นิยายแฟนตาซีแบบไทย

ศึกหกภพ

โดย เชษฐา

บทที่ 1 หมู่บ้านนิษาท
(5)


ในที่สุดร่างของสนก็ลับตาไอ้เยื้องเข้าไปในป่ารกทึบ

... ... ...

สักพักหนึ่งไอ้เยื้องจึงพึ่งรู้สึกตัวว่าอยู่คนเดียว “เดี๋ยวก่อนไอ้สน
อย่าทิ้งข้าไว้ที่นี่” เขาตะโกนด้วยความกลัว “แล้ว...
แล้วข้าจะทำอย่างไรดีล่ะ...?”

เสียงสวบสวบ มีคนโผล่มาข้างหลังไอ้เยื้อง
เขาตกใจรีบคุกเข่าลงยกมือไหว้ท่วมหัว “หวาย กลัวแล้ว กลัวแล้ว
เจ้าพระคุณเจ้าป่าเจ้าเขาอย่าทำอะไรข้าเลย ฮือ...”
“พอได้แล้วไอ้เยื้อง อย่าทำอะไรทุเรศๆ” เสียงนั้นคุ้นหูอย่างยิ่ง
ไอ้เยื้องหันหลังกลับไปพบพ่อเทิดยืนจังก้าอยู่

“พ...พ่อ?” ไอ้เยื้องจะถามว่าพ่อของเขามาที่นี่ได้อย่างไร
แต่คำนั้นจุกอยู่ที่คอเมื่อสังเกตเห็นทั้งเนื้อตัวพ่อเทิดเปลอะเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ

“มองอะไร รีบทิ้งแหวนบ้าๆนั่นแล้วกลับหมู่บ้านกับข้า!”
“แต่... พ่อไปโดนอะไรมา ใครทำร้ายพ่อ?”
“ไอ้โง่ เอ็งดูสินี่ใช่เลือดของข้าที่ไหน?”

ไอ้เยื้องสังเกตดู พ่อเทิดไม่มีลักษณะว่าบาดเจ็บจริงๆ
ในมือของยังถือมีดใหญ่ที่ชุ่มเลือดเล่มหนึ่งแสดงว่าพ่อเทิดพึ่งเป็นฝ่ายไปทำร้ายศัตรูมา
เลือดของศัตรูจึงกระเด็นใส่ตัวเลอะเทอะ
“พ่อไปสู้กับใครมานี่?”
“เออน่า... เอ็งอย่าพึ่งถาม รีบกลับไปกับข้าเร็ว!”
พ่อเทิดปัดแหวนของพรหมทัตร่วงจากมือไอ้เยื้องแล้วฉุดดึงเขาไปโดยแรง

ไอ้เยื้องไม่ทันจะกล่าวอะไรเมื่อเข้าไปในแนวป่าพลันเห็นซากคนนอนตายอยู่!
“ไอ้กิ่ง!!” ไอ้เยื้องร้องเมื่อพบว่าศพนั้นเป็นเพื่อนตน
เขามองต่อไปเห็นศพของไอ้ภู ไอ้แดง ไอ้หยิก และคนอื่นๆนอนเรียงรายกัน
ล้วนแล้วแต่เป็นพวกของเขาที่แตกตื่นหนีไปเมื่อตอนที่สัตว์ประหลาดบุกมาฆ่าไอ้เขียว


“เฮ้ย เงียบ!” พ่อเทิดตวาด
“ตะ ...แต่”
“หากเอ็งยังไม่อยากอยู่ในหมู่บ้านเฮงซวยนี่ไปตลอดชีวิตก็จำไว้ว่าพวกมันทุกคนถูกไอ้สัตว์ประหลาดบ้านั่นฆ่าตายก็แล้วกัน”

“แต่พ่อ... หรือพ่อเป็นคนฆ่าพวกมัน...”

พ่อเทิดตบหน้าลูกชายฉาดใหญ่ “ไอ้ลูกชั่ว! รู้ไหม
ที่ข้าทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อเอ็ง”
เมื่อเห็นลูกชายอ้ำอึ้งพูดไม่ออก พ่อเทิดจึงกล่าวว่า “เอาเถอะ
เอ็งคงอยากรู้ว่าข้าตามมาถึงนี่ได้อย่างไร
จะบอกให้หลังจากที่สัตว์ประหลาดฆ่าไอ้เขียวและเอ็งหนีไปอยู่กับไอ้สน
พวกของเอ็งคนอื่นๆก็กลับมารวมกันแล้วไปแจ้งข้าที่บ้าน
ข้าจึงพาพวกมันสะกดรอยตามเอ็งมาจนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ป่าช้านี้”

ไอ้เยื้องคุกเข่าน้ำหูน้ำตาไหลกล่าวเสียงอ่อย “...แล้วทำไมพ่อต้องฆ่าพวกมัน?”

“เอ็งยังไม่เข้าใจอีกหรือ!?
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปจะต้องกลายเป็นประเด็นใหญ่โต
เท่ากับข้าดูแลไม่รัดกุมปล่อยให้พวกอสูรเล็ดรอดเข้ามาได้
ถึงตอนนั้นนอกจากความพยายามทั้งหมดที่ข้าทุ่มเทให้เจ้าจะสูญสลายไปแล้ว
สถานะของพวกเรายังไม่แน่ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป”

“ประเด็นใหญ่โต? ดูแลไม่รัดกุม? พ่อพูดอะไรอยู่น่ะ”
“อีกไม่นานเจ้าก็จะทราบเองนั่นแหละ
แต่ตอนนี้ต้องปล่อยให้เรื่องมันเงียบๆไปก่อน”
“...แล้วถ้าพวกอสูรยกทัพมาบุกเราจริงๆล่ะ?”
“ก็ให้พวกในเมืองมันรับมือกันไปเองสิ!
หมู่บ้านเล็กๆอย่างที่นี่ไม่มีใครสนใจเสียเวลามารุกรานหรอก”

พ่อเทิดฉุดไอ้เยื้องขึ้นมาเดินต่อ “เอ้า ลุกขึ้นแล้วลืมเรื่องนี้ซะ
จากนี้ไปเป็นช่วงสำคัญเอ็งห้ามเที่ยวเล่นไร้สาระอีก
แค่อ่านหนังสือที่ข้าเตรียมไว้ให้เท่านั้นก็พอ!”
ใจไอ้เยื้องตอนนี้สับสนวุ่นวายไปหมด มันแค้น
แค้นแสนแค้นที่เพื่อนมันถูกฆ่าตาย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดมันกลัวพ่อของมันเหลือเกิน

บัดนี้มันได้แต่รับเสียงอ่อยๆว่า “...ครับ...”
การปกครองด้วยความกลัวทำให้มันไม่กล้าว่ากล่าวขัดขืนบิดามาแต่เด็กแล้ว

พ่อเทิดหัวเราะก้อง “ฮาฮาฮา ต้องอย่างนี้สิ
ให้มันรู้ว่าคนอย่างไอ้เทิดถึงจะถูกผลักไสมาอยู่แดนกันดารอย่างน้อยลูกมันต้องได้กลับไปแก้แค้น
ฮาฮาฮา เอาให้สาสมทีเดียว!”

ตอนนี้เขาย่อมไม่หลงเหลือคราบแห่งความเมตตาปราณีที่แสดงให้ชาวหมู่บ้านเห็นแม้แต่น้อย
แต่พ่อเทิดกับไอ้เยื้องไม่มีทางรู้เลยว่าหลังจากที่พวกเขาจากไปไม่นานร่างลึกลับสองสามร่างก็โผล่ขึ้นจากป่า


ร่างเหล่านั้นคล้ายมนุษย์ผอมแห้งที่มีปากยาวแหลมดุจกรวย
แต่ละร่างสูงกว่าคนธรรมดา ๔–๕ เท่าต่างก้าวยาวๆข้ามต้นไม้มาโดยไม่เกิดเสียง
จากนั้นก้มลงเก็บซากสัตว์ประหลาดและแหวนของพรหมทัตขึ้นแล้วจึงก้าวกลับไปในความมืดตามเดิม
...........................(อ่านต่อ)

กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1