรน้อยถามด้วยน้ำเสียงเยาะ ๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งเวฟเองเมื่อคุ้นเคยกับเธอเข้าแล้วก็ไม่รู้สึกอะไรมากนัก หากแต่ตอบกลับทันทีว่าเขาพร้อมที่จะทำตามข้อเสนอของเธอ

ข้อเสนอนั้นก็คือ จะใช้ไอเทมสำหรับก้าวกระโดดขึ้นไปชั้นบน ซึ่งเป็นไอเทมที่เด็กสาวชาวอสูรค้นพบก่อนที่จะร่วมทางกับเวฟ และเป็นไอเทมที่ดูท่าว่าจะทรงพลังกว่าไอเทมที่เวฟค้นพบไว้หลายอันเสียอีก ซึ่งนั่นหมายความว่า จำนวนชั้นที่สามารถกระโดดลัดขึ้นไปได้นั้น ย่อมมากตามขีดอานุภาพของไอเทมด้วย แต่... มันก็หมายถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน หากพบว่า ชั้นไปกระโดดขึ้นไปนั้น เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่ร้ายกาจเกินกว่าที่เขาทั้งสองจะกำราบได้ อย่างไรก็ตามทั้งเวฟและเด็กสาวชาวอสูรก็มั่นใจในความสามารถของตนเองมากพอที่จะกระโดดข้ามชั้นขึ้นไป แทนที่จะไต่ขึ้นหอคอยนี้ไปทีละชั้นอยู่เช่นนี้

เหตุที่เด็กสาวชวนเวฟขึ้นมาแบบนี้ ก็เนื่องเพราะใกล้กำหนดเวลาที่เธอจะกลับออกสู่โลกภายนอกแล้ว ดังนั้นเธอจึงอยากจะลองขึ้นไปบนชั้นที่สูงที่สุดเท่าที่เธอจะขึ้นไปได้ ในความปรารถนาของเธอนั้น จะมีความหวังดีต่อเวฟที่จะช่วยให้เขาเข้าใกล้ “จุดมุ่งหมาย” มากขึ้นหรือไม่นั้น เวฟเองไม่อาจหยั่งรู้ได้แต่อย่างไรก็ตามเวฟตอบตกลงที่จะขึ้นไปพร้อมกับเธอ

อุปกรณ์วิเศษนั้นพาทั้งสองเข้าสู่มิติแห่งกาลเวลาและสถานที่ ซึ่งภายในมิติแห่งนั้นรอบตัวเต็มไปด้วยความมืด แต่ทั้งสองคนสามารถมองเห็นซึ่งกันและกันได้อย่างประหลาด เสียงเด็กสาวชาวอสูรบอกว่า

“ผ่านไปร้อยกว่าชั้นแล้ว”

เวฟเองก็รู้สึกได้เช่นกันถึงความกดดันอันเกิดจากจำนวนชั้นที่สูงขึ้นของหอสเปกตรัล และนั่นหมายความว่าขณะนี้เขาและเธอข้ามมาถึงชั้นที่สามร้อยแล้วเป็นอย่างน้อย

เพื่อนร่วมทางนิ่งเงียบแต่มองตาเวฟอย่างท้าทาย เวฟเข้าใจทันทีว่า เธอต้องการถามเขาว่า จะหยุดการเดินทางข้ามมิตินี้เมื่อไร นั่นหมายถึงว่า หากไม่มั่นใจว่าตนเองจะสามารถเอาตัวรอดได้ในชั้นที่กำลังจะเดินทางไปถึง ก็ควรจะหยุดการทำงานของไอเทมนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อไปปรากฏตัว ณ ชั้นที่ไม่สูงเกินไปนัก เวฟยิ้มตอบอย่างใจเย็น แสดงให้เห็นว่า เขายังเชื่อว่า จากบรรยากาศความกดดันของชั้นปัจจุบันยังเป็นชั้นที่ไม่อยู่เกินความสามารถของเขา

ทั้งสองนิ่งเงียบไประยะหนึ่ง ความรู้สึกจากประสาททั้งหกบอกว่าจำนวนชั้นของสเปกตรัลทาวเวอร์ที่ทั้งสองเดินทางผ่านมาเป็นหนึ่งพันชั้นเข้าไปแล้ว ... หนึ่งพันหนึ่งร้อยชั้น ... นั่นหมายความว่า ไอเทมของเด็กสาวทรงพลานุภาพจริง ๆ แต่แล้ว อยู่ ๆ บรรยากาศแห่งการเปลี่ยนแปลงที่หมุนวนอยู่รอบ ๆ ตัวของบุคคลทั้งสองก็หยุดชะงักลงพร้อมกับที่รอบกายสว่างขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ไอเทมได้หยุดการทำงานลงแล้ว ทั้งที่ผู้ใช้ยังไม่ได้สั่งให้หยุด และไอเทมเองก็ยังไม่ได้หมดสภาพแต่อย่างไรด้วย

“...” เวฟมองหน้าอีกฝ่ายเป็นเชิงถาม

“ดูเหมือนว่าที่ชั้นนี้จะมี ‘อะไร’ บางอย่างที่ไม่ยอมให้เราเดินทางข้ามหัวมันไปนะ”

อสูรในร่างเด็กสาวตอบ พร้อมกับขยับอาวุธคู่มือที่ยาวเกินตัวในท่าพร้อมรบ

เวฟเกร็งประสาททุกส่วนขึ้นทันทีเช่นกัน แต่ยังไม่ได้ชักดาบออกจากฝัก

รังสีอำมหิตแผ่พุ่งเข้ามาจากทางด้านหน้าของทั้งสองคน ในรังสีนั้นแฝงไปด้วยความร้อนแรงของเพลิงพิฆาต เวฟรวบรวมพลังจิตขึ้นอีกเพื่อต้านต่อรังสีอำมหิตนั้น อีกอึดใจถัดมา เขาก็แทบจะผงะไปเมื่อเจ้าของบรรยากาศกดดันนั้นปรากฏร่างอันมหึมาขึ้นตรงหน้า มันเป็นร่างของสัตว์ในเทพนิยายที่เขาเคยได้ยินมาเมื่อนานมาแล้ว มังกร! เฉพาะส่วนศีรษะของมันก็ใหญ่เท่ากับตัวเขาแล้ว ลำตัวป้อม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตรได้ ความยาวจากหัวถึงส่วนหางประมาณ 8 เมตร เกล็ดตามผิวหนังเป็นสีแดงเพลิง ขาทั้งสี่ท่าทางทรงพลังและมีเล็บแหลมคม ปีกกว้างทรงพลังที่เมื่อกางเต็มที่แล้วมีความกว้างรวมทั้งถึง 3 เมตร

“เจ้าทั้งสองผู้บังอาจรุกล้ำดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหอสเปกตรัลนี้ จงกลับไปเสีย นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย”

คำพูดของสิ่งมีชีวิตระดับสูงดังขึ้นจากปากของมังกร เวฟนิ่งอึ้งไปด้วยไม่คิดว่ามันจะพูดได้ แต่อึดใจต่อมาเขาก็ตระหนักว่าเขาใช้สรรพนามกับมังกรนี้ผิดไปแล้ว

“เจ้าเป็นใครรึ” เด็กสาวชาวอสูรถามขึ้นอย่างไม่มีท่าทีหวาดหวั่นต่อมฤตยูเบื้องหน้า อย่างไรก็ตาม จากน้ำเสียงของเธอเป็นการทักทายกับสิ่งมีชีวิตในระดับเดียวกันมากกว่าที่จะมองว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้าเป็นแค่มอนสเตอร์

“หึ หึ เจ้าเป็นคนแรกนะที่กล้าต่อคำกับข้าได้” มังกรตอบ เปลวไฟบางพวยพุ่งออกทางจมูกของมัน “ข้าคือท้าวโลกบาลแห่งเนฟเวอร์แลนด์ มีหน้าที่รักษาด่านแห่งนี้ ซึ่งคือ ชั้นที่ 1200 แห่งหอสเปกตรัล”

มังกรหยุดไปชั่วครู่ กวาดตามองสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เบื้องหน้าทั้งสองคนแล้วเอ่ยขึ้นอีกว่า

“หากพวกเจ้าไม่ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะผ่านด่านนี้ขึ้นไป ก็จงกลับไปซะ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ก็จงประกาศนามของพวกเจ้ามา”

คำประกาศศึกนั่นเอง ตามธรรมเนียมแห่งเนฟเวอร์แลนด์ หากสิ่งมีชีวิตระดับสูง -ซึ่งหมายถึงระดับที่สามารถส่งภาษาเพื่อติดต่อสื่อสารกันได้- จะทำการสู้รบกัน จะต้องประกาศนามและศักดิ์ศรีของตัวเองให้ฝ่ายตรงข้ามทราบก่อน และหากเป็นไปได้ ผู้ที่มีศักดิ์ศรีต่ำกว่าควรจะเป็นผู้ประกาศตนก่อน

“...” เด็กสาวชาวอสูรนิ่งเงียบไปสักพักหนึ่ง เวฟจึงรู้ตัวว่าเธอกำลังรอการตัดสินใจของเขานั่นเองด้วยจุดมุ่งหมายของเขา เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องปีนหอส เปกตรัลขึ้นไปให้ถึงที่สุด

“ข้าชื่อเวฟ เป็นนักสู้พเนจร” เวฟประกาศศึก พร้อมกับชักดาบศักดิ์สิทธิ์ที่สะพายกลางหลังออกมาอย่างมุ่งมั่น

“ส่วนเรา...” เด็กสาวอสูรเอ่ยต่อ เวฟเองก็รอฟังด้วยความหวังว่าจะได้ยินชื่อของเธอจากปากของเจ้าตัวเอง แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวังเพราะคำพูดที่หลุดจากริมฝีปากน้อย ๆ คู่นั้นคือ “...เป็นใครนั้น ท่านคงทราบ ได้อยู่แล้วกระมัง เทพมังกรเพลิงเฟรียลเดียส!”

“...” มังกรหรี่ตามองเด็กสาวผู้ชิงบอกนามของมัน-ไม่สิของเขา-ก่อนแล้วก็ขยับตัวเป็นเชิงเตรียมพร้อมเช่นกัน “อ้อ เจ้าเองรึ รับช่วง ‘เกทออฟเฮฟเวน’ จากพี่สาวละสิท่า... แต่ถึงจะเป็นเจ้าก็ตามเถิดข้าก็ให้ผ่านไปไม่ได้หรอก ด้วยเกียรติศักดิ์แห่งหกเทพมังกร ข้าเทพมังกรเพลิงเฟรียลเดียสขอปลิดชีพของเจ้าทั้งสองสังเวยด่านศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เข้ามา!”

และนั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ณ ขณะนี้ ร่างของเทพมังกร- หนึ่งในหกเทพมังกรตามตำนานโบราณแห่งเนฟเวอร์แลนด์ ซึ่งกล่าวถึงหกเทพมังกรในฐานะเป็นเทพเจ้าในเทพเจ้ายุคโบราณไว้ด้วย- เต็มไปด้วยรอยแผลจากคมดาบและคมเคียว-เกทออฟเฮฟเวน อย่างไรก็ตาม พลังเวทย์ไม่ว่าจะฤทธิ์ใด ๆ มีผลต่อมันน้อยมาก ทำให้ฝ่ายบุกรุกทั้งสองต้องใช้การโจมตีทางกายภาพด้วยอาวุธเพียงอย่างเดียวในการพิชิตมังกรตัวนี้ ซึ่งในแง่ของพละ กำลังและความทรหดแล้ว ฝ่ายมนุษย์และอสูรย่อมมีน้อยกว่ามังกร หากการต่อสู้ยืดเยื้อไป ทั้งสองย่อมตกเป็นเครื่องสังเวยเปลวเพลิงมังกรเป็นแน่ และตอนนี้ ในเมื่อมังกรเริ่มรับบาดเจ็บมากเข้า มันก็หันมาอาศัยแต่เปลวไฟจากปากเพียงอย่างเดียวในการจู่โจมใส่ศัตรูตัวน้อย

“ฟู่” “อึ๊บ!”

เด็กสาวชาวอสูรคงเหนื่อยเกินกว่าจะหลบหลีกจากเปลวไฟที่พุ่งมาใส่ตัวได้ จึงควงอาวุธคู่กายกวัดแกว่งเป็นโล่ห์กำบังอยู่ข้างหน้า เปลวไฟจากปากมังกรถูกด้ามเคียวปัดกระจายออกรอบข้าง ทำให้เสื่อมอานุภาพลงไปไม่สามารถทำอันตรายแก่เด็กสาวชาวอสูรได้ เวฟฉวยโอกาสนี้กระโดดเข้าประชิดตัวมังกรทันที ดาบของเขาถูกเงื้อขึ้นสุดแขนก่อนที่จะฟันลงไปโดยหมายไปที่ลำคอของมังกร ฝ่ายเทพมังกรก็รู้ที หันกลับมาพ่นไฟใส่เขา แต่เวฟไม่ยี่หระ ยังคงฟันดาบลงไปอย่างมุ่งมั่น ดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นพาหะนำพลังเวทย์ของเวฟไปด้วยฟันทะลวงฝ่าเปลวเพลิงออกเป็นสองสายและตัวของเวฟพร้อมด้วย ดาบก็ชำแรกเข้าไปกลางเปลวเพลิงนั้น

“ฉับ!” “อ๊ากกกกก!”

บาดแผลฉกรรจ์เกิดขึ้นทันทีที่ดาบของเวฟฟันลงบนต้นคอของมังกร มันพยายามตะกุยขาหน้าเข้าใส่เขา แต่เคียวยาวถูกยื่นเข้ามาขวางไว้ได้ทัน ก่อนที่เวฟจะถอนดาบออกและแทงเข้าที่ลำตัวของมังกรอีกที

“โอ๊วววว!!!”

เทพมังกรร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด และพยายามตะกุยขาหน้าทั้งสองใส่ผู้ทำร้ายมันอย่างบ้าคลั่ง เวฟต้องทิ้งอาวุธให้ฝังอยู่ในร่างมังกรอยู่อย่างนั้นและรีบสปริงตัวหลบออกมา

“ฮึมมมม”

เทพมังกรเพลิงหยุดอาละวาด ทรุดกายลงและยกศีรษะขึ้นมองผู้บุกรุกทั้งสอง

“หึ หึ หึ เจ้าทั้งสองแน่มาก แต่อย่านึกว่าข้าจะแพ้แก่เจ้าเพียงเท่านี้ล่ะ”

มันยืดตัวขึ้นเล็กน้อย “ณ ชั้นที่ 1200 นี้ ข้าถูกสะกดไว้ด้วยเวทย์มนต์ทำให้อำนาจของข้าลดลง ด่านที่ข้าเป็นเทพพิทักษ์จริง ๆ คือ ชั้นที่ 6200 หากเจ้าทั้งสองแน่จริง ก็จงตามไปพบข้าที่นั่นเถิด”

แสงสว่างเป็นลวดลายวงกลมอาถรรพ์ส่องสว่างขึ้นจากพื้นเข้าปกคลุมร่างของเทพมังกร เวฟรู้ได้ทันทีว่า มังกรกำลังจะอันตรธานจากสถานที่นั้นด้วยอำนาจเวทย์ชั้นสูงแต่เขาไม่สามารถขัดขวางได้ เพราะหากเข้าทำร้ายมังกรในขณะที่อำนาจชั้นสูงกำลังสำแดงฤทธิ์นี้ จะกลับทำให้เขาเองได้รับอันตราย

“อ้อ จะให้ข้อมูลแก่พวกเจ้าอีกอย่างก็ได้ เทพมังกรอีกห้าตนรอเจ้าอยู่เบื้องหน้านะ ฮ่า ๆ ๆ ” ร่างของมังกรค่อย ๆ เลือนหายวับไป

เสียงดังเคร้งเมื่อดาบของเวฟตกลงจากกลางอากาศกระทบพื้น ณ ตำแหน่งที่มังกรเคยอยู่

“เฮ้อ!” เวฟถอนหายใจ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหมายจะหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา

“เดี๋ยวก่อน มนุษย์!” เสียงห้ามดังขึ้น เมื่อเวฟหันไปมอง ก็พบว่าเด็กสาวเผ่าอสูรสาวเท้าเข้ามาอย่างเร่งรีบมาที่ข้างตัวเขา ก้มมองดาบที่ตกอยู่บนพื้น ก่อนที่จะพึมพำเป็นมนต์บทที่เวฟไม่รู้จักอยู่พักหนึ่ง แล้วยื่นมือออกไปเหนือดาบ

ดาบของเวฟที่อยู่บนพื้นเปล่งแสงออกมาและลอยขึ้นมาสู่มือของเธอเองอย่างมหัศจรรย์

“เอ้า! ยินดีด้วย” เด็กสาวจับใบดาบแล้วยื่นส่งด้ามดาบมาให้เวฟ “ดาบของเจ้าดูดพลังเวทย์จากเทพมังกรและจากอาถรรพ์ของหอสเปกตรัลแล้ว มันจะมีอานุภาพมากกว่าเดิม”

“ขอบคุณ” เวฟยื่นมือไปรับอาวุธของตนมา

เป็นจริงอย่างที่เด็กสาวพูด ดาบที่เขารับมามีพลังแฝงเร้นอยู่สูงขึ้นกว่าเดิมมาก ด้วยพลังของเขารวมกับอานุภาพของดาบในขณะนี้ เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายชั้นสูงเช่น “คลื่นสุญญากาศ” ซึ่งเป็นการฟันดาบอย่างรุนแรงทำให้เกิดคลื่นสุญญากาศวิ่งออกไปทำลายเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลออกจากตัวได้ หรือ แม้แต่ท่าที่ยากขึ้นเช่น “ดาบผ่าปฐพี” เวฟก็รู้สึกได้ว่าเขาน่าจะใช้ท่านี้ได้แล้ว อนึ่ง ดาบผ่าปฐพีเป็นท่าที่ปักดาบลงบนพื้นดินตรงหน้าอย่างแรงพร้อมแผ่พลังเวทย์ฤทธิ์เป็นกลาง หรือเป็นพลังระเบิดของผู้ใช้ ดาบผ่านพื้นดินซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำพลังเวทย์นั้นพุ่งตรงเข้าทำลายเป้าหมายที่อยู่ไกลออกไปได้

“เราสวดคาถาอวยชัยให้กับดาบของเจ้าแล้ว” เด็กสาวเผ่าอสูรพูดต่อ “ต่อไปนี้ ทุกครั้งที่เจ้าพิชิตศัตรูที่ยิ่งใหญ่ลงได้ดาบของเจ้าจะเพิ่มพลังได้เองโดยอัตโนมัติ... ถือเป็นของขวัญจากเราก็แล้วกัน”

“...” เวฟหันไปจ้องหน้าผู้พูดทันที “ท่าน...”

“ใช่ เราจะกลับแล้ว” เด็กสาวชาวอสูรขยับตัวออกเดิน “ขอบคุณสำหรับสามเดือนที่ผ่านมา เวฟ”

“เอ้อ...” เวฟอึก ๆ อัก ๆ พูดไม่ออก ในใจก็นึกยินดีที่เด็กสาวผู้นี้ยอมเรียกชื่อเขาเป็นครั้งแรก “... ท่านจะไปแล้วหรือ”

ผู้จะจากไปไม่ตอบ พยักหน้าแล้วก็หันหลังเดินกลับไป ทิ้งท้ายไว้ว่า

“ประตูมิตินี่ เราก็ทิ้งไว้ให้เจ้าด้วยก็แล้วกัน โชคดี!”

เธอหมายถึงไอเทมที่ใช้สำหรับกระโดดขึ้นไปชั้นเหนือกว่า

“เช่นกันครับ ขอให้ท่านโชคดี และขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง... องค์หญิง”

เวฟระล่ำระลักกล่าวลาและกล่าวขอบคุณผู้จากไป ท้ายประโยคเขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดถึงศักดิ์ศรีแท้จริงของอีกฝ่ายหนึ่ง แต่นั่นเป็นจังหวะที่เธอเดินลับตาไปในความมืดของทางเดินในหอคอยแล้ว จึงไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าคำพูดนั้นไปถึงหูเธอหรือไม่

---------------------

การผจญภัยในหอคอยสเปกตรัลร่วมกับอสูรสาวน้อยผู้นี้คงจบเพียงเท่านี้ จากนี้ไป เวฟจะต้องมุ่งมั่นต่อไปเพียงคนเดียว และเบื้องหน้าของเขานั้นอย่างน้อยที่สุด ก็มีหกเทพเจ้ามังกรรอคอยอยู่... แต่หลังจากนั้นล่ะ?

และหอคอยแห่งนี้จะมีทั้งหมดกี่ชั้น? นั่นเป็นคำถามที่เวฟต้องค้นหาคำตอบด้วยตัวเองเท่านั้น

---------------------

ปีอสุรศักราชที่ 989 ฮิโระ-ธิดาองค์เล็กแห่งจอมราชันย์อสูรจาเนส- ตัดสินใจเดินทางเข้าผจญภัยในหอคอยสเปกตรัลเพื่อกระตุ้นพลังที่หลับไหลอยู่ในตัวให้ตื่นขึ้น, และในปีเดียวกัน นักสู้ชาวมนุษย์นามเวฟ ก็ได้เดินทางเข้าสู่สเปกตรัลทาวเวอร์ด้วยเช่นกัน

- ทั้งสองคนได้พบกันในสเปกตรัลทาวเวอร์หรือไม่นั้นไม่มีใครทราบได้ แต่ในภายหลังเมื่อมีผู้ถามถึงชื่อของดาบคู่มือของเวฟ เขาตอบว่ามันคือ “ของขวัญจากเจ้าหญิงน้อย” หรือ “กิฟท์ออฟลิตเติลพรินเซส”-

ปีอสุรศักราชที่ 990 เจ้าหญิงฮิโระกลับออกจากสเปกตรัลทาวเวอร์อย่างปลอดภัย นับเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เนฟเวอร์แลนด์ที่เข้าไปในหอคอยสเปกตรัลทาวเวอร์แล้วมีชีวิตรอดกลับออกมา เธอออก ท่องเที่ยวไปในแดนเนฟเวอร์แลนด์อันกว้างใหญ่เป็นเวลาอีก 3 ปี จึงกลับเข้าสมทบกับกองทัพอสูรแห่งแคว้นนีโอกลาดเมื่อปีอสุรศักราชที่ 993 ขณะนั้นสิริมายุได้ 13 ชันษา

อย่างไรก็ตาม กว่าที่นามของเจ้าหญิงฮิโระจะเป็นศูนย์กลางของมรสุมแห่งประวัติศาสตร์เนฟเวอร์แลนด์ ก็ต้องรอไปจนถึงปี 997 อันเป็นปีเริ่มต้นแห่ง “มหากาพย์สงครามแห่งเนฟเวอร์แลนด์” นั่นเอง


back index next
1