ฮิโระ ทำใจดี ๆ ไว้นะ ฮิโระ เมย์มีเฝ้าพร่ำกระซิบบอกกับร่างน้อย ๆ ในอ้อมแขนที่นอนสลบไสลไม่ได้สติ หากแต่การนอนของฮิโระนั้น เป็นการนอนที่เต็มไปด้วยฝันร้าย แสดงออกให้เห็นด้วยอาการหวาดผวาและส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวเป็นระยะ ๆ เมื่อวิ่งเข้าแคว้นบาร์ฮาราได้ระยะหนึ่ง เมย์มีก็เริ่มส่งกระแสจิตติดต่อกับบิดาคือ ไบอาดที่ 13 ได้ เธอรายงานเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านทราบ อืมห์ เข้าใจล่ะ พ่อจะทูลท่านจาเนสเอง องค์หญิงอาการเป็นไงบ้างล่ะ เสียงของไบอาดที่ 13 ดังขึ้นในภวังค์ของเมย์มี ยังไม่ได้สติจ้ะพ่อ เอ่อ.. ถูกฟันแขนซ้ายขาดตรงข้อศอกน่ะจ๊ะ คงเสียเลือดมากเลย ดูแลองค์หญิงไว้ดี ๆ นะ จ๊ะ เมย์มีตอบ ทำท่าจะตัดการติดต่อแต่แล้วก็นึกขึ้นได้ อ้อ พ่อจ๊ะคนที่มาช่วยน่ะ เขาบอกด้วยว่า ให้ฝากเรียนท่านจาเนสว่า เขากำลังจะไปพบจ๊ะ อืมห์ บุรุษที่ใช้น้ำแข็งเป็นอาวุธ และก็กำลังจะมาพบท่านจาเนสใช่ไหม เข้าใจแล้ว... แค่นี้นะ มีอะไรให้ติดต่อมาอีก จ๊ะ เมย์มีก้มลงมองร่างน้อย ๆ ในอ้อมแขนอีกครั้งพลางถอนหายใจ เฮ้อ ทำไมต้องมาเคราะห์ร้ายแบบนี้ด้วยนะ ... รถม้าวิ่งตัดผ่านแคว้นบาร์ฮาราอย่างรีบเร่ง ที่จริงแล้วม้าที่ลากรถเป็นม้าจำแลง ตัวจริงของมันเป็นสัตว์ชั้นต่ำในเผ่าอสูร จึงสามารถลากรถได้เร็วกว่าม้าจริง ๆ หลายเท่านัก และด้วยอาคมที่ลงไว้บนรถม้าคันนี้ ทำให้ผู้โดยสารภายในรถไม่ถูกกระทบกระเทือนจากความเร็วของรถม้าเลย แต่ถึงอย่างไรก็ดี ต้องใช้เวลาอีกสองสามชั่วโมงกว่าจะข้ามแคว้นนี้ไปเข้าเขตแดนของนีโอกลาดและไปถึงปราสาทของจอมราชันย์อสูรได้ ตลอดเวลาที่ผ่านไป ฮิโระยังคงนอนกระสับกระส่ายและร้องครางเป็นระยะ ๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นสติขึ้น เวลาช่างผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกินในความรู้สึกของเมย์มี สักครู่ใหญ่ก็มีการติดต่อจากไบอาดที่ 13 ว่า เมย์มี ท่านจาเนสทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง ทางนี้เตรียมการไว้แล้ว จ๊ะ แล้วท่าน... ไม่ต้องห่วง ท่านไม่ได้ว่าอะไรเจ้าหรอก แค่นี้นะ ทางนี้กำลังโกลาหลกันใหญ่เหมือนกัน ... รถม้ามาถึงปราสาทนีโอกลาดโดยสวัสดิภาพในที่สุด ทันทีที่รถม้าหยุดยังไม่ทันสนิท ประตูก็ถูกกระชากเปิดออก แล้วร่างของอสูรชั้นสูงก็ช่วยกันอุ้มร่างไร้สติขององค์หญิงตัวน้อยไป เมย์มีสังเกตจากเครื่องแต่งกายพบว่าอสูรที่มาเป็นพวกจอมขมังเวทย์นั่นเอง แต่บรรยากาศรอบตัวบอกว่า ตัวเธอเองไม่สมควรติดตามไป ฮิโระถูกพาไปยังห้อง ๆ หนึ่งซึ่งตรงกลางห้องวาดไว้ด้วยวงกลมเป็นลายอาคม รอบนอกเป็นวงกลมและซ้อนไว้ด้วยสามเหลี่ยมสองรูปที่กลับหัวกัน ภายในรูปหกเหลี่ยมที่เกิดจากการตัดกันของสามเหลี่ยมยังมีลวดลายเป็นอักขระของเผ่าอสูรเขียนไว้อีก จอมขมังเวทย์ผู้อุ้มฮิโระมาวางเจ้าหญิงของเขาไว้กลางวงกลมอาคมนั้น แล้วถอยไปยืนบนเส้นรอบวงของวงกลมตรงตำแหน่งที่ตรงกับมุมของสามเหลี่ยมมุมหนึ่ง ร่วมกับเพื่อนร่วมคลาส (อาชีพ/ความชำนาญ) ที่ยืนอยู่ก่อนแล้วห้าตน ทั้งหมดสบตากันแล้วก็เริ่มสวดคาถา อา! น่ามหัศจรรย์ยิ่ง เมื่อเวลาผ่านไปได้ชั่วหม้อน้ำเดือด ก็ปรากฏแสงสว่างเป็นลำวงกลมฉายขึ้นมาจากเส้นรอบวงของวงกลมอาคมบนพื้น แสงสว่างกลืนร่างของฮิโระเข้าไป แต่ในลำแสงสว่างนั้น สังเกตเห็นได้ว่า ฮิโระลุกขึ้นยืนอยู่กลางวงกลมทั้งที่ยังไร้สติอยู่ เวลาผ่านไปอีกสักครู่จอมขมังเวทย์ทั้งหกหยุดบริกรรมคาถา แต่ลำแสงสว่างที่เกิดบนวงกลมอาคมก็ยังคงอยู่พร้อมกับร่างของฮิโระที่ยืนนิ่งท่ามกลางความเงียบสงัดของห้องพิธีกรรมนั้น พลันสองในหกของจอมขมังเวทย์ก็อุทานขึ้นเบา ๆ ณ บริเวณแขนซ้ายของฮิโระซึ่งขาดเสมอศอก เริ่มปรากฏอะไรบางอย่างงอกออกมาจากปลายข้อศอกนั้น อะไรบางอย่างนั้นมีขนาดใหญ่และยาวขึ้นทุกที จนกระทั่งมันยาวได้เกือบถึงหัวเข่าของเด็กหญิง ปลายของมันก็แตกเป็นห้าแฉกและยืดยาวออกไประยะหนึ่งก็หยุด อะไรบางอย่าง นั้นเริ่มขยายขนาดอ้วนขึ้น จนสังเกตได้ว่ามันกำลังก่อตัวเป็นแขนท่อนล่างของฮิโระนั่นเอง ใช่แล้ว แขนใหม่ที่งอกออกมาแทนที่อวัยวะเดิมซึ่งถูกประทุษร้ายหายไป หากแต่ลักษณะของแขนท่อนล่างที่งอกขึ้นมาใหม่นี้เป็นแขนแห่งความน่าสะพรึงกลัวโดยแท้ ลำแขนอวบใหญ่กว่าแขนท่อนบนอย่างเห็นได้ชัดและเป็นสีขาวตัดกับสีเนื้อของเจ้าตัว มีความยาวจนถึงข้อมือในระดับเหนือเข่าเล็กน้อย ส่วนมือนั้นเล่ามีลักษณะใหญ่กว่าปกติเช่นกัน ส่วนของอุ้งมือเป็นหัวกระโหลกสีขาว บนหลังมือประดับไว้ด้วยรูสีดำสองรูอันแสดงถึงดวงตาของหัวกระโหลกนั้น ที่บริเวณส่วนกรามของหัวกระโหลก ปรากฏองคาพยพห้าสายยาวงอกออกมา ซึ่งคือนิ้วทั้งห้าที่ยาวเรียวและมีเล็บแหลมคมประดับไว้อย่างน่ากลัว ฮิโระ เสียงครางอย่างหดหู่ดังมาจากมุมห้อง ซึ่งบัดนี้ยืนไว้ด้วยร่างสามร่าง หนึ่งบุรุษและสองสตรี เจ้าของเสียงเมื่อครู่เป็นสตรีร่างสูงโปร่ง ท่าทางงามสง่าในชุดเสื้อกระโปรงยาวติดกันสีดำสนิท สองมือประคองถือเคียวด้ามยาวในลักษณะที่โอบด้ามเคียวนั้นไว้แนบอก เธอผู้นี้คือ พลานา ยมทูตแห่งความตายเจ้าของเคียว เกทออฟเฮฟเว่น และเป็นพี่สาวต่างมารดาของฮิโระนั่นเอง อย่างนี้ดีแล้วหรือคะ? สตรีอีกนางหนึ่งเอ่ยถามขึ้นลอย ๆ เธอคือมาเรีย มารดาแท้ ๆ ของเด็กน้อยผู้ประสบเคราะห์กรรมในครั้งนี้ บุรุษร่างใหญ่ หรือจาเนสบิดาของฮิโระกล่าวตอบเสียงต่ำ ๆ ว่า คงต้องให้เป็นไปในลักษณะนี้แหละ ตอนนี้เด็กแกเปลี่ยนความรู้สึกชั่วร้ายและความเกลียดชังของมนุษย์มาเป็นแขนซ้ายใหม่ไปแล้ว ที่เหลือก็คือ แกจะยังมีความรู้สึกของมนุษย์เหลืออยู่ในตัวหรือไม่ นั่นเป็นอีกปัญหาหนึ่ง เฮ้อ มาเรียถอนหายใจเบา ๆ ธิดาองค์โตของจาเนสเอื้อมมือมาบีบมือของสตรีซึ่งมีศักดิ์เป็นมารดาเลี้ยงอย่างปลอบใจ อย่างน้อย น้องฮิโระก็ยอมรับการกระตุ้นจากเวทย์มนต์ภายนอกนี่คะ ถ้าแกไม่ยอมสร้างแขนใหม่นี่สิน่าเป็นห่วง ... มาเรียยกมือของพลานาขึ้นมากุมไว้ แกฟื้นขึ้นมาคนที่รับบทหนักก็ไม่พ้นดิฉันสิค่ะนี่ คำพูดที่หล่อนละไว้ก็คือ หล่อนจะต้องตอบคำถามว่า หล่อนเป็นมนุษย์หรืออสูร และหากหล่อนเป็นมนุษย์แล้ว ทำไมเผ่าพันธุ์เดียวกันกับ คุณแม่ จึงได้ดุร้ายต่อลูกน้อยนักเล่า ฝากด้วยนะมาเรีย คงอีกเป็นสัปดาห์ กว่าแกจะฟื้นสติได้ใหม่ พลังเวทย์ในตัวแทบจะไม่มีเหลือเลยนี่ จาเนสพูด แล้วขยับตัวจะเดินจากไป ท่านพ่อ พลานาเรียกไว้ หืม? คนที่ช่วยฮิโระไว้...? อืมห์ คงไม่แคล้วเป็นเจ้านั่นแน่นอน และก็รู้สึกว่ามันกำลังจะเดินทางมาถึงแล้วล่ะ ??? พลานาตะลึงไปชั่วขณะ แล้วก็หลับตารวบรวมสมาธิอยู่อึดใจหนึ่งจึงลืมตาขึ้น ใช่แล้ว ความรู้สึกแบบนี้ ช่างเยือกเย็น แข็งกระด้างแล้วก็...เศร้าเหลือเกิน จาโด้เอ๋ย จาเนสมองหน้าพลานานิ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาแทบไม่ได้ยินว่า ข้าก็เสียใจเหลือเกิน- ในหลาย ๆ ความหมาย- ที่ให้กำเนิดมันมา ตบะแก่กล้าเหลือเกิน ยมทูตแห่งความตายพูดขึ้น แน่นอนหล่อนหมายถึง บุรุษนามจาโด้นั้นซึ่งที่จริงมีศักดิ์เป็นน้องชายของหล่อน จะให้ข้าช่วยอะไรไหมคะ? ไม่ต้อง จอมราชันย์อสูรปฏิเสธ ข้าคนเดียวก็พอ แต่... คงจะกินเวลาสักหน่อย เจ้าช่วยปกป้องปราสาทแห่งนี้ให้พ้นจากอานุภาพของเวทย์มนต์ที่เกิดจากการโรมรันของข้ากับมันก็แล้วกัน ขณะที่พูดคำว่า ปราสาทแห่งนี้ จาเนสอดไม่ได้ที่จะต้องเหลือบตามองไปที่ร่างน้อยที่อยู่กลางห้องนิดหนึ่ง ค่ะ การสนทนายุติเพียงเท่านั้น เมื่อ อะไร บางอย่างเข้ามาใกล้ปราสาทอสูรมากขึ้นจนกระทั่งแม้แต่มาเรียก็จับความรู้สึกของ ตบะ อันกล้าแข็งนั้นได้ หล่อนหน้าซีดมองหน้าจาเนสซึ่งเพียงแต่พยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนที่จะหันกายเดินออกจากห้องไปอย่างรีบเร่ง มาเรียมองตามร่างสามีไปจนลับตาก่อนที่จะหันสายตาไปที่ลูกน้อยอีกครั้งอย่างพะวักพะวน หล่อนตั้งใจว่า สิ่งที่หล่อนจะต้องทำตอนนี้ก็คือ คอยดูแลฮิโระให้ดีที่สุดโดยเฉพาะเมื่อยามที่ลูกน้อยได้สติขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง พลานาเองก็มองมาเรียอย่างเห็นใจก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปเพื่อปฏิบัติภารกิจของตนเช่นกัน นอกจากบุคคลผู้รอโอกาสอยู่เงียบ ๆ บุคคลหนึ่งแล้ว ไม่มีใครในเนฟเวอร์แลนด์จักสามารถหยั่งรู้ได้เลยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อมาเป็นสิ่งที่เหนือความคาดคิดของทุกคนและแม้แต่ จาเนส หรือ โคเรีย พระเจ้าแห่งเนฟเวอร์แลนด์เองก็สุดจะคาดการณ์ได้ว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะส่งผลต่อกงล้อประวัติศาสตร์ของเนฟเวอร์แลนด์และชะตากรรมของโลกนี้ในอนาคตในทิศทางใด ... ปีอสุรศักราชที่ 980 มาเรียหญิงสาวชาวมนุษย์ได้ให้กำเนิดบุตรีของจาเนส เด็กน้อยผู้นั้นได้รับการตั้งชื่อจากบิดาว่า ฮิโระ เวลาผ่านไป... ปีอสุรศักราชที่ 985 เดือนสองถึงเดือนสี่ เกิดมหาสงครามที่เรียกว่า ศึกธรรม-อสูร การดำเนินไปของมหาสงครามในครั้งนี้ และผลของสงครามเป็นไปดังได้กล่าวไปแล้วในข้างต้น ปีเดียวกันเดือนแปด องค์หญิงฮิโระซึ่งขณะนั้นวัยเพียงห้าปี ออกท่องเที่ยวเมืองมนุษย์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวของมนุษย์ แต่แล้วกลับประสบเหตุร้าย เสียแขนซ้ายท่อนล่างไป ฮิโระอาศัยพลังเวทย์ในกายบวกกับพลังเวทย์ที่ได้รับการกระตุ้นจากภายนอกสร้างเป็นแขนซ้ายขึ้นมาใหม่ แต่เนื่องจากแขนซ้ายนี้เกิดจากความเกลียดชังและความหวาดกลัวทั้งที่มนุษย์มีต่ออสูรและที่เด็กน้อยฮิโระมีต่อมนุษย์รวมถึงความเสียใจที่ต้องรับรู้ความเกลียดชังนั้นของฮิโระเองหรืออาการ ช็อก นั่นเอง ลักษณะของแขนใหม่ที่เกิดขึ้นจึงอัปลักษณ์วิปริตผิดลักษณะของแขนสิ่งมีชีวิตชั้นสูงโดยทั่วไปแม้แต่จะเทียบกับชาวอสูรด้วยกันเองก็ตาม นอกจากนี้ในเหตุการณ์เดียวกัน ยังมีเหตุการณ์ย่อยที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบังคับเวทย์ที่มีฤทธิ์เป็นไฟของฮิโระ อันหมายความว่า เด็กน้อยได้รับมรดกผ่านทางสายเลือดจากอัจฉริยภาพแห่งเพลิงบ๊ากรู้ทผู้เป็นปู่ของมารดาอย่างเต็มที่ เดือนเดียวกัน จาเนสได้ประทะกับจาโด้บุตรชายคนเดียวของตนเองผู้เกลียดชังผู้ให้กำเนิดและสิ่งที่เกลียดชังมากขึ้นไปอีกคือ น้องสาวต่างมารดาของตนอันถือกำเนิดจากมารดาที่เป็นมนุษย์ การสู้รบระหว่างจาเนสกับจาโด้ดำเนินไปถึงร้อยวัน อันประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ว่าเป็น ศึกสายเลือดร้อยวัน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ศึกร้อยวัน และในที่สุดจาเนสสามารถลงยันต์สะกดร่างและดวงวิญญานของจาโด้ไว้ใต้ผืนปฐพีเนฟเวอร์แลนด์ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ศึกร้อยวันได้นำความเสียหายอันใหญ่หลวงและประเมินค่ามิได้มาสู่นีโอกลาด...และเนฟเวอร์แลนด์ด้วย ลูกหลงจากการประทะกันของสองผู้ทรงพลานุภาพได้สร้างความเสียหายทางกายภาพแก่นีโอกลาดโดยที่พลานาได้พยายามป้องกันให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด แต่นั่นมิใช่เรื่องใหญ่เลย เมื่อเทียบกับความจริงที่ปรากฏขึ้นภายหลังจบศึกร้อยวันว่า ในระหว่างที่เกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้น มาเรียมารดาแท้ ๆ ของฮิโระถูก ใคร บางคนลักพาตัวหายสาบสูญไปจากนีโอกลาดอย่างไร้ร่องรอย! และฮิโระซึ่งฟื้นขึ้นระหว่างศึกร้อยวันกลายเป็นเด็กที่เงียบไม่ยอมพูดจาไปพักใหญ่ ก่อนที่จะเริ่มสนทนาได้บ้าง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ เด็กน้อยไม่ช่างเจรจาเหมือนเดิม และไม่เคยเอ่ยปากถึงมารดาของตัวเองอีกเลยเสมือนหนึ่งไม่เคยมีมารดามาก่อน! ไม่มีใคร-นอกจากพลานาที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับจาเนสเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่ครั้งยังอยู่บนสวรรค์- ที่จะรับรู้ถึงความทุกข์และผิดหวังอันใหญ่หลวงในหัวอกของจอมราชันย์อสูร สิ่งต่าง ๆ ที่ท่านได้วางแผนและคาดหวังเอาไว้บัดนี้ดูเหมือนจะบิดเบือนห่างไกลจากความเป็นจริงเข้าไปทุกขณะ! อย่างไรก็ตาม นี่เป็นปีที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากที่สุดปีหนึ่งในประวัติศาสตร์เนฟเวอร์แลนด์ |