นิยายแฟนตาซีแบบไทย

ศึกหกภพ

โดย เชษฐา

บทที่ 1 หมู่บ้านนิษาท
(3)


เมื่อไปถึงกระท่อมบ้านไอ้น้อย เห็นข้าวของเกลื่อนกลาด “ไอ้น้อย!” สนตะโกน
“ไอ้น้อย! เอ็งเป็นอะไรหรือเปล่าวะ”
“นี่เกิดอะไรขึ้นนี่” ไอ้เยื้องที่พึ่งวิ่งตามมาถึงกล่าวพลางหอบ
สนเห็นร่างๆหนึ่งนอนอยู่ในเงาเรือนรางทำให้ใจชื้นขึ้นเป็นกอง
“ไอ้น้อยนั่นเอ็งใช่ไหม?” เขาวิ่งไปดู ใช่แล้ว ร่างนั้นคือไอ้น้อย

...แต่เป็นไอ้น้อยที่ถูกฉีกพุงล้วงกินเครื่องในจนหมดสิ้น
เลือดสดๆไหลท่วมบริเวณ!

“ไอ้น้อย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” สนเข้าไปกอดศพเพื่อนร้องไห้
ไอ้น้อยตายแล้ว
เขาเป็นคนมีเพื่อนไม่มากแต่เพื่อนที่ดีที่สุดของเขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว

ทำไม ทำไมคนดีอย่างมันถึงต้องตาย

ไอ้เยื้องยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก
รอจนสนร้องไห้ฟูมฟายจนอารมณ์คลายลงระดับหนึ่งเขาจึงค่อยๆคิดพิจารณาสภาพการณ์
หลังจากฆ่าไอ้เขียวแล้วสัตว์ประหลาดนั่นคงตรงมาฆ่าไอ้น้อยต่อ
ขาซ้ายของไอ้น้อยที่หลุดด้วนเสมอโคนก็คงถูกมันฉีกไปกินด้วย
ความเสียใจของสนเปลี่ยนเป็นความแค้น
มือไอ้น้อยถือมีดพร้าอยู่เล่มหนึ่งคงใช้สู้กับไอ้สัตว์นั่นก่อนตาย เอาซิวะ
ข้าจะแก้แค้นให้เอ็งเอง

สนหยิบมีดของไอ้น้อยขึ้นวิ่งตามรอยสัตว์ประหลาดที่เห็นชัดว่าทะลุออกทางประตูหลังบ้านไป
ไอ้น้อยนั้นทำอาชีพชำแหละสัตว์อันสกปรกบ้านของเขาจึงอยู่ห่างจากบ้านอื่นๆดังนั้นแม้เกิดเสียงดังแค่ไหนจึงไม่ก้องพอจะปลุกใครให้ตื่นขึ้นมาได้
บริเวณนั้นจึงมีเพียงสนกับไอ้เยื้องแค่สองคนเท่านั้นและจะว่าไปนี่ก็เป็นบริเวณที่เหมาะสมสำหรับการล่าเหยื่อที่สุด
สัตว์ประหลาดมันคงมีสติปัญญาพอตัว และหากเป็นอย่างที่สนคิด...

“ช้าๆหน่อยไอ้สน เรียกชาวบ้านคนอื่นก่อน”
ไอ้เยื้องพยายามร้องเรียกแต่ความโกรธแค้นบดบังไม่ให้สนได้ยินอะไรทั้งสิ้น
ไอ้เยื้องไม่กล้าอยู่ตรงนั้นคนเดียวต้องวิ่งตามสนต่อไปอีกใจภาวนาให้สนตามรอยผิด
ให้ไม่มีสัตว์ประหลาดใดๆโผล่มาและให้คืนนี้พวกเขาสามารถกลับไปนอนที่หมู่บ้านได้อย่างราบรื่น
มีวันใหม่อันสุขสงบดังที่แล้วมา

เสียดายที่ไอ้เยื้องไม่รู้อนาคต
หากมันรู้มันจะไม่ตามสนไปเด็ดขาดเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจะทำให้ชีวิตของมันทั้งสองเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล


พวกสนเดินทางออกจากหมู่บ้าน ผ่านแม่น้ำ ผ่านแนวต้นไม้
จนไปถึงบริเวณที่เป็นป่าช้าร่องรอยที่ตามแกะมาก็หายไปเฉยๆเหมือนถูกแกล้งลบ
น่าประหลาดที่เวลานั้นกลิ่นศพในป่าช้าเหม็นคลุ้งเป็นพิเศษ
ไอ้เยื้องใจไม่ดีจับแขนสนไว้พลางกล่าวตัวสั่น “ที่นี่น่ากลัวเรากลับกันเถอะ”
สนค่อยรู้สึกว่าตนไม่ควรทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย
ขณะกำลังลังเลว่าจะกลับดีหรือไม่
เสียงๆหนึ่งก็ดังแหลมเข้ามาในโสตประสาทของเขา

กรุบๆ กรุบๆ กรุบๆ

เสียงของแข็งกระทบกันเหมือนเสียงเคี้ยว ใช่ เสี้ยงเคี้ยวแน่ๆ
สนรีบมองไปตามเสียง
เงาดำทะมึนร่างหนึ่งนั่งอยู่บนโขดหินส่วนหัวก้มลงและสั่นไหวหยึบหยับ
เมื่อลองจ่อไฟไปข้างหน้าเพื่อดูให้ชัดขึ้นแล้วภาพที่ปรากฏคือชายฉกรรจ์ร่างใหญ่กำลังกัดกินอะไรบางอย่างอยู่ด้วยความหิวโหย


สนจำชายคนนั้นได้ทันที ผ่าสิ! มันคือไอ้คนยักษ์ที่มากับขอทานบ้านั่นเอง
และถ้าดูดีๆอะไรบางอย่างที่มันกำลังกินก็คือเนื้อน่องของมนุษย์!

ไอ้สัตว์!!!!!!!!

ทำไมเราไม่สงสัยมันแต่แรก
มันอาศัยความใจดีของไอ้น้อยมาขออยู่บ้านเพื่อหาโอกาสจับไอ้น้อยกิน!!!

สนเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเสือสมิงที่สามารถแปลงร่างเป็นคนเพื่อออกล่าเหยื่อได้
ความโกรธความแค้นเดือดระอุถึงขีดสุด
เขาพุ่งมีดเข้าไปแทงมารร้ายตนนั้นอย่างบ้าคลั่ง

ชายร่างใหญ่เห็นสนแล้วแต่ยังอยู่ในอาการสงบนิ่ง
ตราบจนสนถาโถมเข้ามาระยะหนึ่งเขาจึงทิ้งเนื้อที่กินแล้วยกไม้พลองข้างทิ่มสวนไป


เสียงสวบเมื่อไม้พลองพุ่งตัดอากาศข้างๆตัวสนไปอย่างฉิวเฉียด
การทิ่มครั้งนั้นพลาดเป้า
สนเสือกเข้าถึงวงในจวนเจียนจะปาดคอได้อยู่รอมร่อแล้ว
แต่ชายร่างใหญ่กลับใช้มืออีกข้างรั้งมีดของเขาเอาไว้ทัน
ความมั่นคงของแรงนั้นทำให้สนค่อยสำนึกว่าความเหลื่อมล้ำของฝีมือระหว่างตนกับฝ่ายตรงข้ามนั้นมีมากเพียงใด


“ดู” ชายร่างใหญ่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
นี่เป็นคำแรกที่นิษาทหนุ่มได้ยินจากปากของเขาและพบว่าเสียงนั้นแฝงพลังอำนาจอย่างหนึ่งซึ่งชักนำให้คนที่ได้ยินต้องนอบน้อมยอมตาม
มันไม่เหมือนเสียงขู่ จะว่าไปก็คล้ายเสียงของพ่อเทิด

สนอดเหลียวกลับไปมองไม่ได้ เบื้องหลังปรากฏร่างสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
มันมีส่วนตัวเป็นของคนธรรมดาชัดๆแต่หัวนั้นกลับเป็นหัวช้างและส่วนเอวตลอดปลายเท้าเป็นตีนของเสือโคร่ง

ร่างพิลึกพิสดารอันคล้ายเกิดจากใครแกล้งผ่าชิ้นส่วนของสัตว์ต่างๆนำมาเย็บเข้าด้วยกันแล้วเสกให้มีชีวิตนี้กำลังยืนตัวแข็งทื่อไม่ไหวติง
หากสังเกตดูจะพบว่าคอหอยของมันพึ่งถูกไม้พลองเสียบจนทะลุสิ้นชีวิตเสียแล้ว
ที่แท้ชายร่างใหญ่ทิ่มไม้เมื่อครู่ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อฆ่าเขาแต่เป็นเพื่อช่วยชีวิตเขา

“ทำไม...?” สนเข่าอ่อน เหตุการณ์เหล่านี้เขาจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆ
ชายร่างใหญ่ไม่ตอบเพียงมองศพสัตว์ประหลาดด้วยแววตาที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยจากนั้นจึงลุกขึ้นทำท่าจะเดินจากไป
สนย้ำอีกครั้ง “เดี๋ยวก่อน! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ...ได้โปรดเถอะ...
พวกของข้า... เพื่อนข้าตายไปหลายคนแล้ว ข้ามีสิทธิที่จะรู้เรื่องนี้”


เมื่อเห็นชายร่างใหญ่ไม่มีทีท่าสนใจจริงๆสนจึงร้องเป็นคำขาด
“ไม่ว่าอย่างไรนี่เป็นเขตหมู่บ้านของข้า
หากท่านไม่อธิบายเรื่องสัตว์ประหลาดและเนื้อมนุษย์ที่ท่านรับประทานเมื่อครู่
ข้าจะถือว่าท่านเป็นคนทำร้ายพวกพ้องของข้าและจะจองเวรท่านตราบสิ้นชาติภพ!”

คราวนี้คำพูดอันรุนแรงของสนทำให้ชายร่างใหญ่นิ่งอยู่ครู่หนึ่งเขากล่าวช้าๆว่า
“เจ้าจะต้องรู้ให้ได้จริงๆ?”
“ข้าต้องรู้ให้ได้ ต่อให้แลกด้วยชีวิตข้าก็ต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้!”
“หากมันจะทำให้เจ้าไม่อาจกลับมาเป็นอย่างเดิมได้อีกล่ะ?”
“...!”

ไอ้เยื้องซึ่งหลบอยู่หลังต้นไม้ตลอดจนบัดนี้จึงค่อยรวบรวมความกล้าออกมา
“ข้า... ข้าว่าเรารีบกลับกันเถอะสน อย่าตอแยเรื่องให้ยุ่งยากเลย”

แต่สนยังจ้องมองคนต่างถิ่นด้วยแววตาจริงจัง
ชายร่างใหญ่ถอนหายใจกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“อืม ก็ได้...” ...........................(อ่านต่อ)

หมายเหตุ


หัวคน ตัวช้าง ขาเสือ
ตัวนี้เปิดในสมุดสัตว์หิมพานต์มีชื่อว่า
"วยาฆรบาท" ครับ (ถ้าอ่านยากแปลง่ายๆว่าพวกตีนเสือ)

เกิดจากผมต้องการหาตัวอะไรดุๆที่มันคล้ายๆคน
ตอนแรกกะจะเอานรสิงห์(ครึ่งคนครึ่งสิงห์)
แต่มีเหตุผลบางประการที่ทำให้เอาไม่ได้ในเวลาต่อมา

สรุปจึงเอาไอ้ตัวนี้แหละ(แต่ในเรื่องน่าจะไม่มีโอกาส
กล่าวถึงชื่อของมันเลย)
เชษฐา

กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1