นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก銀河英雄伝説

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 2 การรบที่แอสทาเท
-6-


แผงจอภาพบนเพดานสว่างวาบขึ้นเป็นจังหวะถี่ ๆ รอบ ๆ ยานรบแพโทรครอส ทั้งบนล่าง ซ้ายขวา หน้าหลัง เต็มไปด้วยลำแสงพลังงานความเข้มสูงที่ทั้งสองฝ่ายสาดเข้าหากัน ตอนนี้ มองดูลำแสงพวกนี้มันไม่คล้ายกับเป็นหอกแสงอีกแล้ว แต่เป็นกระบองท่อนใหญ่ ๆ เลยมากกว่า

ยานรบแพโทรครอสเองก็เปิดป้อมปืนใหญ่ของตน สาดกระแสแห่งความตายและความพินาศเข้าใส่ข้าศึกด้วยเหมือนกัน พลังงานของมนุษย์ และของวัตถุถูกนำมาถลุงใช้อย่างไม่กลัวหมดเปลือง ฝ่ายหนึ่งเพื่อเปลี่ยนพลังงานเหล่านั้นเป็น “ชัยชนะ” ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งทำเพื่อ “ความอยู่รอด”

“เรือรบข้าศึกเข้ามาใกล้ ดูจากรูปร่างแล้ว เป็นเรือรบแบบวาเรนสไตน์ครับ!”

เรือวาเรนสไตน์ที่ว่า อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างเสียหายอันเป็นผลมาจากการที่มันบุกทะลวงเข้ามาอย่างห้าวหาญ ขณะที่ปืนใหญ่ของมันซึ่งก็มีร่องรอยบิ่นยับเยินไปกว่าครึ่งกำลังเล็งมาที่แพโทรครอสนั้นเอง ฝ่ายหลังก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว

“ปืนหลักยิงประณีต! เป้าหมายที่ใกล้ที่สุด!”

พันตรีเหลาซึ่งตอนนี้ควบตำแหน่งผู้บังคับป้อมปืนหน้ายานด้วยออกคำสั่ง

บรรดาปืนใหญ่ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าของยานแพโทรครอสระดมยิงไปเป็นจังหวะเดียวกัน ลำแสงนิวตรอนห่าใหญ่พุ่งเข้ากระแทกกลางเรือรบวาเรนสไตน์อย่างจัง

เรือรบยักษ์ของฝ่ายจักรวรรดิลำนั้นสะเทือนไปอึดใจหนึ่ง เหมือนคนที่ถูกหมัดอัปเตอร์คัทเข้ากลางลำตัวจนงอจุก จากนั้นก็ระเบิดออกอย่างไร้สุ้มเสียง

ภายใต้หมวกนิรภัยที่หยางสวมครอบศีรษะอยู่ เขาได้ยินเสียงของบรรดาทหารในยานรบของตน... ส่วนใหญ่เป็นบรรดาพลประจำปืนหน้านั่นเอง โห่ร้องอย่างดีใจ แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเสียงครางด้วยความตระหนก ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องอยู่ เรือรบอีกลำหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรือรบเคิร์นเทน ก็วิ่งฝ่ากองระเบิดกองเมื่อกี้มาอย่างห้าวหาญ หยางต้องตระหนักถึงความกระหายในชัยชนะและกำลังพลที่เหนือกว่าของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง

ใช่ ความกระหายในชัยชนะเป็นผลมาจากสถานการณ์ได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดในตอนนี้นั่นเอง วูบหนึ่งหยางอดคิดในใจไม่ได้ว่า นี่เขากำลังร่วมเป็นสักขีพยานของการกำเนิด “ยอดนายทหาร” อีกคนหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติอยู่หรือนี่?

แม่ทัพนั้น แบ่งเป็น แม่ทัพที่รบด้วยปัญญา และแม่ทัพที่นำทัพด้วยห้าวหาญ หากแต่แม่ทัพที่เหนือชั้นกว่านั้น- แม่ทัพผู้สามารถสร้างความเชื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาว่า รบไม่เคยแพ้- คือ สุดยอดแห่งแม่ทัพ สุดยอดแห่งนายทหาร หยางเองเคยอ่านข้อความทำนองนี้มาจากหนังสือประวัติศาสตร์เหมือนกัน เคานท์ ไรน์ฮาร์ด ฟอน โรเอนกรัมยังหนุ่มอยู่ก็จริง แต่ดูเหมือนเขากำลังจะก้าวขึ้นไปเป็น “ยอดนายทหาร” แล้ว ช่างเป็นเงาทะมึนที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับฝ่ายสมาพันธ์เสียจริง และรวมทั้ง... สำหรับฝ่ายขั้วอำนาจเก่าในจักรวรรดิด้วย

หยางสลับขาที่นั่งไขว่ห้างนั้นครั้งหนึ่ง แล้วก็นั่งพิงหลังต่อไป รู้สึกพึงพอใจนิด ๆ ที่ตนกำลังอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญหน้าหนึ่งของมวลมนุษย์

ในระหว่างที่หยางนั่งคิดอะไรเพลินไปนั้น สถานการณ์การรบก็เปลี่ยนแปลงไปทุกขณะจิต

เรือรบเคิร์นเทนกับยานรบแพโทรครอสปักหลักแลกอาวุธกันครู่หนึ่ง ก็มีอันต้องแยกย้ายกันไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้าในสมรภูมิ โดยไม่รู้ผลแพ้ชนะกัน

หยางชำเลืองตามองหน้าจอของคอมพิวเตอร์จำลองสถานการณ์แวบหนึ่ง ภาพบนจอเป็นภาพจำลองลักษณะขบวนทัพและการวางกำลังของทั้งสองฝ่ายในขณะนี้

จากภาพจำลองสถานการณ์ ดูโดยรวมแล้วทัพจักรวรรดิกำลังรุกคืบหน้า และทัพสมาพันธ์ก็กำลังเคลื่อนถอยหลังไปเรื่อย ๆ แม้บางขณะจะมีการเคลื่อนที่ตรงกันข้ามบ้าง แต่ก็ชั่วขณะเดียวเท่านั้นก็กลับเหมือนเดิม

และท้ายที่สุด การเคลื่อนทัพของทั้งสองฝ่ายก็เร็วขึ้น ๆ ทัพจักรวรรดิเร่งความเร็วในการรุกหน้า และทัพสมาพันธ์ก็ถอยเร็วขึ้นไปอีก ไม่มีการฮึดสู้โต้ตอบของฝ่ายหลังอีกแล้ว ภาพจำลองในตอนนี้ดูด้วยสายตาคนธรรมดาก็เข้าใจได้โดยง่ายว่า ฝ่ายจักรวรรดิกำลังจะคว้าชัยชนะ และฝ่ายสมาพันธ์ก็กำลังจะถูกยัดเยียดความปราชัยอย่างแน่นอน

“ท่าทางจะชนะแล้วนะ”

ไรน์ฮาร์ดพึมพำกับตนเอง ยุทธวิธีทะลวงกลางทัพของเขากำลังได้ผลอย่างงดงาม

ในเวลาเดียวกัน หยางก็กำลังหันไปพยักหน้ากับพันตรีเหลา

“ท่าทางจะไปได้สวยนะ”

เฮ้อ ให้ตายเถอะ... เขาอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ไม่ได้ โล่งอกไปเสียที

ที่ผ่านมา เขาห่วงอยู่ประการเดียว นั่นคือ บรรดาเพื่อนร่วมทัพจะทำตามแผนของเขาหรือไม่ เท่านั้นเอง ตัวแผนที่เขาวางไว้นั้นเขามีความมั่นใจอยู่พอสมควรทีเดียว มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องมาพูดว่าจะรบชนะอีกแล้ว ขอแค่ให้รบไม่แพ้ก็พอ และถ้าจะเอาแค่ไม่แพ้ละก็ เขาทำได้แน่นอน... มีข้อแม้ว่าเพื่อนร่วมทัพต้องร่วมมือด้วยนะ

แน่นอน ในบรรดานายทหารที่ร่วมทัพมา คนที่มีทิฐิแรง ถือว่าตนเองอาวุโสกว่า จะไม่ยอมฟังคำสั่งของพลจัตวาหนุ่มอย่างหยางนั้น ก็คงมีอยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่ในเมื่อพวกเขาเองก็ยังไม่มียุทธวิธีเป็นรูปธรรมที่ดีกว่าที่หยางเสนอไว้ ก็คงจะต้องยอมรับและทำตามหยางจนได้นะแหละ เรียกว่าเป็นการทำตามด้วยความจำใจ อันถูกผลักดันมาจากความอยากมีชีวิตรอดมากกว่า หาได้มาจากความเชื่อถือหรือความเชื่อมือในตัวหยางไม่ แต่หยางก็ไม่ยี่หระ สรุปว่า โดยผลลัพธ์แล้ว ขอให้เพื่อนร่วมทัพทำตามเขาเท่านั้นเป็นพอ


แววของความไม่แน่ใจเริ่มปรากฏบนใบหน้าของไรน์ฮาร์ด

ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลทวีความรุนแรงขึ้นจนเขาทนนั่งต่อไปไม่ได้ ต้องลุกขึ้นยืน ยันแขนทั้งสองลงบนโต๊ะบัญชาการ โน้มตัวไปข้างหน้า ขณะที่ตาของเขาก็จ้องขึ้นมองจอภาพด้านบน

--ทำไมรู้สึกแปลก ๆ ?--

ฝ่ายตนเองกำลังรุกหน้าเข้าไปเรื่อย ๆ ทัพข้าศึกกำลังถอยขบวนและถึงจุดหนึ่ง ยุทธวิธีทะลวงกลางก็ได้ผล ทัพข้าศึกถูกเจาะแบ่งเป็นสองฝั่ง ซ้ายกับขวา แยกออกจากกัน นี่คือสิ่งที่เขาต้องการจากยุทธวิธีนี้มิใช่หรือ? ทั้งภาพจากจอภาพบนเพดาน, ภาพจำลองสถานการณ์จากคอมพิวเตอร์ข้างโต๊ะ, รายงานสถานการณ์รบจากกองหน้าล้วนแต่สอดคล้องกันทั้งสิ้น แล้วทำไม?...

--ทำไม?--

ไรน์ฮาร์ดรู้สึกระคายใจอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเหมือนกับว่า ตนกำลังจะตกหลุมพรางของใครสักคนที่แสนจะเจ้าเล่ห์อยู่ ในใจของเขาเหมือนเริ่มมีฟ้าแลบแปลบ ๆ ให้เห็นวับ ๆ

เขากำหมัดซ้ายแน่น แล้วก็ยกมันขึ้นมาใกล้ปาก ใช้ฟันหน้ากัดเบา ๆ บนเนื้อตรงข้อต่อที่สองของนิ้วชี้อันเป็นกิริยาที่เขาชอบทำเวลาตกอยู่ในภวังค์จนลืมตัว และในวินาทีนั้นเอง เขาก็ฉุกคิดได้ถึงเจตนาที่แท้จริงของข้าศึก


“เสร็จมัน...”

เสียงครางเบา ๆ นี้ถูกกลบด้วยเสียงตะโกนรายงานของโอเปอเรเตอร์จนมิด และไม่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ

“ข้าศึกแยกเป็นสองฝั่งซ้ายขวาขอรับ! โอ๊ะ! พวกมัน... พวกมันวิ่งสวนทางกับทัพของเรา ด้วยความเร็วสูงขอรับ!!!”

“เคียร์ชไอซ์!”

ไรน์ฮาร์ดเรียกหานายทหารคนสนิททันที ท่ามกลางความตกตะลึงที่แผ่ตัวปกคลุมบรรดาทหารน้อยใหญ่ฝ่ายตน

“เราเสียทีมันแล้ว... ข้าศึกมันแยกเป็นสองกอง แล้ววิ่งสวนด้านข้างทัพเราไป คงกะจะวนไปโจมตีด้านหลังขบวนของเรานั่นแหละ พวกมันย้อนรอยกลยุทธทะลวงกลางของเราได้เจ็บแสบมาก ...บ้าที่สุด!”

แม่ทัพหนุ่มผมทองทุบกำปั้นลงบนโต๊ะบัญชาการดังสนั่น

“แล้วจะทำยังไงต่อขอรับ สั่งให้กลับลำหันหน้าไปสู้กับพวกมันไหมขอรับ?”

น้ำเสียงของเคียร์ชไอซ์ไม่ได้หวั่นไหวไปด้วยเลย เขารู้ดีว่าจะปลอบนายหนุ่มของตนที่กำลังเจ็บใจให้คืนสติได้โดยเร็วที่สุดอย่างไร

“พูดเป็นเล่น! จะให้ฉันกลายเป็นคนโง่อย่างนั้นเหรอ? แบบไอ้แม่ทัพของกองยานรบที่สี่นั่น...”

“ถ้างั้น... ก็ต้องลุยหน้าต่อไปสถานเดียวสิขอรับ”

“ใช่!”

ไรน์ฮาร์ดพยักหน้ารับ แล้วหันไปสั่งการกับพนักงานสื่อสารโดยตรง

“ถ่ายทอดคำสั่ง เรือทุกลำเดินหน้าเต็มที่ เบนเข็มตรงเข้าเกาะท้ายขบวนของข้าศึกที่กำลังวิ่งสวนกับเราอยู่ เร็วเข้า! ทิศทางคือทางขวา!”
(อ่านตอนต่อไป)


หมายเหตุ

กลยุทธทะลวงกลางทัพข้าศึก จุดประสงค์คือ บุกตะลุยเข้าไปเพื่อผ่ากลางทัพข้าศึกให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ นั่นเองครับ เมื่อทัพข้าศึกแตกเป็นเสี่ยง ๆ (อย่างน้อยก็สองซีกล่ะเอ้า) จะทำให้การบังคับบัญชาเป็นไปโดยไม่ทั่วถึง แม้กำลังรวมจะสูสีกัน แต่ฝ่ายที่ "ทะลวงกลาง" สำเร็จ ยังคงมีกำลังรบอยู่รวมกันเป็นก้อน ขณะที่อีกฝ่าย ถูกแบ่งแยกกำลังกระจัดกระจายไป ฝ่ายรุกก็จะเลือกเข้าบดขยี้ซีกที่ไม่มีแม่ทัพอยู่สั่งการก่อน ให้แตกสลายไปโดยเร็ว แล้วค่อยหันมาบดขยี้ซีกที่เหลือที่แม่ทัพข้าศึกอยู่ด้วยทีหลัง.... ทั้งนี้ก็ดังที่หยางเคยอธิบายให้ท่านผู้อ่านฟังในตอนที่แล้วนั่นเองว่า กลยุทธทะลวงกลางทัพ เป็นกลยุทธที่ใช้เมื่อฝ่ายรุกมีกำลังเหนือกว่าอีกฝ่ายไม่มากนัก เพราะถ้ากำลังเหนือกว่ากันมาก ก็จะใช้วิธีล้อมทำลายแทน ซึ่งจะมีความสูญเสียน้อยกว่า อย่างที่กองทัพสมาพันธ์วาดฝันว่าจะใช้วิธีนี้ในตอนแรก แล้วโดนไรน์ฮาร์ดซ้อนแผนกลับนั่นแหละ

กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1