เหตุเริ่มจากวันนี้เอง ใครเลยจักหยั่งรู้ได้ว่า งานแต่งงานของเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน จะเป็นต้นตอของความบลูทั้งหลายทั้งมวลที่ถาถมเข้ามาในช่วงเดือนที่ผ่านมา เพื่อนคนนั้นเชิญเธอคนนั้น....ผู้หญิงในดวงใจของผม-คนแรกและคนเดียวจนบัดนี้-มาในงานด้วย ผมตกอยู่ในอาการ "ช็อก" ทันทีที่เห็นร่างน้อย ๆ ของเธอย่างก้าวผ่านประตูห้องจัดเลี้ยงเข้ามา 'เฮ้ย เจ้าโอ (เจ้าบ่าวในวันนั้น-ซึ่งคือเพื่อนร่วมรุ่นผมเอง) เชิญยัยอีฟมาได้ไงฟะเนี่ย' ผมได้แต่นึกในใจเช่นนั้น รู้ตัวอีกที อีฟ-ซึ่งยังคงความน่ารักเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลย แม้ว่าเธอจะอายุเท่าผมก็ตาม-นั่นคือ ปีหน้าก็จะสามสิบแล้ว-ตรงลิ่วเข้ามาทักทายพวกเราในโต๊ะ ซึ่งเป็นพวกรุ่นเดียวกันทั้งนั้นอย่างดีอกดีใจ ตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน...นานจริง ๆ นับเก้าปีได้แล้วนับจากพวกเราสำเร็จการศึกษาจากสถาบันแห่งนั้น...และนับจากเหตุการณ์นั้นด้วย "อ้าว วัน หวัดดีจ้า" และแล้วเธอก็เห็นผมจนได้
เธอร้องทักทายมาพลางยิ้มตามแบบฉบับที่กระชากหัวใจทั้งดวงของผมให้ไปกองแทบเท้าเธอ เมื่อวันที่เราพบกันครั้งแรกเมื่อสิบสองปีก่อนนั่นเอง ที่ชมรมแห่งหนึ่งของส่วนกลางอันเป็นที่ที่นิสิตต่างคณะได้มีโอกาสมาเจอกัน รวมทั้งผม-ตาวันจากวิศวะ และเธอ-จากอักษร หลังจากนั้นเธอแยกตัวไปนั่งในกลุ่มเพื่อนผู้หญิงของพวกเรา-ซึ่งล้วนแล้วแต่ "ขายออก" กันเรียบร้อยหมดแล้วเหลือแต่ยัยอีฟนี่แหละ ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ผู้ชายทั้งโลก-อย่างน้อยก็คนที่ทำงานเดียวกับเธอ-ตาบอดหมดแล้วหรือไง จึงไม่มีใครอาจหาญเข้าไปพิชิตดวงใจดวงน้อยคนนี้เสียที
ภาพความหลังผุดขึ้นในห้วงภวังค์ของผม วันที่ผมตัดสินใจบอกความในใจให้เธอได้รับรู้ ในวันสุดท้ายที่เราจะได้พบกันที่มหาวิทยาลัย-ในฐานะนิสิตทั้งคู่ "เพื่อนที่ดีที่สุดเหรอ...เหอะ ฮะ ๆ ๆ" จำได้ว่าผมหัวเราะอย่างขมขื่น เพื่อนเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ได้ "รับเกียรติ" จากเด็กเรียนอย่างผม ให้ไปนั่งกินเหล้าด้วยกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ มหาวิทยาลัย ในอีกสามสี่วันถัดจากเกิิดเหตุการณ์นั้นขึ้น...แต่นั่นก็เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมเคยปริปากเล่าเรื่องนี้ให้กับคนที่สามฟัง และก็มีน้อยคนนักจักรู้ระแคะระคายว่า ทันทีที่บรรจุเข้าทำงาน และมีทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศ ญ. ลอยมา ทำไมผมจึงคว้ามันทันที ทั้งที่เดิมไม่เคยคิดว่าจะไปประเทศ ญ. เลย อยากไปเยอรมันมากกว่า สาเหตุก็เพราะช่วงนั้นผมต้องการหนีจากเมืองไทยให้เร็วที่สุดนั่นเอง....เพราะอะไรคงไม่ต้องบอก วันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนไปรวดเร็วดุจสายลมพัดผ่าน ในที่สุดผมก็โคจรมาพบกับเธออีก หัวใจของผมหลุดหายจากร่างออกไปท่องเที่ยวอีกครั้งหนึ่ง อา....ผมจะทำเช่นไรดีหนอ จะลองจีบเธอดูอีกสักครั้งไหม? ไม่ได้ประเมินตัวเองต่ำต้อยนักหรอกนะ แต่รู้เลยว่าโอกาสที่จะอกหักซ้ำสองกับคนคนเดียวมีสูงมาก ได้กลายเป็นตัวตลก คนไร้ความสามารถ คนไม่เอาไหน ก็คราวนี้แหละ หรือจะปล่อยเลยตามเลยดี? อย่างน้อย ไม่สมหวังในรักแต่ก็ไม่เสียเพื่อนที่มองว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนนี้ไป .... ผมควรทำอย่างไรดี? |