มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

บทนำ 3

วาระสุดท้ายจอมราชันย์ (3)

ณ ทางเดินในปราสาทชั้นใน ฮิโระกำลังเดินอย่างรีบเร่ง แต่แล้วก็หยุดชะงักลงกระแทกตั้งปลายด้ามเคียวเกทออฟเฮฟเว่นลงกับพื้นข้างตัว กวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณตรงหน้า

บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด ไม่มีสิ่งบอกเหตุใด ๆ ถึงสิ่งแปลกปลอม แต่ในที่สุดฮิโระก็เอ่ยขึ้นว่า

“ปรากฏตัวออกมาเถิด มนุษย์ทั้งสาม”

“...” ปลายสายตาของธิดาเจ้าของปราสาทเพ่งมองที่กำแพงด้านหนึ่งของปราสาท

เวลาผ่านไปอีกเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วกำแพงนั้นก็ลอกตัวออก เผยให้เห็นร่างของมนุษย์สามคนที่ซ่อนอยู่

“ฮึ่ม รู้ตัวจนได้หรือ” ชายหนุ่มหนึ่งในสองคนบ่นเสียงดัง เขาแต่งกายในชุดนินจารัดกุม ส่วนชายอีกคนหนึ่งซึ่งสะพายดาบไว้สองเล่มที่กลางหลังยืนมองเด็กสาวชาวอสูรที่อยู่ตรงหน้านิ่งอยู่ เช่นเดียวกับหญิงสาวในชุดนักบวชที่ตะลึงมองแขนซ้ายของเจ้าของสถานที่

“พวกเจ้าเป็นใคร? มาทำอะไรที่นี่” ฮิโระยกเกทออฟเฮฟเว่นขึ้นชี้ไปทางผู้บุกรุกทั้งสามด้วยแขนซ้ายอันอัปลักษณ์ของเธอ ดวงตาของหัวกระโหลกซึ่งเป็นส่วนของอุ้งมือซ้ายเปล่งแสงสีแดงวูบขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว

“เอาไงดี คริส” ชายหนุ่มในชุดนักดาบเลื่อนมือไปแตะด้ามดาบหนึ่งในสองเล่มที่เขาสะพายไว้ด้านหลัง

นินจาหรือคริสไม่ตอบคำถามของเพื่อนร่วมทีม แต่พูดขึ้นกับฮิโระโดยตรงว่า

“เจ้าคือฮิโระสินะ พวกข้าไม่มีธุระกับเจ้า หลีกทางไปซะ”

“เฮอะ ตัวอาศัยฐานะอะไรมาสั่งเรา อ๋อ เข้าใจล่ะ พวกเจ้าก็เป็นพวกมนุษย์ที่อยากแสวงหาชื่อเสียงเกียรติยศทางลัดด้วยการมาท้าต่อกรกับพ่อข้าใช่ไหมล่ะ”

ในประวัติศาสตร์เนฟเวอร์แลนด์ มีมนุษย์หลายต่อหลายคนนักที่หาญเข้าท้าสู้กับจาเนส พวกเขาทุกคนล้วนได้รับสมญานามว่า “ผู้กล้า” หากแต่ส่วนมากเป็นสมญาที่ได้รับหลังจากสิ้นชีวิตไปแล้วภายใต้น้ำมือของจอมราชันย์อสูร

“ไม่ใช่” นินจาสวนคำกลับมา “พวกข้าไม่ได้ต้องการชื่อเสียงเกียรติยศใด ๆ ทั้งนั้น พวกข้าเพียงแต่ทำสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น หากเจ้าไม่หลีกไป ข้า คริส หัวหน้านินจาแห่งทัพอิปซิลอยเออร์ขอเป็นคู่มือเจ้าเอง”

“ฮึ เข้ามาทั้งสามคนนั่นแหละ อย่าอวดตัวเป็นผู้เสียสละเปิดทางให้เพื่อนหน่อยเลย” ฮิโระพูดแดกดัน

นักดาบหรือซิฟอนเดือดดาลขึ้นทันทีกระชากดาบออกจากกลางหลังแล้วทำท่าจะถลันเข้ามา แต่นักบวชสาวหรือรันเจรีบยุดเขาไว้

“ซิฟอน ใจเย็น ตรงนี้ให้คริสจัดการเถอะ”

“แต่...”

ไม่ทันที่ซิฟอนโต้แย้งประการใด คริสก็ชิงลงมือก่อน ดาวกระจายอันเป็นอาวุธลับของนินจาหลายสิบอันพุ่งเข้าใส่ฮิโระ ซึ่งเพียงแต่โบกด้ามเคียวครั้งเดียวก็ปัดอาวุธเหล่านั้นกระเด็นไปทางด้านข้าง หากแต่เมื่อมองไปที่สามผู้บุกรุก ก็พบว่าร่างของคริสหายไปเสียแล้ว ส่วนจะหายไปไหนนั้นคำตอบตามมาทันที

“...”

เสียงแหวกอากาศของคมดาบดังกระทบโสตประสาทของฮิโระ เธอฉากตัวหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว คริสนั่นเองที่บุกเข้าโจมตีเธอจากด้านหลัง

“ซิฟอน รันเจ รีบไป!” คริสตะโกนบอกเพื่อนร่วมงานโดยไม่หันไปมอง

ฮิโระทำเสียงในลำคออย่างขัดใจ เหลือบสายตาไปทางมนุษย์อีกสองคน แต่แล้วปลายดาบในมือคริสก็ถูกแทงเข้ามาอย่างมุ่งร้าย จนเธอต้องยกเคียวขึ้นกันไว้

“จะมองไปไหน องค์หญิงอสูร คู่มือของเจ้าอยู่นี่”

“หลีกไป เราไม่ให้พวกเจ้าเข้าใกล้ท่านพ่อเด็ดขาด!”

“ก็ลองดูสิ”

ทั้งสองประทะอาวุธกันอย่างดุเดือด ความรวดเร็วว่องไวของทั้งสองฝ่ายไม่เป็นรองกันเลย เสียงเคร้งคร้างของโลหะกระทบกันดังเป็นระยะ ๆ ได้สักพักหนึ่ง ร่างทั้งสองก็ผละออกจากกันเพื่อมองหาจังหวะใหม่

“ระเบิดเพลิงอสูร!” ขาดคำร่ายมนต์ของเด็กสาว รอบ ๆ ตัวคริสก็บังเกิดดวงไฟสว่างวูบขึ้นนับสิบดวง ดวงไฟเหล่านั้นมีขนาดโตขึ้นจนเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้วก็ระเบิดออกพร้อมกับความร้อนอันแสนสาหัส ร่างของคริสดูเหมือนจะถูกกลืนหายไปท่ามกลางระเบิดเพลิงเหล่านั้น แต่แล้วเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอันตรธานหายไป ฮิโระก็พบว่า บนพื้นที่เป็นตำแหน่งที่เดิมคริสยืนอยู่ คงเหลือแต่เศษเถ้าถ่านและเหล็กหลอมเหลวซึ่งเดิมเป็นดาบของคริสเท่านั้น

“เกือบไปแล้ว”

คริสปรากฏตัวขึ้นที่ตำแหน่งห่างออกไปอีกสี่เมตรทางด้านซ้ายของฮิโระ เนื้อตัวมอมแมมและมีบางส่วนถูกไฟลวก แต่อย่างไรก็ตาม เขาหนีพ้นจากอานุภาพระเบิดเพลิงได้หวุดหวิดทีเดียว

“นินจุทสึบุนชิน!!! (กลยุทธนินจาแยกร่าง)”

คริสใช้กลยุทธนินจาของตนบ้าง

นินจานั้นนอกจากจะใช้อาวุธต่าง ๆ เช่น ดาบ, เล็บเหยี่ยว (อาวุธติดที่หลังมือมีลักษณะเป็นใบมีดยาวปลายโค้ง) และอาวุธลับต่าง ๆ เช่น ดาวกระจาย, มีดสั้นแล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า “กลยุทธนินจา” อีก อันเปรียบได้กับเวทย์มนต์คาถานั่นเอง

ร่างของคริสวิ่งตรงเข้าหาฮิโระ พร้อมกับกวัดแกว่งมือทั้งสองซึ่งบัดนี้ติดไว้ด้วยเล็บเหยี่ยวอันแหลมคม ฮิโระตั้งท่าเตรียมรับมือแต่แล้วในพริบตานั้นเองร่างของคริสก็แยกเป็นสองร่าง และพริบตาต่อมาก็แยกเป็นสี่ร่างและแปดร่างตามลำดับ

“ฮึ ของเด็กเล่นแค่นี้!” ฮิโระแค่นหัวเราะก่อนจะกวัดแกว่งเกทออฟเฮฟเว่นใส่ร่างทั้งแปดของคริส

“เคร้ง ๆ ๆ ๆ” “???”

เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นทุกครั้งที่คมเคียวประทะกับใบมีดของเล็บเหยี่ยวที่มือของคริสทุก ๆ ร่าง ฮิโระสปริงตัวถอยฉากออกมาด้านหลังอย่างร้อนรนเมื่อพบว่าตัวเองคาดการณ์ผิด

ร่างทั้งแปดของนินจารายล้อมอยู่ด้านหน้าฮิโระเป็นรูปครึ่งวงกลมหนึ่งในแปดร่างนั้นพูดขึ้นว่า

“ของเด็กเล่นหรือ ดูถูกกันไปละมัง”

คราวนี้เสียงดังจากร่างที่ยืนตั้งท่าอยู่ทางซ้ายบ้าง “คิดว่าเจ็ดในแปดของพวกเราเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้นละสิ”

อีกร่างหนึ่งเสริมขึ้นว่า “ทุกร่างนี่เป็นร่างจริงของข้าทั้งหมด”

“เจ้าไม่มีทางรับมือข้าได้หรอก” อีกเสียงหนึ่ง

ใช่ กลยุทธแยกร่างที่ฮิโระเคยพบมาเป็นการสร้างภาพลวงขึ้นเท่านั้น เมื่อกวัดแกว่งอาวุธใส่ร่างลวงนั้นเปรียบเสมือนกับอากาศธาตุไม่มีตัวตนอยู่จริงทำให้ทราบได้ว่าเป็นร่างลวง แต่กลยุทธแยกร่างของคริสต่างออกไปคือ ทุกร่างมีปฏิกิริยาโต้ตอบได้ทั้งหมด เสมือนกับเธอกำลังเผชิญคู่ต่อสู้จริง ๆ ถึงแปดคนพร้อมกันทีเดียว

“ฮึ ฮึ” เด็กสาวหัวเราะอย่างสบอารมณ์เมื่อคิดถึงตรงนี้ “ถ้าพวกเจ้าเป็นร่างจริงทั้งหมด ก็คิดซะว่าเรากำลังสู้กับนินจาแปดคนพร้อมกันก็หมดเรื่อง ก็เท่านั้นเองจริงไหม”

“หนอย ดูถูก!”

ร่างทั้งแปดของคริสโผพุ่งเข้ามาอีกอย่างเดือดดาล ฮิโระเปลี่ยนเคียวมาถือด้วยมือขวาข้างเดียวขณะที่หันตัวเข้ารับมือกับร่างของคริสที่กำลังเข้ามาทางขวา มือซ้ายของเธอยื่นออกไปแนวเฉียง และปล่อยเปลวไฟพวยพุ่งเข้าใส่ศัตรูที่อยู่ด้านนั้น

ห้าในแปดของคริสชะงักไป ฮิโระกวัดแกว่งเกทออฟเฮฟเว่นใส่ร่างของคริสที่เหลืออีกสามคน หนึ่งในสามนั้นถูกคมเคียวเข้าที่ต้นแขนขวา

“อุ...”

ทั้งสองฝ่ายผละออกจากกันอีกครั้งหนึ่ง ฮิโระยิ้มเยาะมองร่างที่รับบาดเจ็บของฝ่ายตรงข้าม แต่แล้วรอยยิ้มก็หายไปเมื่อพบว่า อีกเจ็ดร่างของคริสเป็นปกติดี

“คิดว่าการบาดเจ็บของพวกข้าจะกระเทือนถึงกันด้วยอย่างนั้นหรือ?” คริสคนหนึ่งพูดแทงใจดำของเธอ

“ช่วยไม่ได้ ถ้างั้นเราก็จะจัดการพวกเจ้าให้หมดทั้งแปดเลยละกัน” เด็กสาวตอบอย่างถือดี

“นินจุทสึอิมเปอิ!” คริสทั้งแปดร่ายมนต์ใช้กลยุทธนินจาอีก คราวนี้ร่างทั้งแปดค่อย ๆ เลือนหายไปกับพื้นและกำแพงที่อยู่ใกล้ตัว

“?” ฮิโระงง กัดฟันพูดว่า “ลูกเล่นมากจริงนะ”

หากแต่เธอรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่เริ่มไหลซึมของเธอเองด้วยความเครียดที่พบกับคู่มือที่น่าสะพรึงกลัวนี้

“...”

เสียงเบาแทบจะไม่ได้ยินของคมมีดที่แหวกอากาศเข้าหาตนเองทำให้ฮิโระต้องดีดตัวหลบจากที่ที่ยืนอยู่ สัญชาตญานแท้ ๆ ที่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากอาวุธร้ายได้ แต่... การโจมตีครั้งใหม่ก็รอเธออยู่แล้ว ทันทีเท้าสัมผัสพื้น เธอก็รู้ได้ถึงภยันตรายที่แผ้วกรายมาจากเบื้องล่าง และรีบตวัดด้ามเคียวเข้ากันไว้ทันที

“เคร้ง”

เสียงกระทบกันของอาวุธที่มองไม่เห็นกับด้ามเคียวดังขึ้น ฮิโระตวัดเท้าเตะไปที่ตำแหน่งเลียดพื้นด้านซ้าย

“พลั่ก” “?”

ร่างของ “ใครบางคน” กระเด็นไปตามแรงเตะ ในขณะที่ผู้เตะไม่มีเวลาดูผลงานของตัว ยกด้ามเกทออฟเฮฟเว่นชูขึ้นเหนือศีรษะด้วยแขนทั้งสองเมื่อป้องกันตนเองจากดาบที่มองไม่เห็นที่ฟันลงจากเบื้องบน จากนั้นก็กระโดดม้วนตัวเฉียงๆ ออกไปด้านหน้าทางซ้ายพลางร่ายมนต์ไปด้วย

“ระเบิดเพลิงอสูร!”

“บูม ๆ ๆ ๆ”

ดวงไฟระเบิดขึ้นถี่ยิบด้านหลังของฮิโระ ในขณะที่เจ้าตัวกระโดดม้วนตัวกลับหลังหันไปยืน ณ ตำแหน่งห่างออกไปอีกสี่เมตร สัญชาตญานในการต่อสู้แท้ ๆ ที่ทำให้เธอรับมือกับศัตรูเยี่ยมยุทธได้ถึงขนาดนี้

เปลวไฟสงบลง ร่างของคริสปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งคราวนี้เหลือเพียงร่างเดียว

“ร้ายกาจจริง เจ้าหญิงฮิโระแห่งราชวงศ์อสูร”

คริสจ้องเธออย่างแค้นเคืองพลางกัดฟันพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาประเมินเด็กสาวผู้นี้ต่ำเกินไปจริง ๆ และความจริงก็คือ เขาไม่เหลือกลยุทธไม้ตายระดับสูงกว่านี้อีกแล้ว

“รู้ตัวแล้วสินะ เจ้าคนหลงตัวเอง ไสหัวไปซะ มิฉะนะ...!!!?”

ฮิโระพูดยังไม่จบประโยคก็ต้องชะงักไป หันหน้าไปทางทิศของท้องพระโรงที่ตนเพิ่งแยกจากบิดามาเมื่อสักครู่ สีหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยความตกใจ จนทำให้คริสประหลาดใจไปด้วยแต่อึดใจถัดมาเขาก็เข้าใจสถานการณ์เมื่อตัวเขาเองก็รับรู้ได้ถึงพลังตบะอันกล้าแข็งที่ส่งผ่านบรรยากาศรอบข้างอย่างหนาแน่นขึ้นทุกขณะจนเขาเองแม้มีพลังเวทย์ต่ำก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงการดำรงอยู่ของมัน

“ท่านพ่อ!” ฮิโระอุทาน “ทำไมต้องเร่งพลังถึงขนาดนี้ด้วย ศัตรูร้ายกาจมากเชียวหรือ?”

อึดใจถัดมาเด็กสาวก็รู้คำตอบ เมื่อมีพลังอีกขุมหนึ่งที่ถ่ายทอดความกดดันผ่านบรรยากาศมาจนถึงที่ที่เธอยืนอยู่ พลังขุมใหม่นี้ร้อนแรง ทรงอานุภาพไม่แพ้พลังเวทย์ของบิดาเธอเลย พลังทั้งสองฝ่ายต่างเร่งเร้าตบะของตนจนแข็งกล้าขึ้นปราสาทนีโอกลาดเริ่มสั่นสะเทือนทีละน้อยจนแรงขึ้นตามลำดับ ก่อนที่ทั้งฮิโระและคริสที่ยืนตะลึงอยู่ ณ ที่นั้นจะตัดสินใจทำอะไรต่อไป ทั้งคู่ก็รู้สึกได้ถึงการระเบิดออกของพลังทรงอานุภาพทั้งสองนั้นเข้าหากัน

“ท่านพ่อ!” “ซิฟอน!”

เด็กสาวและชายหนุ่มอุทานขึ้นพร้อมกัน ฝ่ายแรกด้วยเสียงแหลมดังอย่างตื่นตระหนก ขณะที่ฝ่ายหลังเป็นเพียงเสียงพึมพำในลำคอ

ฮิโระออกวิ่งตรงไปยังท้องพระโรงโดยมีคริสวิ่งตามไปไม่ห่างนัก ความรู้สึกของทั้งสองในตอนนี้มุ่งมั่นไปที่บุคคลที่ตนรู้จักดีเสียแล้ว ไม่มีแก่จิตแก่ใจจะระวังหรือทำร้ายซึ่งกันและกันอีก

...


back index next
1