ในเวลาเดียวกัน ทั้งกองยานรบที่สองและที่หกก็ทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเดียวกันได้อย่างเลือนรางเต็มที และทั้งสองกองยานต่างก็ไม่สามารถตัดสินใจเด็ดขาดใด ๆ ไปได้ ยังคงรักษาแผนเดิมที่วางไว้ นั่นคือ ต่างฝ่ายต่างเคลื่อนที่ตรงไปยังสนามรบที่กำหนดไว้แต่แรกด้วยความเร็วเท่าเดิม
ภายในห้องบัญชาการของยานรบแพโทรครอส ผู้บัญชาการกองยานรบที่สองนั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของเขา และแอบนั่งสั่นขาโดยไม่ให้ใครเห็น อาการลนลานเกาะกุมจิตใจจนทำให้เข่าสั่นพั่บ ๆ ไม่ยอมหยุด และราวกับสภาพจิตใจของท่านผู้บัญชาการถูกส่งถ่ายออกไปเบื้องนอกกระนั้นแหละ อากาศในห้องบัญชาการนั้นอึดอัดเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอยู่เต็มเปี่ยม ในท่ามกลางบรรยากาศเช่นนั้น พลโทสังเกตว่ามีบุคคลผู้หนึ่งที่ยังคงมีท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว หลังจากเขาลังเลชั่วอึดใจหนึ่ง ก็ตัดสินใจเอ่ยปากขึ้น พลจัตวาหยาง! ครับผม? คุณคิดยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ ลองพูดความเห็นของคุณมาซิ หยางยืนขึ้นจากเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตน แล้วถอดหมวกเบเลต์มาถือไว้ในมือ ขณะที่มืออีกข้างก็ยกขึ้นสางผมสีดำของตน กระผมคิดว่า ข้าศึกกำลังดำเนินกลยุทธตีทีละทัพครับ ในขั้นแรกพวกเขาก็เลยเลือกเข้าตีกองยานรบที่สี่ซึ่งมีกำลังน้อยที่สุดก่อน .... สรุปก็คือ พวกเขาใช้สิทธิของพวกเขาในการที่จะเลือกคู่ต่อสู้จากในบรรดากองยานรบของทัพสมาพันธ์เราที่ดันไปแบ่งกำลังเป็นสามกอง ก็เท่านั้นเอง .... กองยานรบที่สี่ จะต้านไหวไหม.... ทั้งสองฝ่ายป่านนี้คงจะเข้าสู่การรบขั้นตะลุมบอนกันแล้ว ซึ่งหมายความว่า ฝ่ายที่มีกำลังมากกว่าแถมยังเป็นฝ่ายที่ชิงลงมือกระทำก่อน เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัยครับ ทั้งท่าที ทั้งน้ำเสียงของหยางดูเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ไม่ยินดียินร้ายกับสถานการณ์เท่าไรนัก ทำให้พลโทปาเอตต้าต้องกำมือแล้วก็แบออกหลาย ๆ ครั้ง เพื่อไล่ความรู้สึกหงุดหงิดที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ เข้าใจล่ะ สรุปว่า พวกเราต้องรีบเดินทัพต่อไป เพื่อไปช่วยกองยานรบที่สี่ ถ้าโชคดีเราอาจจะไปทันโจมตีด้านหลังของข้าศึกก็ได้ แล้วถึงตอนนั้น สถานการณ์ก็จะพลิกเข้าหาฝ่ายเรา กระผมว่าไม่มีประโยชน์ครับ น้ำเสียงของหยางยังคงเรียบ ๆ เหมือนเดิม จนนายพลโทเกือบจะไม่ใส่ใจเสียแล้ว เขาหันหน้ากลับมามองทางหยางอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งหันกลับจะไปมองทางจอภาพได้ครึ่งทางเท่านั้น หมายความว่ายังไง? กว่าพวกเราจะไปถึงที่นั่น การรบก็คงสิ้นสุดลงแล้ว และข้าศึกก็คงรีบถอนตัวจากสนามรบเก่า แล้วเลือกเข้าโจมตีกองยานที่สองหรือหกจากด้านหลังอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่พวกเราสองกองที่เหลือจะรวมกำลังกันติด และกระผมคิดว่า พวกเขาก็น่าจะเลือกเข้าโจมตีกองยานรบที่หกซึ่งมีกำลังน้อยกว่ากองของเราก่อนด้วย สภาพในตอนนี้ พวกเราตามหลังข้าศึกอยู่ก้าวหนึ่ง และก็ถูกทิ้งห่างก้าวหนึ่งตลอดเวลาครับ กระผมคิดว่า เราไม่ควรจะทำตัวตามที่ข้าศึกคาดหวังไว้อีกต่อไป... ถ้างั้น คุณคิดว่าควรทำยังไง? เราต้องเปลี่ยนขั้นตอนสิครับ แทนที่จะตรงไปสมทบกับกองยานรบที่หก ณ ตำแหน่งเดิมที่กำหนดไว้ ก็ให้เปลี่ยนทิศมุ่งเข้าหากันเป็นเส้นตรงแล้วรีบเดินทัพไปสมทบกันโดยด่วน ณ จุดนั้นก็จะเป็นสมรภูมิใหม่ของเรา รวมกับกองยานรบที่หกแล้ว พวกเราก็ยังมีกำลังถึง 28,000 ลำ มากกว่าข้าศึกอยู่พอสมควร สามารถรบกับข้าศึกได้อย่างสมน้ำสมเนื้อหรือควรจะได้เปรียบเสียด้วยซ้ำครับ ... หมายความว่า คุณจะให้พวกเราทิ้งกองยานรบที่สี่ไว้อย่างนี้นะเหรอ? น้ำเสียงของผู้บังคับบัญชาเต็มไปด้วยแววตำหนิ เขาไม่พอใจที่หยางพูดเหมือนคนเลือดเย็นนั่นเอง ถึงจะไปช่วยตอนนี้ ก็ไม่มีทางทันแล้วครับ หยางยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะสังเกตเห็นอารมณ์เดือดของอีกฝ่ายเลย แต่ จะปล่อยให้ทัพของพวกเดียวกันถูกทำลายไปต่อหน้าไม่ได้หรอก คราวนี้หยางยักไหล่ก่อนจะตอบกลับว่า งั้น... จะให้กองยานรบทั้งสามกองตกเป็นเหยื่อของกลวิธีตีทีละทัพของข้าศึกอย่างนั้นหรือครับ? ไม่แน่ว่าจะต้องเป็นอย่างที่คุณกลัวเสมอไป! กองยานรบที่สี่เองก็ใช่ว่าจะยอมแพ้ง่าย ๆ นี่ หากพวกเขาต้านไว้จนกว่าพวกเราจะไปถึงได้ละก็... เมื่อกี้กระผมได้เสนอความเห็นไปแล้วนี่ครับ ว่าคงไม่มีหวัง... พลจัตวาหยาง! สถานการณ์การรบน่ะไม่ได้เป็นไปตามการคาดคะเนของคุณเสมอไปหรอกนะ ตามข่าวของเรา แม่ทัพของข้าศึกคือ เคานท์ออฟโรเอนกรัมไม่ใช่รึ? ทั้งยังหนุ่มทั้งด้อยประสบการณ์ เทียบกับพลโทพาสโทเรแล้ว ฝ่ายเรามีประสบการณ์การรบมามากกว่ามากนัก ท่านผบ. ท่านบอกว่าเคานท์ออฟโรเอนกรัมยังด้อยประสบการณ์ แต่กระผมเห็นว่า แนวคิดทางยุทธศาสตร์ของเขา.... พอเถอะ พลจัตวาหยาง ท่านพลโทกัดฟันพูดปราม เขาทำใจให้ชอบนายทหารหนุ่มไม่ได้เลย ให้ตายเถอะ ทำไมหมอนี่ชอบพูดในสิ่งที่เขาไม่อยากฟังนะ ผู้ใหญ่กว่าโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง แล้วตนเองก็หันหน้ากลับไปจ้องจอภาพต่อไป (อ่านตอนต่อไป) หมายเหตุโนคอมเมนท์สำหรับตอนนี้ เหอ ๆ (กำลังนั่งเซ็งกับความงี่เง่าของเจ้านายของหยาง) |